No one is sent by ACCIDENT to anyone.
คืนนั้นบนเรือสำราญ "อุบัติเหตุ" หรือ "โชคชะตา" ก็ไม่ทราบได้ นำพาคนคู่หนึ่งที่แตกต่างกันทุกอย่างมาพบเจอกัน "เขา" ผู้บริหารหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรง เต็มไปด้วย passion มุ่งมั่น และ เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ กับ "เธอ" หญิงสาวผู้น่ารักอ่อนหวาน คนที่ยอมตามความต้องการของคนอื่นไปเสียทุกครั้ง เพราะความอ่อนโยนในนิสัย อะไรช่วยได้ก็ช่วยกันไป และ นำเอาความปรารถนาดีต่อคนอื่นเป็นที่ตั้ง
ภาวุฒิกำลังวาดฝันวันวิวาห์กับแฟนสาวนักบัลเลย์อยู่ในใจ เรือสำราญและห้องสวีทสุดเลิศหรู ไวน์ แชมเปญ สุดราตรี เพลงคลอเบา ๆ ยามสวมแหวน แล้วทุกอย่างก็จะ happy ending ขั้นต่อไปก็จะมีทายาทสืบตระกูล ขั้นต่อไปก็คือความมั่นคงในบริษัท ขั้นต่อไปก็คือความพอใจของคุณย่า และ เป็นการข่มขวัญบรรดาญาติโกโหตุที่กำลังจ้องตระครุบกิจการที่เขาใช้กำลังแรงกายแรงใจและสติปัญญาผ่านพ้นวิกฤตมาโดยไม่มีใครคนไหนคิดจะเหลียวแล ถึงมันยังไม่ใช่เวลาที่เขา .... คาดหวังจะ "ตกล่องปล่องชิ้น" กับแขไขคุณก็เถอะ
ต่างฝ่ายต่างยังใฝ่หาความสำเร็จ โดยเฉพาะกับแข ... เธอต่อสู้ในเส้นทางนักบัลเลย์มาอย่างยาวนาน กำลังตามหาความฝันและไปสู่จุดสูงสุดของอาชีพ ซึ่งเป็นเรื่องที่เขาเข้าใจเป็นอย่างดี ธาตุของเธอกับเขาเหมือนกัน passion และ ความชัดเจนในสิ่งตัวเองต้องการนี่แหละเป็นสิ่งที่ทำให้เขาประทับใจในแขไขคุณเรื่อยมา ถึงบางครั้งจะรู้สึกว่าแขไขคุณจะจัด priority ของตัวเขาอยู่ต่ำกว่าสิ่งอื่น ๆ ในชีวิตไปบ้างก็ตามที ได้อย่างก็ต้องเสียอย่าง สัจธรรมไม่ใช่หรือ
แต่ก็เอาเถอะ เหตุการณ์สุกงอมมาถึงขั้นนี้ คบกันมายาวนานอย่างนี้ คงถึงเวลาที่ "เหมาะสม" จะต้องแต่งงานเสียที เขามั่นใจว่าเธอผู้นั่นที่เหมือนนกน้อยลอยละล่อง หากถึงเวลาที่เขาจริงจัง ถึงเวลาที่เขาเอาจริง ถึงเวลาที่เขา "ขอ" ให้เธอช้าลงซักนิด เขามีความหมายต่อเธอนี่นะ ความรักคงสามารถหยุดเธอไว้ได้ และ ภาพฝันที่ต่อเติมไว้ในใจคงเป็นความจริง
หากสุดท้าย .... "ผิดแผน"
ภาวุฒิตื่นขึ้นมาเจอสาวหน้าจืดที่ไหนก็ไม่รู้ ไม่ได้มีความสะดุดตาแม้ซักนิด และ เหตุการณ์มันยิ่ง go so big ไปอีก เมื่อเขาจับได้ว่าผู้บุกรุกที่ไม่ได้รับเชิญเป็นญาติของคนที่กำลังก่อปัญหาและยั่วโมโหในเรื่องกระจิบยิบย่อยที่เขาได้จัดการไปแล้วเสียอีก เมื่อผนวกกับความผิดหวังกับการ "โดนเท" จากแฟนสาว ทำให้ภาวุฒิแทบจะไม่เหลือเยื่อใยความเห็นใจแก่คนที่ยืนหน้าซีดหน้าเซียวไร้สีเลือดตรงปลายเตียง จนกระทั่ง .... เมื่อหัวที่ร้อนผ่าว ๆ เมื่อครู่ค่อยเย็นลง
ความช่างสังเกตและสัญชาตญาณที่เฉียบแหลมอย่างคนที่มีเหลี่ยมคูทางธุรกิจก็กลับคืนมา ใบหน้าซีดเซียวที่ดูอ่อนล้าและตื่นกลัวเหมือนเด็กหลงทางกลับมาในห้วงคิดอีกครั้ง ผู้หญิงจืด ๆ แบบนั้น ... จะไปคิดแผนอะไรลึกลับซับซ้อนได้เล่า สองคนนั่นก็ไม่ได้มีอะไรพลิกแพลงเลย อาศัยช่องว่างช่องโหว่ล้วน ๆ ใครเลยจะคิดว่าการที่เขาเห็น "ป้าแว่นจืด" ถูกเหยียบย่ำซ้ำเติมด้วยวาจา และ ท่าทางที่เหมือนคนช็อคจนชาไปทั้งตัว จะทำให้เขา "ขึ้น" ได้ขนาดนั้น
ความรังเกียจในวาจาของผู้ชายคนนั้นผสมกับลีลาการเทที่ร้ายกาจถึงใจตรงหน้า ... ผสมปนเปกับความรู้สึกเวทนาของคนที่หูตาแดงช้ำและใต้ความรู้สึกที่อยากทำอะไรห่าม ๆ ให้ลืมเหตุการณ์ที่บั่นทอนความเชื่อมั่นของตัวเอง จาก "อุบัติเหตุ" มันจึงเริ่มแปรเปลี่ยนมาเป็น "โชคชะตา" ... เมื่อท้ายที่สุดคนที่ยังพอใจจะสานต่อ ยังอยากจะพบ อยากจะเจอ อยากจะสานสัมพันธ์มันก็ตัวภาวุฒิทั้งสิ้น
อาการบาดเจ็บที่ถูกเทเหมือนจะเจือจางไปภายในเวลาข้ามคืน
วนิดา ... ไม่มีอะไรเหมือนแขไขคุณซักนิดเดียว ไม่มีความชัดเจน ไม่มีความมุ่งมั่น ดีแต่ยอมตามคนอื่นไปวัน ๆ และ สิ่งเหล่านั้นทำให้คนที่ทั้งเข้มแข็งและมั่นใจอย่างภาวุฒิ คนที่เคยแต่ก้าวเดินไปข้างหน้ากลับทอดฝีเท้าให้ช้าลงเพื่อประคับประคองใครอีกคน มันน่าจะเป็นเรื่องที่น่ารำคาญสำหรับคนแข็งแกร่งที่จะต้องเห็นใครที่วิ่งวุ่นค่อยรับใช้คนนั้นคนนี้ คนที่ไม่รู้แม้กระทั่งตัวเองต้องการอะไร คนแบบที่ภาวุฒิน่าจะคิดว่าเส้นทางชีวิตไม่น่าจะบรรจบกันได้ แต่ยิ่งนานวันความรู้สึกบางประการก็ยิ่งเปลี่ยนไป
ผู้หญิงที่บอกว่าตัวเองชื่อโหล .... ทำให้เขาได้สิ่งที่ไม่เคยได้รับจากแขไขคุณมานานแล้ว ทั้งเขาและแขเหมือนกันมาก ต่างคนต่างเป็นต้นส้นที่หยัดยืนและพยายามจะยืดลำต้นให้สูงขึ้น แผ่กิ่งก้านสาขาให้กว้างขึ้นจนเสียดฟ้า แขไขคุณกำลังสนุกกำลังกระหายในทุกโอกาสที่เข้ามาในชีวิต และ คาดคิดว่าภาวุฒิจะต้องเข้าใจ เพราะเขาและเธอก็เป็นคนแบบเดียวกัน แต่ "ต้นไม้" ไม่ว่าจะชนิดไหนก็ต้องการการดูแลเอาใจใส่ แม้จะเป็นต้นสนสูงลิ่วก็เถอะ
ความใส่ใจ เป็นเดือดเป็นร้อน ในความทุกข์ความไม่สบายใจเขาเขา เนื้อในที่ไม่ปรุงแต่งและความบริสุทธิ์ดีงามของเธอทำให้เขาสะดุดใจ ความอ่อนต่อโลกความดีเสียจนทำให้ถูกเอาเปรียบทุกระเบียดทำให้เขาต้องวุ่นวายและสุดท้ายร่างกายก็ถลาไปช่วยปัดเป้าไวกว่าสมองตริตรองทุกครั้งไป วนิดาก็เหมือนดอกหญ้าดอกน้อยที่อยู่ท่ามกลางไม้ใหญ่ .... ไม่ได้สูงไม่ได้เด่น แต่ดอกหญ้านั่นก็ดูสงบเรียบง่ายและแฝงไว้ด้วยความอบอุ่น ความอบอุ่นที่มีใครซักคนเป็นห่วงเป็นใยใส่ใจในเรื่องของเรา แล้วยิ่งเมื่อเธอคนนั้นมีเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาอยู่ในตัวอีก
ภาวุฒิเริ่มก่อกำแพงในใจ ไม่ใช่ไง แขรักเราเราก็รักแข สัมพันธ์แม้เกิดขึ้นชั่วข้ามคืน แม้ไม่ได้นอกใจแต่มันก็นอกกาย ความรู้สึกผิดของเขาท่วมท้น จนต้องพลอยหาอะไร ๆ มาปืดทึบช่องว่างที่วนิดาได้เจาะเข้ามาอย่างไม่รู้ตัว แค่ขวดยาดองสมุนไพรหนึ่งขวดพัดพาจินตนาการและความมโนของภาวุฒิไปได้ไกล ส่วนหนึ่ง ... ไม่สิ คิดว่าสวนใหญ่ ... ก็คือการก่อกำแพงใจให้แข็งแรงขึ้น เขาเป็นคนฉลาด และ เป็นคนที่ "ชัดเจน" ในความต้องการของตน
มีหรือว่าตอนนี้จะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นแล้วกับใจ ไม่แปลกที่จะพยายามหาจุดผิดจุดบกพร่องของอีกฝ่าย ทำให้ตัวเองเข้าสู่รูปรอยเดิมที่เคยเป็นมา รูปรอยที่มี "แขไขคุณ" เป็นจุดหมายตั้งแต่ต้น อุบัติเหตุพัดพา "วนิดา" เข้ามาในชีวิตของภาวุฒิ และ เป็นตัวเขาที่ยังคิดถึง ติดตาม และ ติดต่อมาจบถึงปัจจุบัน
บัดนี้อุบัติเหตุได้แปรเปลี่ยนเป็นโชคชะตา
โชคชะตาที่ภาวุฒิเป็นคนคิดสานต่อ
เหลือแต่ว่าจะ "ยอมรับ" หรือ "ปฏิเสธ"
จะเลือกทางไหนให้ตรงกับสิ่งที่ตัวเองชัก "เอะใจ" เท่านั้นเอง
เธอคือพรหมลิขิต (กึ่งวิเคราะห์) : ระหว่างต้นสนและดอกหญ้า (สปอยด์)
คืนนั้นบนเรือสำราญ "อุบัติเหตุ" หรือ "โชคชะตา" ก็ไม่ทราบได้ นำพาคนคู่หนึ่งที่แตกต่างกันทุกอย่างมาพบเจอกัน "เขา" ผู้บริหารหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรง เต็มไปด้วย passion มุ่งมั่น และ เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ กับ "เธอ" หญิงสาวผู้น่ารักอ่อนหวาน คนที่ยอมตามความต้องการของคนอื่นไปเสียทุกครั้ง เพราะความอ่อนโยนในนิสัย อะไรช่วยได้ก็ช่วยกันไป และ นำเอาความปรารถนาดีต่อคนอื่นเป็นที่ตั้ง
ภาวุฒิกำลังวาดฝันวันวิวาห์กับแฟนสาวนักบัลเลย์อยู่ในใจ เรือสำราญและห้องสวีทสุดเลิศหรู ไวน์ แชมเปญ สุดราตรี เพลงคลอเบา ๆ ยามสวมแหวน แล้วทุกอย่างก็จะ happy ending ขั้นต่อไปก็จะมีทายาทสืบตระกูล ขั้นต่อไปก็คือความมั่นคงในบริษัท ขั้นต่อไปก็คือความพอใจของคุณย่า และ เป็นการข่มขวัญบรรดาญาติโกโหตุที่กำลังจ้องตระครุบกิจการที่เขาใช้กำลังแรงกายแรงใจและสติปัญญาผ่านพ้นวิกฤตมาโดยไม่มีใครคนไหนคิดจะเหลียวแล ถึงมันยังไม่ใช่เวลาที่เขา .... คาดหวังจะ "ตกล่องปล่องชิ้น" กับแขไขคุณก็เถอะ
ต่างฝ่ายต่างยังใฝ่หาความสำเร็จ โดยเฉพาะกับแข ... เธอต่อสู้ในเส้นทางนักบัลเลย์มาอย่างยาวนาน กำลังตามหาความฝันและไปสู่จุดสูงสุดของอาชีพ ซึ่งเป็นเรื่องที่เขาเข้าใจเป็นอย่างดี ธาตุของเธอกับเขาเหมือนกัน passion และ ความชัดเจนในสิ่งตัวเองต้องการนี่แหละเป็นสิ่งที่ทำให้เขาประทับใจในแขไขคุณเรื่อยมา ถึงบางครั้งจะรู้สึกว่าแขไขคุณจะจัด priority ของตัวเขาอยู่ต่ำกว่าสิ่งอื่น ๆ ในชีวิตไปบ้างก็ตามที ได้อย่างก็ต้องเสียอย่าง สัจธรรมไม่ใช่หรือ
แต่ก็เอาเถอะ เหตุการณ์สุกงอมมาถึงขั้นนี้ คบกันมายาวนานอย่างนี้ คงถึงเวลาที่ "เหมาะสม" จะต้องแต่งงานเสียที เขามั่นใจว่าเธอผู้นั่นที่เหมือนนกน้อยลอยละล่อง หากถึงเวลาที่เขาจริงจัง ถึงเวลาที่เขาเอาจริง ถึงเวลาที่เขา "ขอ" ให้เธอช้าลงซักนิด เขามีความหมายต่อเธอนี่นะ ความรักคงสามารถหยุดเธอไว้ได้ และ ภาพฝันที่ต่อเติมไว้ในใจคงเป็นความจริง
ภาวุฒิตื่นขึ้นมาเจอสาวหน้าจืดที่ไหนก็ไม่รู้ ไม่ได้มีความสะดุดตาแม้ซักนิด และ เหตุการณ์มันยิ่ง go so big ไปอีก เมื่อเขาจับได้ว่าผู้บุกรุกที่ไม่ได้รับเชิญเป็นญาติของคนที่กำลังก่อปัญหาและยั่วโมโหในเรื่องกระจิบยิบย่อยที่เขาได้จัดการไปแล้วเสียอีก เมื่อผนวกกับความผิดหวังกับการ "โดนเท" จากแฟนสาว ทำให้ภาวุฒิแทบจะไม่เหลือเยื่อใยความเห็นใจแก่คนที่ยืนหน้าซีดหน้าเซียวไร้สีเลือดตรงปลายเตียง จนกระทั่ง .... เมื่อหัวที่ร้อนผ่าว ๆ เมื่อครู่ค่อยเย็นลง
ความช่างสังเกตและสัญชาตญาณที่เฉียบแหลมอย่างคนที่มีเหลี่ยมคูทางธุรกิจก็กลับคืนมา ใบหน้าซีดเซียวที่ดูอ่อนล้าและตื่นกลัวเหมือนเด็กหลงทางกลับมาในห้วงคิดอีกครั้ง ผู้หญิงจืด ๆ แบบนั้น ... จะไปคิดแผนอะไรลึกลับซับซ้อนได้เล่า สองคนนั่นก็ไม่ได้มีอะไรพลิกแพลงเลย อาศัยช่องว่างช่องโหว่ล้วน ๆ ใครเลยจะคิดว่าการที่เขาเห็น "ป้าแว่นจืด" ถูกเหยียบย่ำซ้ำเติมด้วยวาจา และ ท่าทางที่เหมือนคนช็อคจนชาไปทั้งตัว จะทำให้เขา "ขึ้น" ได้ขนาดนั้น
ความรังเกียจในวาจาของผู้ชายคนนั้นผสมกับลีลาการเทที่ร้ายกาจถึงใจตรงหน้า ... ผสมปนเปกับความรู้สึกเวทนาของคนที่หูตาแดงช้ำและใต้ความรู้สึกที่อยากทำอะไรห่าม ๆ ให้ลืมเหตุการณ์ที่บั่นทอนความเชื่อมั่นของตัวเอง จาก "อุบัติเหตุ" มันจึงเริ่มแปรเปลี่ยนมาเป็น "โชคชะตา" ... เมื่อท้ายที่สุดคนที่ยังพอใจจะสานต่อ ยังอยากจะพบ อยากจะเจอ อยากจะสานสัมพันธ์มันก็ตัวภาวุฒิทั้งสิ้น
วนิดา ... ไม่มีอะไรเหมือนแขไขคุณซักนิดเดียว ไม่มีความชัดเจน ไม่มีความมุ่งมั่น ดีแต่ยอมตามคนอื่นไปวัน ๆ และ สิ่งเหล่านั้นทำให้คนที่ทั้งเข้มแข็งและมั่นใจอย่างภาวุฒิ คนที่เคยแต่ก้าวเดินไปข้างหน้ากลับทอดฝีเท้าให้ช้าลงเพื่อประคับประคองใครอีกคน มันน่าจะเป็นเรื่องที่น่ารำคาญสำหรับคนแข็งแกร่งที่จะต้องเห็นใครที่วิ่งวุ่นค่อยรับใช้คนนั้นคนนี้ คนที่ไม่รู้แม้กระทั่งตัวเองต้องการอะไร คนแบบที่ภาวุฒิน่าจะคิดว่าเส้นทางชีวิตไม่น่าจะบรรจบกันได้ แต่ยิ่งนานวันความรู้สึกบางประการก็ยิ่งเปลี่ยนไป
ผู้หญิงที่บอกว่าตัวเองชื่อโหล .... ทำให้เขาได้สิ่งที่ไม่เคยได้รับจากแขไขคุณมานานแล้ว ทั้งเขาและแขเหมือนกันมาก ต่างคนต่างเป็นต้นส้นที่หยัดยืนและพยายามจะยืดลำต้นให้สูงขึ้น แผ่กิ่งก้านสาขาให้กว้างขึ้นจนเสียดฟ้า แขไขคุณกำลังสนุกกำลังกระหายในทุกโอกาสที่เข้ามาในชีวิต และ คาดคิดว่าภาวุฒิจะต้องเข้าใจ เพราะเขาและเธอก็เป็นคนแบบเดียวกัน แต่ "ต้นไม้" ไม่ว่าจะชนิดไหนก็ต้องการการดูแลเอาใจใส่ แม้จะเป็นต้นสนสูงลิ่วก็เถอะ
ความใส่ใจ เป็นเดือดเป็นร้อน ในความทุกข์ความไม่สบายใจเขาเขา เนื้อในที่ไม่ปรุงแต่งและความบริสุทธิ์ดีงามของเธอทำให้เขาสะดุดใจ ความอ่อนต่อโลกความดีเสียจนทำให้ถูกเอาเปรียบทุกระเบียดทำให้เขาต้องวุ่นวายและสุดท้ายร่างกายก็ถลาไปช่วยปัดเป้าไวกว่าสมองตริตรองทุกครั้งไป วนิดาก็เหมือนดอกหญ้าดอกน้อยที่อยู่ท่ามกลางไม้ใหญ่ .... ไม่ได้สูงไม่ได้เด่น แต่ดอกหญ้านั่นก็ดูสงบเรียบง่ายและแฝงไว้ด้วยความอบอุ่น ความอบอุ่นที่มีใครซักคนเป็นห่วงเป็นใยใส่ใจในเรื่องของเรา แล้วยิ่งเมื่อเธอคนนั้นมีเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาอยู่ในตัวอีก
ภาวุฒิเริ่มก่อกำแพงในใจ ไม่ใช่ไง แขรักเราเราก็รักแข สัมพันธ์แม้เกิดขึ้นชั่วข้ามคืน แม้ไม่ได้นอกใจแต่มันก็นอกกาย ความรู้สึกผิดของเขาท่วมท้น จนต้องพลอยหาอะไร ๆ มาปืดทึบช่องว่างที่วนิดาได้เจาะเข้ามาอย่างไม่รู้ตัว แค่ขวดยาดองสมุนไพรหนึ่งขวดพัดพาจินตนาการและความมโนของภาวุฒิไปได้ไกล ส่วนหนึ่ง ... ไม่สิ คิดว่าสวนใหญ่ ... ก็คือการก่อกำแพงใจให้แข็งแรงขึ้น เขาเป็นคนฉลาด และ เป็นคนที่ "ชัดเจน" ในความต้องการของตน
มีหรือว่าตอนนี้จะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นแล้วกับใจ ไม่แปลกที่จะพยายามหาจุดผิดจุดบกพร่องของอีกฝ่าย ทำให้ตัวเองเข้าสู่รูปรอยเดิมที่เคยเป็นมา รูปรอยที่มี "แขไขคุณ" เป็นจุดหมายตั้งแต่ต้น อุบัติเหตุพัดพา "วนิดา" เข้ามาในชีวิตของภาวุฒิ และ เป็นตัวเขาที่ยังคิดถึง ติดตาม และ ติดต่อมาจบถึงปัจจุบัน
โชคชะตาที่ภาวุฒิเป็นคนคิดสานต่อ
เหลือแต่ว่าจะ "ยอมรับ" หรือ "ปฏิเสธ"
จะเลือกทางไหนให้ตรงกับสิ่งที่ตัวเองชัก "เอะใจ" เท่านั้นเอง