เคยโดนไล่ออกจากงานด้วยเหตุผลอะไรกันบ้างครับ ?

สวัสดีครับ

ก่อนอื่นต้องบอกเลยว่า ตั้งแต่เกิดมาผมไม่คิดว่าวันนึงจะต้องถูกไล่ออกจากงาน (แน่สิ ใครจะคิดล่ะ จริงไหมครับ)
เนื่องจากผมมีเส้นทางชีวิตที่ดีมาโดยตลอด ตั้งแต่ประถม มหาลัย จนถึงวัยทำงาน
ผมเคยสอบได้อันดับ 1 ทุกปีในวัยประถม (ถึงแม้จะเป็นความภูมิใจของเด็ก ๆ แต่ก็ยังหลอกตัวเองให้ดีใจได้อยู่อมยิ้ม17)
จนขึ้นมัธยมเรียนสายวิทย์-คณิต ถึงแม้จะสอบไม่ได้ที่ 1 เหมือนเคยแล้ว แต่ยังมีผลการเรียนยังอยู่ในเกณฑ์ดี
ได้เล่นดนตรี เป็นหัวหน้าทีมกีฬา ชอบทำกิจกรรมของโรงเรียน เป็นประธานกีฬา ผมรักเพื่อน ๆ มัธยมของผมมาก

จนจบปริญญาตรี คณะวิศวะฯ ที่มหาลัยรัฐบาลชื่อดังแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ เป็นช่วงชีวิตที่สนุก ภูมิใจ และมีความสุขมากเช่นกัน
เมื่อเรียนจบ ผมได้สมัครงานเข้าทำงานที่แรก ผมทุ่มเท ตั้งใจเรียนรู้ ไม่เกี่ยงงานหนัก นอนตี 5 ตื่น 8 โมง ทำงานสุดความสามารถ
ที่ทำงานแรกเป็นที่ทำงานที่ดีที่สุด ทั้งสังคม หัวหน้า วัฒนธรรมองค์กรที่เป็นครอบครัวจริง ๆ (ไม่ใช่แค่คำหลอกให้ดูดีเฉย ๆ นะครับ)
และเนื้องานก็ท้าทายอย่างยิ่ง เมื่อทำงานครบ 1 ปี ผมได้รับการโปรโมทเป็น Senior และ Project Manager
แต่ในระหว่างที่ทำงานอยู่นั้นผมก็เรียนปริญญาโท (บริหาร) ควบคู่ไปพร้อมกันด้วย (ที่มหาลัยแห่งเดิม) จนจบปริญญาโทเมื่ออายุได้ 25 ปี
Thesis ได้ตีพิมพ์ที่ ตปท. ตอนนั้นผมไฟแรงมาก เนื่องจากร้อนวิชาที่เรียน จึงเต็มไปด้วยพลังที่อยากพัฒนาสรรค์สร้างผลงานให้บริษัท

เมื่อจบโท ผมตัดสินใจก้าวออกจาก Comfort Zone (ทำใจยากมาก ที่ออกจากงานที่ดีที่สุดในความคิดของผมตอนนั้น)
และเลือกที่จะย้ายงาน เพื่อย้ายสายจาก Engineer มาเป็นฝ่ายบริหาร (รับตำแหน่งเป็น Manager ครั้งแรกในอายุ 25)
แต่ยังอยู่สายงานไอทีเหมือนเดิม เพิ่มเติม คือ ได้ทำ Big Data และ Data Scientist เพิ่มขึ้น (เพราะทำ thesis ด้านนี้)
ผมบริหารงานด้วยความสุขมาตลอด ลองผิดลองถูกบ้าง ล้มเหลวบ้างสำเร็จบ้าง นั่นคือการเรียนรู้ของผม
สิ่งที่ผมเรียนรู้ได้ คือ "ความล้มเหลวเป็นอาหารหลักของความสำเร็จ" และ "การมีอีโก้มักมีจุดจบที่ไม่สวยงาม"

ผมคิดว่าชีวิตของผมทะเยอทะยานแล้ว (แค่ในความคิดของผม) และฟังดูแล้วไม่น่ามีอะไรผิดพลาดในอนาคตของผมเลยใช่มั้ยครับ
ผมไม่ได้คิดว่าตัวเองมีโปรไฟล์ที่ดีเลย เพราะผมไม่ใช่คนเก่ง แต่สิ่งที่ดีที่เกิดขึ้นในชีวิตผมจริง ๆ  คือ
การมีครอบครัวที่อบอุ่น และมีสังคมรอบข้างที่ดี (มาก) ผมอาจจะเป็นคนที่โชคดีที่สุด ที่มีพ่อแม่ที่รักผม มีญาติที่ดี มีเพื่อนที่ดีมาก
หัวหน้าดี สังคมที่ทำงานดี ไม่เคยมีเรื่องคนต้องทุกข์ใจ สุภาษิตไทยที่คิดว่าเข้ากับชีวิตตัวเองในช่วงนั้น อาจจะเป็น "คนดีผีคุ้ม"
เพราะผมเชื่อว่าถ้าผมทำแต่ความดี สิ่งดี ๆ จะเข้ามาในชีวิตของผม เพราะทุกคนรอบตัวผมเป็นคนดี ทำให้ผมไม่คิดที่จะทำตัวเหลวแหลกเลย

============ และในที่สุดเรื่องที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นกับชีวิตของผม ============


ไม่กี่ปีต่อมา (อายุตอนนั้นใกล้ 30 แล้ว) ผมได้ตัดสินใจผันตัว "ออกจากอุตสาหกรรมไอที" มาทำงานในอุตสาหกรรมอื่น ที่ไม่ใช่ไอที (non-IT)
แต่ทำในตำแหน่งเดิม คือ IT manager ผมเตรียมตัวรับมือกับการเปลี่ยนแปลง เนื่องจากย้ายอุตสาหกรรม จึงต้องเรียนรู้วงจรธุรกิจใหม่
และรับมือกับการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นตรรกะ ความคิด วัฒนธรรมองค์กร มุมมองของคนในองค์กรที่มีต่อแผนกไอที อาจแตกต่างกัน

เข้าเรื่องครับ ผมรู้สึกเกริ่นมาเยอะ ขอโทษด้วยครับ

ผมรับตำแหน่ง IT manager ในอุตสาหกรรม non-IT ได้ไม่นาน ก็โดนเรียกพิจารณาด้วยข้อหา "ฉ้อโกงบริษัท" ด้วยเหตุผลต่าง ๆ
ที่ทางบริษัทชี้แจงมา ผมเฝ้านึกอยู่ในใจว่าไปทำอะไรผิด และทำอะไรให้เขาไม่ชอบ สิ่งที่บริษัทแจ้งว่าผมทำความผิดมีดังนี้  

1. ข้อหาปลอมแปลงเอกสาร อยากได้เงินของบริษัท เอาคนรู้จักเข้ามา sub งานของแผนกไอที เพื่อให้ได้เงินจากโครงการ
2. ท้าทายอำนาจ ดำเนินงานโดยไม่ปรึกษา "ที่ปรึกษาของเจ้าของบริษัท" เนื่องจากความคิดเห็นไม่ลงรอยกัน

เจ้าของบริษัท ให้ผมไปเขียนใบลาออกเดี๋ยวนั้น  และให้ Transfer งานทั้งหมดให้กับผู้ช่วย และให้ออกจากบริษัทให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
ในวันนั้นควรจะเป็นวันที่ผมเสียใจที่สุด แต่กลับเป็นวันที่ผมสบายใจที่สุดในช่วงนั้นเลยก็ว่าได้ เนื่องจาก

1. ผมรักบริษัท และงานของตัวเองเสมอ ผมทุ่มเทเวลาทั้งวัน และ "ทั้งคืน" ให้กับบริษัท หายใจเข้าเป็นงาน หายใจออกเป็นงาน ทุกโปรเจ็กต์ผมอยากเร่งปิดให้ได้เร็วที่สุด อะไรที่ช้า ปรับให้เร็วขึ้น อะไรที่เละเทะ ปรับให้เป็นระบบมากขึ้น แต่การทำงานเร็วเกินไป ก่อกำเนิดเป็นความน่ากลัว กลายเป็นการข้ามหน้า ท้าทายอำนาจ และไม่ปรึกษาต่อ "ที่ปรึกษาที่เป็นเพื่อนกับเจ้าของบริษัท"

2. "เพราะการปรึกษา ไม่ได้คำแนะนำที่ดี" จุดนี้ผมหนักใจมากที่สุด จนอยากลาออก แต่โดนไล่ออกซะก่อน (ฮา) ก็ถือเป็นเรื่องดีเหมือนกันนะครับ คำว่า  "ปรึกษาแล้ว ไม่ได้คำแนะนำที่ดี" หมายความว่าอย่างไร? ผมขออนุญาตพูดจาภาษาไอทีนะครับ คือ Trend ทุกวันนี้มุ่งหน้าไปใช้ Cloud กันบางส่วนแล้ว (ไทยเริ่มใช้ Cloud ช้าสุดในอาเซียน (อ้างอิงจากโพล IMC ในปี 2014) เพราะธุรกิจ SI ของไทยค่อนข้างแข็งแกร่ง) แต่ก่อนจะไป Cloud ได้นั้น องค์กร(เก่า)ส่วนใหญ่ จะต้อง Consolidate ระบบให้เป็น Virtualization เสียก่อน ซึ่งผมประเมิน Assets ทั้งหมด และ ROI แล้ว องค์กรนี้เหมาะอย่างยิ่งที่จะใช้ Virtualization แต่ "ที่ปรึกษาที่เป็นเพื่อนเจ้าของบริษัท" ไม่สนับสนุนการใช้ Virtualization แม้กระทั่งระบบ Backup ยังไม่แนะนำให้มี เนื่องจากเปลืองงบประมาณ อ่านถึงตรงนี้ไอทีหลาย ๆ ท่านอาจจะกุมขมับเหมือนผมนะครับ เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดในองค์กร คือ พนักงาน รองลงมา คือ ข้อมูล หากเราไม่สำรองข้อมูล (Backup) ถ้าระบบล่ม ข้อมูลเสียหาย อาจทำให้เราดำเนินธุรกิจต่อไม่ได้เลย ถูกไหมครับ ? ในเมื่อความคิดของผม และ "ที่ปรึกษาที่เป็นเพื่อนเจ้าของบริษัท" ไม่สามารถปะติดปะต่อกันได้ เนื่องจากอาจด้วยอายุที่ห่างกันคราวพ่อกับลูก รวมไปถึงอีโก้ที่สูงจนผมไม่อาจจินตนาการได้ ทำให้เชื่อมกันไม่ได้ จนกลายเป็นปัญหาอันดับหนึ่งในใจ ขอยกความผิดในเรื่องนี้ให้กับความอ่อนประสบการณ์ของผมเอง ทำให้เชื่อมต่อความคิดกับเขาไม่ได้เลย (ถึงแม้ว่า IT manager คนก่อนหน้านี้ก็ลาออกไปด้วยเหตุผลนี้ก็ตาม)

3. การปลอมแปลงเอกสาร และการเชิญคนรู้จักมา sub งานในแผนกไอที อาจเป็นเพราะผมด้อยประสบการณ์ และไม่สันทัดการเมือง และการฉ้อโกงในบริษัท ทำให้ผมไม่ทันเกมว่าไม่ควรทำงานในลักษณะนี้ ผมได้บทเรียนในจุดนี้ครับ เมื่อผมชี้แจงว่าผมไม่ได้ปลอมแปลงเอกสาร ก็โดนแย้งว่าผมท้าทายอำนาจ ถามว่าผมอยากติดคุกหรือไม่ เพื่อนเขาเป็นทหารตำรวจเยอะ ถ้าจะเอาผมเข้าคุกสามารถทำได้สบาย ผมจึงเงียบ และคิดในใจว่า "อยากออกจากที่นี่เหลือเกิน" ผมเจตนาดี กลับมองเป็นสิ่งเลวร้าย เหตุผลที่ผมเชิญคนรู้จักมา sub งานในแผนกไอที เพราะผมเคยทำงานกับพวกเขา หรือผมเคยร่วมเป็นหนึ่งในทีม engineer ที่ติดตั้งระบบให้กับลูกค้าทั่วประเทศ รวมถึงประเทศเพื่อนบ้าน ผมและทีมนี้เคยร่วมกันออกแบบระบบ ติดตั้ง บริหารโครงการอย่างสุดกำลัง และประสบความสำเร็จมาโดยตลอด จึงมั่นใจมากว่าหลาย ๆ บริษัทที่ผมเชิญเข้ามาเสนองานครั้งนี้ จะไม่ทำให้ผมผิดหวัง พวกเขาจะติดตั้งระบบให้กับบริษัทที่ผมดูแลนี้อย่างดีที่สุด ระบบของผมจะต้องดี ไม่มีปัญหาร้ายแรง และมีการ Service ที่ดีที่สุดเท่าที่ SLA จะทำได้

เจตนาที่ดีของผม ประสบการณ์ที่ตั้งใจสร้างมาในชิวิต เพื่อมุ่งหวังจะทำเพื่อบริษัท กลายเป็นความไม่เข้าใจ และมองเป็นเจตนาร้ายต่อบริษัทอย่างมาก ซึ่งผมไม่โทษบริษัทเลยแม้แต่น้อย มันผิดที่ผมเอง ที่อยู่ผิดที่ผิดทางผิดเวลา นั่นแหละครับ บทเรียนของผม

เป็นครั้งแรกที่ผมสัมผัสกับเรื่องราวเหล่านี้ และใกล้ชิดกับบุคคลที่มีตรรกะทางความคิดที่แตกต่างจากผมจนน่ากลัว
วันที่ผมก้าวออกจากบริษัทเป็นวันที่ผมสบายใจที่สุด เหลือเพียงความห่วงใยให้กับทุกคนในแผนกไอที เพราะทุกคนเป็นคนเก่ง มีอนาคต และมีจิตใจดีที่สุด ผมตั้งใจให้หนังสือตำราไอทีทุกเล่มที่เก็บสะสมมาทั้งชีวิตของผมเก็บไว้ในตู้หนังสือที่แผนกดังเดิม ก่อนออกมา

============ สิ่งที่ผมตกผลึกได้จากบทเรียนนี้ ============


1. ผมได้ชีวิตคืนให้กับครอบครัว ในอดีต ผมเคยทำชีวิตครอบครัวล้มเหลวมาแล้ว เพราะบ้างานมากเกินไป ตอนนี้ผมได้ชีวิตใหม่มาแล้ว รู้แล้วว่าไม่มีใครรักเรามากที่สุดเท่ากับที่ครอบครัวรักเรา รู้แล้วว่าใครสำคัญกับเรามากที่สุด บริษัทไม่มีเรา เขาสามารถจ้างคนใหม่ได้ อาจจะเก่งกว่า หรือเหมาะกว่าเราด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้น Work Life Balance ครับ การงานก็ต้องรับผิดชอบอย่าให้เสีย แต่อย่าทำมากกว่าไปจนชีวิตเราพัง

2. หาให้ได้ว่าสังคมไหนเหมาะกับเรา หาให้ได้ว่าเราเก่งอะไร เราชอบอะไร เรามีค่ากับใคร แล้วเราจะทำจุดนั้นได้ดีที่สุดโดยธรรมชาติ

3. ความล้มเหลวครั้งนี้ ยังคงเป็นอาหารหลักที่ดีของความสำเร็จครับ ถ้าไม่ได้ถูกไล่ออกจากที่นี่ ผมคงไม่ได้มีชีวิตอย่างทุกวันนี้

ปัจจุบันนี้ ผมกำลังเรียนต่อปริญญาเอก, เป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง และเปิดบริษัทด้านไอทีของตนเอง รวมทั้งเป็นที่ปรึกษาด้านไอทีให้กับบริษัทต่าง ๆ การให้คำแนะนำผู้อื่น กลับกลายเป็นทำให้ผมเปิดโลกกว้างมากอีกครั้ง ยิ่งสอนยิ่งได้รู้ ยิ่งให้ยิ่งได้รับ
แต่ที่ยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด คือ ผมได้รับสิ่งที่มีค่ามากที่สุดในชีวิต นั่นคือ ผมได้อยู่ร่วมกับครอบครัวอย่างมีความสุขอีกครั้ง และผมจะดูแลรักษาสิ่งมีค่านี้ไปตลอดชีวิต จนกว่าผมจะหมดลมหายใจ ขอบคุณประสบการณ์ที่ผ่านมาของผม ทำให้รู้ว่าชีวิตของเราทำเพื่อใคร

ขอบคุณทุกท่านที่สละเวลามาอ่านเรื่องราวของผมครับ
เรื่องราวที่ผมถูกไล่ออก ได้ผ่านมาแล้วเป็นเวลา 1 ปี วันนี้จึงตั้งกระทู้เพื่อรำลึกถึงประสบการณ์นี้ครับ

อย่าลืมแชร์ประสบการณ์ให้ฟังกันบ้างนะครับ มีเรื่องราวอะไร แชร์กันให้ฟังได้นะครับ จะได้คลายกังวลกันไปครับ
ขอบคุณครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 2
ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก
กระทู้นี้ถูกลบโดยระบบอัตโนมัติทั้งนี้เพื่อเป็นการรักษาบรรยากาศการสนทนา ของเพื่อนสมาชิกโดยรวมค่ะ

ความคิดเห็นนี้ได้ถูก ppantip.com ลบออกไปจากระบบแล้ว หากเนื้อหาที่ถูกลบยังคงถูกนำไปแสดงใน application หรือเว็บไซต์ใดๆ
ทาง ppantip.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆด้วย การดำเนินการทางกฎหมายกรุณาติดต่อผู้พัฒนา application หรือเว็บไซต์นั้นๆโดยตรงค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่