Kingsman: The Golden Circle (Matthew Vaughn, 2017) คะแนน B
By Form Corleone
"ความสนุกสนานไม่ต่างจากภาคแรกมากนักเพียงแต่ว่าการเล่าเรื่องไม่ได้น่าสนใจเท่าของเดิม" Kingsman ถือเป็นภาพยนตร์สายลับที่มีสไตล์ผสมความเท่ห์และโดดเด่นในฉากแอคชั่นที่มีลีลาและจังหวะท่าทางของตัวละครที่สวยงามจนกลายเป็นงานที่ขายฉากคิวบู๊ที่เพลิดเพลินเจริญใจและถือเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่เหมือนหนังสายลับปกติทั่วๆไป ผนวกกับอุปกรณ์ไฮเทคที่หนังสายลับพึงกระทำนั้นก็ทำออกมาได้น่าสนใจชวนพิสมัยอยู่ไม่น้อย แน่นอนว่าการกลับมาของภาคสองที่หลายคนรอคอยคงจะมีอะไรที่คาดหวังไว้อยู่จากการได้ดูภาพยนตร์ตัวอย่างในหลายๆส่วน สำหรับเรานั้นเมื่อดูจบแล้วภาพรวมทั้งหมดของงานภาคนี้ยังคงมาตรฐานไม่ได้ต่างจากภาคแรก ในส่วนของฉากแอคชั่นหรือองค์ประกอบของงานภาพยังทำได้ดีเช่นเดิม หรืออาจจะจัดหนักใส่เต็มมากกว่าภาคแรกด้วยซ้ำเพราะตัวหนังไม่จำเป็นต้องบรรยายที่มาที่ไปขององค์กรสายลับแห่งนี้ให้มากความแล้ว หนังจึงสามารถจัดเต็มในส่วนของงานแอคชั่นซึ่งก็เปรียบเสมือนดาบสองคมในเวลาเดียวกันเพราะทำให้พล็อตเรื่องและวิธีการเล่าผนวกกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในเรื่องล้วนจืดชืดไร้รสชาติในส่วนของเนื้อหาประเด็นสาระ (การสอดแทรกประเด็นต่างๆง่ายเกินไป) ยิ่งไปกว่านั้น การจงใจใส่เหตุการณ์ที่ซ้ำซ้อนและไม่ต่างจาดภาคแรกทำให้เราไม่รู้สึกตกใจหรือตื่นตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นเพราะทั้งหมดอยู่บนพื้นฐานที่ภาคแรกได้ทำไว้ ดังนั้น มาตรฐานจึงคงเส้นและไม่หนีไปจากภาคแรกแต่อย่างใด เพียงแต่ว่าอรรถรสในการรับชมนั้นลดลงไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
แม้ว่าสำหรับเราแล้วนั้น 'Kingsman: The Golden Circle' จะให้ความรู้สึกละม้ายคล้ายคลึงร่างเดิมของภาคแรกในส่วนของเหตุการณ์ แต่ภาพรวมทั้งหมดก็ยังพาให้เราร่วมสนุกไปกับปฏิบัติการพิทักษ์โลกอยู่พอสมควร การใส่ตัวละครตัวใหม่ที่มีบทบาทต่อเนื้อเรื่องลงไปเพิ่มเติมยังช่วยให้ตัวหนังมีสีสันบันเทิงอยู่บ้าง ถึงแม้ตัวละครบางตัวที่มาเพิ่มจะไม่ได้ช่วยยกให้เรารู้สึกแปลกใหม่ไปจากของเดิมก็ตามที นอกจากนี้ ตัวร้ายในภาคนี้ที่รับบทโดย 'Julianne Moore' กลับทำได้ไม่โดดเด่นเท่า 'Samuel L. Jackson' ในภาคก่อน ทั้งหมดจึงเป็นเพียงการต่อกรตัวร้ายที่ตื้นเขินดูไร้สติแถมยังไม่ฉลาดในมิติของตัวร้าย รวมถึงการกลับมาของตัวละครที่ทุกคนรอคอยอย่าง 'Harry (Colin Firth)' ก็ดูขาดเสน่ห์+น่ารำคาญเล็กน้อยในบางจังหวะ ส่วนตัวละครที่สร้างความเซอร์ไพร์สอยู่ไม่น้อยเลยของภาคนี้คงต้องยกให้ 'Elton John' ที่มาสร้างรอยยิ้มกับเสียงหัวเราะอยู่พอสมควรทุกครั้งที่ปรากฏตัว
ท้ายสุด 'Kingsman: The Golden Circle' สามารถพาเราไปร่วมสนุกกับฉากแอคชั่นได้เพลิดเพลินผสมท่าทางสวยๆของตัวละครแบบจัดเต็มให้หายคิดถึงและยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่มีใครเหมือนและไม่เหมือนใครด้วยลูกเล่นต่างๆมากมาย แม้ว่าพล็อตเรื่องและวิธีการเล่าเรื่องจะดูง่ายเกินไปหน่อยจนจับทางได้ แต่ก็ยังคงตอบโจทย์คอหนังแนวสายลับที่ไม่เน้นแนวตึงเครียดแต่เน้นเอาฮ่า+ผจญภัยของตัวละครได้เข้าที่เข้าทาง จังหวะต่างๆยังคงอยู่ในมาตรฐานที่คงเส้นคงวาไม่ล้นเกินไปไม่น้อยเกินไป ถือว่าเป็นภาพยนตร์ภาคต่อที่ยังไม่ออกนอกลู่นอกทางเกินไปถ้ามองเทียบกับงานภาคต่อของภาพยนตร์เรื่องอื่นๆที่ไม่ได้เพียงไม่สร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆแล้วแต่ยังลดคุณภาพงานลงไปอีก แต่สำหรับ 'Kingsman: The Golden Circle' ถือว่าเสมอตัวมีข้อดีมาเสริมส่วนที่ขาดหายไปจนเอาตัวรอดไปได้อย่างน่าพอใจในระดับหนึ่งครับ...
ขอให้มีความสุขกับการรับชมภาพยนตร์ครับ
ตัวอย่างหนัง
ติดตามรีวิวภาพยนตร์ได้ที่
Page:
https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog:
http://moviesdelightclub.blogspot.com/
Review: Kingsman: The Golden Circle (Matthew Vaughn, 2017) เขียนโดย Form Corleone
By Form Corleone
"ความสนุกสนานไม่ต่างจากภาคแรกมากนักเพียงแต่ว่าการเล่าเรื่องไม่ได้น่าสนใจเท่าของเดิม" Kingsman ถือเป็นภาพยนตร์สายลับที่มีสไตล์ผสมความเท่ห์และโดดเด่นในฉากแอคชั่นที่มีลีลาและจังหวะท่าทางของตัวละครที่สวยงามจนกลายเป็นงานที่ขายฉากคิวบู๊ที่เพลิดเพลินเจริญใจและถือเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่เหมือนหนังสายลับปกติทั่วๆไป ผนวกกับอุปกรณ์ไฮเทคที่หนังสายลับพึงกระทำนั้นก็ทำออกมาได้น่าสนใจชวนพิสมัยอยู่ไม่น้อย แน่นอนว่าการกลับมาของภาคสองที่หลายคนรอคอยคงจะมีอะไรที่คาดหวังไว้อยู่จากการได้ดูภาพยนตร์ตัวอย่างในหลายๆส่วน สำหรับเรานั้นเมื่อดูจบแล้วภาพรวมทั้งหมดของงานภาคนี้ยังคงมาตรฐานไม่ได้ต่างจากภาคแรก ในส่วนของฉากแอคชั่นหรือองค์ประกอบของงานภาพยังทำได้ดีเช่นเดิม หรืออาจจะจัดหนักใส่เต็มมากกว่าภาคแรกด้วยซ้ำเพราะตัวหนังไม่จำเป็นต้องบรรยายที่มาที่ไปขององค์กรสายลับแห่งนี้ให้มากความแล้ว หนังจึงสามารถจัดเต็มในส่วนของงานแอคชั่นซึ่งก็เปรียบเสมือนดาบสองคมในเวลาเดียวกันเพราะทำให้พล็อตเรื่องและวิธีการเล่าผนวกกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในเรื่องล้วนจืดชืดไร้รสชาติในส่วนของเนื้อหาประเด็นสาระ (การสอดแทรกประเด็นต่างๆง่ายเกินไป) ยิ่งไปกว่านั้น การจงใจใส่เหตุการณ์ที่ซ้ำซ้อนและไม่ต่างจาดภาคแรกทำให้เราไม่รู้สึกตกใจหรือตื่นตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นเพราะทั้งหมดอยู่บนพื้นฐานที่ภาคแรกได้ทำไว้ ดังนั้น มาตรฐานจึงคงเส้นและไม่หนีไปจากภาคแรกแต่อย่างใด เพียงแต่ว่าอรรถรสในการรับชมนั้นลดลงไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
แม้ว่าสำหรับเราแล้วนั้น 'Kingsman: The Golden Circle' จะให้ความรู้สึกละม้ายคล้ายคลึงร่างเดิมของภาคแรกในส่วนของเหตุการณ์ แต่ภาพรวมทั้งหมดก็ยังพาให้เราร่วมสนุกไปกับปฏิบัติการพิทักษ์โลกอยู่พอสมควร การใส่ตัวละครตัวใหม่ที่มีบทบาทต่อเนื้อเรื่องลงไปเพิ่มเติมยังช่วยให้ตัวหนังมีสีสันบันเทิงอยู่บ้าง ถึงแม้ตัวละครบางตัวที่มาเพิ่มจะไม่ได้ช่วยยกให้เรารู้สึกแปลกใหม่ไปจากของเดิมก็ตามที นอกจากนี้ ตัวร้ายในภาคนี้ที่รับบทโดย 'Julianne Moore' กลับทำได้ไม่โดดเด่นเท่า 'Samuel L. Jackson' ในภาคก่อน ทั้งหมดจึงเป็นเพียงการต่อกรตัวร้ายที่ตื้นเขินดูไร้สติแถมยังไม่ฉลาดในมิติของตัวร้าย รวมถึงการกลับมาของตัวละครที่ทุกคนรอคอยอย่าง 'Harry (Colin Firth)' ก็ดูขาดเสน่ห์+น่ารำคาญเล็กน้อยในบางจังหวะ ส่วนตัวละครที่สร้างความเซอร์ไพร์สอยู่ไม่น้อยเลยของภาคนี้คงต้องยกให้ 'Elton John' ที่มาสร้างรอยยิ้มกับเสียงหัวเราะอยู่พอสมควรทุกครั้งที่ปรากฏตัว
ท้ายสุด 'Kingsman: The Golden Circle' สามารถพาเราไปร่วมสนุกกับฉากแอคชั่นได้เพลิดเพลินผสมท่าทางสวยๆของตัวละครแบบจัดเต็มให้หายคิดถึงและยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่มีใครเหมือนและไม่เหมือนใครด้วยลูกเล่นต่างๆมากมาย แม้ว่าพล็อตเรื่องและวิธีการเล่าเรื่องจะดูง่ายเกินไปหน่อยจนจับทางได้ แต่ก็ยังคงตอบโจทย์คอหนังแนวสายลับที่ไม่เน้นแนวตึงเครียดแต่เน้นเอาฮ่า+ผจญภัยของตัวละครได้เข้าที่เข้าทาง จังหวะต่างๆยังคงอยู่ในมาตรฐานที่คงเส้นคงวาไม่ล้นเกินไปไม่น้อยเกินไป ถือว่าเป็นภาพยนตร์ภาคต่อที่ยังไม่ออกนอกลู่นอกทางเกินไปถ้ามองเทียบกับงานภาคต่อของภาพยนตร์เรื่องอื่นๆที่ไม่ได้เพียงไม่สร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆแล้วแต่ยังลดคุณภาพงานลงไปอีก แต่สำหรับ 'Kingsman: The Golden Circle' ถือว่าเสมอตัวมีข้อดีมาเสริมส่วนที่ขาดหายไปจนเอาตัวรอดไปได้อย่างน่าพอใจในระดับหนึ่งครับ...
ขอให้มีความสุขกับการรับชมภาพยนตร์ครับ
ตัวอย่างหนัง
ติดตามรีวิวภาพยนตร์ได้ที่
Page: https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog: http://moviesdelightclub.blogspot.com/