60th anniversary, Camp Nou and me.



     วันนี้คือวันนับหนึ่งเข้าสู่ปีที่ 61 ของคัมป์ นู ฟลอหญ้าแห่งความฝันและจิตวิญญาณแห่งพวกเรา สาวกลูกหนังต่างดาวชาวบาร์ซ่าทุกคน ผมขอย้อนรำลึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้นที่ผมได้บรรลุหนึ่งในความฝันสูงสุดของพวกเราชาวกูเล่ส์ทุกคน วันที่ผมได้ก้าวเท้าเข้าสู่คัมป์ นู เป็นครั้งแรกไปกับพวกเราชาวบาร์ซ่าเข้าเส้นทุกคนครับ

     สิ้นเสียง “และคำตอบนี้เป็นคำตอบที่ ถูกคร้าบบบบบบบ” ของพี่กฤษณ์ ศรีภูมิเศรษฐ์ พิธีกรรายการแฟนพันธุ์แท้ วินาทีนั้นผมยังไม่สามารถตรึกตรองอะไรได้เลยนอกจากความรู้สึก “อื้ออึง” ที่มันเต็มล้นอยู่ในหัวของผม สองขาของผมมันหมดแรงอ่อนยวบลงไปกองกับพื้นก่อนที่พี่ๆน้องๆแฟนพันธ์แท้จะวิ่งเข้ามาดีใจกับผมและปลุกผมให้กลับมาสู่ความเป็นจริงอย่างช้าๆ ผมค่อยๆตอบตัวเองทีละคำถามว่า ผมชนะแล้วใช่ไหม? ผมตอบถูกจริงๆใช่ไหม? ผมได้เป็นแฟนพันธุ์แท้เต็มตัวแล้ว และที่สำคัญคือ ผมกำลังจะได้ไปดูเอล กลาสิโก ที่คัมป์ นู
บ่ายแก่ๆวันที่ 7 ตุลาคม 2012 ไอ้หนุ่มหัวฟูผู้ดูไม่คุ้นเคยกับมหานครบาร์เซโลน่าสักเท่าไหร่อย่างผมรีบเร่งแต่งตัวออกจากห้องพักในโรงแรมก่อนจะลงลิฟท์และวิ่งไปขึ้นรถบัสของคณะทัวร์ที่จัดเตรียมไว้โดยบริษัทเครื่องดื่มสีเก๊กฮวยยี่ห้อสัตว์ใหญ่ยี่ห้อหนึ่งซึ่งเป็นสปอนเซอร์หลักในทริปนั้นเพื่อเดินทางไปถึงจุดสุดยอดแห่งความฝันในฐานะแฟนบอลบาร์ซ่าคนหนึ่ง นั่นก็คือการได้เข้าไปชมเกมฟุตบอลในสนามใหญ่ๆที่เต็มจนล้นหัวใจคนตัวเล็กๆคนหนึ่งจากประเทศที่ห่างไกลออกไปร่วมๆหมื่นกิโลเมตรอย่างผม ณ สนามที่ชื่อคัมป์ นู

     ตลอดเส้นทางทุกๆกิโลเมตรที่พาผมเข้าใกล้สนามขึ้นเรื่อยๆนั้น ผมได้เห็นท้องถนนที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนในเสื้อสีเลือดหมูน้ำเงินและสีเหลืองแดงอันเป็นสีของธงชาติกาตาลัน ทุกๆแยกที่ผ่าน ทุกๆป้ายรถเมล์และรถใต้ดินจะเห็นกลุ่มคนน้อยใหญ่เดินทางมุ่งสู่จุดมุ่งหมายเดียวกันกับพวกเรา และหากตั้งใจฟังก็จะได้ยินเสียงเพลงเชียร์ที่ผมก็ฟังไม่รู้ความ แต่พอได้ยินว่า “บาร์ซ่า บาร์ซ่า บา-------ร์ซ่า” เมื่อไหร่ หัวใจผมมันก็อดพองโตไม่ได้จริงๆ นี่สินะ บรรยากาศของเกมลูกหนังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก นี่สินะคือจิตวิญญาณแห่งเอล กลาสิโก มันช่างสมกับคำกล่าวขานว่านี่เป็นมากกว่าเกมฟุตบอลจริงๆ ผมได้ค้นพบในวันนั้นเองว่าแมตช์ระหว่างบาร์ซ่าและมาดริดมันคือตำนานที่สืบทอดอารมณ์และความรู้สึกจากชั่วอายุคนที่แล้วมาสู่โลกยุคปัจจุบัน คือเสียงสะท้อนแห่งชนชาติกาตาลันที่พยามจะบอกว่าการพวกเขาสามารถที่จะกัดฟันทนฝ่ายุคแห่งการกดขี่โดยจอมเผด็จการอันมืดมนได้นั้นเพราะพวกเขามีสนามฟุตบอลแห่งนี้ ที่ที่พวกเขาสามารถย้ำเตือนตนเองได้ว่าชนชาติของพวกเขามีนามกรว่าอะไร ภาษาแห่งมารดรนั้นมีสำเนียงเสียงไร และธงเซนเญร่าแห่งกาตาลันยามต้องลมนั้นสะบัดไหวได้สวยงามมากเพียงไหน นี่มันไม่ใช่แค่เกมฟุตบอล แต่มันคือวิถีชีวิต มันคือจิตวิญญาณ มันคือประวัติศาสตร์แห่งชนชาติกาตาลันที่ยืนหยัดท้าทายกาลเวลาและการถูกกดขี่มาได้อย่างองอาจครับ

     หน้าสนามคัมป์ นูที่แออัดยัดเยียด ผมเดินผ่านรั้วลูกกรงเหล็กด้านนอกพื้นที่สนามอย่างรีบร้อน ตั๋วสำหรับชมเกมนั้นอยู่ในมือผมนานแล้วและผมรู้สึกว่าผมต้องเข้าไปในสนามให้เร็วที่สุด ทุกย่างก้าวผมบอกกับตัวเองว่าแม้แต่วินาทีเดียวที่มันจะเร็วขึ้นได้ผมก็จะทำ ผมกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปจนถึงประตูที่บอกไว้บนตั๋วก่อนที่จะใช้มันเพื่อผ่านด่านการตรวจบัตรไปได้อย่างรวดเร็วแม้คนจะเยอะมากก็ตาม เพราะจำนวนเจ้าหน้าที่นั้นเพียงพอและทางเข้าก็มีเยอะมากเช่นกันจนการชะลอตัวแทบไม่เกิดขึ้นเลย ทันทีที่ผ่านพ้นประตูเข้ามา ความมืดสลัวเข้าปกคลุมสายตาของผมทันที ผมชะลอฝีเท้าลงเพื่อรอให้สายตาชินกับความสว่างเสียเล็กน้อยก่อนเร่งฝีเท้าขึ้นอีกครั้ง ผมเดินแซงคนหลายคนขึ้นบันไดไปอย่างรวดเร็ว ที่โถงบันไดชั้นแรกผมได้เห็นบูทขายอาหารที่มีของกินเล่นให้เลือกไม่มากนัก เบสิกที่สุดก็คือฮอทด็อก ไส้กรอกย่าง และน้ำอัดลม รวมไปถึงพวกมันฝรั่งทอดต่างๆและป๊อปคอร์น แต่ที่แปลกตาสำหรับเราแต่เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับคนที่โน่นก็คือ “เมล็ดทานตะวัน” ครับ คนที่นี่เวลาดูบอลเขาชอบแทะเมล็ดทานตะวันกันไปด้วย กินกันเป็นล่ำเป็นสันดีมากจนผมเริ่มไม่แน่ใจว่านี่พวกพี่มาดูบอลหรือพี่หิวข้าวกันแน่ กลับมาที่โถงบันได ผมเดินช้าๆเพื่อสังเกตสังการสิ่งรอบๆตัวอยู่สักพักหนึ่งก่อนจะหยุดฝีเท้าและเงยหน้ามองไปที่ทางออกด้านหน้าผลันรู้สึกสะท้านขึ้นทั้งตัว นี่คือทางออกของผม ทางออกที่เมื่อผมเดินพ้นออกไปแล้วจะได้เห็นพื้นหญ้าสนามคัมป์ นู ที่นั่งผมอยู่ตรงหน้านี้แล้วครับ เบื้องหน้าเป็นเพียงช่องประตูปูนเปลือยเก่าๆแต่ในความรู้สึกของผมตอนนั้นมันเหมือนประตูสวรรค์หรืออะไรทำนองนั้นเลยครับ ที่อธิบายก็ไม่ใช่ว่าเคยผ่านหรอกนะไอ้ประตูสวรรค์เนี่ย ผมแค่คิดว่าถ้าจะขนหัวลุกเกรียวขนาดนี้ ก็คงไม่ต่างกันมากแล้วล่ะ

     ผมก้าวเดินไปทีละก้าว ทีละก้าว ขึ้นบันไดเพียงไม่กี่ขั้นนั้นเพื่อออกทางออกไปดานในสนาม ปกติผมเป็นคนชอบเหม่อลอยและจำอะไรรอบตัวไม่ค่อยได้ แต่ในวันนั้นผมกลับจำทุกผัสสะที่ผมได้รับในตอนนั้นได้เป็นอย่างดี เสียงเซ็งแซ่จากเบื้องหลังทางออกนั้น ความหนาวเย็นน้อยๆที่ลูบไล้ผิวเนื้อผมระหว่างเดิน กลิ่นอ่อนๆของแอมโมเนียที่ฉุนออกมาจากห้องน้ำข้างๆบันได... เอ่อ อันนี้ข้ามไปก็ได้ ฮ่าๆ ทุกย่างก้าวเหมือนพาผมเข้าใกล้จุดสูงสุดของยอดเขาพีเรนีสที่ชายแดนกาตาลุนญ่ากับฝรั่งเศส ใกล้ขึ้น ใกล้ขึ้นเรื่อยๆ จนเมื่อผมก้าวผ่านพ้นทางออกนั้นเอง ทุกอย่างก็ ระเบิดบึ้มดังลั่น มันไม่ใช่เสียงจากภายนอกแต่เป็นเสียงในหัวผมเอง ผมตะลึงงันไปกับเสี้ยววินาทีนั้น ประสาทสัมผัสที่เปิดรับทุกอย่างได้อย่างชัดเจนจนถึงเสี้ยววินาทีที่แล้วกลับปิดตายลงทันที ผมรู้สึกราวกับทั้งโลกมันกลายเป็นโลกแห่งความรู้สึกภายในตัวตนของผมเท่านั้น น้ำตาเล็กๆปริ่มออกมาพอให้รู้สึกได้ที่หางตา ทุกอย่างมันระเบิดออกและผมไม่สามารถอธิบายความรู้สึกตอนนั้นออกมาเป็นคำพูดได้อีกต่อไป ผมรู้แค่ว่า นี่แหละ วินาทีนี้แหละที่ผมจะไม่มีวันลืมไปตลอดชีวิต นี่แหละคือความรู้สึกของเสี้ยววินาทีที่เราได้ทำในสิ่งที่เราฝันมาตลอดชีวิต นี่คือวินาทีแห่งความสำเร็จอันนำไปสู่ความปีติของจิตวิญญาณโดยแท้จริงที่ผมได้บรรลุมันแล้วในที่สุด และวินาทีนี้เองที่ผมยอมรับโดยดุษฏีว่าบาร์ซ่าคือชีวิตของผมจริงๆ และนั่นคือสาเหตุว่าทำไมผมถึงตั้งชื่อเผจนี้ว่า “บาร์ซ่าเข้าเส้น”

     จนถึงวันนี้ แม้ว่าเหตุการณ์จะผ่านมากว่า 5 ปีแล้วแต่ผมก็ยังรู้สึกขนลุกทุกครั้งที่คิดถึงเหตุการณ์วันนั้น เสียงคนพูดจอแจ เสียงเชียร์ เสียงชัยโยโห่ร้องและเสียงก่นด่า สำหรับผม ทุกสิ่งทุกอย่างมันราวกับภาพฝันแต่ก็ชัดเจนไปในคราวเดียวกัน และผมเองก็เป็นเพียงหนึ่งในผู้คนนับร้อยล้านพันล้านคนที่ได้เคยสัมผัสกับประสบการณ์เช่นนี้ตลอดช่วงเวลา 60 ปีของสนามแห่งนี้ผ่านการเดินเพียงไม่กี่ก้าวที่ทางออกนั้น เพราะสำหรับพวกเรา ทางออกนั้นไม่ใช่แค่ทางออกธรรมดา มันคือ “ทางออก” เพื่อที่จะ “เข้า” เข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เข้าสู่ความฝันสูงสุดของพวกเราเหล่าสาวกบาร์ซ่าที่มีเลือดสีเลือดหมูน้ำเงินวิ่งผ่านหัวใจอยู่ทุกขณะจิต มันคือทางออกเพื่อเข้าสู่สนามคัมป์ นู สนามเหย้าของบาร์ซ่า สโมสรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกครับ

#ViscaBarca #ViscaCampnou #CampNou60

เครดิต https://www.facebook.com/Barca4LifeByFanPanTae/posts/1546309755434074
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่