อยากไป ก็ไป “เมดาน กัวลาลัมเปอร์”
สวัสดีค่ะ นี่เป็นกระทู้แรกของเรา ถ้าผิดพลาดประการใดรบกวนช่วยชี้แนะด้วยนะคะ
Intro อาจจะยาวนิดนึงนะคะ สาระจะอยู่หลังๆ ถ้ามันดูเวิ่นเว้อเกินไปก็สามารถข้ามไปเลยได้จ้าา
บางทีภาษาที่เราใช้อาจจะเป็นภาษาพูดจนเกินไป เราอยากให้ทุกคนได้ Feeling ของเราตอนนั้นจริงๆ
อย่าโกรธกันน้าาา
เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า กับที่มาที่ไปของทริปนี้
“Medan” พอพูดคำนี้หลายๆคนอาจจะงง
มันคือเมืองอะไร ?
อยู่ส่วนไหนของโลก ?
แล้วมันมีดีอะไรทำไมต้องไป ?
“เอ่ออ!!! นั่นสิ แล้วมันมีดีอะไรอ่ะ”
มันคือคำถามแรกที่แว๊บขึ้นมาในหัว เมื่อเพื่อนชวนไปเที่ยว Medan พร้อมบรรยายสรรพคุณของเมืองนี้
และภาพประกอบของ www.worldwantswandering.com
Medan อยู่เกาะสุมาตราเหนือ อินโดเอง บินตรงด้วยนะ แค่ 7000 ทั้งทริป ขับรถเอง ได้ขึ้นไปภูเขาไฟด้วย
“เอิ่มมม แกเริ่มเยอะไปและ เดี๋ยวขอดูแป๊บ”
พอไปส่องเท่านั้นแหละ
เห่ย!! เราสามารถไปเหยียบภูเขาไฟได้ด้วยงบแค่หลักพันจริงๆๆหรอ ???
แล้วที่เห็นใน Review คือแบบหลักล้านอ่ะ “แมร่งสวยหว่ะ อยากไป ก็ไป จองตั๋วเลย”
พอได้ตั๋วแล้ว ก็ไม่ค่อยตื่นเต้นหรอก รีบทำแพลนเลยจ้าาา
แพลนเมดาน เป็นอะไรที่ทำยากมาก ทั้งการจองรถ จองที่พัก ด้วยความที่รีวิวค่อนข้างน้อย
เลยจับต้นชนปลายไม่ถูก ต้องหาอ่านใน website ต่างประเทศ ที่ชาวต่างชาติเขามารีวิวไว้
ซึ่งก็ช่วยได้เยอะเลย จนทำให้เราได้แพลนที่สมบูรณ์มาค่ะ
***ต้องขอบอกก่อนนะคะ แพลนจะสมบูรณ์แค่ไหน อิชั้นก็ทำมันพลาดจนได้ พูดแล้วก็อยากร้องไห้
พลาดตรงไหนไม่พลาด ดันมาพลาดตรงจองตั๋วเครื่องบินกลับผิดวัน จองเกินแพลนก็ดีกว่า จองขาดจากแพลนใช่ปะ
แต่ไม่จ้าาาาา อิชั้นจองขาดจ้าาา แล้วไม่ได้จองผิดแค่อิชั้นคนเดียวนะจ๊ะ
อิชั้นจองให้เพื่อนผิด 4 คน แต่จองให้เพื่อนอีกคนจองถูก TT
มันน่าให้อภัยปะหล่ะ? แต่โชคดีที่ทุกคนเข้าใจเรา (หราาาา บางทีเขาอาจจะบ่นเราอยู่ก็ได้ 555 )
ความผิดครั้งนี้เราก็ต้องพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส ก็พาเพื่อนไปเที่ยว2ประเทศเลยสิ แต่วันเที่ยวเท่าเดิมนะจ๊ะ 555
(ก็ตั๋วขากลับไทยมันแพงกว่าบินไปลงกัวลาลัมเปอร์ แล้วบินกลับไทย ก็ต้องเลือกตั๋วถูกสิจ๊ะ 55)
ในที่สุดเราเลยได้แพลนเที่ยวแล้ววว มาดูกันดีกว่าว่า 4 วัน 3 คืน 2 ประเทศ เราไปไหนกันบ้าง
Day 1 (BKK-Medan,Indonesia)
8.00-10.30 BKK-Medan
10.30-15.30 Medan-Berastagi
15.30-18.00 Berastagi- Sipisopiso waterfall
18.00-20.00 Sipisopiso-Berastagi
ลีลามาเยอะและ เรามาเข้าเรื่องกันดีกว่า555
เนื่องจาก ไฟท์ ดอนเมือง-กัวลานามู มีรอบเช้า เราก็ต้องแหกขี้ตาตื่นมารอที่สนามบินกันนะจ๊ะ
Check-in เรียบร้อยแล้ว เราก็ไปเดินหาเกทกันเลย พอไปถึงแอบตกใจนิดนึง !!!
ไป Medan ครั้งนี้เราได้เดินเข้างวงช้างกับเขาด้วยยย (ปกติจะต้องนั่งรถบัสไปขึ้นเครื่อง 555)
จาก ดอนเมือง-กัวลานามู ใช้เวลาไม่นานค่ะ ประมาณ 1.5 ชั่วโมงเท่านั้นเราก็มาถึง Medan !!!
เรามาพร้อมกับสายฝนกันเลยทีเดียว
ผ่านตมแล้ว เราก็รีบโทรหา บริษัทรถ ที่เราได้ติดต่อเช่าไว้ พอเจอพนักงาน
คุณพี่ก็แนะนำตัวด้วยประโยคแรก “No English” ตอนนั้นคือแบบเอาไงดีวะ
แล้วการเซนเอกสาร เช่ารถต้องทำไงอ่ะ จะสื่อสารกันรู้เรื่องไหม?
ร้องไห้รอบ 2 ได้ไหมมมมมTT
เขาบอกให้เราเดินตามเขาไป (ภาษามือ) ไปรอเขาอยู่ตรงจุดรับส่งผู้โดยสาร
แล้วเขาจะไปเอารถมาให้ พวกเราก็โอเค ให้เราก็รอ!!!! คือแบบว่านอนสอนง่ายมาก 555
แล้วรถที่เขาขับมันคันไหนอ่ะ สีอะไร? ป้ายทะเบียนอะไร? คือที่นี่เขาขับ มินิแวนกันหมด
หารถแบบอื่นได้น้อยมาก คือเราจอง Toyata Innova ไป แต่ทำไมที่นี่ไม่มีสัญลักษณ์ Toyata เลย
มีแต่ Daihatsu TT คือสรุป รถที่นี่เขาใช้สัญลักษณ์ Daihatsu แต่เป็น รุ่น Innova สับสนงงงวยกันไป 55
พอพนักงานมาถึงก็บีบแตรลั่นสนั่นหวั่นไหว (กลัวไม่รู้หรอว่ามาถึงแล้วว 555)
แต่คุณพี่ไม่จอดชิดซ้ายจ้าา คุณพี่จอดชิดขวา แล้วให้คุณน้องไปขึ้นรถเลนขวา
งงในงง รอบที่2 อีคันหลังก็บีบแตรไล่ โอ้ยยยยตาย อินโดนีเซียเฟิร์สไทม์ของชั้นนนนน
พอคุณพี่ลงจากรถคุณพี่ก็ทำท่าจับพวงมาลัยรถ คือคุณพี่จะบอกว่าให้คนขับไปขับรถ?
เห่ยยยย คุณพี่คะ ? กะจะไม่ให้เราเซนเอกสารการเช่ารถ ถ่ายสำเนาพาสปอตอะไรเลยหรอ
ว่าแล้วนางก็ขอเก็บค่าเช่ารถ พร้อม Say good luck!!! แล้วก็เดินจากไป
งงในงง รอบที่ 3 แบบนี้ก็ได้?
"เมื่อคุณพี่เท แล้วพวกเราจะเซไปหาใครอ่ะ"
อ้าวทำไงได้ ออกรถสิจ๊ะ ไปตายเอาดาบหน้าละกัน 555
ขับมาได้สักพัก เดี๋ยวๆๆๆ
“เห่ยย ข้างหน้าอะไรอ่ะ”
“ด่านเก็บเงิน เก็บเงินไร?”
“เก็บเท่าไหร่?”
“ส่องคันข้างหน้าดิเขาจ่ายเท่าไหร่?”
ทุกคนในรถแบบวุ่นวาย ตื่นเต้นกันมาก พอเราไปจอด พนักงานเก็บเงินบอก
"Ticket"
“Ticket?”
“Yes Ticket”
“What’s ticket?”
“Ticket parking”
“กรี๊ดดด Ticket อะไร ทำไมชั้นนนไม่มี”
“เห่ยย มันอยู่ไหนวะ”
“ลองดูในรถ ในลิ้นชักดิ มีไหม?”
“เดี๋ยวๆหาก่อน”
“นั่นมันกระดาษอะไร? (พร้อมยื่นให้พนักงาน)”
“Yes yes yes ticket”
งงในงง รอบที่ 4 ทำไมคุณพี่ถึงทำกับชั้นได้ TT ทำไมคุณพี่ไม่บอกว่าต้องจ่ายเงินค่าที่จอด
แล้วถ้าตั๋วไม่อยู่ในรถแล้วคุณน้องจะทำอย่างไร คุณพี่!!!!!!!!!!
ผ่านด่านเก็บเงินไป ก็เจอเรื่องให้ตื่นเต้นอีก น้ำมันจะหมดค่ะทุกคน!!!
กรี๊ดดดดด
ไหนๆๆปั้มอยู่ไหน
“หาในแผนที่ดิ มีปั้มแถวนี้ไหม”
“ทำไมมันมีแต่น้ำมันเป็นขวดตลอดข้างทางอ่ะ”
“ที่นี่ไม่มีปั้มหรออ?”
คุณพี่!!!!!!!!!!
***ปกติเวลาเราไปเช่ารถมอไซด์ขับแถวเกาะล้านหรือที่อื่นๆ เขาก็จะเติมเต็มถังให้เรา
พอตอนเราคืนรถก็เติมเต็มถังให้เขา มันก็แฟร์ๆๆ ดีใช่ปะ
แต่นี่มันไม่ใช่ นี่มันอินโด เขาไม่เติมน้ำมันให้เรา กรี๊ดดดดดด
งงในงง รอบที่ 5
ขับไปหลายสิบโลมากกว่าจะเจอปั้ม ยังดีที่มันยังมีปั้ม
แต่ความงง ไม่หมดเท่านี้ น้ำมันไม่เหมือนบ้านเราค่ะ แล้วต้องเติมอันไหนอ่ะ
พลขับถึงกะจอดรถ สังเกตการว่าเขาเติมไรกัน สุดท้ายก็ไม่ได้ความ เติมตามคันหน้าก็แล้วกัน 55
เต็มถังเลยลูกพี่!!!!! น้ำมันที่นี่ตกลิตรละ 10บาท เองแกรรร จะถูกไปไหนนน555
น้ำมันเต็มถังก็แล้วลุยยยยยสิ Next station Berastagi!!!!
จาก Medan - Berastagi ใช้เวลาขับรถประมาณ 3-4 ชั่วโมงจ้าา
ด้วยระยะทาง 68 กิโลเมตร (Google map) อึ้งหล่ะสิ๊ !!!
Google map มันต้องหลอกเราแน่ๆๆ แต่!!!! ทุกคนคะ มันคือเรื่องจริงค่ะ
ถนน2เลน สวนกัน และไม่มีไหล่ทางค่ะทุกคน
ข้างหน้าเป็นรถบรรทุก ถ้าคนขับไม่กล้าแซงก็จบ ขับตามรถบรรทุกยาวไป
แล้วแบบรถบรรทุกจะเยอะไปไหน ทางก็ดี๊ดี (แอบประชด555)
ขึ้นเขาลงห้วยตลอดทาง ในที่สุดเราก็ถึงจุดหมายด้วยระยะเวลาตาม Google map เป๊ะๆ
Finally !!!! We arrived at Berastagi.
เปิดประตูออกมา พระเจ้า!!!!! ทำไมมันหนาวเยี่ยงนี้
คืออากาศเย็นมาก ใครจะไปรู้ว่าเขตร้อนชื้น มันจะหนาว TT
หนาวแค่ไหน ก็ประมาณ 16-17 องศา ค่ะ
อุณหภูมิประมาณนี้ตลอดทั้งปีเลย^^ (รู้จากพ่อค้าขายโรตี)
แล้วคือพวกเราไม่ได้เตรียมเสื้อกันหนาวมากันด้วย
เสื้อยืด กางเกงขาสั้นพร้อม TT ทำไงอ่ะ ชีวิตต้องก้าวต่อไป !!!
เราได้ติดต่อที่พักล่วงหน้า ไว้กับ Nachelle homestay
พอเข้าที่พักเรียบร้อยแล้ววว เครียค่าใช้จ่าย ก็ไปเที่ยวน้ำตกต่อเลย
น้ำตกที่เราจะไปคืออออออ “Sipisopiso waterfall”
..น้ำตกซิปิโซปิโซ ( Sipiso-piso Waterfall ) แห่งนี้ เกิดขึ้นจากแม่น้ำใต้ดินสายเล็กๆ หลายๆสาย
ที่รวมตัวกันไหลอยู่ในที่ราบสูงคาโร (Karo) ซึ่งพุ่งตัวเองออกมาจากถ้ำในหลุมปล่องภูเขาไฟ
ใต้ทะเลสาบโทบา ถือเป็นน้ำตกที่สูงที่สุดในอินโดนีเซีย และองค์การยูเนสโกขึ้นทะเบียนแล้วว่าเป็นมรดกโลก
มีความสูงมากกว่า 110 เมตร (แอบก๊อปเขามา)
จาก Berastagi - Sipisopiso ใช้เวลาเดือนทางประมาณ 1.5 ชม.
ถนนหนทางหน่ะหรอ หึหึ ก็เหมือนๆกันกับตอนขามาเลยย
ไม่อยากจะพูด คนที่นี่เขาใช้ไฟเลี้ยวคุ้มมาก คุ้มที่แบบ .......
“เลี้ยวซ้าย เปิดขวา”
“เลี้ยวขวา เปิดซ้าย”
“เปิดไปเลี้ยวขวาตลอดเวลา”
“เปิดไฟขอทางตอนข้ามแยก”
แบบนี้ก็ได้หรอ อินโดนี่มันอินโดจริงๆ (คือคำยอดฮิตของทริปนี้ 55)
ด้วยความสงสัย เลยถามคนท้องถิ่นว่าทำไมเจาเปิดไฟแบบนี้ เขาตอบกลับมาว่า
“Crazy driver haha”
OK จบข่าว!! ความสงสัยที่มามานานหลายชั่วโมง บนถนนแห่งอินโด
ในที่สุดเราก็มาถึง Sipisopiso คือวิวหลักล้านมาก ไม่น่าเชื่อว่าตอนนี้เรากำลังยืนอยู่บนปากปล่องภูเขาไฟ
ที่ดับไปแล้วกว่า 2000 ปี และเป็นปากปล่องภูเขาไฟที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วยนะ
ที่เราเห็นในรูปนั้นคือ ปากปล่องภูเขาไฟค่ะ ดับมานานมากแล้ว จนกลายเป็นทะเลสาบโทบา
ไหนๆก็มาและไปใกล้ชิดทะเลสาบโทบา สักหน่อยจะเป็นไรไป
อ้าวพร้อมแล้วว ลุยย!!! อากาศดีแค่ไหนคิดดู แอร์เออไม่ต้องเปิดแล้ว
เปิดกระจกทุกบานเป็นพอ คือแบบสดชื่นมากก เป็นธรรมชาติที่บริสุทธิ์จริงๆๆนะ ไม่เชื่อลองไปสัมผัสสิ ^^
ถ้าสมองอันน้อยๆของเราจำไม่ผิดนะ ประมาณ 10 กิโล จาก น้ำตก Sipisopiso ลงมา
ก็จะมาเจอหมู่บ้านริมทะเลสาบ เป็นวิถีชาวบ้าน นั่งตกปลาอยู่ริมตลิ่ง คือชิวดี คือเรียบง่าย ไม่หรูหรา
เราใช้เวลาอยู่ที่นี่ไม่นานเพราะเราไปถึงค่อนข้างเย็นแล้ว ตะวันกำลังลับขอบฟ้า นกกาโบยบิน ไม่ใช่และ 555
ต้องรีบกลับเข้าไปที่เมือง ตอนนี้ตั้งแต่เช้าก็ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย
ต้องรีบกลับค่ะ เราต้องไปกินข้าววว หิวแล้วววววววว
ในที่สุดเราก็มาถึงง ร้านอาหารจีน ที่ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนอาหารไทย 555
หรือไทยไปเลียนแบบจีน เริ่ม งง 555
อาหารที่เราจิ้มๆมาได้ก็มี
ไข่เจียวกุนเชียง ไก่น้ำแดง
ไก่ทอด ไก่ผัดขิง ต้มจืดไก่
เป็นไง เมนูคุ้นกันบ้างไหม555 รสชาติก็โอเคเลยนะ แบบอร่อย (หรือว่าเราหิวหว่า555)
ใช่ค่ะ !! กินของคาวแล้วไม่กินของหวานได้ไง เรามาจัดโรตีกันต่อเลยดีกว่า
จากการจิ้มเมนูอีกครั้ง เราก็ได้โรตีไข่ทอด ที่มีเครื่องเคียงเหมือนหมูสะเต๊ะทุกอย่าง อีกเมนูคือ โรตีชีสสส
ไหนที่บอกว่าของหวานนน ถึงแม่มันจะไม่หวานแต่...ทุกคนอุทานเป็นเสียงเดียวกันว่า...
“เห่ย อันนี้แมร่งหร่อยหว่ะ” คือมันอร่อยจริงๆนะ
เป็นโรตีที่เผ็ด แต่มันเข้ากันกับแป้งโรตีมาก เลิศอ่ะ .... (ว่าแล้วท้องก็ร้องเลย 555)
กินของหวานที่ไม่หวานแล้วว เราก็ไปกินทุเรียนต่อกันนน
โดยส่วนตัวแล้วเราไม่กินทุเรียน 555 เลยส่งตัวแทนไปกิน
คือร้านทุเรียนที่นี่ มองเผินๆอาจจะไม่ต่างอะไรกับแถวบ้านเรามาก
แต่ทุกคนเห็นไหมคะ ที่ร้านมาโต๊ะและเก้าอี้ให้นั่งด้วยค่ะ
ที่นี่เขามีทั้งซื้อกลับบ้าน และกินที่ร้านค่ะ
อยากกินลูกไหนก็ไปเลือกเอาเลยค่ะ เดี๋ยวแม่ค้าเขาก็จะปลอกมาให้เรากินที่โต๊ะ
คือดีเนอะ แต่รสชาติ เพื่อนบอกว่า กลับไปกินไทยดีกว่า 55
จนกว่าจะกินกันเสร็จก็ปาไป 22.30น. ได้เวลากลับที่พักไปอาบน้ำนอนแล้ววว
พรุ่งนี้ต้องตื่น ตี3.30 น. ต้องไปปีนภูเขาไฟกันน อิอิ
เดี๋ยวมาต่อ Day 2 นะคะ
[CR] อยากไป ก็ไป >> "Medan-Kualalumpur" << 4 วัน 3 คืน 2 ประเทศ โหด มันส์ ฮา และ งงงวย ไปพร้อมๆกัน ^^
สวัสดีค่ะ นี่เป็นกระทู้แรกของเรา ถ้าผิดพลาดประการใดรบกวนช่วยชี้แนะด้วยนะคะ
Intro อาจจะยาวนิดนึงนะคะ สาระจะอยู่หลังๆ ถ้ามันดูเวิ่นเว้อเกินไปก็สามารถข้ามไปเลยได้จ้าา
บางทีภาษาที่เราใช้อาจจะเป็นภาษาพูดจนเกินไป เราอยากให้ทุกคนได้ Feeling ของเราตอนนั้นจริงๆ
อย่าโกรธกันน้าาา
เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า กับที่มาที่ไปของทริปนี้
“Medan” พอพูดคำนี้หลายๆคนอาจจะงง
มันคือเมืองอะไร ?
อยู่ส่วนไหนของโลก ?
แล้วมันมีดีอะไรทำไมต้องไป ?
“เอ่ออ!!! นั่นสิ แล้วมันมีดีอะไรอ่ะ”
มันคือคำถามแรกที่แว๊บขึ้นมาในหัว เมื่อเพื่อนชวนไปเที่ยว Medan พร้อมบรรยายสรรพคุณของเมืองนี้
และภาพประกอบของ www.worldwantswandering.com
Medan อยู่เกาะสุมาตราเหนือ อินโดเอง บินตรงด้วยนะ แค่ 7000 ทั้งทริป ขับรถเอง ได้ขึ้นไปภูเขาไฟด้วย
“เอิ่มมม แกเริ่มเยอะไปและ เดี๋ยวขอดูแป๊บ”
พอไปส่องเท่านั้นแหละ
เห่ย!! เราสามารถไปเหยียบภูเขาไฟได้ด้วยงบแค่หลักพันจริงๆๆหรอ ???
แล้วที่เห็นใน Review คือแบบหลักล้านอ่ะ “แมร่งสวยหว่ะ อยากไป ก็ไป จองตั๋วเลย”
พอได้ตั๋วแล้ว ก็ไม่ค่อยตื่นเต้นหรอก รีบทำแพลนเลยจ้าาา
แพลนเมดาน เป็นอะไรที่ทำยากมาก ทั้งการจองรถ จองที่พัก ด้วยความที่รีวิวค่อนข้างน้อย
เลยจับต้นชนปลายไม่ถูก ต้องหาอ่านใน website ต่างประเทศ ที่ชาวต่างชาติเขามารีวิวไว้
ซึ่งก็ช่วยได้เยอะเลย จนทำให้เราได้แพลนที่สมบูรณ์มาค่ะ
***ต้องขอบอกก่อนนะคะ แพลนจะสมบูรณ์แค่ไหน อิชั้นก็ทำมันพลาดจนได้ พูดแล้วก็อยากร้องไห้
พลาดตรงไหนไม่พลาด ดันมาพลาดตรงจองตั๋วเครื่องบินกลับผิดวัน จองเกินแพลนก็ดีกว่า จองขาดจากแพลนใช่ปะ
แต่ไม่จ้าาาาา อิชั้นจองขาดจ้าาา แล้วไม่ได้จองผิดแค่อิชั้นคนเดียวนะจ๊ะ
อิชั้นจองให้เพื่อนผิด 4 คน แต่จองให้เพื่อนอีกคนจองถูก TT
มันน่าให้อภัยปะหล่ะ? แต่โชคดีที่ทุกคนเข้าใจเรา (หราาาา บางทีเขาอาจจะบ่นเราอยู่ก็ได้ 555 )
ความผิดครั้งนี้เราก็ต้องพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส ก็พาเพื่อนไปเที่ยว2ประเทศเลยสิ แต่วันเที่ยวเท่าเดิมนะจ๊ะ 555
(ก็ตั๋วขากลับไทยมันแพงกว่าบินไปลงกัวลาลัมเปอร์ แล้วบินกลับไทย ก็ต้องเลือกตั๋วถูกสิจ๊ะ 55)
ในที่สุดเราเลยได้แพลนเที่ยวแล้ววว มาดูกันดีกว่าว่า 4 วัน 3 คืน 2 ประเทศ เราไปไหนกันบ้าง
Day 1 (BKK-Medan,Indonesia)
8.00-10.30 BKK-Medan
10.30-15.30 Medan-Berastagi
15.30-18.00 Berastagi- Sipisopiso waterfall
18.00-20.00 Sipisopiso-Berastagi
ลีลามาเยอะและ เรามาเข้าเรื่องกันดีกว่า555
เนื่องจาก ไฟท์ ดอนเมือง-กัวลานามู มีรอบเช้า เราก็ต้องแหกขี้ตาตื่นมารอที่สนามบินกันนะจ๊ะ
Check-in เรียบร้อยแล้ว เราก็ไปเดินหาเกทกันเลย พอไปถึงแอบตกใจนิดนึง !!!
ไป Medan ครั้งนี้เราได้เดินเข้างวงช้างกับเขาด้วยยย (ปกติจะต้องนั่งรถบัสไปขึ้นเครื่อง 555)
จาก ดอนเมือง-กัวลานามู ใช้เวลาไม่นานค่ะ ประมาณ 1.5 ชั่วโมงเท่านั้นเราก็มาถึง Medan !!!
เรามาพร้อมกับสายฝนกันเลยทีเดียว
ผ่านตมแล้ว เราก็รีบโทรหา บริษัทรถ ที่เราได้ติดต่อเช่าไว้ พอเจอพนักงาน
คุณพี่ก็แนะนำตัวด้วยประโยคแรก “No English” ตอนนั้นคือแบบเอาไงดีวะ
แล้วการเซนเอกสาร เช่ารถต้องทำไงอ่ะ จะสื่อสารกันรู้เรื่องไหม?
ร้องไห้รอบ 2 ได้ไหมมมมมTT
เขาบอกให้เราเดินตามเขาไป (ภาษามือ) ไปรอเขาอยู่ตรงจุดรับส่งผู้โดยสาร
แล้วเขาจะไปเอารถมาให้ พวกเราก็โอเค ให้เราก็รอ!!!! คือแบบว่านอนสอนง่ายมาก 555
แล้วรถที่เขาขับมันคันไหนอ่ะ สีอะไร? ป้ายทะเบียนอะไร? คือที่นี่เขาขับ มินิแวนกันหมด
หารถแบบอื่นได้น้อยมาก คือเราจอง Toyata Innova ไป แต่ทำไมที่นี่ไม่มีสัญลักษณ์ Toyata เลย
มีแต่ Daihatsu TT คือสรุป รถที่นี่เขาใช้สัญลักษณ์ Daihatsu แต่เป็น รุ่น Innova สับสนงงงวยกันไป 55
พอพนักงานมาถึงก็บีบแตรลั่นสนั่นหวั่นไหว (กลัวไม่รู้หรอว่ามาถึงแล้วว 555)
แต่คุณพี่ไม่จอดชิดซ้ายจ้าา คุณพี่จอดชิดขวา แล้วให้คุณน้องไปขึ้นรถเลนขวา
งงในงง รอบที่2 อีคันหลังก็บีบแตรไล่ โอ้ยยยยตาย อินโดนีเซียเฟิร์สไทม์ของชั้นนนนน
พอคุณพี่ลงจากรถคุณพี่ก็ทำท่าจับพวงมาลัยรถ คือคุณพี่จะบอกว่าให้คนขับไปขับรถ?
เห่ยยยย คุณพี่คะ ? กะจะไม่ให้เราเซนเอกสารการเช่ารถ ถ่ายสำเนาพาสปอตอะไรเลยหรอ
ว่าแล้วนางก็ขอเก็บค่าเช่ารถ พร้อม Say good luck!!! แล้วก็เดินจากไป
งงในงง รอบที่ 3 แบบนี้ก็ได้?
"เมื่อคุณพี่เท แล้วพวกเราจะเซไปหาใครอ่ะ"
อ้าวทำไงได้ ออกรถสิจ๊ะ ไปตายเอาดาบหน้าละกัน 555
ขับมาได้สักพัก เดี๋ยวๆๆๆ
“เห่ยย ข้างหน้าอะไรอ่ะ”
“ด่านเก็บเงิน เก็บเงินไร?”
“เก็บเท่าไหร่?”
“ส่องคันข้างหน้าดิเขาจ่ายเท่าไหร่?”
ทุกคนในรถแบบวุ่นวาย ตื่นเต้นกันมาก พอเราไปจอด พนักงานเก็บเงินบอก
"Ticket"
“Ticket?”
“Yes Ticket”
“What’s ticket?”
“Ticket parking”
“กรี๊ดดด Ticket อะไร ทำไมชั้นนนไม่มี”
“เห่ยย มันอยู่ไหนวะ”
“ลองดูในรถ ในลิ้นชักดิ มีไหม?”
“เดี๋ยวๆหาก่อน”
“นั่นมันกระดาษอะไร? (พร้อมยื่นให้พนักงาน)”
“Yes yes yes ticket”
งงในงง รอบที่ 4 ทำไมคุณพี่ถึงทำกับชั้นได้ TT ทำไมคุณพี่ไม่บอกว่าต้องจ่ายเงินค่าที่จอด
แล้วถ้าตั๋วไม่อยู่ในรถแล้วคุณน้องจะทำอย่างไร คุณพี่!!!!!!!!!!
ผ่านด่านเก็บเงินไป ก็เจอเรื่องให้ตื่นเต้นอีก น้ำมันจะหมดค่ะทุกคน!!!
กรี๊ดดดดด
ไหนๆๆปั้มอยู่ไหน
“หาในแผนที่ดิ มีปั้มแถวนี้ไหม”
“ทำไมมันมีแต่น้ำมันเป็นขวดตลอดข้างทางอ่ะ”
“ที่นี่ไม่มีปั้มหรออ?”
คุณพี่!!!!!!!!!!
***ปกติเวลาเราไปเช่ารถมอไซด์ขับแถวเกาะล้านหรือที่อื่นๆ เขาก็จะเติมเต็มถังให้เรา
พอตอนเราคืนรถก็เติมเต็มถังให้เขา มันก็แฟร์ๆๆ ดีใช่ปะ
แต่นี่มันไม่ใช่ นี่มันอินโด เขาไม่เติมน้ำมันให้เรา กรี๊ดดดดดด
งงในงง รอบที่ 5
ขับไปหลายสิบโลมากกว่าจะเจอปั้ม ยังดีที่มันยังมีปั้ม
แต่ความงง ไม่หมดเท่านี้ น้ำมันไม่เหมือนบ้านเราค่ะ แล้วต้องเติมอันไหนอ่ะ
พลขับถึงกะจอดรถ สังเกตการว่าเขาเติมไรกัน สุดท้ายก็ไม่ได้ความ เติมตามคันหน้าก็แล้วกัน 55
เต็มถังเลยลูกพี่!!!!! น้ำมันที่นี่ตกลิตรละ 10บาท เองแกรรร จะถูกไปไหนนน555
น้ำมันเต็มถังก็แล้วลุยยยยยสิ Next station Berastagi!!!!
จาก Medan - Berastagi ใช้เวลาขับรถประมาณ 3-4 ชั่วโมงจ้าา
ด้วยระยะทาง 68 กิโลเมตร (Google map) อึ้งหล่ะสิ๊ !!!
Google map มันต้องหลอกเราแน่ๆๆ แต่!!!! ทุกคนคะ มันคือเรื่องจริงค่ะ
ถนน2เลน สวนกัน และไม่มีไหล่ทางค่ะทุกคน
ข้างหน้าเป็นรถบรรทุก ถ้าคนขับไม่กล้าแซงก็จบ ขับตามรถบรรทุกยาวไป
แล้วแบบรถบรรทุกจะเยอะไปไหน ทางก็ดี๊ดี (แอบประชด555)
ขึ้นเขาลงห้วยตลอดทาง ในที่สุดเราก็ถึงจุดหมายด้วยระยะเวลาตาม Google map เป๊ะๆ
Finally !!!! We arrived at Berastagi.
เปิดประตูออกมา พระเจ้า!!!!! ทำไมมันหนาวเยี่ยงนี้
คืออากาศเย็นมาก ใครจะไปรู้ว่าเขตร้อนชื้น มันจะหนาว TT
หนาวแค่ไหน ก็ประมาณ 16-17 องศา ค่ะ
อุณหภูมิประมาณนี้ตลอดทั้งปีเลย^^ (รู้จากพ่อค้าขายโรตี)
แล้วคือพวกเราไม่ได้เตรียมเสื้อกันหนาวมากันด้วย
เสื้อยืด กางเกงขาสั้นพร้อม TT ทำไงอ่ะ ชีวิตต้องก้าวต่อไป !!!
เราได้ติดต่อที่พักล่วงหน้า ไว้กับ Nachelle homestay
พอเข้าที่พักเรียบร้อยแล้ววว เครียค่าใช้จ่าย ก็ไปเที่ยวน้ำตกต่อเลย
น้ำตกที่เราจะไปคืออออออ “Sipisopiso waterfall”
..น้ำตกซิปิโซปิโซ ( Sipiso-piso Waterfall ) แห่งนี้ เกิดขึ้นจากแม่น้ำใต้ดินสายเล็กๆ หลายๆสาย
ที่รวมตัวกันไหลอยู่ในที่ราบสูงคาโร (Karo) ซึ่งพุ่งตัวเองออกมาจากถ้ำในหลุมปล่องภูเขาไฟ
ใต้ทะเลสาบโทบา ถือเป็นน้ำตกที่สูงที่สุดในอินโดนีเซีย และองค์การยูเนสโกขึ้นทะเบียนแล้วว่าเป็นมรดกโลก
มีความสูงมากกว่า 110 เมตร (แอบก๊อปเขามา)
จาก Berastagi - Sipisopiso ใช้เวลาเดือนทางประมาณ 1.5 ชม.
ถนนหนทางหน่ะหรอ หึหึ ก็เหมือนๆกันกับตอนขามาเลยย
ไม่อยากจะพูด คนที่นี่เขาใช้ไฟเลี้ยวคุ้มมาก คุ้มที่แบบ .......
“เลี้ยวซ้าย เปิดขวา”
“เลี้ยวขวา เปิดซ้าย”
“เปิดไปเลี้ยวขวาตลอดเวลา”
“เปิดไฟขอทางตอนข้ามแยก”
แบบนี้ก็ได้หรอ อินโดนี่มันอินโดจริงๆ (คือคำยอดฮิตของทริปนี้ 55)
ด้วยความสงสัย เลยถามคนท้องถิ่นว่าทำไมเจาเปิดไฟแบบนี้ เขาตอบกลับมาว่า
“Crazy driver haha”
OK จบข่าว!! ความสงสัยที่มามานานหลายชั่วโมง บนถนนแห่งอินโด
ในที่สุดเราก็มาถึง Sipisopiso คือวิวหลักล้านมาก ไม่น่าเชื่อว่าตอนนี้เรากำลังยืนอยู่บนปากปล่องภูเขาไฟ
ที่ดับไปแล้วกว่า 2000 ปี และเป็นปากปล่องภูเขาไฟที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วยนะ
ที่เราเห็นในรูปนั้นคือ ปากปล่องภูเขาไฟค่ะ ดับมานานมากแล้ว จนกลายเป็นทะเลสาบโทบา
ไหนๆก็มาและไปใกล้ชิดทะเลสาบโทบา สักหน่อยจะเป็นไรไป
อ้าวพร้อมแล้วว ลุยย!!! อากาศดีแค่ไหนคิดดู แอร์เออไม่ต้องเปิดแล้ว
เปิดกระจกทุกบานเป็นพอ คือแบบสดชื่นมากก เป็นธรรมชาติที่บริสุทธิ์จริงๆๆนะ ไม่เชื่อลองไปสัมผัสสิ ^^
ถ้าสมองอันน้อยๆของเราจำไม่ผิดนะ ประมาณ 10 กิโล จาก น้ำตก Sipisopiso ลงมา
ก็จะมาเจอหมู่บ้านริมทะเลสาบ เป็นวิถีชาวบ้าน นั่งตกปลาอยู่ริมตลิ่ง คือชิวดี คือเรียบง่าย ไม่หรูหรา
เราใช้เวลาอยู่ที่นี่ไม่นานเพราะเราไปถึงค่อนข้างเย็นแล้ว ตะวันกำลังลับขอบฟ้า นกกาโบยบิน ไม่ใช่และ 555
ต้องรีบกลับเข้าไปที่เมือง ตอนนี้ตั้งแต่เช้าก็ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย
ต้องรีบกลับค่ะ เราต้องไปกินข้าววว หิวแล้วววววววว
ในที่สุดเราก็มาถึงง ร้านอาหารจีน ที่ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนอาหารไทย 555
หรือไทยไปเลียนแบบจีน เริ่ม งง 555
อาหารที่เราจิ้มๆมาได้ก็มี
ไข่เจียวกุนเชียง ไก่น้ำแดง
ไก่ทอด ไก่ผัดขิง ต้มจืดไก่
เป็นไง เมนูคุ้นกันบ้างไหม555 รสชาติก็โอเคเลยนะ แบบอร่อย (หรือว่าเราหิวหว่า555)
ใช่ค่ะ !! กินของคาวแล้วไม่กินของหวานได้ไง เรามาจัดโรตีกันต่อเลยดีกว่า
จากการจิ้มเมนูอีกครั้ง เราก็ได้โรตีไข่ทอด ที่มีเครื่องเคียงเหมือนหมูสะเต๊ะทุกอย่าง อีกเมนูคือ โรตีชีสสส
ไหนที่บอกว่าของหวานนน ถึงแม่มันจะไม่หวานแต่...ทุกคนอุทานเป็นเสียงเดียวกันว่า...
“เห่ย อันนี้แมร่งหร่อยหว่ะ” คือมันอร่อยจริงๆนะ
เป็นโรตีที่เผ็ด แต่มันเข้ากันกับแป้งโรตีมาก เลิศอ่ะ .... (ว่าแล้วท้องก็ร้องเลย 555)
กินของหวานที่ไม่หวานแล้วว เราก็ไปกินทุเรียนต่อกันนน
โดยส่วนตัวแล้วเราไม่กินทุเรียน 555 เลยส่งตัวแทนไปกิน
คือร้านทุเรียนที่นี่ มองเผินๆอาจจะไม่ต่างอะไรกับแถวบ้านเรามาก
แต่ทุกคนเห็นไหมคะ ที่ร้านมาโต๊ะและเก้าอี้ให้นั่งด้วยค่ะ
ที่นี่เขามีทั้งซื้อกลับบ้าน และกินที่ร้านค่ะ
อยากกินลูกไหนก็ไปเลือกเอาเลยค่ะ เดี๋ยวแม่ค้าเขาก็จะปลอกมาให้เรากินที่โต๊ะ
คือดีเนอะ แต่รสชาติ เพื่อนบอกว่า กลับไปกินไทยดีกว่า 55
จนกว่าจะกินกันเสร็จก็ปาไป 22.30น. ได้เวลากลับที่พักไปอาบน้ำนอนแล้ววว
พรุ่งนี้ต้องตื่น ตี3.30 น. ต้องไปปีนภูเขาไฟกันน อิอิ
เดี๋ยวมาต่อ Day 2 นะคะ