หน้าแรก
คอมมูนิตี้
ห้อง
แท็ก
คลับ
ห้อง
แก้ไขปักหมุด
ดูทั้งหมด
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
แท็ก
แก้ไขปักหมุด
ดูเพิ่มเติม
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
{room_name}
{name}
{description}
กิจกรรม
แลกพอยต์
อื่นๆ
ตั้งกระทู้
เข้าสู่ระบบ / สมัครสมาชิก
เว็บไซต์ในเครือ
Bloggang
Pantown
PantipMarket
Maggang
ติดตามพันทิป
ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้
เกี่ยวกับเรา
กฎ กติกา และมารยาท
คำแนะนำการโพสต์แสดงความเห็น
นโยบายเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
สิทธิ์การใช้งานของสมาชิก
ติดต่อทีมงาน Pantip
ติดต่อลงโฆษณา
ร่วมงานกับ Pantip
Download App Pantip
Pantip Certified Developer
[CR] 11 ก.ม. ดอยหลวงตาก ก็ไม่ค่อยจะลำบากสักเท่าไหร่
กระทู้รีวิว
เดินป่า
เที่ยวภูเขา
บันทึกนักเดินทาง
เที่ยวไทย
ความสูง 1,175 เมตร เดินไปกลับ 22 กิโลเมตร อ่านรีวิวแล้วร้องโอ้โห แต่ใครต่อใครก็บอกมาว่าเดินไม่ยากเท่าไหร่ ซึ่งด้วยความไม่ค่อยเชื่อใครและไม่อยากตัดสินอะไรจนกว่าจะได้ลองเอง ก็เลยต้องไปลองให้รู้กันด้วยตัวเองนี่แหละว่าดอยหลวงตาก มันจะแค่ลำบากไหนกันนะ
ทริปดอยหลวงตากกลางหน้าฝน ต้นเดือนสิงหาคม สืบเสาะข้อมูลได้มาว่าปีนี้เปิดให้เที่ยวเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ จำกัดนักท่องเที่ยวสัปดาห์ละประมาณหนึ่งร้อยคน ถึงจะขัดใจเล็กน้อยเพราะผมชอบเที่ยววันธรรมดาแบบคนน้อยๆ มากกว่า แต่เมื่อเจอช็อตบังคับแบบนี้ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้
รับเรื่องติดต่อประสานงานกับวนอุทยานน้ำตกห้วยแม่ไข ซึ่งเป็นผู้ดูแลจัดการเรื่องการท่องเที่ยว แล้วรวบรวมสมาชิก จองตั๋วรถทัวร์ แพ็คกระเป๋า ออกเดินทางกันโลด ไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลงมากครับ
(1)
จุดเริ่มต้นพิชิตยอดดอยหลางตากอยู่ที่เทศบาลตำบลทุ่งกระเชาะ อำเภอบ้านตาก จังหวัดตาก (ย้ำว่าอำเภอบ้านตากนะไม่ใช่อำเภอเมืองตาก) ใครมีรถก็ขับไปจอดที่นั่นได้เลย แต่หากไม่มีก็นั่งรถทัวร์ลงบ้านตาก หรือ บขส.ตาก แล้วเหมารถเข้าไปโดยติดต่อผ่านเจ้าหน้าที่วนอุทยานฯ นั่นแหละ
พวกเราสมาชิกเก้าคน เจอกันที่ บขส. ตาก ประมาณตีห้า รอสักพักรถกระบะของเจ้าหน้าที่ก็มารับพาเข้าอำเภอบ้านตาก ระหว่างทางแวะตลาดเทศบาลบ้านตาก ซื้ออาหารและของสดไปเป็นเสบียง ตลาดค่อนข้างโอเค ของเยอะดีครับ มี 7-11 ให้ซื้อของใช้จำเป็นอื่นๆ ที่ขาดเหลือด้วย
จากนั้นรถก็มาส่งเราที่ร้านอาหารตามสั่งเยื้องกับเทศบาลตำบลทุ่งกระเชาะ เสมือนจุดรวมพลเลยแหละ เพราะมีอาหารเช้าบริการ รับเตรียมอาหารกลางวันสำหรับกินบนเขา และตอนลงจากเขาก็มีอาหารเย็นขาย พร้อมห้องน้ำห้องอาบน้ำ และฝากของใช้ต่างๆ ไว้ได้ด้วย เรียกว่าบริการครบวงจร
เมื่อกินข้าวแล้ว ห่อข้าวแล้ว แต่งชุดบุกป่าเต็มยศแล้วก็ลุยครับ จากเทศบาลฯ นั่งรถสิบนาทีก็ถึงจุดเริ่มต้นทางเดิน ป้ายเขียนบอกชัดเจนว่า 11 กิโลเมตร มองนาฬิกาเช็คเวลาอีกสิบห้านาทีเก้าโมง
ทางเดินช่วงแรกถือว่าง่าย ค่อนข้างราบ ลักษณะเลียบธารน้ำซึ่งไม่มีน้ำสักหยด เห็นสภาพแล้วประหลาดใจเล็กน้อยเพราะหากกลางหน้าฝนยังแล้งขนาดนี้แล้วฤดูอื่นจะเหลืออะไร คุยกับเจ้าหน้าที่บอกว่าที่อื่นฝนตกก็จริง แต่บริเวณนี้ฝนน้อยมาก
เกาะกลุ่มผ่านมาชั่วโมงนิดๆ จึงเริ่มเป็นทางขึ้นเขา พอมองเห็นวิวป่าสีเขียวให้ชื่นใจ ถือโอกาสหยุดพักถ่ายรูปสักแป๊บ
เดินเรื่อยๆ เมื่อยก็พักแบบไม่รีบร้อนเพราะมีเวลาเยอะแยะ สักราวเที่ยงก็พักกินข้าวเติมแรงกันตรงจุดซึ่งผมคิดว่าชันที่สุดของเส้นทางแล้วล่ะ แต่ก็ไม่ได้ชันยาวมาก จากจุดนี้มองข้างล่างจะเห็นวิวอ่างเก็บน้ำห้วยบวกหลวง ส่วนมองขึ้นไปเห็นจุดชมวิวม่อนแม่นางพญา อยู่ก่อนถึงยอดดอยหลวงตาก
มองวิวแล้วผมชักสงสัยเพราะผืนป่าที่เห็นมีพื้นที่กว้างใหญ่เกินกว่าระดับวนอุทยาน เลยคุยกับเจ้าหน้าที่ได้คำตอบมาว่า จริงๆ แล้วดอยหลวงตากไม่ได้อยู่ในเขตวนอุทยาน เป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ท้อ แต่วนอุทยานเข้ามาดูแลเรื่องการท่องเที่ยวเพราะอยู่ใกล้ ซึ่งอนาคตอาจมีการผนวกวนอุทยานสามแห่งคือ น้ำตกห้วยแม่ไข แก่งห้วยตาก ไม้กลายเป็นหิน กับพื้นที่ป่าสงวนตรงนี้เป็นอุทยานแห่งชาติแห่งใหม่
เอาล่ะ... ได้ความรู้แล้วก็เดินต่อ อีกหนึ่งชั่วโมงเราก็ไต่ความสูงทีละน้อยจนมาถึงจุดที่เรียกว่าลานสน มองเห็นยอดดอยหลวงตากอยู่ไม่ไกล
จากลานสนเดินทะลุป่าแป๊บเดียวก็มาออกตรงนี้ ม่อนแม่นางพญา วิวสวยใช้ได้เลยครับ สามารถเดินถ่ายรูปเล่นได้สบาย แต่ระวังสักหน่อยล่ะเพราะพลาดร่วงลงไปจะลำบากเจ้าหน้าที่เสียเปล่า (ฮา...)
ช่วงสุดท้ายคือการเดินจากม่อนแม่นางพญาผ่านป่ากล้วย ทางค่อนข้างเละเทะชวนลื่น เมื่อพ้นป่ากล้วยแล้วก็ถึงจุดตั้งแคมป์ของเรา นาฬิกาชี้ว่าบ่ายสองสิบห้านาที นี่เป็นการเดินแบบเรื่อยๆ ไม่มีช่วงไหนต้องเร่ง รวมทั้งหมดห้าชั่วโมงครึ่ง ถือว่าสบายครับ
ทำเลกางเต็นท์ในป่าส่วนมากเป็นของลูกหาบซึ่งทำแคมป์ระยะยาว เราจึงต้องออกมาหาพื้นที่โล่งแถวชายป่า ใครผูกเปลต้องเลือกตรงต้นไม้เยอะนิดนึง กางเต็นท์จะสะดวกกว่า สำหรับเรื่องน้ำกินน้ำใช้ลูกหาบจะไปเอามาให้ครับ
เรารีบกางกางเต็นท์ตั้งแคมป์ คิดว่าพอเสร็จแล้วจะขึ้นไปชมวิวบนยอดดอยที่เดินอีกแค่แป๊บเดียว แต่ปรากฏว่าหลังจัดแจงที่ทางเรียบร้อยหมอกขาวกลับปกคลุมไปทั่ว เจ้าหน้าที่บอกว่าลืมบอกว่าน่าจะไปดูวิวกันก่อน เพราะปกติพอใกล้เย็นแล้วฟ้าจะปิด
เอาน่า... ธรรมชาติก็แบบนี้ เราช่วยกันทำอาหาร หุงข้าวดีกว่า
กลางคืนไม่ต้องพูดถึง เพื่อนหลายคนเตือนว่าดอยหลวงตากลมแรงมากซึ่งเราก็ได้สัมผัสบรรยากาศแบบนั้น ลมฝนกระหน่ำจัดหนักทั้งคืน ถ้าเต็นท์ไม่ดี กางเต็นท์ไม่ดี ผูกเปลไม่ดี ก็เตรียมนอนเปียกชุ่มฉ่ำได้เลย
(2)
ผมสะลึมสะลือตื่นเช้าสักหกโมง เสียงฝนดังเปาะแปะกระทบฟลายชีต ดังนั้นไม่ต้องคิดมากนอนต่อดีกว่า เจ็ดโมงกว่าๆ ตื่นอีกรอบ ฝนยังไม่หยุด โอเคนอนต่อเหมือนเดิม พอแปดโมงครึ่งเสียงฝนไม่มีแล้ว แต่แน่ล่ะว่าบรรยากาศเต็มไปด้วยหมอกขาว ทัศนวิสัยมองเห็นไม่กี่สิบเมตร
ทำอะไรไม่ได้ก็มานั่งล้อมวง ต้มน้ำชงกาแฟ เตรียมกับข้าวกับปลาเป็นอาหารเช้า หลายกลุ่มโดยเฉพาะที่มาแบบจัดทัวร์ต้องเก็บข้าวของเตรียมเดินลงกันแล้ว ส่วนพวกเราสบายๆ ครับ เกือบสิบโมงยังนั่งเล่นนอนเล่นกันอยู่เลย
รอแล้วรอเล่า ราวสิบเอ็ดโมงความหวังจึงบังเกิด ไอหมอกจางลงเล็กน้อยพอให้มองเห็นยอดดอยหลวงตาก เมื่อเป็นเช่นนี้พวกเราตบเท้าออกเดินสิ ไปลุ้นเอาบนยอดว่าจะได้เห็นอะไรดีๆ หรือเปล่า
เดี๋ยวหมอกก็มา เดี๋ยวหมอกก็จาง บางช่วงวิวเปิดให้เรายิ้มกว้างมองแนวเทือกเขาสวยสดชื่น เวลาแบบนี้ต้องรีบฉกฉวยโอกาสถ่ายรูปกันหน่อย เพราะนับหนึ่งยังไม่ทันถึงหกสิบเดี๋ยวหมอกก็ลอยมาคลุมขาวโพลนอีกแล้ว
ดอยหลวงตากมีสองยอด เราเดินได้ทั้งยอดเล็กและยอดใหญ่ แถมจากยอดใหญ่ยังมีทางต่อไปชมวิวจุดอื่น หากมาช่วงฟ้าเปิดหน้าหนาวน่าจะเดินกันสนุก แต่กับสภาพอากาศแบบนี้เราขอเก็บยอดเล็กและใหญ่ก็พอแล้ว
บ่ายโมงโน่นแน่ะ เสพความสดชื่นจนพอใจระดับหนึ่งว่ามาไม่เสียเที่ยวแล้ว เราถึงลงจากยอดกลับไปแคมป์เก็บข้าวของพร้อมกับหมอกที่ปกคลุมยอดเขาจนขาวโพลนอีกครั้ง เรียกว่าอยู่กันจนเป็นกลุ่มสุดท้ายเลยเชียว เที่ยวกันเองมันดีแบบนี้แหละนะ
ขากลับผ่านม่อนแม่นางพญา แอบหวังว่าฟ้าอาจจะเปิดได้เดินถ่ายวิวปิดท้ายอีกสักนิด แต่ผลปรากฎว่าตรงกันข้ามเพราะหมอกลอยคลุมมาพร้อมกับสายฝนฉ่ำ เราต้องเร่งเดินจ้ำอ้าวลงจากเขาแทน
พอลงมาสักพักฝนก็หยุดตก ด้านล้างแห้งเหือดเหมือนกับขาขึ้นไม่มีผิด ฝนตกบนเขาแท้ๆ แต่กลับไม่ตกตรงนี้ ไม่แน่แปลกใจทำไมถึงดูแห้งแล้งเหลือเกิน
ขาลงแทบไม่ต้องพักครับ จ้ำเอาๆ สับเท้ารัวๆ รู้สึกว่าเดินไกลก็คราวนี้เอง ทางราบจริงอยู่แต่รู้สึกว่าเมื่อไหร่จะถึงสักที (วะ) ลงถึงปากทางเข้าครบแก๊งก็ประมาณสี่โมงครึ่ง นั่งรถออกไปกินข้าว อาบน้ำอาบท่าที่ร้านเดิม ก่อนเจ้าหน้าที่จะไปส่งที่ บขส. ตาก แยกย้ายขึ้นรถรอบหัวค่ำกลับบ้านใครบ้านมัน
ในภาพรวม ผมคิดว่าดอยหลวงตากเป็นเส้นทางเดินป่าที่เหมาะกับมือใหม่พอสมควร ถึงจะเดินไกล (คุยกับเจ้าหน้าที่รู้สึกเหมือนกันคือความจริงแล้วไม่น่าถึง 11 กิโลเมตร) แต่ทางไม่ยาก ช่วงชันไม่เยอะ อุปสรรคไม่มาก ที่สำคัญเจ้าหน้าที่ดูแลค่อนข้างทั่วถึง ทว่ายังไงคนที่อยากเริ่มต้นเที่ยวลักษณะนี้ก็ควรฟิตร่างกายและเตรียมความพร้อมก่อนเที่ยวกันด้วย ส่วนพวกเก๋าๆ ไม่จำเป็นต้องห่วง ที่นี่คงแค่มาเดินแก้เซ็งดีกว่านอนเฉยๆ อยู่บ้านล่ะมั้ง (ฮา...)
ดอยหลวงตากเปิดให้เที่ยวแบบนี้จนถึงเดือนกุมภาพันธ์ หลังจากนั้นจะปิดหนีหมอกควันจากไฟป่าและปัญหาน้ำกินน้ำใช้ แล้วกลับมาเปิดอีกครั้งเดือนกรกฎาคม ตอนสายฝนเริ่มโปรยปราย
ถึงจะไม่ใช่เส้นทางโหดสุด ท้าทายสุด แต่สักครั้งหนึ่งลองมาเที่ยวไม่เสียหายหรอกครับ เชื่อผมสิ
ชื่อสินค้า:
ดอยหลวงตาก จ.ตาก
คะแนน:
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
▼
กำลังโหลดข้อมูล...
▼
แสดงความคิดเห็น
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
สภาพภูมิประเทศแบบนี้...กล้ากางเต็นท์นอนคนเดียวหรือเปล่าครับ?
Photos by: timetowalkforsomthingfirstman...สภาพภูมิประเทศแบบนี้...กล้ากางเต็นท์นอนคนเดียวหรือเปล่าครับ..สภาพโดยทั่วไปเป็นลานหินกว้างบนยอดเขาสูง ล้อมรอบด้วยป่าเต็งรัง ไม่ถึงกับรกทึบ แต่หนาแน่
timetowalkforsomthingfirstman
ดอยหลวงตาก มันก็จะเขียวๆหน่อย
Green hour vibes, ดอยหลวงตาก. ......................... ขอขอบคุณทุกท่านที่แวะมาดูหรือเผลอมาดู ติดตามอินสตาแกรมเราหรือดูรูปอื่นๆ ได้ที่ IG: https://www.instagram.com/shbabalif/ FB: https://www.
สมาชิกหมายเลข 2573713
“ ทุ่งแสลงหลวง ” หน้าฝนฉ่ำๆ 2 วัน 1 คืน กางเต้นท์ ชมพระอาทิตย์ตก สัมผัสหมอกตอนเช้า วิบากลุยป่าชมทุ่งนางพญา
“ ทุ่งแสลงหลวง ” หน้าฝนฉ่ำๆ 2 วัน 1 คืน กางเต้นท์ ชมพระอาทิตย์ตก สัมผัสหมอกตอนเช้า วิบากลุยป่าชมทุ่งนางพญา --------------------------------------------------------------------- ในวัน
The journey of you and me
[Camping EP.6] 5 อันดับลานแคมป์ในไทยที่วิวปังเหมือนอยู่ต่างประเทศ
สำหรับคนรักการแคมป์ปิ้งที่อยากสัมผัสธรรมชาติและวิวสวยๆ แบบไม่ต้องบินไปต่างประเทศ ลานแคมป์ในไทยหลายแห่งก็มีบรรยากาศที่ปังไม่แพ้ที่ใดในโลกครับ วันนี้อยากพาเพื่อนๆ มารู้จัก 5&nbs
punnarich
[Camping EP.8] สายลุยต้องรู้! 7 เคล็ดลับกางเต็นท์หน้าฝนให้ปลอดภัยและอบอุ่น
ฤดูฝนเป็นช่วงเวลาที่ธรรมชาติสดชื่น แต่สำหรับสายลุยหรือคนที่รักการแคมป์ปิ้ง การกางเต็นท์ในหน้าฝนอาจเป็นเรื่องท้าทายไม่น้อย! ถ้าเตรียมตัวไม่ดี อาจเจอปัญหาน้ำท่วมเต็นท์ เปียกชื้น
punnarich
"ดอยหลวงตาก" ใครว่าเดินยาก! เหมือนเดินสวนหลังบ้านไป-กลับ 22กม. ด้วยงบ 1,200บาท
สวัสดีค่าทุกคน วันนี้เราจะพาไปเดินป่ากันที่ "ดอยหลวงตาก" กับคนแปลกหน้าทั้ง 14คน! ในวันที่พายุเข้าอีก~~ดอยหลวงตากตั้งอยู่ที่ต.ทุ่งกระเซาะ อ.บ้านตาก จ.ตาก มีความสูงประมาณ 1,175 เมตร สำหรั
สมาชิกหมายเลข 5066173
แบกเป้สะพายหลัง เดินป่าหน้าฝน @ ดอยหลวงตาก
ช่วงหน้าฝน คงปฏิเสธไม่ได้ว่า อากาศน่านอนพักผ่อนอยู่กับบ้านมากกว่าจะออกไปเที่ยวไหน หลายคนจะรอให้พ้นหน้านี้ไปให้ถึงหน้าหนาวแล้วเริ่มออกท่องเที่ยวกัน แต่ฤดูนี้เองก็มีเรื่องน่าสนใจตรงที่ "การเดินป่าห
สมาชิกหมายเลข 1796688
ภูชี้ดาว…ทะเลหมอกสีขาวสุดขอบฟ้า
ภูชี้ดาว…ทะเลหมอกสีขาวสุดขอบฟ้า หลังลงจากรถบริการนำขึ้นยอดภูชี้ดาว พี่พลขับเจ้าของพื้นที่บอกกับเราอย่างเป็นกันเองว่า ต้องเดินขึ้นไปอีกประมาณสองร้อยเมตร ก็จะถึงจุดชมวิว ยอ
คน ฟ้า ป่า น้ำ
ส่งมาแล้ว ปฏิทินธนาคารกสิกรไทย KBANK ปี 2568 ปีนี้มาในธีม สักการะพระธาตุ ประจำปีเกิด
พึ่งได้รับเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม เกือบสิ้นปีแล้วพอดี ปฏิทิน สำหรับผู้ถือหุ้น KBANK นึกว่าจะไม่ส่งมาซะแล้ว ปีนี้มาในธีม สักการะพระธาตุ ประจำปีเกิด มาดูกันว่าแต่ละปีมีพระธาตุอะไรบ้าง หุ้น ปีชวด พ
สมาชิกหมายเลข 2933266
แม่ฮ่องสอน ป้องกัน #ไฟไหม้ #ไฟป่า #เผาป่า #หมอกควัน | การบริหารจัดการเชื้อเพลิงใช้ประโยชน์ถูกต้อง
การประชาสัมพันธ์ในรูปแบบ ' เคาะประตูบ้าน ' ให้แก่ชาวบ้านในพื้นที่บริเวณ อุทยานแห่งชาติสาละวิน วันนี้ (25 ธันวาคม 2567) เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติสาละวิน พร้อมเจ
สมาชิกหมายเลข 8325069
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
เดินป่า
เที่ยวภูเขา
บันทึกนักเดินทาง
เที่ยวไทย
บนสุด
ล่างสุด
อ่านเฉพาะข้อความเจ้าของกระทู้
หน้า:
หน้า
จาก
แชร์ : 579
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน
อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
ยอมรับ
[CR] 11 ก.ม. ดอยหลวงตาก ก็ไม่ค่อยจะลำบากสักเท่าไหร่
ความสูง 1,175 เมตร เดินไปกลับ 22 กิโลเมตร อ่านรีวิวแล้วร้องโอ้โห แต่ใครต่อใครก็บอกมาว่าเดินไม่ยากเท่าไหร่ ซึ่งด้วยความไม่ค่อยเชื่อใครและไม่อยากตัดสินอะไรจนกว่าจะได้ลองเอง ก็เลยต้องไปลองให้รู้กันด้วยตัวเองนี่แหละว่าดอยหลวงตาก มันจะแค่ลำบากไหนกันนะ
ทริปดอยหลวงตากกลางหน้าฝน ต้นเดือนสิงหาคม สืบเสาะข้อมูลได้มาว่าปีนี้เปิดให้เที่ยวเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ จำกัดนักท่องเที่ยวสัปดาห์ละประมาณหนึ่งร้อยคน ถึงจะขัดใจเล็กน้อยเพราะผมชอบเที่ยววันธรรมดาแบบคนน้อยๆ มากกว่า แต่เมื่อเจอช็อตบังคับแบบนี้ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้
รับเรื่องติดต่อประสานงานกับวนอุทยานน้ำตกห้วยแม่ไข ซึ่งเป็นผู้ดูแลจัดการเรื่องการท่องเที่ยว แล้วรวบรวมสมาชิก จองตั๋วรถทัวร์ แพ็คกระเป๋า ออกเดินทางกันโลด ไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลงมากครับ
จุดเริ่มต้นพิชิตยอดดอยหลางตากอยู่ที่เทศบาลตำบลทุ่งกระเชาะ อำเภอบ้านตาก จังหวัดตาก (ย้ำว่าอำเภอบ้านตากนะไม่ใช่อำเภอเมืองตาก) ใครมีรถก็ขับไปจอดที่นั่นได้เลย แต่หากไม่มีก็นั่งรถทัวร์ลงบ้านตาก หรือ บขส.ตาก แล้วเหมารถเข้าไปโดยติดต่อผ่านเจ้าหน้าที่วนอุทยานฯ นั่นแหละ
พวกเราสมาชิกเก้าคน เจอกันที่ บขส. ตาก ประมาณตีห้า รอสักพักรถกระบะของเจ้าหน้าที่ก็มารับพาเข้าอำเภอบ้านตาก ระหว่างทางแวะตลาดเทศบาลบ้านตาก ซื้ออาหารและของสดไปเป็นเสบียง ตลาดค่อนข้างโอเค ของเยอะดีครับ มี 7-11 ให้ซื้อของใช้จำเป็นอื่นๆ ที่ขาดเหลือด้วย
จากนั้นรถก็มาส่งเราที่ร้านอาหารตามสั่งเยื้องกับเทศบาลตำบลทุ่งกระเชาะ เสมือนจุดรวมพลเลยแหละ เพราะมีอาหารเช้าบริการ รับเตรียมอาหารกลางวันสำหรับกินบนเขา และตอนลงจากเขาก็มีอาหารเย็นขาย พร้อมห้องน้ำห้องอาบน้ำ และฝากของใช้ต่างๆ ไว้ได้ด้วย เรียกว่าบริการครบวงจร
เมื่อกินข้าวแล้ว ห่อข้าวแล้ว แต่งชุดบุกป่าเต็มยศแล้วก็ลุยครับ จากเทศบาลฯ นั่งรถสิบนาทีก็ถึงจุดเริ่มต้นทางเดิน ป้ายเขียนบอกชัดเจนว่า 11 กิโลเมตร มองนาฬิกาเช็คเวลาอีกสิบห้านาทีเก้าโมง
ทางเดินช่วงแรกถือว่าง่าย ค่อนข้างราบ ลักษณะเลียบธารน้ำซึ่งไม่มีน้ำสักหยด เห็นสภาพแล้วประหลาดใจเล็กน้อยเพราะหากกลางหน้าฝนยังแล้งขนาดนี้แล้วฤดูอื่นจะเหลืออะไร คุยกับเจ้าหน้าที่บอกว่าที่อื่นฝนตกก็จริง แต่บริเวณนี้ฝนน้อยมาก
เกาะกลุ่มผ่านมาชั่วโมงนิดๆ จึงเริ่มเป็นทางขึ้นเขา พอมองเห็นวิวป่าสีเขียวให้ชื่นใจ ถือโอกาสหยุดพักถ่ายรูปสักแป๊บ
เดินเรื่อยๆ เมื่อยก็พักแบบไม่รีบร้อนเพราะมีเวลาเยอะแยะ สักราวเที่ยงก็พักกินข้าวเติมแรงกันตรงจุดซึ่งผมคิดว่าชันที่สุดของเส้นทางแล้วล่ะ แต่ก็ไม่ได้ชันยาวมาก จากจุดนี้มองข้างล่างจะเห็นวิวอ่างเก็บน้ำห้วยบวกหลวง ส่วนมองขึ้นไปเห็นจุดชมวิวม่อนแม่นางพญา อยู่ก่อนถึงยอดดอยหลวงตาก
มองวิวแล้วผมชักสงสัยเพราะผืนป่าที่เห็นมีพื้นที่กว้างใหญ่เกินกว่าระดับวนอุทยาน เลยคุยกับเจ้าหน้าที่ได้คำตอบมาว่า จริงๆ แล้วดอยหลวงตากไม่ได้อยู่ในเขตวนอุทยาน เป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ท้อ แต่วนอุทยานเข้ามาดูแลเรื่องการท่องเที่ยวเพราะอยู่ใกล้ ซึ่งอนาคตอาจมีการผนวกวนอุทยานสามแห่งคือ น้ำตกห้วยแม่ไข แก่งห้วยตาก ไม้กลายเป็นหิน กับพื้นที่ป่าสงวนตรงนี้เป็นอุทยานแห่งชาติแห่งใหม่
เอาล่ะ... ได้ความรู้แล้วก็เดินต่อ อีกหนึ่งชั่วโมงเราก็ไต่ความสูงทีละน้อยจนมาถึงจุดที่เรียกว่าลานสน มองเห็นยอดดอยหลวงตากอยู่ไม่ไกล
จากลานสนเดินทะลุป่าแป๊บเดียวก็มาออกตรงนี้ ม่อนแม่นางพญา วิวสวยใช้ได้เลยครับ สามารถเดินถ่ายรูปเล่นได้สบาย แต่ระวังสักหน่อยล่ะเพราะพลาดร่วงลงไปจะลำบากเจ้าหน้าที่เสียเปล่า (ฮา...)
ช่วงสุดท้ายคือการเดินจากม่อนแม่นางพญาผ่านป่ากล้วย ทางค่อนข้างเละเทะชวนลื่น เมื่อพ้นป่ากล้วยแล้วก็ถึงจุดตั้งแคมป์ของเรา นาฬิกาชี้ว่าบ่ายสองสิบห้านาที นี่เป็นการเดินแบบเรื่อยๆ ไม่มีช่วงไหนต้องเร่ง รวมทั้งหมดห้าชั่วโมงครึ่ง ถือว่าสบายครับ
ทำเลกางเต็นท์ในป่าส่วนมากเป็นของลูกหาบซึ่งทำแคมป์ระยะยาว เราจึงต้องออกมาหาพื้นที่โล่งแถวชายป่า ใครผูกเปลต้องเลือกตรงต้นไม้เยอะนิดนึง กางเต็นท์จะสะดวกกว่า สำหรับเรื่องน้ำกินน้ำใช้ลูกหาบจะไปเอามาให้ครับ
เรารีบกางกางเต็นท์ตั้งแคมป์ คิดว่าพอเสร็จแล้วจะขึ้นไปชมวิวบนยอดดอยที่เดินอีกแค่แป๊บเดียว แต่ปรากฏว่าหลังจัดแจงที่ทางเรียบร้อยหมอกขาวกลับปกคลุมไปทั่ว เจ้าหน้าที่บอกว่าลืมบอกว่าน่าจะไปดูวิวกันก่อน เพราะปกติพอใกล้เย็นแล้วฟ้าจะปิด
เอาน่า... ธรรมชาติก็แบบนี้ เราช่วยกันทำอาหาร หุงข้าวดีกว่า
กลางคืนไม่ต้องพูดถึง เพื่อนหลายคนเตือนว่าดอยหลวงตากลมแรงมากซึ่งเราก็ได้สัมผัสบรรยากาศแบบนั้น ลมฝนกระหน่ำจัดหนักทั้งคืน ถ้าเต็นท์ไม่ดี กางเต็นท์ไม่ดี ผูกเปลไม่ดี ก็เตรียมนอนเปียกชุ่มฉ่ำได้เลย
ผมสะลึมสะลือตื่นเช้าสักหกโมง เสียงฝนดังเปาะแปะกระทบฟลายชีต ดังนั้นไม่ต้องคิดมากนอนต่อดีกว่า เจ็ดโมงกว่าๆ ตื่นอีกรอบ ฝนยังไม่หยุด โอเคนอนต่อเหมือนเดิม พอแปดโมงครึ่งเสียงฝนไม่มีแล้ว แต่แน่ล่ะว่าบรรยากาศเต็มไปด้วยหมอกขาว ทัศนวิสัยมองเห็นไม่กี่สิบเมตร
ทำอะไรไม่ได้ก็มานั่งล้อมวง ต้มน้ำชงกาแฟ เตรียมกับข้าวกับปลาเป็นอาหารเช้า หลายกลุ่มโดยเฉพาะที่มาแบบจัดทัวร์ต้องเก็บข้าวของเตรียมเดินลงกันแล้ว ส่วนพวกเราสบายๆ ครับ เกือบสิบโมงยังนั่งเล่นนอนเล่นกันอยู่เลย
รอแล้วรอเล่า ราวสิบเอ็ดโมงความหวังจึงบังเกิด ไอหมอกจางลงเล็กน้อยพอให้มองเห็นยอดดอยหลวงตาก เมื่อเป็นเช่นนี้พวกเราตบเท้าออกเดินสิ ไปลุ้นเอาบนยอดว่าจะได้เห็นอะไรดีๆ หรือเปล่า
เดี๋ยวหมอกก็มา เดี๋ยวหมอกก็จาง บางช่วงวิวเปิดให้เรายิ้มกว้างมองแนวเทือกเขาสวยสดชื่น เวลาแบบนี้ต้องรีบฉกฉวยโอกาสถ่ายรูปกันหน่อย เพราะนับหนึ่งยังไม่ทันถึงหกสิบเดี๋ยวหมอกก็ลอยมาคลุมขาวโพลนอีกแล้ว
ดอยหลวงตากมีสองยอด เราเดินได้ทั้งยอดเล็กและยอดใหญ่ แถมจากยอดใหญ่ยังมีทางต่อไปชมวิวจุดอื่น หากมาช่วงฟ้าเปิดหน้าหนาวน่าจะเดินกันสนุก แต่กับสภาพอากาศแบบนี้เราขอเก็บยอดเล็กและใหญ่ก็พอแล้ว
บ่ายโมงโน่นแน่ะ เสพความสดชื่นจนพอใจระดับหนึ่งว่ามาไม่เสียเที่ยวแล้ว เราถึงลงจากยอดกลับไปแคมป์เก็บข้าวของพร้อมกับหมอกที่ปกคลุมยอดเขาจนขาวโพลนอีกครั้ง เรียกว่าอยู่กันจนเป็นกลุ่มสุดท้ายเลยเชียว เที่ยวกันเองมันดีแบบนี้แหละนะ
ขากลับผ่านม่อนแม่นางพญา แอบหวังว่าฟ้าอาจจะเปิดได้เดินถ่ายวิวปิดท้ายอีกสักนิด แต่ผลปรากฎว่าตรงกันข้ามเพราะหมอกลอยคลุมมาพร้อมกับสายฝนฉ่ำ เราต้องเร่งเดินจ้ำอ้าวลงจากเขาแทน
พอลงมาสักพักฝนก็หยุดตก ด้านล้างแห้งเหือดเหมือนกับขาขึ้นไม่มีผิด ฝนตกบนเขาแท้ๆ แต่กลับไม่ตกตรงนี้ ไม่แน่แปลกใจทำไมถึงดูแห้งแล้งเหลือเกิน
ขาลงแทบไม่ต้องพักครับ จ้ำเอาๆ สับเท้ารัวๆ รู้สึกว่าเดินไกลก็คราวนี้เอง ทางราบจริงอยู่แต่รู้สึกว่าเมื่อไหร่จะถึงสักที (วะ) ลงถึงปากทางเข้าครบแก๊งก็ประมาณสี่โมงครึ่ง นั่งรถออกไปกินข้าว อาบน้ำอาบท่าที่ร้านเดิม ก่อนเจ้าหน้าที่จะไปส่งที่ บขส. ตาก แยกย้ายขึ้นรถรอบหัวค่ำกลับบ้านใครบ้านมัน
ในภาพรวม ผมคิดว่าดอยหลวงตากเป็นเส้นทางเดินป่าที่เหมาะกับมือใหม่พอสมควร ถึงจะเดินไกล (คุยกับเจ้าหน้าที่รู้สึกเหมือนกันคือความจริงแล้วไม่น่าถึง 11 กิโลเมตร) แต่ทางไม่ยาก ช่วงชันไม่เยอะ อุปสรรคไม่มาก ที่สำคัญเจ้าหน้าที่ดูแลค่อนข้างทั่วถึง ทว่ายังไงคนที่อยากเริ่มต้นเที่ยวลักษณะนี้ก็ควรฟิตร่างกายและเตรียมความพร้อมก่อนเที่ยวกันด้วย ส่วนพวกเก๋าๆ ไม่จำเป็นต้องห่วง ที่นี่คงแค่มาเดินแก้เซ็งดีกว่านอนเฉยๆ อยู่บ้านล่ะมั้ง (ฮา...)
ดอยหลวงตากเปิดให้เที่ยวแบบนี้จนถึงเดือนกุมภาพันธ์ หลังจากนั้นจะปิดหนีหมอกควันจากไฟป่าและปัญหาน้ำกินน้ำใช้ แล้วกลับมาเปิดอีกครั้งเดือนกรกฎาคม ตอนสายฝนเริ่มโปรยปราย
ถึงจะไม่ใช่เส้นทางโหดสุด ท้าทายสุด แต่สักครั้งหนึ่งลองมาเที่ยวไม่เสียหายหรอกครับ เชื่อผมสิ