ก่อนอื่นเลยต้องขอออกตัวไว้ก่อนครับ ว่าเนื้อหาทั้งหมดเป็นการเล่าเรื่องจากความทรงจำส่วนตัวในฐานะที่เคยสนใจ GunPla มาในอดีต และรวบรวมจากการได้พูดคุยกับพี่ๆท่านผู้อาวุโสที่อยู่ร่วมวงการในสมัยนั้น ดังนั้นข้อมูลบางอย่างหากผิดพลาดประการใด ขออภัยและน้อมรับนำมาแก้ไขปรับปรุงครับ
ประวัติศาสตร์ของกันดั้มนั้น เริ่มต้นเมื่อปี ค.ศ.1979 เมื่อบริษัท ซันไรซ์ ประเทศญี่ปุ่น ได้ผลิตซีรีย์อนิเมชั่น “โมบิลสูท กันดั้ม” ออกฉายที่ญี่ปุ่นครั้งแรก (ฉายจริงปี 1980) โดยมีหุ่นตัวเอกในเรื่องคือ RX78-2 ซึ่งก็คือ Gundam เฉยๆนี่แหละ เราจะคุ้นเคยเรียกภาคนี้ว่ากันดั้มภาคแรก ไม่นานนักในเดือน กรกฎาคม ปี 1980 บริษัท Bandai ก็ได้ผลิต GunPla ตัวแรกออกจำหน่ายเช่นเดียวกัน
กล่องนี้เลยครับ GunPla ตัวแรกที่ผู้ผลิตมาเพื่อจำหน่ายในปี ค.ศ.1980 เป็นสเกลขนาด 1/144 ชิ้นส่วนประกอบแบบง่ายๆไม่แยกสี ราคาเพียง 300เยน ใครมีก็เก็บไว้นะครับ
แต่ก็ต้องรอจนถึงปี ค.ศ.1981 ประเทศไทยเราถึงจะได้ดูกันทางทีวี ที่ทางช่อง 7สี ทีวีเพื่อคุณ นำมาออกอากาศฉาย ในชื่อ “อภินิหารกันดั้ม”
เมื่อมีการ์ตูนฉายทางทีวี แน่นอนก็ต้องมีของเล่นตามเข้ามาขายด้วย โดยหลังจากที่ช่อง 7 เอากันดั้มมาฉายได้ไม่นาน บริษัท ก.เจริญ ก็นำเข้า ของเล่นกันดั้ม ที่ผลิตโดยบริษัท Bandai ประเทศญี่ปุ่น เข้ามาขายในไทยเช่นกัน แต่ส่วนใหญ่กลุ่มลูกค้าก็จะเป็นเด็กๆ (ซึ่งก็คือเราในสมัยนั้นนั่นแหละ) ขายเป็น พลาสติกโมเดลคิท แบบง่ายๆ และของเล่นแบบต่างๆ แต่ ก.เจริญ ผู้นำเข้าของเล่นจากญี่ปุ่นมาขายรายใหญ่ในสมัยนั้นก็นำเข้าของเล่นหลายอย่าง กันดั้มก็เป็นแค่ไลน์เล็กๆไลน์หนึ่ง ซึ่งไม่ได้ขายดีอะไรนัก
แต่ซีรีย์กันดั้มในญี่ปุ่นไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น หลังจากกันดั้มภาคแรกประสบความสำเร็จ ก็มีการสร้างภาคต่อ และภาคใหม่ๆขึ้นมาเรื่อยๆจนถึงปัจจุบันมีมากกว่า 30 ภาค
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้มีภาคอะไรบ้างเข้าไปดูได้ใน Wilipedia เลยครับ
https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%A1
เมื่อซีรีย์ดัง ของเล่นก็มีการพัฒนา จากโมเดลคิทแบบง่ายๆ ก็พัฒนาจุดขยับ ข้อต่อต่างๆซับซ้อนมากขึ้น พลาสติกมีการฉีดแยกสีมาให้ในแผงต่างๆดีขึ้น โมเดลคิดกันดั้ม หรือ GunPla (Gundam Plastic Model Kits) จึงน่าสนใจและดึงดูดกลุ่มคนที่มีอายุมากขึ้นเช่นกัน และมันก็เริ่มที่จะไม่ใช่เป็นเพียงแค่ของเล่นเด็กเท่านั้นแล้ว
ปี ค.ศ. 1990 Bandai ได้พัฒนาGunPla ให้ดีขึ้น มีจุดขยับ มีรายละเอียดมากขึ้น ใช้ชื่อซีรียร์ High Grade (HG) แฟนๆชาวไทยสมัยนั้นก็เริ่มขยายวง มีความต้องการมากขึ้น ทำให้ร้านของเล่นหลายๆร้านแถวสะพานเหล็กในสมัยนั้น นำเข้ามาจำหน่ายเองเลย ที่เค้าเรียกว่า “หิ้ว” เข้ามาขายกัน บางกล่องมีราคาแพงหลักพันก็มีคนซื้อ
HG กล่องแรก ตัวนี้เลย วางจำหน่ายในญี่ปุ่น เดือนมีนาคม ปี1990 ราคา 1000เยน จุดเด่นๆเลยคือ มันมียาน Core fighter แปลงร่างแยกมาจากตัวหุ่นได้ด้วย เรียกว่า โคตรเจ๋ง ในยุคนั้น
ปี ค.ศ. 1995 Bandai พัฒนาขึ้นไปอีกโดยการออกซีรีย์ Master Grade (MG) ซึ่งมีโครงสร้างภายใน มีจุดขยับ แผงพลาสติกมีการฉีดแยกสีมาให้ เรียกว่าสุดยอดมากๆ ทำให้คนไทยที่ชอบทำโมเดลหันมามอง GunPla มากขึ้น
MG ตัวแรก วางจำหน่ายในญึ่ปุ่น เดือน กรกฎาคม ปี 1995 ราคา 2,500เยน ความสุดยอดของ MG ในยุคนั้นมันน่าตื่นเต้นขนาดไหนคงไม่ต้องบอกครับ
และเมื่อความต้องการมากขึ้น ทำให้ บริษัท อื่นๆในประเทศไทย เริ่มนำเข้ามาขายบ้างอย่าง บริษัท ไมโครน๊อท และ BKC จนในที่สุดก็มาเป็น บริษัท ดรีมทอย เป็นผู้ได้รับลิขสิทธิ์อย่างเป็นทางการจาก บริษัท Bandai ประเทศญี่ปุ่นให้เป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้ากันดั้มของบันได จนมาถึงทุกวันนี้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ลิสลำดับGunPlaครับ
http://gundam.wikia.com/wiki/List_of_Gundam_Models_since_1980
เล่าประวัติศาสตร์ Gundam /GunPla เมืองไทย, เล่าเรื่องงานประกวด และรวมภาพโมที่ทำให้ผมได้มาซึ่ง Gundam ที่หายากที่สุดในโลก
ประวัติศาสตร์ของกันดั้มนั้น เริ่มต้นเมื่อปี ค.ศ.1979 เมื่อบริษัท ซันไรซ์ ประเทศญี่ปุ่น ได้ผลิตซีรีย์อนิเมชั่น “โมบิลสูท กันดั้ม” ออกฉายที่ญี่ปุ่นครั้งแรก (ฉายจริงปี 1980) โดยมีหุ่นตัวเอกในเรื่องคือ RX78-2 ซึ่งก็คือ Gundam เฉยๆนี่แหละ เราจะคุ้นเคยเรียกภาคนี้ว่ากันดั้มภาคแรก ไม่นานนักในเดือน กรกฎาคม ปี 1980 บริษัท Bandai ก็ได้ผลิต GunPla ตัวแรกออกจำหน่ายเช่นเดียวกัน
กล่องนี้เลยครับ GunPla ตัวแรกที่ผู้ผลิตมาเพื่อจำหน่ายในปี ค.ศ.1980 เป็นสเกลขนาด 1/144 ชิ้นส่วนประกอบแบบง่ายๆไม่แยกสี ราคาเพียง 300เยน ใครมีก็เก็บไว้นะครับ
แต่ก็ต้องรอจนถึงปี ค.ศ.1981 ประเทศไทยเราถึงจะได้ดูกันทางทีวี ที่ทางช่อง 7สี ทีวีเพื่อคุณ นำมาออกอากาศฉาย ในชื่อ “อภินิหารกันดั้ม”
เมื่อมีการ์ตูนฉายทางทีวี แน่นอนก็ต้องมีของเล่นตามเข้ามาขายด้วย โดยหลังจากที่ช่อง 7 เอากันดั้มมาฉายได้ไม่นาน บริษัท ก.เจริญ ก็นำเข้า ของเล่นกันดั้ม ที่ผลิตโดยบริษัท Bandai ประเทศญี่ปุ่น เข้ามาขายในไทยเช่นกัน แต่ส่วนใหญ่กลุ่มลูกค้าก็จะเป็นเด็กๆ (ซึ่งก็คือเราในสมัยนั้นนั่นแหละ) ขายเป็น พลาสติกโมเดลคิท แบบง่ายๆ และของเล่นแบบต่างๆ แต่ ก.เจริญ ผู้นำเข้าของเล่นจากญี่ปุ่นมาขายรายใหญ่ในสมัยนั้นก็นำเข้าของเล่นหลายอย่าง กันดั้มก็เป็นแค่ไลน์เล็กๆไลน์หนึ่ง ซึ่งไม่ได้ขายดีอะไรนัก
แต่ซีรีย์กันดั้มในญี่ปุ่นไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น หลังจากกันดั้มภาคแรกประสบความสำเร็จ ก็มีการสร้างภาคต่อ และภาคใหม่ๆขึ้นมาเรื่อยๆจนถึงปัจจุบันมีมากกว่า 30 ภาค
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เมื่อซีรีย์ดัง ของเล่นก็มีการพัฒนา จากโมเดลคิทแบบง่ายๆ ก็พัฒนาจุดขยับ ข้อต่อต่างๆซับซ้อนมากขึ้น พลาสติกมีการฉีดแยกสีมาให้ในแผงต่างๆดีขึ้น โมเดลคิดกันดั้ม หรือ GunPla (Gundam Plastic Model Kits) จึงน่าสนใจและดึงดูดกลุ่มคนที่มีอายุมากขึ้นเช่นกัน และมันก็เริ่มที่จะไม่ใช่เป็นเพียงแค่ของเล่นเด็กเท่านั้นแล้ว
ปี ค.ศ. 1990 Bandai ได้พัฒนาGunPla ให้ดีขึ้น มีจุดขยับ มีรายละเอียดมากขึ้น ใช้ชื่อซีรียร์ High Grade (HG) แฟนๆชาวไทยสมัยนั้นก็เริ่มขยายวง มีความต้องการมากขึ้น ทำให้ร้านของเล่นหลายๆร้านแถวสะพานเหล็กในสมัยนั้น นำเข้ามาจำหน่ายเองเลย ที่เค้าเรียกว่า “หิ้ว” เข้ามาขายกัน บางกล่องมีราคาแพงหลักพันก็มีคนซื้อ
HG กล่องแรก ตัวนี้เลย วางจำหน่ายในญี่ปุ่น เดือนมีนาคม ปี1990 ราคา 1000เยน จุดเด่นๆเลยคือ มันมียาน Core fighter แปลงร่างแยกมาจากตัวหุ่นได้ด้วย เรียกว่า โคตรเจ๋ง ในยุคนั้น
ปี ค.ศ. 1995 Bandai พัฒนาขึ้นไปอีกโดยการออกซีรีย์ Master Grade (MG) ซึ่งมีโครงสร้างภายใน มีจุดขยับ แผงพลาสติกมีการฉีดแยกสีมาให้ เรียกว่าสุดยอดมากๆ ทำให้คนไทยที่ชอบทำโมเดลหันมามอง GunPla มากขึ้น
MG ตัวแรก วางจำหน่ายในญึ่ปุ่น เดือน กรกฎาคม ปี 1995 ราคา 2,500เยน ความสุดยอดของ MG ในยุคนั้นมันน่าตื่นเต้นขนาดไหนคงไม่ต้องบอกครับ
และเมื่อความต้องการมากขึ้น ทำให้ บริษัท อื่นๆในประเทศไทย เริ่มนำเข้ามาขายบ้างอย่าง บริษัท ไมโครน๊อท และ BKC จนในที่สุดก็มาเป็น บริษัท ดรีมทอย เป็นผู้ได้รับลิขสิทธิ์อย่างเป็นทางการจาก บริษัท Bandai ประเทศญี่ปุ่นให้เป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้ากันดั้มของบันได จนมาถึงทุกวันนี้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้