ตามที่ทางผม ได้ซื้อรถ BMW X5 Xdrive40e Plug-in จากทาง GERMAN AUTO ประเทศไทย วันที่ 3 เดือน เมษายน 2560 เนื่องด้วยสนใจในเทคโนโลยี Hybrid เพราะได้ทั้งความประหยัด (ถึงจะได้ไม่กี่กิโลแต่แลกกลับแรงม้าที่เพิ่มขึ้นจากมอเตอร์ไฟฟ้าเลยตัดสินใจเลือกตัวนี้)
ปกติใช้งานรถยนต์สัปดาห์ละ 4-5 วัน วันละ ประมาณ 20 กม. วันหยุดมีไปต่างจังหวัดใกล้ๆบ้าง เช่น ระยอง ลพบุรี ฯลฯ เลขไมล์ถึงประมาณ 6,xxx km
จนเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2560 ได้ขับรถคันดังกล่าว เพื่อเดินทางไป จังหวัดลำปาง - ลำพูน - เชียงใหม่ เพื่อเข้าแข่งขันกีฬา 3 tournament ( ช่วงระหว่างวันที่ 3 - 27 สิงหาคม 2560 )โดยเดินทางจากกรุงเทพฯ ใช้ถนนสายเอเชียเข้าสู่จังหวัดตากเพื่อผ่านไปลำปาง ในช่วงเวลา 17:06 น. ที่วิ่งผ่านจังหวัดตาก รถได้แสดงผลขึ้นที่จอในทันทีว่า
“Drivetrain, No restart (Please go straight to the nearest BMW Partner)”
ผมจึงได้รีบแจ้งไปที่เจ้าหน้าที่ BMW ให้ทราบถึงการแจ้งเตือนกะทันหันบนหน้าจอ โดยเบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งให้ขับไปก่อนและอาจจะต้องไปศูนย์บริการที่ใกล้ที่สุดเพื่อทำการเช็ค แต่พอรถวิ่งมาติดแยกไฟแดงจึงจอดรอสัญญาณไฟ และจุดวิกฤตคืออยู่ดีๆอาการของ
คันเร่งไม่ตอบสนอง+รอบเครื่องเร่งขึ้นเองราว 6-7 พันรอบ ( เสียงเครื่องยนต์ทำงานดังสนั่น ดังมาก คล้ายจะระเบิด) ในใจรีบหันไปมองที่เกียร์ว่าอยู่ที่เกียร์อะไรกลัวรถพุ่งไปชนคันหน้า เพราะที่แยกไฟแดงมีรถเยอะบวกกับต่างจังหวัดมอเตอร์ไซค์เยอะมาก พร้อมกับแอร์ก็ไม่ทำงาน ทางเจ้าหน้าที่ของทางBM ( ยังคงอยู่ในสาย ) บอกให้ลองดับเครื่องแล้ว start ใหม่ จึงทำตามคำที่เจ้าหน้าที่แนะนำพอดับเครื่องยนต์แล้ว
start ใหม่ รอบเครื่องกลับขึ้นไปค้าง 2500 รอบ(ค้างตลอด) และไม่สามารถเข้าเกียร์ได้(เกียร์ไม่ตอบสนอง) จึงเปิดไฟขอทางแล้วและพยายามเข็นเข้าข้างทาง ซึ่งได้วานเพื่อนที่มาด้วยกันบอกให้ลงไปเข็นหน่อย แต่ดันได้คำตอบกลับมาว่า “ไม่เอากูอายเขา55555 ” สงสารเพื่อนหนักมา แต่สุดท้ายเพื่อนก็ลงไปโชว์พลังแขน เข็นรถเข้าข้างทางได้สำเร็จ และจึงติดต่อ Mobility เพื่อมายกรถ
ในขั้นแรกได้ติดต่อญาติในบริเวณจังหวัดตากให้มาช่วยเหลือก่อน สัก10 นาทีคุณลุงมาพร้อมกับรถยกของคุณลุงและจะทำการช่วยยกจากจุดเกิดเหตุไปยังที่ปลอดภัยในบริเวณใกล้เคียงก่อน (เนื่องจากจุดที่รถเสียเป็นสี่แยกที่มีการจราจรพลุกพล่าน และเกรงว่าจะเกิดอันตรายกับตัวผมเองและตัวรถ) และได้โทรสอบถามทาง Mobility ปรากฏได้รับคำตอบว่าการเคลื่อนย้ายรถจากจุดเกิดเหตุออกมาที่ปลอดภัยก่อนที่ Mobility จะมาถึงนั้น ทาง Mobility ถือว่าเป็นการเคลื่อนย้ายรถต่อ(ทาง Mobility ไม่ได้เป็นผู้ทำการย้ายรถตั้งแต่จุดเกิดเหตุ) ทำให้เกิดค่าเสียหายซึ่งจะไม่ได้รับการบริการยกฟรีเพื่อไปโชว์รูมที่ใกล้ที่สุด ซึ่งทำให้เกิดความสงสัยกับผมมาก เพราะคิดว่าการที่ลุงมาช่วยยกสไลด์ออกไปจากสี่แยกนี่มันน่าจะช่วยให้เมื่อ Mobility มาถึง สามารถสไลด์รถได้ง่ายและสำคัญที่สุดคือเรื่องความปลอดภัย งงมากครับ ???
ต่อมาหลังจากได้คำนวณระยะทางจากตากไปพิษณุโลกแล้วประมาณ 200 กม. (บริการยกสไลด์ฟรีไปโชว์รูมที่ใกล้ที่สุด) ซึ่งหากคำนวณระยะทางจากตากไปกรุงเทพฯ โดยลบกับ 200 กม. ที่บริการสไลด์รถฟรี จะเกิดค่าใช้จ่ายอีกประมาณ 7 พันบาท ซึ่งทาง Mobility แจ้งว่าส่วนนี้ลูกค้าต้องรับผิดชอบเอง ผมรู้สึกไม่ค่อยโอเคกับจุดนี้เท่าไร แต่ก็คิดแล้วว่ารถเราเทคโนโลยีใหม่ ซึ่งตอนออกรถมา ทางโชว์รูมก็ได้เคยแจ้งไว้ว่าผู้ที่เชี่ยวชาญไฮบริดจ์บีเอมเนี่ยมีไม่กี่คน ผมจึงตัดสินใจให้สไลด์มากรุงเทพฯ ดีกว่าเพื่อความชัวร์ ต่อมาทาง Mobility ได้ส่งรถมา (ตอนนั้นมืดมากแล้ว) และรถสไลด์ได้ถึง กรุงเทพฯ ในเช้าวันต่อมา
ปกติแล้วเมื่อรถส่งถึงปลายทาง จะต้องชำระค่าใช้จ่ายในการสไลด์รถให้กับทาง Mobility เลย และทาง BM แจ้งให้ผมสำรองจ่ายไปก่อน แต่ผมเลือกรอทาง BM ให้ดำเนินการเรื่องค่าใช้จ่ายเลยดีกว่าเพราะเป็นความรับผิดชอบของเขา เวลาล่วงเลยมาซักพักทาง Mobility ได้ติดตามทวงเงินค่ายกมาทางผมเพราะยังไม่ได้รับชำระจากทาง BM เรื่องยืดเยื้ออยู่ประมาณ 2 สัปดาห์ ไม่มีการชำระค่าใช้จ่ายให้ Mobility เกิดขึ้น ทาง BM ก็ยื้อไปยื้อมา เดินเรื่องช้ามาก สุดท้ายทาง BM ต้องจ่ายเองเพราะผมไม่จ่าย (นี่หรือคือการทำงานของ BMW Thailand ?)
จากเหตุการณ์ที่ประสบดังกล่าว ทำให้เกิดปัญหาและอุปสรรคมากมายต่อการแข่งขันในทั้ง 3 Tournament นั้น
หลังจากเกิดเหตุประมาณ 5 วัน ผมได้พยายามติดต่อกับตัวแทนฝ่ายขาย ( คุณน้ำ Sale ของ บริษัท GERMAN AUTO สาขา บางนา ) เพื่อขอทราบความคืบหน้า แต่ไม่สามารถติดต่อได้ ในวันรุ่งขึ้นจึงพยายามติดต่ออีกครั้งสอบถามถึงความคืบหน้าและได้รับรายงานว่า ยังไม่สามารถตรวจเช็คหรือให้คำตอบที่แน่ชัดได้ เพราะช่างของทางสำนักงานที่บางนา ลา ยังไม่มาทำงาน ต้องรออีก 2 วันถึงจะให้ข้อมูลได้ว่าเกิดจากสาเหตุใด
2 วันต่อมา ผมจึงได้โทรกลับไปอีกครั้งที่ศูนย์บางนาอีกครั้ง และได้รับแจ้งจาก Sale ว่าจากปัญหาดังกล่าวเกิดจาก
หนูเข้าไปกัดสายไฟในห้องเครื่องยนต์ขาด ทำให้รถเกิดปัญหาดังกล่าว ซึ่งเป็นปัญหาจากสิ่งแวดล้อมของลูกค้าเอง แต่ทางศูนย์บางนากำลังตรวจเช็คให้ละเอียดอีกครั้งว่าหนูได้กัดไปตรงส่วนไหนอีก
เวลาผ่านไป ได้รับแจ้งจากช่าง German Auto ศูนย์บางนา ว่าการวิเคราะห์เบื้องต้นดังกล่าว ไม่ได้เป็นไปตามที่แจ้ง คือ สาเหตุไม่ได้เกิดจากหนู หนูไม่ได้กัดสายไฟอย่างที่แจ้งไปในตอนแรก แต่เป็นความบกพร่องที่เกิดจาก
ระบบกล่องไฟเครื่องยนต์ ตัว Hybrid Plug In มีปัญหา
ซึ่งทางบีเอมได้แจ้งว่า กล่องระบบไฟเครื่องยนต์เสีย(เขาแจ้งว่าเป็นกล่อง AC/DC Invertor ที่ทำหน้าที่จ่ายไฟเข้าตัวไฮบริดจ์ ประมาณนี้ครับ (ตรงนี้รบกวนใครทราบอธิบายให้ฟังหน่อยว่ามันคืออะไร แล้วเขาเปลี่ยนแล้วผมมั่นใจได้หรือไม่ ตรงนี้ผมกลัวมากเลยครับ) ทำให้รถมีอาการดังกล่าว ซึ่งได้จัดการเปลี่ยนตัวกล่องระบบไฟเครื่องยนต์ให้ใหม่แล้ว แล้วที่เปลี่ยนนั้นเป็นตัวที่มีการพัฒนามากกว่าตัวเก่า ซึ่งผมได้ถามกลับไปว่าถ้ามันเกิดเสียอีกเขาจะทำอย่างไร ? แต่ได้คำตอบว่าก็คงต้องเอาเข้ามาซ่อมมาดูกันอีกที แล้วถามว่ามีอะไรการันตีได้ไหมว่ามันจะไม่เสียอีกแบบที่เกิดขึ้น เขาแจ้งว่าไม่สามารถการันตีได้
ตั้งแต่วันเกิดเหตุจนถึงปัจจุบันตัวผมเองได้รับการบริการที่ไม่ประทับใจนักในทุกๆขั้นตอน บวกกับการวิเคราะห์สาเหตุที่ดูไม่ค่อยน่าไว้วางใจ จึงทำให้ผมแจ้งไปว่ารถคันนี้ผมไม่ขอรับเพราะผมเกิดความไม่มั่นใจในผลิตภัณฑ์ ซึ่งได้ร้องขอกับทางบีเอมไปว่า ขอคืนรถคันนี้ หรือเปลี่ยนคันใหม่ให้หน่อย ซึ่งตัวผมเองไม่ได้ทราบเกี่ยวกับนโยบายของบริษัทหรอกครับว่าหากเกิดเหตุการณ์แบบนี้สามารถเปลี่ยนหรือคืนรถได้ไหม หรือมีวิธีไหนการันตีให้ลูกค้าอย่างผมได้บ้าง เพราะรถก็ใหม่พึ่งใช้งานไปแค่ 3 เดือน แต่มีปัญหาแล้ว แล้วปัญหาก็มาจากตัวรถด้วย มาจากความพกพร่องของอะไหล่รถ ไม่ได้มาจากการใช้งานหรือสภาพแวดล้อมใดๆทั้งสิ้น แต่ผมได้รับคำปฏิเสธ และทางบีเอมแจ้งว่าเพื่อชดใช้ค่าเสียเวลาตลอด 1 เดือนที่ไม่ได้ใช้รถ จึงจะรับผิดชอบชดเชยให้เป็นการยกเว้นการชำระค่างวดรถ 1 เดือน (เป็นเงินประมาณ4 หมื่นกว่าบาท) ผมเองไม่ยอมรับจึงตอบปฏิเสธไป และแจ้งเขาไปว่าเงินที่เสนอมาให้มันไม่ได้ตอบโจทย์ความต้องการของผม ผมแค่ต้องการรถยนต์กลับมาใช้อย่างมั่นใจว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์ที่เสี่ยงอันตรายอีกและจะสร้างความปลอดภัยให้กับคนในครอบครัวผม ซึ่งทางบีเอมก็แจ้งอีกว่าทางบริษัทไม่มีนโยบายคืนหรือเปลี่ยนรถคันใหม่ให้กับลูกค้า เพราะมีการันตีอยู่แล้ว (Warranty BSI Mobility หรือคือประกันการดูแลรักษาค่าอะไหล่ฟรี 6 ปี) ? ซึ่งรถผมสามเดือนเองยังไม่ค่อยได้ใช้เลยต้องซ่อมแล้ว ถ้าต้องใช้ไปซ่อมไปคงจะไม่ไหวครับ
ผมจึงมาแชร์เรื่องนี้ไว้เป็นกรณีศึกษา หากผู้ใดสนใจ รถ Hybrid ครับ (ซึ่งตอนผมซื้อไม่พบปัญหาแบบนี้เลยผมเลยเผลอไว้ใจไปครับ5555)
ช่วยแสดงความคิดเห็นต่อกรณีนี้หน่อยครับ รวมทั้งรบกวนผู้รู้ช่วยแนะนำด้วยครับ ตอนนี้ผมกำลังจะไป สคบ เพื่อเรียกร้อง สินค้าไม่ปลอดภัยครับ แนะนำด้วยครับ
ปล. พึ่งสมัครมาเพื่ออยากมาหาความรู้ คำแนะนำ และแชร์ประสบการณ์นะครับ รบกวนพี่ๆน้องๆ ทุกคนๆด้วยครับ อาจจะเขียนผิด เว้นวรรคผิดไปบ้าง ขอโทษแล้วก็ขอขอบคุณทุกๆคนล่วงหน้ามากๆครับ
แชร์ประสบการณ์ BM X5 HYBRID Plug-in เกิดขึ้นจริง (ผมกลัวมากกกกกกกกกกกกกกกกก)
ปกติใช้งานรถยนต์สัปดาห์ละ 4-5 วัน วันละ ประมาณ 20 กม. วันหยุดมีไปต่างจังหวัดใกล้ๆบ้าง เช่น ระยอง ลพบุรี ฯลฯ เลขไมล์ถึงประมาณ 6,xxx km
จนเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2560 ได้ขับรถคันดังกล่าว เพื่อเดินทางไป จังหวัดลำปาง - ลำพูน - เชียงใหม่ เพื่อเข้าแข่งขันกีฬา 3 tournament ( ช่วงระหว่างวันที่ 3 - 27 สิงหาคม 2560 )โดยเดินทางจากกรุงเทพฯ ใช้ถนนสายเอเชียเข้าสู่จังหวัดตากเพื่อผ่านไปลำปาง ในช่วงเวลา 17:06 น. ที่วิ่งผ่านจังหวัดตาก รถได้แสดงผลขึ้นที่จอในทันทีว่า
“Drivetrain, No restart (Please go straight to the nearest BMW Partner)”
ผมจึงได้รีบแจ้งไปที่เจ้าหน้าที่ BMW ให้ทราบถึงการแจ้งเตือนกะทันหันบนหน้าจอ โดยเบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งให้ขับไปก่อนและอาจจะต้องไปศูนย์บริการที่ใกล้ที่สุดเพื่อทำการเช็ค แต่พอรถวิ่งมาติดแยกไฟแดงจึงจอดรอสัญญาณไฟ และจุดวิกฤตคืออยู่ดีๆอาการของ คันเร่งไม่ตอบสนอง+รอบเครื่องเร่งขึ้นเองราว 6-7 พันรอบ ( เสียงเครื่องยนต์ทำงานดังสนั่น ดังมาก คล้ายจะระเบิด) ในใจรีบหันไปมองที่เกียร์ว่าอยู่ที่เกียร์อะไรกลัวรถพุ่งไปชนคันหน้า เพราะที่แยกไฟแดงมีรถเยอะบวกกับต่างจังหวัดมอเตอร์ไซค์เยอะมาก พร้อมกับแอร์ก็ไม่ทำงาน ทางเจ้าหน้าที่ของทางBM ( ยังคงอยู่ในสาย ) บอกให้ลองดับเครื่องแล้ว start ใหม่ จึงทำตามคำที่เจ้าหน้าที่แนะนำพอดับเครื่องยนต์แล้ว start ใหม่ รอบเครื่องกลับขึ้นไปค้าง 2500 รอบ(ค้างตลอด) และไม่สามารถเข้าเกียร์ได้(เกียร์ไม่ตอบสนอง) จึงเปิดไฟขอทางแล้วและพยายามเข็นเข้าข้างทาง ซึ่งได้วานเพื่อนที่มาด้วยกันบอกให้ลงไปเข็นหน่อย แต่ดันได้คำตอบกลับมาว่า “ไม่เอากูอายเขา55555 ” สงสารเพื่อนหนักมา แต่สุดท้ายเพื่อนก็ลงไปโชว์พลังแขน เข็นรถเข้าข้างทางได้สำเร็จ และจึงติดต่อ Mobility เพื่อมายกรถ
ในขั้นแรกได้ติดต่อญาติในบริเวณจังหวัดตากให้มาช่วยเหลือก่อน สัก10 นาทีคุณลุงมาพร้อมกับรถยกของคุณลุงและจะทำการช่วยยกจากจุดเกิดเหตุไปยังที่ปลอดภัยในบริเวณใกล้เคียงก่อน (เนื่องจากจุดที่รถเสียเป็นสี่แยกที่มีการจราจรพลุกพล่าน และเกรงว่าจะเกิดอันตรายกับตัวผมเองและตัวรถ) และได้โทรสอบถามทาง Mobility ปรากฏได้รับคำตอบว่าการเคลื่อนย้ายรถจากจุดเกิดเหตุออกมาที่ปลอดภัยก่อนที่ Mobility จะมาถึงนั้น ทาง Mobility ถือว่าเป็นการเคลื่อนย้ายรถต่อ(ทาง Mobility ไม่ได้เป็นผู้ทำการย้ายรถตั้งแต่จุดเกิดเหตุ) ทำให้เกิดค่าเสียหายซึ่งจะไม่ได้รับการบริการยกฟรีเพื่อไปโชว์รูมที่ใกล้ที่สุด ซึ่งทำให้เกิดความสงสัยกับผมมาก เพราะคิดว่าการที่ลุงมาช่วยยกสไลด์ออกไปจากสี่แยกนี่มันน่าจะช่วยให้เมื่อ Mobility มาถึง สามารถสไลด์รถได้ง่ายและสำคัญที่สุดคือเรื่องความปลอดภัย งงมากครับ ???
ต่อมาหลังจากได้คำนวณระยะทางจากตากไปพิษณุโลกแล้วประมาณ 200 กม. (บริการยกสไลด์ฟรีไปโชว์รูมที่ใกล้ที่สุด) ซึ่งหากคำนวณระยะทางจากตากไปกรุงเทพฯ โดยลบกับ 200 กม. ที่บริการสไลด์รถฟรี จะเกิดค่าใช้จ่ายอีกประมาณ 7 พันบาท ซึ่งทาง Mobility แจ้งว่าส่วนนี้ลูกค้าต้องรับผิดชอบเอง ผมรู้สึกไม่ค่อยโอเคกับจุดนี้เท่าไร แต่ก็คิดแล้วว่ารถเราเทคโนโลยีใหม่ ซึ่งตอนออกรถมา ทางโชว์รูมก็ได้เคยแจ้งไว้ว่าผู้ที่เชี่ยวชาญไฮบริดจ์บีเอมเนี่ยมีไม่กี่คน ผมจึงตัดสินใจให้สไลด์มากรุงเทพฯ ดีกว่าเพื่อความชัวร์ ต่อมาทาง Mobility ได้ส่งรถมา (ตอนนั้นมืดมากแล้ว) และรถสไลด์ได้ถึง กรุงเทพฯ ในเช้าวันต่อมา
ปกติแล้วเมื่อรถส่งถึงปลายทาง จะต้องชำระค่าใช้จ่ายในการสไลด์รถให้กับทาง Mobility เลย และทาง BM แจ้งให้ผมสำรองจ่ายไปก่อน แต่ผมเลือกรอทาง BM ให้ดำเนินการเรื่องค่าใช้จ่ายเลยดีกว่าเพราะเป็นความรับผิดชอบของเขา เวลาล่วงเลยมาซักพักทาง Mobility ได้ติดตามทวงเงินค่ายกมาทางผมเพราะยังไม่ได้รับชำระจากทาง BM เรื่องยืดเยื้ออยู่ประมาณ 2 สัปดาห์ ไม่มีการชำระค่าใช้จ่ายให้ Mobility เกิดขึ้น ทาง BM ก็ยื้อไปยื้อมา เดินเรื่องช้ามาก สุดท้ายทาง BM ต้องจ่ายเองเพราะผมไม่จ่าย (นี่หรือคือการทำงานของ BMW Thailand ?)
จากเหตุการณ์ที่ประสบดังกล่าว ทำให้เกิดปัญหาและอุปสรรคมากมายต่อการแข่งขันในทั้ง 3 Tournament นั้น
หลังจากเกิดเหตุประมาณ 5 วัน ผมได้พยายามติดต่อกับตัวแทนฝ่ายขาย ( คุณน้ำ Sale ของ บริษัท GERMAN AUTO สาขา บางนา ) เพื่อขอทราบความคืบหน้า แต่ไม่สามารถติดต่อได้ ในวันรุ่งขึ้นจึงพยายามติดต่ออีกครั้งสอบถามถึงความคืบหน้าและได้รับรายงานว่า ยังไม่สามารถตรวจเช็คหรือให้คำตอบที่แน่ชัดได้ เพราะช่างของทางสำนักงานที่บางนา ลา ยังไม่มาทำงาน ต้องรออีก 2 วันถึงจะให้ข้อมูลได้ว่าเกิดจากสาเหตุใด
2 วันต่อมา ผมจึงได้โทรกลับไปอีกครั้งที่ศูนย์บางนาอีกครั้ง และได้รับแจ้งจาก Sale ว่าจากปัญหาดังกล่าวเกิดจากหนูเข้าไปกัดสายไฟในห้องเครื่องยนต์ขาด ทำให้รถเกิดปัญหาดังกล่าว ซึ่งเป็นปัญหาจากสิ่งแวดล้อมของลูกค้าเอง แต่ทางศูนย์บางนากำลังตรวจเช็คให้ละเอียดอีกครั้งว่าหนูได้กัดไปตรงส่วนไหนอีก
เวลาผ่านไป ได้รับแจ้งจากช่าง German Auto ศูนย์บางนา ว่าการวิเคราะห์เบื้องต้นดังกล่าว ไม่ได้เป็นไปตามที่แจ้ง คือ สาเหตุไม่ได้เกิดจากหนู หนูไม่ได้กัดสายไฟอย่างที่แจ้งไปในตอนแรก แต่เป็นความบกพร่องที่เกิดจาก ระบบกล่องไฟเครื่องยนต์ ตัว Hybrid Plug In มีปัญหา
ซึ่งทางบีเอมได้แจ้งว่า กล่องระบบไฟเครื่องยนต์เสีย(เขาแจ้งว่าเป็นกล่อง AC/DC Invertor ที่ทำหน้าที่จ่ายไฟเข้าตัวไฮบริดจ์ ประมาณนี้ครับ (ตรงนี้รบกวนใครทราบอธิบายให้ฟังหน่อยว่ามันคืออะไร แล้วเขาเปลี่ยนแล้วผมมั่นใจได้หรือไม่ ตรงนี้ผมกลัวมากเลยครับ) ทำให้รถมีอาการดังกล่าว ซึ่งได้จัดการเปลี่ยนตัวกล่องระบบไฟเครื่องยนต์ให้ใหม่แล้ว แล้วที่เปลี่ยนนั้นเป็นตัวที่มีการพัฒนามากกว่าตัวเก่า ซึ่งผมได้ถามกลับไปว่าถ้ามันเกิดเสียอีกเขาจะทำอย่างไร ? แต่ได้คำตอบว่าก็คงต้องเอาเข้ามาซ่อมมาดูกันอีกที แล้วถามว่ามีอะไรการันตีได้ไหมว่ามันจะไม่เสียอีกแบบที่เกิดขึ้น เขาแจ้งว่าไม่สามารถการันตีได้
ตั้งแต่วันเกิดเหตุจนถึงปัจจุบันตัวผมเองได้รับการบริการที่ไม่ประทับใจนักในทุกๆขั้นตอน บวกกับการวิเคราะห์สาเหตุที่ดูไม่ค่อยน่าไว้วางใจ จึงทำให้ผมแจ้งไปว่ารถคันนี้ผมไม่ขอรับเพราะผมเกิดความไม่มั่นใจในผลิตภัณฑ์ ซึ่งได้ร้องขอกับทางบีเอมไปว่า ขอคืนรถคันนี้ หรือเปลี่ยนคันใหม่ให้หน่อย ซึ่งตัวผมเองไม่ได้ทราบเกี่ยวกับนโยบายของบริษัทหรอกครับว่าหากเกิดเหตุการณ์แบบนี้สามารถเปลี่ยนหรือคืนรถได้ไหม หรือมีวิธีไหนการันตีให้ลูกค้าอย่างผมได้บ้าง เพราะรถก็ใหม่พึ่งใช้งานไปแค่ 3 เดือน แต่มีปัญหาแล้ว แล้วปัญหาก็มาจากตัวรถด้วย มาจากความพกพร่องของอะไหล่รถ ไม่ได้มาจากการใช้งานหรือสภาพแวดล้อมใดๆทั้งสิ้น แต่ผมได้รับคำปฏิเสธ และทางบีเอมแจ้งว่าเพื่อชดใช้ค่าเสียเวลาตลอด 1 เดือนที่ไม่ได้ใช้รถ จึงจะรับผิดชอบชดเชยให้เป็นการยกเว้นการชำระค่างวดรถ 1 เดือน (เป็นเงินประมาณ4 หมื่นกว่าบาท) ผมเองไม่ยอมรับจึงตอบปฏิเสธไป และแจ้งเขาไปว่าเงินที่เสนอมาให้มันไม่ได้ตอบโจทย์ความต้องการของผม ผมแค่ต้องการรถยนต์กลับมาใช้อย่างมั่นใจว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์ที่เสี่ยงอันตรายอีกและจะสร้างความปลอดภัยให้กับคนในครอบครัวผม ซึ่งทางบีเอมก็แจ้งอีกว่าทางบริษัทไม่มีนโยบายคืนหรือเปลี่ยนรถคันใหม่ให้กับลูกค้า เพราะมีการันตีอยู่แล้ว (Warranty BSI Mobility หรือคือประกันการดูแลรักษาค่าอะไหล่ฟรี 6 ปี) ? ซึ่งรถผมสามเดือนเองยังไม่ค่อยได้ใช้เลยต้องซ่อมแล้ว ถ้าต้องใช้ไปซ่อมไปคงจะไม่ไหวครับ
ผมจึงมาแชร์เรื่องนี้ไว้เป็นกรณีศึกษา หากผู้ใดสนใจ รถ Hybrid ครับ (ซึ่งตอนผมซื้อไม่พบปัญหาแบบนี้เลยผมเลยเผลอไว้ใจไปครับ5555)
ช่วยแสดงความคิดเห็นต่อกรณีนี้หน่อยครับ รวมทั้งรบกวนผู้รู้ช่วยแนะนำด้วยครับ ตอนนี้ผมกำลังจะไป สคบ เพื่อเรียกร้อง สินค้าไม่ปลอดภัยครับ แนะนำด้วยครับ
ปล. พึ่งสมัครมาเพื่ออยากมาหาความรู้ คำแนะนำ และแชร์ประสบการณ์นะครับ รบกวนพี่ๆน้องๆ ทุกคนๆด้วยครับ อาจจะเขียนผิด เว้นวรรคผิดไปบ้าง ขอโทษแล้วก็ขอขอบคุณทุกๆคนล่วงหน้ามากๆครับ