Walk with Me (Marc J. Francis, Max Pugh, 2017)
By Form Corleone
"อดีตผ่านพ้นไปแล้ว อนาคตยังมาไม่ถึง มีเพียงปัจจุบัน จากหลวงปู่ติช นัท ฮันห์" หลวงปู่ ติช นัท ฮันห์ เป็นพระภิกษุชาวเวียดนาม ผู้ก่อตั้งหมู่บ้านพลัมในประเทศฝรั่งเศสหลังจากการลี้ภัยในช่วงสงครามเวียดนามและขยายสาขาไปทั่วโลกจนถือเป็นสถานปฏิบัติธรรมที่มีคนสนใจเข้าร่วมมากที่สุดแห่งหนึ่ง เราเคยอ่านงานเขียนของหลวงปู่อยู่เหมือนกัน แนวคิดการนำเสนอพุทธศาสนาที่ต้องเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของหลวงปู่นั้นสามารถนำมาปฏิบัติหรือนำมาใช้ได้ง่ายและไม่ยากที่จะทำตาม แน่นอนว่าเมื่อมีภาพยนตร์สารคดีเรื่องนี้เข้าฉายในประเทศไทย เราจึงไม่พลาดที่จะพาตัวเองเข้าไปทำความรู้จักชุมชนหมู่บ้านพลัมในรูปแบบสารคดีที่ถ่ายทอดเรื่องราวความเป็นไปตามปกติในครั้งนี้ ตัวสารคดีถ่ายทอดภาพผู้คนในหมู่บ้านพลัมตัดสลับภาพเหตุการณ์ธรรมชาติทั้งต้นไม้ สัตว์ป่า แม่น้ำลำธาร ตลอดจนพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตก ประกอบกับการบรรยายเสียงของ 'เบเนดิกต์ คัมเบอร์แบตช์' ที่ให้โทนเสียงทุ้มลุ่มลึก ภาพยนตร์สารคดีเรื่องนี้ไม่ได้มีลูกเล่นหรือวิธีการนำเสนอที่แปลกใหม่ ตัวสารคดีมีความเรียบง่าย ค่อยเป็นค่อยไปแต่แฝงไปด้วยพลังความสงบ+สอดแทรกนัยยะประสานเข้ากับงานภาพอยู่เป็นระยะๆ อาทิ การละทิ้งอัตตาของผู้คนที่มาปฏิบัติธรรมตัดสลับกับภาพธรรมชาติ ยิ่งไปกว่านั้น ตัวสารคดียังชวนพาให้เราตั้งคำถามถึงสถานที่แห่งนี้ ตั้งคำถามต่อผู้คนที่มาปฏิบัติธรรมในช่วงแรกเริ่มและนำพาเราไปพบคำตอบของคำถามต่อสถานที่แห่งนี้ในท้ายสุด ทั้งหมดจึงเป็นการนั่งชมสารคดีที่ให้ทั้งคำถามและให้ทั้งคำตอบที่เราสามารถหยิบยกเอาสัจธรรมบางข้อมาปรับเปลี่ยนและปรับใช้ให้เข้ากับการดำเนินชีวิตต่อไปได้
สิ่งสำคัญที่ทำให้สารคดีเรื่องนี้น่าสนใจคงไม่ใช่การถ่ายทอดตัวตนของหลวงปู่ติช นัท ฮันห์ แต่เป็นการพาเราคนดูไปสัมผัสกับบรรยากาศของหมู่บ้านพลัมเสมือนเราเป็นผู้สังเกตอยู่ตลอดเวลา สายตาที่เรามองดูจึงเป็นภาพสะท้อนในมุมกว้างช่วงระยะเวลาหนึ่ง แต่เมื่อเวลาผ่านไปเรากลับกลายเป็นผู้สังเกตที่เข้าไปมองในเชิงลึกของสถานที่แห่งนี้แทน การได้เห็นว่าผู้คนที่อาศัยอยู่ในสถานที่นี้ประกอบกิจแบบไหนบ้าง หน้าตาของพระที่ปฏิบัติธรรมและหน้าตาของผู้คนเป็นเช่นไร เราจึงได้เห็นพระที่เคร่งขรึมและพระที่ร่าเริงยิ้มแย้งรวมถึงพระที่หาวนอนในตอนปฏิบัติธรรม น้ำตาแห่งความปิติของผู้คน เราได้เห็นห้องนอนว่าเป็นแบบไหน ห้องครัวว่าทำอะไรกินกันบ้าง ลานที่ใช้ปฏิบัติธรรมเป็นอย่างไร สภาพแวดล้อมเป็นอย่างไร หรือจนกระทั่ง การก้าวเดินของผู้คนที่นี้เป็นแบบไหน ตัวสารคดีสามารถนำเสนอมุมมองต่างๆเหล่านี้ได้อย่างเป็นธรรมชาติและน่าจะให้ทุกแง่มุมของหมู่บ้านพลัมได้ครบทุกองค์ประกอบ แม้ว่าเราจะไม่ได้เข้าใจในบริบททั้งหมดได้อย่างลึกซึ้งด้วยความยาว 90 นาทีก็ตาม แต่สิ่งหนึ่งที่เราได้รับในช่วงขณะที่ดูคือ 'ความสงบ' ผสม 'ความสบายใจ' จนลืมการงานภาระหน้าที่จากโลกภายนอกไปชั่วขณะหนึ่ง ฉะนั้นแล้ว สารคดีเรื่องนี้จึงเป็นสารคดีที่สามารถพาเราไปพบกับคำถามต่อหลายสิ่งที่เกิดขึ้นและค้นพบคำตอบที่แสนเรียบง่ายต่อคำถามนั้น หรือพาเราไปพบหนทางของความสุขในมุมมองวิถีเซนผ่านพระผู้ปฏิบัติธรรม ในชั้นเริ่มต้นของคนแบบเราที่ไม่ได้ปฏิบัติธรรมอย่างต่อเนื่องได้นำบางสิ่งที่ดีของเนื้องานสารคดีนี้มาปรับใช้ หรืออย่างน้อยๆเราก็น่าจะได้ดึงความคิดกลับมาสู่ปัจจุบันขณะได้ไม่มากก็น้อยหลังจากภาพยนตร์สารคดีเรื่องนี้จบลง...
หนังเข้าฉายที่โรง SF แต่ไม่ทุกสาขา ลองเช็ครอบกันดูครับ ขอให้มีความสุขกับการรับชมภาพยนตร์
ตัวอย่างหนัง
ติดตามรีวิวภาพยนตร์ได้ที่
Page:
https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog:
http://moviesdelightclub.blogspot.com/
Review: Walk with Me (Marc J. Francis, Max Pugh, 2017) เขียนโดย Form Corleone
By Form Corleone
"อดีตผ่านพ้นไปแล้ว อนาคตยังมาไม่ถึง มีเพียงปัจจุบัน จากหลวงปู่ติช นัท ฮันห์" หลวงปู่ ติช นัท ฮันห์ เป็นพระภิกษุชาวเวียดนาม ผู้ก่อตั้งหมู่บ้านพลัมในประเทศฝรั่งเศสหลังจากการลี้ภัยในช่วงสงครามเวียดนามและขยายสาขาไปทั่วโลกจนถือเป็นสถานปฏิบัติธรรมที่มีคนสนใจเข้าร่วมมากที่สุดแห่งหนึ่ง เราเคยอ่านงานเขียนของหลวงปู่อยู่เหมือนกัน แนวคิดการนำเสนอพุทธศาสนาที่ต้องเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของหลวงปู่นั้นสามารถนำมาปฏิบัติหรือนำมาใช้ได้ง่ายและไม่ยากที่จะทำตาม แน่นอนว่าเมื่อมีภาพยนตร์สารคดีเรื่องนี้เข้าฉายในประเทศไทย เราจึงไม่พลาดที่จะพาตัวเองเข้าไปทำความรู้จักชุมชนหมู่บ้านพลัมในรูปแบบสารคดีที่ถ่ายทอดเรื่องราวความเป็นไปตามปกติในครั้งนี้ ตัวสารคดีถ่ายทอดภาพผู้คนในหมู่บ้านพลัมตัดสลับภาพเหตุการณ์ธรรมชาติทั้งต้นไม้ สัตว์ป่า แม่น้ำลำธาร ตลอดจนพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตก ประกอบกับการบรรยายเสียงของ 'เบเนดิกต์ คัมเบอร์แบตช์' ที่ให้โทนเสียงทุ้มลุ่มลึก ภาพยนตร์สารคดีเรื่องนี้ไม่ได้มีลูกเล่นหรือวิธีการนำเสนอที่แปลกใหม่ ตัวสารคดีมีความเรียบง่าย ค่อยเป็นค่อยไปแต่แฝงไปด้วยพลังความสงบ+สอดแทรกนัยยะประสานเข้ากับงานภาพอยู่เป็นระยะๆ อาทิ การละทิ้งอัตตาของผู้คนที่มาปฏิบัติธรรมตัดสลับกับภาพธรรมชาติ ยิ่งไปกว่านั้น ตัวสารคดียังชวนพาให้เราตั้งคำถามถึงสถานที่แห่งนี้ ตั้งคำถามต่อผู้คนที่มาปฏิบัติธรรมในช่วงแรกเริ่มและนำพาเราไปพบคำตอบของคำถามต่อสถานที่แห่งนี้ในท้ายสุด ทั้งหมดจึงเป็นการนั่งชมสารคดีที่ให้ทั้งคำถามและให้ทั้งคำตอบที่เราสามารถหยิบยกเอาสัจธรรมบางข้อมาปรับเปลี่ยนและปรับใช้ให้เข้ากับการดำเนินชีวิตต่อไปได้
สิ่งสำคัญที่ทำให้สารคดีเรื่องนี้น่าสนใจคงไม่ใช่การถ่ายทอดตัวตนของหลวงปู่ติช นัท ฮันห์ แต่เป็นการพาเราคนดูไปสัมผัสกับบรรยากาศของหมู่บ้านพลัมเสมือนเราเป็นผู้สังเกตอยู่ตลอดเวลา สายตาที่เรามองดูจึงเป็นภาพสะท้อนในมุมกว้างช่วงระยะเวลาหนึ่ง แต่เมื่อเวลาผ่านไปเรากลับกลายเป็นผู้สังเกตที่เข้าไปมองในเชิงลึกของสถานที่แห่งนี้แทน การได้เห็นว่าผู้คนที่อาศัยอยู่ในสถานที่นี้ประกอบกิจแบบไหนบ้าง หน้าตาของพระที่ปฏิบัติธรรมและหน้าตาของผู้คนเป็นเช่นไร เราจึงได้เห็นพระที่เคร่งขรึมและพระที่ร่าเริงยิ้มแย้งรวมถึงพระที่หาวนอนในตอนปฏิบัติธรรม น้ำตาแห่งความปิติของผู้คน เราได้เห็นห้องนอนว่าเป็นแบบไหน ห้องครัวว่าทำอะไรกินกันบ้าง ลานที่ใช้ปฏิบัติธรรมเป็นอย่างไร สภาพแวดล้อมเป็นอย่างไร หรือจนกระทั่ง การก้าวเดินของผู้คนที่นี้เป็นแบบไหน ตัวสารคดีสามารถนำเสนอมุมมองต่างๆเหล่านี้ได้อย่างเป็นธรรมชาติและน่าจะให้ทุกแง่มุมของหมู่บ้านพลัมได้ครบทุกองค์ประกอบ แม้ว่าเราจะไม่ได้เข้าใจในบริบททั้งหมดได้อย่างลึกซึ้งด้วยความยาว 90 นาทีก็ตาม แต่สิ่งหนึ่งที่เราได้รับในช่วงขณะที่ดูคือ 'ความสงบ' ผสม 'ความสบายใจ' จนลืมการงานภาระหน้าที่จากโลกภายนอกไปชั่วขณะหนึ่ง ฉะนั้นแล้ว สารคดีเรื่องนี้จึงเป็นสารคดีที่สามารถพาเราไปพบกับคำถามต่อหลายสิ่งที่เกิดขึ้นและค้นพบคำตอบที่แสนเรียบง่ายต่อคำถามนั้น หรือพาเราไปพบหนทางของความสุขในมุมมองวิถีเซนผ่านพระผู้ปฏิบัติธรรม ในชั้นเริ่มต้นของคนแบบเราที่ไม่ได้ปฏิบัติธรรมอย่างต่อเนื่องได้นำบางสิ่งที่ดีของเนื้องานสารคดีนี้มาปรับใช้ หรืออย่างน้อยๆเราก็น่าจะได้ดึงความคิดกลับมาสู่ปัจจุบันขณะได้ไม่มากก็น้อยหลังจากภาพยนตร์สารคดีเรื่องนี้จบลง...
หนังเข้าฉายที่โรง SF แต่ไม่ทุกสาขา ลองเช็ครอบกันดูครับ ขอให้มีความสุขกับการรับชมภาพยนตร์
ตัวอย่างหนัง
ติดตามรีวิวภาพยนตร์ได้ที่
Page: https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog: http://moviesdelightclub.blogspot.com/