ถามง่ายๆ ว่าอยากเที่ยวไหนที่สุด ผมตอบแบบไม่ต้องคิด “ภูวัว น้ำตกชะแนน” ไม่ต้องไกลสุดขอบฟ้าเพราะอยู่จังหวัดบึงกาฬนี่เอง บางทีความฝันของคนเราก็อยู่ใกล้ๆ แค่นี้ แต่ไฉนในความจริงกลับไม่เคยไปสักที ว่าแล้วปีนี้จึงสัญญากับตัวเองถ้ายังไม่ได้ไปอีกก็เลิกเดินทางเสียเถอะ ต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมาเลยจัดให้รู้แล้วรู้รอดสักที
ภูวัวที่ผมพูดถึงคือเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว พื้นที่อำเภอบุ่งคล้า อำเภอเซกา และอำเภอบึงโขงหลง โดยที่ทำการเขตฯ อยู่บุ่งคล้า พวกน้ำตกดังๆ กำลังฮิตไปเล่นน้ำอย่าง น้ำตกถ้ำพระ น้ำตกเจ็ดสี ก็อยู่ในพื้นที่เขตฯ นี่แหละ เพียงแค่อยู่คนละฝั่งภูกับที่ทำการ
ส่วนที่ผมอยากเที่ยวใจจะขาดคือศึกษาธรรมชาติบนภูวัว สามวันสองคืน เส้นทางที่รู้คือเดินขึ้นไปนอนลานอเมริกา วันต่อมาเดินลงค้างแรมที่น้ำตกชะแนน
เนื่องจากเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแบบไม่ได้เปิดให้เที่ยวทั่วไป การจะค้างแรมจึงต้องทำหนังสือขออนุญาตกับสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า อยู่แถว ม.เกษตร จะไปยื่นที่นั่น หรือยื่นทางอีเมลก็ได้ (อ่านรายละเอียด >
https://goo.gl/gyXQGo) ต้องขออนุญาตล่วงหน้าอย่างน้อย 5 วันทำการ แล้วเขาจะส่งจดหมายมาให้ถึงบ้าน เราก็ยื่นให้กับเขตฯ ตอนไปเที่ยว
อาจดูยุ่งยากแต่จริงๆ เป็นกระบวนการง่ายๆ ครับ ผมใช้เวลายื่นเรื่องทางอีเมลแป๊บเดียวก็เสร็จ เจ้าหน้าที่พูดคุยดีมาก
งานนี้ผมขออนุญาตไว้ก่อนสิบคน ถึงเวลาไปจริงรวมสมัครพรรคพวกได้เจ็ดคน บางคนก็เพิ่งเคยเจอกันครั้งแรกตามประสาการหาสมาชิกทริปแบบนี้แหละนะ พอพร้อมแล้วก็ออกเดินทางกัน
(1)
งานนี้เพื่อนๆ นั่งรถทัวร์จาก กทม. มีรถของสองบริษัทคือ 407 พัฒนา กับสวัสดีอีสาน ที่วิ่งปลายทางไปจอดตัวอำเภอบุ่งคล้า ส่วนบริษัทอื่นสุดสายแค่ บขส. บึงกาฬ ต้องต่อรถตู้โดยสารอีกทีนะครับ สำหรับผมแยกเดินทางนั่งรถไฟโคราช-หนองคาย แล้วต่อรถตู้ไปบุ่งคล้า นอนค้างในตัวอำเภอเป็นที่พักคืนละแค่ 300 บาท เดอะ คันนา รีสอร์ท (โทร. 0811177606 0818723285) ห้องใหม่ สะอาด
เช้าวันนัดพบ ฝนพรำๆ ไม่หยุด เรารวมพลที่ตัวอำเภอบุ่งคล้า จับจ่ายซื้อของสดของแห้งกินข้าวเช้ากัน พอสักแปดโมงครึ่งรถเจ้าหน้าที่ก็มารับเข้าไปที่ทำการฯ ซึ่งจริงๆ หากใครจะกางเต็นท์หรือพักบ้านพักข้างในก็ได้นะครับ แต่ต้องติดต่อล่วงหน้า
เข้าไปที่เขตฯ ก็จัดการยื่นจดหมายขออนุญาต จ่ายค่าธรรมเนียมเข้าคนละ 20 บาท แค่นี้ก็เรียบร้อย บังเอิญกรุ๊ปเรามาตรงกับช่วงเตรียมงานวันเกษียณ เลยต้องรอเจ้าหน้าที่นำทางเคลียร์งานนิดหน่อย ไม่เป็นไรครับสบายๆ เพราะใช้เวลาเดินไม่มาก
11.20 น. คือเวลาออกตัว จุดเริ่มต้นอยู่ตรงที่ทำการเขตฯ ระยะทางแค่สี่กิโลเมตร ไปตั้งแคมป์กันที่ลานอเมริกา
เดินทางราบสักช่วง 300 เมตร จากนั้นก็เริ่มเป็นทางขึ้นบนภู ชันพอสมควรครับแต่ช่วงไม่ยาว เพราะภูวัวสูงจากระดับน้ำทะเลแค่ 300-400 เมตร ที่ต้องระมัดระวังคือความลื่น เนื่องจากเราเดินบนหินทรายซึ่งมีพวกตะไคร่น้ำเกาะ ดั่งนิยาม “ใครไม่ลื่นก็เหมือนมาไม่ถึงภูวัว”
ประมาณชั่วโมงเดียวเราก็ขึ้นมาถึงบนภูเรียบร้อย จากนี้ต้องเพิ่มความระมัดระวังขึ้น หินทรายชื้นๆ เปียกๆ ตะไคร่เกาะ คือสุดยอดแห่งความลื่นระดับสิบกะโหลก ลองเผลอเดินชมวิวมีหวังลงไปกองกับพื้นแบบไม่รู้ตัว (ฮา...) โชคยังดีไม่มีฝนกระหน่ำลงมาเพิ่มความลำบากให้อีก
ป่าบนภูหินทรายอาจมีความสมบูรณ์ค่อนข้างน้อย แต่ก็สวยแปลกแตกต่างจากป่าลักษณะอื่น และแม้จะมีสัตว์ไม่มากนัก แต่ที่นี่ก็ถือเป็นบ้านหลังใหญ่ของช้างป่าในอีสานเหนือ ขอบอกว่าช้างภูวัวดุไม่เบาเชียวล่ะ ลองพิมพ์คำว่า “ช้างภูวัว” ในอากู๋ดูสิ
เราเดินกันแบบช้าๆ เพราะก้าวเท้าเร็วไม่ได้ (ฮา...) ข้ามธารน้ำบางจุด จนบ่ายโมงก็มาหยุดพักต้มมาม่ากินบนลานหินกว้าง จุดนี้ถือว่าเรามาประมาณครึ่งทางแล้ว
อิ่มท้องพอมีกำลังเพิ่มขึ้นแล้วก็เก็บของแล้วลุยต่อ เป็นวิวแบบที่ผมชอบมากครับ
ช่วงหน้าฝนบนภูวัวยังมีดอกไม้ป่าหลากสีสันขึ้นเยอะมาก รวมทั้งหงอนนาค แม้อาจไม่ได้ขึ้นเป็นพื้นที่กว้างเหมือนภูสอยดาว แต่ก็ทำให้ชื่นใจอยู่นะ
บ่ายสองยี่สิบข้ามธารน้ำตรงนี้ อยากลงแช่น้ำเลยล่ะ แต่เจ้าหน้าที่บอกว่าใจเย็นๆ แถวที่ตั้งแคมป์ก็มีให้เล่น
เดินอีกสักพักก็เจอหลักฐานของการมีอยู่ ดีว่าดูจากสภาพแล้วถือว่าผ่านมาหลายสัปดาห์ไม่ใช่เร็วๆ นี้
และในที่สุดก่อนบ่ายสามโมงเล็กน้อย เราก็ถึงที่หมายตั้งแคมป์ ลานอเมริกา ชื่อนี้ได้มาเพราะสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง มีทหารอเมริกามาตั้งค่ายกัน
ลักษณะของลานอเมริกาเป็นลานหินทรายกว้าง มีเนินดินกระจัดกระจายเป็นหย่อมเปิดโอกาสให้ต้นไม้ได้เติบโต ดูแล้วเหมือนเกาะกลางทะเล หรือโอเอซิสกลางทะเลทรายเลยแฮะ เราจะผูกเปลหรือกางเต็นท์ก็ได้ตามความชอบครับ
เรื่องแหล่งน้ำไม่ต้องกังวล ธารน้ำอยู่ก่อนขึ้นลานนั่นแหละ มีน้ำกินน้ำใช้ไม่ขาด (จะกินควรกรองหรือต้มเสียก่อน) และแน่นอนว่ามีที่เล่นน้ำอาบน้ำแบบสบายสุดๆ ด้วย
ใกล้มื้อเย็นก็ลงมือช่วยกันทำอาหาร อร่อยก็กินไปเยอะๆ ไม่อร่อยก็ต้องทนกินกันไปอยู่ดี (ฮา...)
ความสุขเล็กๆ ของคนชอบแนวเดียวกันครับ
วันนี้นั่งคุยกันแล้วต้องมีอันเปลี่ยนแผนนิดหน่อย เจ้าหน้าที่บอกว่าเส้นทางจากลานอเมริกาไปน้ำตกชะแนนช่วงนี้น้ำแรงไม่สามารถข้ามลำห้วย และเกรงอันตรายจากช้างป่า ซึ่งพรุ่งนี้เราจะไปนอนน้ำตกถ้ำน้อย พอมะรืนค่อยรีบลงจากภูแล้วนั่งรถไปเที่ยวน้ำตกชะแนน เพราะรถกระบะเข้าถึง
คืนนั้นฟ้าปิด มองเห็นแต่เมฆสะท้อนแสงจันทร์ส้มๆ แดงๆ ได้เวลาอันสมควรก็แยกย้ายเข้านอน
[CR] เดินป่า @ ภูวัว มันจะลื่นสักแค่ไหนกัน
ถามง่ายๆ ว่าอยากเที่ยวไหนที่สุด ผมตอบแบบไม่ต้องคิด “ภูวัว น้ำตกชะแนน” ไม่ต้องไกลสุดขอบฟ้าเพราะอยู่จังหวัดบึงกาฬนี่เอง บางทีความฝันของคนเราก็อยู่ใกล้ๆ แค่นี้ แต่ไฉนในความจริงกลับไม่เคยไปสักที ว่าแล้วปีนี้จึงสัญญากับตัวเองถ้ายังไม่ได้ไปอีกก็เลิกเดินทางเสียเถอะ ต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมาเลยจัดให้รู้แล้วรู้รอดสักที
ภูวัวที่ผมพูดถึงคือเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว พื้นที่อำเภอบุ่งคล้า อำเภอเซกา และอำเภอบึงโขงหลง โดยที่ทำการเขตฯ อยู่บุ่งคล้า พวกน้ำตกดังๆ กำลังฮิตไปเล่นน้ำอย่าง น้ำตกถ้ำพระ น้ำตกเจ็ดสี ก็อยู่ในพื้นที่เขตฯ นี่แหละ เพียงแค่อยู่คนละฝั่งภูกับที่ทำการ
ส่วนที่ผมอยากเที่ยวใจจะขาดคือศึกษาธรรมชาติบนภูวัว สามวันสองคืน เส้นทางที่รู้คือเดินขึ้นไปนอนลานอเมริกา วันต่อมาเดินลงค้างแรมที่น้ำตกชะแนน
เนื่องจากเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแบบไม่ได้เปิดให้เที่ยวทั่วไป การจะค้างแรมจึงต้องทำหนังสือขออนุญาตกับสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า อยู่แถว ม.เกษตร จะไปยื่นที่นั่น หรือยื่นทางอีเมลก็ได้ (อ่านรายละเอียด > https://goo.gl/gyXQGo) ต้องขออนุญาตล่วงหน้าอย่างน้อย 5 วันทำการ แล้วเขาจะส่งจดหมายมาให้ถึงบ้าน เราก็ยื่นให้กับเขตฯ ตอนไปเที่ยว
อาจดูยุ่งยากแต่จริงๆ เป็นกระบวนการง่ายๆ ครับ ผมใช้เวลายื่นเรื่องทางอีเมลแป๊บเดียวก็เสร็จ เจ้าหน้าที่พูดคุยดีมาก
งานนี้ผมขออนุญาตไว้ก่อนสิบคน ถึงเวลาไปจริงรวมสมัครพรรคพวกได้เจ็ดคน บางคนก็เพิ่งเคยเจอกันครั้งแรกตามประสาการหาสมาชิกทริปแบบนี้แหละนะ พอพร้อมแล้วก็ออกเดินทางกัน
งานนี้เพื่อนๆ นั่งรถทัวร์จาก กทม. มีรถของสองบริษัทคือ 407 พัฒนา กับสวัสดีอีสาน ที่วิ่งปลายทางไปจอดตัวอำเภอบุ่งคล้า ส่วนบริษัทอื่นสุดสายแค่ บขส. บึงกาฬ ต้องต่อรถตู้โดยสารอีกทีนะครับ สำหรับผมแยกเดินทางนั่งรถไฟโคราช-หนองคาย แล้วต่อรถตู้ไปบุ่งคล้า นอนค้างในตัวอำเภอเป็นที่พักคืนละแค่ 300 บาท เดอะ คันนา รีสอร์ท (โทร. 0811177606 0818723285) ห้องใหม่ สะอาด
เช้าวันนัดพบ ฝนพรำๆ ไม่หยุด เรารวมพลที่ตัวอำเภอบุ่งคล้า จับจ่ายซื้อของสดของแห้งกินข้าวเช้ากัน พอสักแปดโมงครึ่งรถเจ้าหน้าที่ก็มารับเข้าไปที่ทำการฯ ซึ่งจริงๆ หากใครจะกางเต็นท์หรือพักบ้านพักข้างในก็ได้นะครับ แต่ต้องติดต่อล่วงหน้า
เข้าไปที่เขตฯ ก็จัดการยื่นจดหมายขออนุญาต จ่ายค่าธรรมเนียมเข้าคนละ 20 บาท แค่นี้ก็เรียบร้อย บังเอิญกรุ๊ปเรามาตรงกับช่วงเตรียมงานวันเกษียณ เลยต้องรอเจ้าหน้าที่นำทางเคลียร์งานนิดหน่อย ไม่เป็นไรครับสบายๆ เพราะใช้เวลาเดินไม่มาก
11.20 น. คือเวลาออกตัว จุดเริ่มต้นอยู่ตรงที่ทำการเขตฯ ระยะทางแค่สี่กิโลเมตร ไปตั้งแคมป์กันที่ลานอเมริกา
เดินทางราบสักช่วง 300 เมตร จากนั้นก็เริ่มเป็นทางขึ้นบนภู ชันพอสมควรครับแต่ช่วงไม่ยาว เพราะภูวัวสูงจากระดับน้ำทะเลแค่ 300-400 เมตร ที่ต้องระมัดระวังคือความลื่น เนื่องจากเราเดินบนหินทรายซึ่งมีพวกตะไคร่น้ำเกาะ ดั่งนิยาม “ใครไม่ลื่นก็เหมือนมาไม่ถึงภูวัว”
ประมาณชั่วโมงเดียวเราก็ขึ้นมาถึงบนภูเรียบร้อย จากนี้ต้องเพิ่มความระมัดระวังขึ้น หินทรายชื้นๆ เปียกๆ ตะไคร่เกาะ คือสุดยอดแห่งความลื่นระดับสิบกะโหลก ลองเผลอเดินชมวิวมีหวังลงไปกองกับพื้นแบบไม่รู้ตัว (ฮา...) โชคยังดีไม่มีฝนกระหน่ำลงมาเพิ่มความลำบากให้อีก
ป่าบนภูหินทรายอาจมีความสมบูรณ์ค่อนข้างน้อย แต่ก็สวยแปลกแตกต่างจากป่าลักษณะอื่น และแม้จะมีสัตว์ไม่มากนัก แต่ที่นี่ก็ถือเป็นบ้านหลังใหญ่ของช้างป่าในอีสานเหนือ ขอบอกว่าช้างภูวัวดุไม่เบาเชียวล่ะ ลองพิมพ์คำว่า “ช้างภูวัว” ในอากู๋ดูสิ
เราเดินกันแบบช้าๆ เพราะก้าวเท้าเร็วไม่ได้ (ฮา...) ข้ามธารน้ำบางจุด จนบ่ายโมงก็มาหยุดพักต้มมาม่ากินบนลานหินกว้าง จุดนี้ถือว่าเรามาประมาณครึ่งทางแล้ว
อิ่มท้องพอมีกำลังเพิ่มขึ้นแล้วก็เก็บของแล้วลุยต่อ เป็นวิวแบบที่ผมชอบมากครับ
ช่วงหน้าฝนบนภูวัวยังมีดอกไม้ป่าหลากสีสันขึ้นเยอะมาก รวมทั้งหงอนนาค แม้อาจไม่ได้ขึ้นเป็นพื้นที่กว้างเหมือนภูสอยดาว แต่ก็ทำให้ชื่นใจอยู่นะ
บ่ายสองยี่สิบข้ามธารน้ำตรงนี้ อยากลงแช่น้ำเลยล่ะ แต่เจ้าหน้าที่บอกว่าใจเย็นๆ แถวที่ตั้งแคมป์ก็มีให้เล่น
เดินอีกสักพักก็เจอหลักฐานของการมีอยู่ ดีว่าดูจากสภาพแล้วถือว่าผ่านมาหลายสัปดาห์ไม่ใช่เร็วๆ นี้
และในที่สุดก่อนบ่ายสามโมงเล็กน้อย เราก็ถึงที่หมายตั้งแคมป์ ลานอเมริกา ชื่อนี้ได้มาเพราะสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง มีทหารอเมริกามาตั้งค่ายกัน
ลักษณะของลานอเมริกาเป็นลานหินทรายกว้าง มีเนินดินกระจัดกระจายเป็นหย่อมเปิดโอกาสให้ต้นไม้ได้เติบโต ดูแล้วเหมือนเกาะกลางทะเล หรือโอเอซิสกลางทะเลทรายเลยแฮะ เราจะผูกเปลหรือกางเต็นท์ก็ได้ตามความชอบครับ
เรื่องแหล่งน้ำไม่ต้องกังวล ธารน้ำอยู่ก่อนขึ้นลานนั่นแหละ มีน้ำกินน้ำใช้ไม่ขาด (จะกินควรกรองหรือต้มเสียก่อน) และแน่นอนว่ามีที่เล่นน้ำอาบน้ำแบบสบายสุดๆ ด้วย
ใกล้มื้อเย็นก็ลงมือช่วยกันทำอาหาร อร่อยก็กินไปเยอะๆ ไม่อร่อยก็ต้องทนกินกันไปอยู่ดี (ฮา...)
ความสุขเล็กๆ ของคนชอบแนวเดียวกันครับ
วันนี้นั่งคุยกันแล้วต้องมีอันเปลี่ยนแผนนิดหน่อย เจ้าหน้าที่บอกว่าเส้นทางจากลานอเมริกาไปน้ำตกชะแนนช่วงนี้น้ำแรงไม่สามารถข้ามลำห้วย และเกรงอันตรายจากช้างป่า ซึ่งพรุ่งนี้เราจะไปนอนน้ำตกถ้ำน้อย พอมะรืนค่อยรีบลงจากภูแล้วนั่งรถไปเที่ยวน้ำตกชะแนน เพราะรถกระบะเข้าถึง
คืนนั้นฟ้าปิด มองเห็นแต่เมฆสะท้อนแสงจันทร์ส้มๆ แดงๆ ได้เวลาอันสมควรก็แยกย้ายเข้านอน