กราบบบสวัสดีพี่ป้าน้าอาทุกคนนะครับ ช่วงนี้เราลงรีวิวมือถือบ่อยไปเนอะ แทบจะทุกวันเลย กลัวคนดูจะเบื่อ ผมเลยลองหาอย่างอื่นมาแซม ๆ บ้าง นึกอะไรไม่ออกเดินไป 7-11 เจอหูฟังที่เคยรีวิวไป ตอนนี้มีมา Gen ใหม่อีกละ (ขยันออกลูกจริงจริ้ง)
... งั้นเอาหูฟังราคา 199 มารีวิวกันอีกที
รอบที่แล้วเราลงรีวิวหูฟัง 7-11 ไปก็มีเข้ามาคอมเมนต์แลกเปลี่ยนประสบการณ์หูฟังขาดกันเยอะแยะ งบน้อยตัวไหนโอเคสุด บางคนบ้านอยู่ ตจว หูฟังหาย หูฟังขาด ไม่รู้จะซื้อไหนก็มีแต่ 7-11 นี่แหละเป็นที่พึ่งพิง ที่สำคัญใน 7-11 มีเยอะมาก แล้วจะซื้ออันไหนดี ก็ดูรีวิวพวกเราแล้วไปเลือกซื้อตามที่ชอบได้เลยครับ
ตัวแรกที่หยิบมาครับ เป็นหูฟัง Ear Pods ชื่อรุ่น RE 410 ตัวนี้เน้นฟังสบายชิลๆ ใส่สบาย ใส่ง่ายๆแบบหูฟัง iPhone
ตัวที่สองครับ หูฟังแบบ In Ear ชื่อรุ่น RE 801 ตัวนี้เน้นฟังเบสนุ่มๆหน่อย บ้านใครข้างบ้านโหวกเหวกโวยวาย เอาตัวนี้ไปช่วยกันเสียงรอบนอกได้เยอะ แต่มันจะสบายสู้ตัวแรกไม่ได้ ก็เลือกเอาตามที่ชอบ (ในกล่องนี่รกซักนิดนึงเพราะเรานี่แกะมาฟังกันนมนานซะเหลือเกินครับอิอิ)
ทีนี้มาดูรีวิวแบบเจาะลึกกันทีละตัว ผมจะแบ่งเป็น 3 พาร์ทเพื่อให้มองภาพง่ายๆ งานประกอบ/ฟังก์ชัน/ความทนทาน , คุณภาพเสียง และคุณภาพไมค์ที่ให้มา โดยเทียบกับหูฟังสุดรักสุดหวงดังดวงหฤทัย "Apple EarPod" คู่บุญอันนี้ครับ
เอาตัวแรกก่อน Rizz RE 410 ตัวนี้หูฟังเป็นแบบ Ear Pods เน้นใส่ง่ายถอดคล่อง เด็กฟังง่ายผู้ใหญ่ฟังดี วัสดุ Body
เป็นพลาสติกแข็งแรงดี ยืดหยุ่นกว่ารุ่นก่อน
ก้านหูฟังเค้าดีไซน์ใหม่ ยาวกว่าเดิม (Gen ที่แล้วที่เรารีวิวไปมันสั้นมาก สั้นจนพอเราเอียงคอนี่มันจะขัดกับขอบหูหน่อยๆ อันนี้ถือว่าทำมาดี)
ตัวสายเป็นยางแบน ต้องเอาไปเปลี่ยนยางใหม่ ไม่ใช่ เป็นยางแบนที่ออกแบบมาป้องกันการพันกันของสาย ซึ่งถ้ารวยหน่อย จะเป็นสายหมื่น แฮ่!
จากประสบการณ์ที่ใช้หูฟังสายแบนมา บอกตรงๆว่าถ้าขยำใส่กางเกง ... ยังไงก็พันอยู่ดี (อาจจะแกะง่ายกว่าประมาณ 20%)
แจ็ค 3.5 mm ที่ดีไซน์มาดี หัวแจ็คโค้งเป็นรูปตัว L ป้องกันสายหักเวลาเราใส่ในกระเป๋ากางเกงหรือใช้งานมันโหดๆ พับไปมาตอนดูหนังหรือเล่นเกม ซึ่งอันนี้ทำมาดีหลายรุ่นแล้วต้องขอชื่นชม
ฟังก์ชันที่ให้มามี 3 ฟังก์ชัน
กด 1 ครั้ง จะหยุดเพลงหรือเล่นต่อ
กด 2 ครั้งจะข้ามไปเพลงถัดไป
กด 3 ครั้งจะกลับมาเพลงก่อนหน้าที่เล่นอยู่
ซึ่งจากที่ลองเทสมา สามารถใช้กับ iOS พวก iPhone iPad ได้เต็มรูปแบบ กดได้ครบ 3
ฟังก์ชัน
แต่ถ้าเกิดเป็น Android ลองมาสามสี่รุ่นแล้วก็ยังใช้ได้แค่ 2 คือ กด 1 ครั้งและ กด 2 ครั้ง (กด 3 ครั้งจะกลายเป็นข้ามไปเพลงถัดไป และ หยุดเพลงไว้)
ทีนี้มาดูที่คุณภาพเสียงกันบ้างครับ ราคา 199 คุณคาดหวังไว้แค่ไหน ? ถ้าจะเอาเทียบ Beats SOLO อันละ 4-5,000 อันนี้มันเป็นไปไม่ได้ คุณภาพของตามราคา อย่าซื้อวีออสเพื่อหวังให้มันซิ่งสู้กับแลมโบกินี่เลยครับ สงสารคนทำ ฮ่าๆ
กลับเข้าเรื่องของเรากัน เรื่องการฟังเพลงอันนี้เป็นรสนิยมส่วนบุคคล ความชอบแต่ละคนไม่เหมือนกัน ดังนั้นผมขอเล่าในมุมมองของผมแล้วกัน
คาแรคเตอร์ของ Rizz RE 410 จะให้เสียงเบสหนาและอ้วน อมบวมนิดๆ เสียงกลางค่อนข้างน้อยไปหน่อยจากที่มันควรจะเป็น เสียงแหลมไม่เด่นมาก หลบๆอยู่หลังเสียงกลางซะด้วยซ้ำไป
ความใสเคลียร์อยู่ในเกณฑ์ปกติของช่วงราคานี้ สำหรับคนทั่วไปถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี สำหรับคนที่เล่นหูฟังมาเยอะจะรู้ว่ามันควรจะดีกว่านี้ ... แต่อย่าลืมว่านี่มันอันละ 199 นะพี่ แถมซื้อได้จาก 7-11 อีก ก็ถือว่าตามเนื้อผ้าครับ ซื้อไปก็ไม่เสียดาย
แนวเพลงที่ตัวนี้เหมาะจะเอาไปฟัง ผมแนะนำว่าเป็นแนว Rock จ๋า แบบ Bobyslam อัลบั้มเก่าๆจะเวิร์คมาก RTS , SWM อะไรแถวๆนี้กำลังดี EDM ได้แค่ตื๊ดๆ แต่ความเคลิ้มยังไม่ถึงขั้น ส่วนใครจะเอาไปฟังหมอลำ ลูกทุ่ง มันสิบ่ค่อยม่วน
ทีนี้ลองเอามาเทียบกับ Ear Pod ของ Apple ดูบ้าง แน่นอนว่าราคามันห่างกันหลายเท่าตัว ... แต่เพราะตัวนี้ผมค่อนข้างมั่นใจว่าทุกคนสามารถหามาฟังได้ และ หลายคนต้องเคยผ่านหูฟังตัวนี้มาแน่ๆ
พอลองฟังเทียบกันแล้ว สิ่งที่เจ้า Rizz RE 410 ทำได้ดีกว่า Apple EarPod คือเสียงเค้าจะดังกว่านิ๊สนึง (ประมาณ 5%) เบสแน่นกว่า ตึ้บกว่า ราคาถูกกว่า หาซื้อง่ายกว่า แถมหัวแจ็คยังงอเป็นรูปตัว L ซึ่งอันนี้ผมโคตะระอยากให้ Apple ทำมาสักที ... พังไปหลายอันแล้วนะ
ส่วนอันที่พี่แกสู้ไม่ได้เลยคือเรื่องของความใสเคลียร์ เสียงกลาง เสียงแหลม อันนี้โดนตบดิ้น ฮ่าๆ คือมันก็ตามราคาอยู่แล้วนะ จะให้สู้ได้คงยาก เอาเป็นว่าต้องพยายามมากกว่านี้อีกนิด
คุณภาพไมค์ยังห่างกันพอสมควร เสียงจาก Rizz RE 410 ใช้คุยธรรมดาทั่วไปได้สบายๆ แต่มันจะเบากว่า Apple EarPod อยู่ประมาณ 20% ดังนั้นถ้าจะจีบสาว บอกให้ฝั่งนู้นเร่งเสียงให้เยอะหน่อย บอกรักไปเดี๋ยวเค้าจะไม่ได้ยินแล้วจะแห้วเอา
หมดแล้วครับสำหรับตัวแรก RE 410 ถ้าจะให้คะแนน ผมให้สัก 7.5/10 กำลังดี หักไปเรื่องของเสียงเบสที่บวมไปนิด กลางแหลมก็น้อยไปหน่อย ความใสเคลียร์ที่ผมชอบนี่โดนเต็มๆ
แต่สำหรับขา Rock , ฟังก์ , EDM จัดไปได้เลย ให้คะแนนความตื้ดไปอยู่ที่ 7.7 คะแนน อีก 2.3 หักไว้เผื่ออยากฟังลูกทุ่งแล้วกัน
อันท่ีสองครับ Rizz อีกแล้วแต่เป็นหูฟังแบบ In Ear พูดง่ายๆ คือแบบที่มันมีจุกอย่างอุดเข้าไปในรูหูเรานั้นแหละครับ
ชื่อเสียงเรียงนาม RE 801 สีนี่หวานมาเลยฮะ ฟ้าขาว สงสัยคนออกแบบจะชอบทีมชาติอาร์เจนติน่า ไม่ก็สาวกเมสซี่ อะไรทำนองนั้น
วัสดุของ RE 801 จะเป็นการผสมกันระหว่าง โลหะและพลาสติก โดยตัวหลักจะเป็นโลหะและปลายที่ใส่จุดจะเป็นพลาสติกแทน
จุกยางที่แถมมา มี 3 Size ให้เลือกเปลี่ยน ก็ลองเปลี่ยนกันตามขนาดหูฟัง หูเบา ก็เลือกกันตามไซน์ ซึ่งจากที่ลองมาผมใส่แล้วสบายนะ ไม่ปวดหูแบบหูฟัง 7-11 หลายๆตัวที่รีวิวกันก่อนหน้านี้
ตัวสายเหมือนกับรุ่นก่อนหน้าครับ เป็นสายแบนช่วยลดอาการพัน
หัวแจ็ค 3.5 mm ก็เป็นแบบรูปตัว L ป้องกันเวลาใส่กระเป๋าหรือกระชากแรงๆได้
ฟังก์ชันแบบเดียวกับด้านบนเลยครับ มี 3 ฟังก์ชัน และมีแค่ iOS เท่านั้นที่ใช้ได้ครบ Android ใช้ได้แค่ 2 ฟังก์ชันเท่านั้นเอง
ทีนี้มาดูคุณภาพเสียงกันบ้างครับ ตัวนี้เบสนุ่มมากก น่าจะนุ่มสุดแล้วเท่าที่หูฟัง 7-11 จะเคยให้ผมได้ ไม่กระแทกเลย กำลังดี ไม่บวมเป่งแบบอันที่แล้ว อันนี้เบสน่ารักกว่าเยอะ
เสียงกลางพื้นๆครับ แหลมก็จะน้อยๆหน่อย แต่เอามาฟังหมอลำพอได้อยู่นะ ไม่รู้สึกชีวิตจะขาดหายอะไร แค่เซิ้งไม่มันเท่า Apple Ear Pod
แนวเพลงที่ผมจะแนะนำให้ฟังจากตัวนี้เลยคือ ฟังได้ทุกแนวครับ ค่อนข้างกว้างกว่าตัว Rizz RE 410 มากๆ ถ้าเบิร์นดีๆฟังไปสักอาทิตย์ผมว่าน่าจะดีกว่านี้
ทีนี้ลองเอามาเทียบกับ Apple Ear Pod สุดรักของเรากันบ้าง สิ่งที่พี่ Rizz RE 801 ชนะไปแบบใสๆ ก็เรื่องของความดังนี่แหละครับ พี่แกดังกว่าอยู่ประมาณ 10% หรือถ้าเป็นไอโฟนก็ขีดนึงอะไรทำนองนี้ เบสแน่นกว่า และหาซื้อง่ายกว่าครับ ที่สำคัญเลยคือหัวแจ็คเป็นแบบรูปตัว L ใส่กระเป๋าไม่พังง่ายแน่นอน
มาดูข้อที่สู้ไม่ได้บ้าง อันแรกเลยคือเสียงใสเคลียร์อันนี้แพ้นิดๆ แต่ถ้าเทียบเรื่องราคามาเกี่ยวด้วยแล้ว ผมว่าพอสู้ได้ (คือราคามันห่างกันหลายเท่าอยู่ จะวัดกันก็กระไร เอาแค่ที่พี่แกไหวก็ถือว่าดีมากๆแล้ว)
เรื่องของไมค์ พอๆกับตัว Rizz RE 410 คือกลางๆ ไม่ได้ดีมาก จีบสาวพอได้แค่ต้องให้เค้าเพิ่มระดับลำโพงหน่อยนึง เรื่องตัดเสียงรบกวนอันนี้ยัง สู้ Apple Ear Pod ไม่ได้
และถ้าจะให้คะแนน ผมขอให้คะแนนไปที่ 8.2 คะแนน หักไปนิดนึงตรงความใส ที่ถ้าพี่ใสกว่านี้สักนิ๊สส พี่จะได้ 8.5 ไม่ก็ 9 ไปเลยด้วยซ้ำ ถือว่าทำได้ดีสุดแล้วนะเท่าที่เคยฟังหูฟัง 7-11 อันละ 199 มา
ฝากถึงคนที่กำลังจะซื้อนะครับ หูฟัง 7-11 เหมาะกับคนที่ทำหูฟังขาดกะทันหัน แล้วหาซ้ือไม่ได้ ก็เดินไป 7-11 เจอปุ๊บหยิบปั๊บกลับบ้านได้ฟังเพลงเลย หรือหูฟังที่ติดมามันโคตรกาก อยากได้ที่มันพอจะฟังได้ฟินๆในงบไม่เยอะ ก็ไปหยิบที่ 7-11 ง่ายๆ
รูปแบบของหูฟังก็มีผล อย่างผมไม่ชอบ In Ear เพราะหา Size จุกยางที่มันเข้ากับหูยาก แถมใส่แล้วขี้หูติดมาอีก ก็เลยเลือก Ear Pods แทน แต่ผมจะไม่ได้ในเรื่องของการกันเสียงรบกวนและเสียงเบสนุ่มๆทุ้มๆหูแบบ In Ear ก็ต้องแลกกันไปครับ
อีกนิดนึงคือการเคลมหูฟัง 7-11 ตอนนี้เค้ามี FanPage Facebook กับ Line@ แล้วนะ ใครหูฟังมีปัญหา ติดๆดับๆบ้าง ก็ติดต่อไปได้เค้าเปลี่ยนอันใหม่ให้ฟรีเลยในระยะเวลาประกัน 1 ปี
สุดท้ายนี้ก็ขอให้ทุกคน ซื้อหูฟังมาใช้กันอย่างมีความสุข รีวิวนี้เป็นแค่ส่วนนึงของความรู้สึกคนใช้คนเดียว รสนิยมเดียว และรักเดียวใจเดียว นั้น!!!
[SR] รีวิวหูฟัง RIZZ จากเซเว่น 199.- ความรู้สึก
กราบบบสวัสดีพี่ป้าน้าอาทุกคนนะครับ ช่วงนี้เราลงรีวิวมือถือบ่อยไปเนอะ แทบจะทุกวันเลย กลัวคนดูจะเบื่อ ผมเลยลองหาอย่างอื่นมาแซม ๆ บ้าง นึกอะไรไม่ออกเดินไป 7-11 เจอหูฟังที่เคยรีวิวไป ตอนนี้มีมา Gen ใหม่อีกละ (ขยันออกลูกจริงจริ้ง)
... งั้นเอาหูฟังราคา 199 มารีวิวกันอีกที
รอบที่แล้วเราลงรีวิวหูฟัง 7-11 ไปก็มีเข้ามาคอมเมนต์แลกเปลี่ยนประสบการณ์หูฟังขาดกันเยอะแยะ งบน้อยตัวไหนโอเคสุด บางคนบ้านอยู่ ตจว หูฟังหาย หูฟังขาด ไม่รู้จะซื้อไหนก็มีแต่ 7-11 นี่แหละเป็นที่พึ่งพิง ที่สำคัญใน 7-11 มีเยอะมาก แล้วจะซื้ออันไหนดี ก็ดูรีวิวพวกเราแล้วไปเลือกซื้อตามที่ชอบได้เลยครับ
ตัวแรกที่หยิบมาครับ เป็นหูฟัง Ear Pods ชื่อรุ่น RE 410 ตัวนี้เน้นฟังสบายชิลๆ ใส่สบาย ใส่ง่ายๆแบบหูฟัง iPhone
ตัวที่สองครับ หูฟังแบบ In Ear ชื่อรุ่น RE 801 ตัวนี้เน้นฟังเบสนุ่มๆหน่อย บ้านใครข้างบ้านโหวกเหวกโวยวาย เอาตัวนี้ไปช่วยกันเสียงรอบนอกได้เยอะ แต่มันจะสบายสู้ตัวแรกไม่ได้ ก็เลือกเอาตามที่ชอบ (ในกล่องนี่รกซักนิดนึงเพราะเรานี่แกะมาฟังกันนมนานซะเหลือเกินครับอิอิ)
ทีนี้มาดูรีวิวแบบเจาะลึกกันทีละตัว ผมจะแบ่งเป็น 3 พาร์ทเพื่อให้มองภาพง่ายๆ งานประกอบ/ฟังก์ชัน/ความทนทาน , คุณภาพเสียง และคุณภาพไมค์ที่ให้มา โดยเทียบกับหูฟังสุดรักสุดหวงดังดวงหฤทัย "Apple EarPod" คู่บุญอันนี้ครับ
เอาตัวแรกก่อน Rizz RE 410 ตัวนี้หูฟังเป็นแบบ Ear Pods เน้นใส่ง่ายถอดคล่อง เด็กฟังง่ายผู้ใหญ่ฟังดี วัสดุ Body
เป็นพลาสติกแข็งแรงดี ยืดหยุ่นกว่ารุ่นก่อน
ก้านหูฟังเค้าดีไซน์ใหม่ ยาวกว่าเดิม (Gen ที่แล้วที่เรารีวิวไปมันสั้นมาก สั้นจนพอเราเอียงคอนี่มันจะขัดกับขอบหูหน่อยๆ อันนี้ถือว่าทำมาดี)
ตัวสายเป็นยางแบน ต้องเอาไปเปลี่ยนยางใหม่ ไม่ใช่ เป็นยางแบนที่ออกแบบมาป้องกันการพันกันของสาย ซึ่งถ้ารวยหน่อย จะเป็นสายหมื่น แฮ่!
จากประสบการณ์ที่ใช้หูฟังสายแบนมา บอกตรงๆว่าถ้าขยำใส่กางเกง ... ยังไงก็พันอยู่ดี (อาจจะแกะง่ายกว่าประมาณ 20%)
แจ็ค 3.5 mm ที่ดีไซน์มาดี หัวแจ็คโค้งเป็นรูปตัว L ป้องกันสายหักเวลาเราใส่ในกระเป๋ากางเกงหรือใช้งานมันโหดๆ พับไปมาตอนดูหนังหรือเล่นเกม ซึ่งอันนี้ทำมาดีหลายรุ่นแล้วต้องขอชื่นชม
ฟังก์ชันที่ให้มามี 3 ฟังก์ชัน
กด 1 ครั้ง จะหยุดเพลงหรือเล่นต่อ
กด 2 ครั้งจะข้ามไปเพลงถัดไป
กด 3 ครั้งจะกลับมาเพลงก่อนหน้าที่เล่นอยู่
ซึ่งจากที่ลองเทสมา สามารถใช้กับ iOS พวก iPhone iPad ได้เต็มรูปแบบ กดได้ครบ 3
ฟังก์ชัน
แต่ถ้าเกิดเป็น Android ลองมาสามสี่รุ่นแล้วก็ยังใช้ได้แค่ 2 คือ กด 1 ครั้งและ กด 2 ครั้ง (กด 3 ครั้งจะกลายเป็นข้ามไปเพลงถัดไป และ หยุดเพลงไว้)
ทีนี้มาดูที่คุณภาพเสียงกันบ้างครับ ราคา 199 คุณคาดหวังไว้แค่ไหน ? ถ้าจะเอาเทียบ Beats SOLO อันละ 4-5,000 อันนี้มันเป็นไปไม่ได้ คุณภาพของตามราคา อย่าซื้อวีออสเพื่อหวังให้มันซิ่งสู้กับแลมโบกินี่เลยครับ สงสารคนทำ ฮ่าๆ
กลับเข้าเรื่องของเรากัน เรื่องการฟังเพลงอันนี้เป็นรสนิยมส่วนบุคคล ความชอบแต่ละคนไม่เหมือนกัน ดังนั้นผมขอเล่าในมุมมองของผมแล้วกัน
คาแรคเตอร์ของ Rizz RE 410 จะให้เสียงเบสหนาและอ้วน อมบวมนิดๆ เสียงกลางค่อนข้างน้อยไปหน่อยจากที่มันควรจะเป็น เสียงแหลมไม่เด่นมาก หลบๆอยู่หลังเสียงกลางซะด้วยซ้ำไป
ความใสเคลียร์อยู่ในเกณฑ์ปกติของช่วงราคานี้ สำหรับคนทั่วไปถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี สำหรับคนที่เล่นหูฟังมาเยอะจะรู้ว่ามันควรจะดีกว่านี้ ... แต่อย่าลืมว่านี่มันอันละ 199 นะพี่ แถมซื้อได้จาก 7-11 อีก ก็ถือว่าตามเนื้อผ้าครับ ซื้อไปก็ไม่เสียดาย
แนวเพลงที่ตัวนี้เหมาะจะเอาไปฟัง ผมแนะนำว่าเป็นแนว Rock จ๋า แบบ Bobyslam อัลบั้มเก่าๆจะเวิร์คมาก RTS , SWM อะไรแถวๆนี้กำลังดี EDM ได้แค่ตื๊ดๆ แต่ความเคลิ้มยังไม่ถึงขั้น ส่วนใครจะเอาไปฟังหมอลำ ลูกทุ่ง มันสิบ่ค่อยม่วน
ทีนี้ลองเอามาเทียบกับ Ear Pod ของ Apple ดูบ้าง แน่นอนว่าราคามันห่างกันหลายเท่าตัว ... แต่เพราะตัวนี้ผมค่อนข้างมั่นใจว่าทุกคนสามารถหามาฟังได้ และ หลายคนต้องเคยผ่านหูฟังตัวนี้มาแน่ๆ
พอลองฟังเทียบกันแล้ว สิ่งที่เจ้า Rizz RE 410 ทำได้ดีกว่า Apple EarPod คือเสียงเค้าจะดังกว่านิ๊สนึง (ประมาณ 5%) เบสแน่นกว่า ตึ้บกว่า ราคาถูกกว่า หาซื้อง่ายกว่า แถมหัวแจ็คยังงอเป็นรูปตัว L ซึ่งอันนี้ผมโคตะระอยากให้ Apple ทำมาสักที ... พังไปหลายอันแล้วนะ
ส่วนอันที่พี่แกสู้ไม่ได้เลยคือเรื่องของความใสเคลียร์ เสียงกลาง เสียงแหลม อันนี้โดนตบดิ้น ฮ่าๆ คือมันก็ตามราคาอยู่แล้วนะ จะให้สู้ได้คงยาก เอาเป็นว่าต้องพยายามมากกว่านี้อีกนิด
คุณภาพไมค์ยังห่างกันพอสมควร เสียงจาก Rizz RE 410 ใช้คุยธรรมดาทั่วไปได้สบายๆ แต่มันจะเบากว่า Apple EarPod อยู่ประมาณ 20% ดังนั้นถ้าจะจีบสาว บอกให้ฝั่งนู้นเร่งเสียงให้เยอะหน่อย บอกรักไปเดี๋ยวเค้าจะไม่ได้ยินแล้วจะแห้วเอา
หมดแล้วครับสำหรับตัวแรก RE 410 ถ้าจะให้คะแนน ผมให้สัก 7.5/10 กำลังดี หักไปเรื่องของเสียงเบสที่บวมไปนิด กลางแหลมก็น้อยไปหน่อย ความใสเคลียร์ที่ผมชอบนี่โดนเต็มๆ
แต่สำหรับขา Rock , ฟังก์ , EDM จัดไปได้เลย ให้คะแนนความตื้ดไปอยู่ที่ 7.7 คะแนน อีก 2.3 หักไว้เผื่ออยากฟังลูกทุ่งแล้วกัน
อันท่ีสองครับ Rizz อีกแล้วแต่เป็นหูฟังแบบ In Ear พูดง่ายๆ คือแบบที่มันมีจุกอย่างอุดเข้าไปในรูหูเรานั้นแหละครับ
ชื่อเสียงเรียงนาม RE 801 สีนี่หวานมาเลยฮะ ฟ้าขาว สงสัยคนออกแบบจะชอบทีมชาติอาร์เจนติน่า ไม่ก็สาวกเมสซี่ อะไรทำนองนั้น
วัสดุของ RE 801 จะเป็นการผสมกันระหว่าง โลหะและพลาสติก โดยตัวหลักจะเป็นโลหะและปลายที่ใส่จุดจะเป็นพลาสติกแทน
จุกยางที่แถมมา มี 3 Size ให้เลือกเปลี่ยน ก็ลองเปลี่ยนกันตามขนาดหูฟัง หูเบา ก็เลือกกันตามไซน์ ซึ่งจากที่ลองมาผมใส่แล้วสบายนะ ไม่ปวดหูแบบหูฟัง 7-11 หลายๆตัวที่รีวิวกันก่อนหน้านี้
ตัวสายเหมือนกับรุ่นก่อนหน้าครับ เป็นสายแบนช่วยลดอาการพัน
หัวแจ็ค 3.5 mm ก็เป็นแบบรูปตัว L ป้องกันเวลาใส่กระเป๋าหรือกระชากแรงๆได้
ฟังก์ชันแบบเดียวกับด้านบนเลยครับ มี 3 ฟังก์ชัน และมีแค่ iOS เท่านั้นที่ใช้ได้ครบ Android ใช้ได้แค่ 2 ฟังก์ชันเท่านั้นเอง
ทีนี้มาดูคุณภาพเสียงกันบ้างครับ ตัวนี้เบสนุ่มมากก น่าจะนุ่มสุดแล้วเท่าที่หูฟัง 7-11 จะเคยให้ผมได้ ไม่กระแทกเลย กำลังดี ไม่บวมเป่งแบบอันที่แล้ว อันนี้เบสน่ารักกว่าเยอะ
เสียงกลางพื้นๆครับ แหลมก็จะน้อยๆหน่อย แต่เอามาฟังหมอลำพอได้อยู่นะ ไม่รู้สึกชีวิตจะขาดหายอะไร แค่เซิ้งไม่มันเท่า Apple Ear Pod
แนวเพลงที่ผมจะแนะนำให้ฟังจากตัวนี้เลยคือ ฟังได้ทุกแนวครับ ค่อนข้างกว้างกว่าตัว Rizz RE 410 มากๆ ถ้าเบิร์นดีๆฟังไปสักอาทิตย์ผมว่าน่าจะดีกว่านี้
ทีนี้ลองเอามาเทียบกับ Apple Ear Pod สุดรักของเรากันบ้าง สิ่งที่พี่ Rizz RE 801 ชนะไปแบบใสๆ ก็เรื่องของความดังนี่แหละครับ พี่แกดังกว่าอยู่ประมาณ 10% หรือถ้าเป็นไอโฟนก็ขีดนึงอะไรทำนองนี้ เบสแน่นกว่า และหาซื้อง่ายกว่าครับ ที่สำคัญเลยคือหัวแจ็คเป็นแบบรูปตัว L ใส่กระเป๋าไม่พังง่ายแน่นอน
มาดูข้อที่สู้ไม่ได้บ้าง อันแรกเลยคือเสียงใสเคลียร์อันนี้แพ้นิดๆ แต่ถ้าเทียบเรื่องราคามาเกี่ยวด้วยแล้ว ผมว่าพอสู้ได้ (คือราคามันห่างกันหลายเท่าอยู่ จะวัดกันก็กระไร เอาแค่ที่พี่แกไหวก็ถือว่าดีมากๆแล้ว)
เรื่องของไมค์ พอๆกับตัว Rizz RE 410 คือกลางๆ ไม่ได้ดีมาก จีบสาวพอได้แค่ต้องให้เค้าเพิ่มระดับลำโพงหน่อยนึง เรื่องตัดเสียงรบกวนอันนี้ยัง สู้ Apple Ear Pod ไม่ได้
และถ้าจะให้คะแนน ผมขอให้คะแนนไปที่ 8.2 คะแนน หักไปนิดนึงตรงความใส ที่ถ้าพี่ใสกว่านี้สักนิ๊สส พี่จะได้ 8.5 ไม่ก็ 9 ไปเลยด้วยซ้ำ ถือว่าทำได้ดีสุดแล้วนะเท่าที่เคยฟังหูฟัง 7-11 อันละ 199 มา
ฝากถึงคนที่กำลังจะซื้อนะครับ หูฟัง 7-11 เหมาะกับคนที่ทำหูฟังขาดกะทันหัน แล้วหาซ้ือไม่ได้ ก็เดินไป 7-11 เจอปุ๊บหยิบปั๊บกลับบ้านได้ฟังเพลงเลย หรือหูฟังที่ติดมามันโคตรกาก อยากได้ที่มันพอจะฟังได้ฟินๆในงบไม่เยอะ ก็ไปหยิบที่ 7-11 ง่ายๆ
รูปแบบของหูฟังก็มีผล อย่างผมไม่ชอบ In Ear เพราะหา Size จุกยางที่มันเข้ากับหูยาก แถมใส่แล้วขี้หูติดมาอีก ก็เลยเลือก Ear Pods แทน แต่ผมจะไม่ได้ในเรื่องของการกันเสียงรบกวนและเสียงเบสนุ่มๆทุ้มๆหูแบบ In Ear ก็ต้องแลกกันไปครับ
อีกนิดนึงคือการเคลมหูฟัง 7-11 ตอนนี้เค้ามี FanPage Facebook กับ Line@ แล้วนะ ใครหูฟังมีปัญหา ติดๆดับๆบ้าง ก็ติดต่อไปได้เค้าเปลี่ยนอันใหม่ให้ฟรีเลยในระยะเวลาประกัน 1 ปี
สุดท้ายนี้ก็ขอให้ทุกคน ซื้อหูฟังมาใช้กันอย่างมีความสุข รีวิวนี้เป็นแค่ส่วนนึงของความรู้สึกคนใช้คนเดียว รสนิยมเดียว และรักเดียวใจเดียว นั้น!!!