ความรู้สึกหลังออกจากโรง Kingsman 2 ภาคต่อคุ้มสมราคา หนังเสียสติ แต่มีสาระเฉย

รีวิว Kingsman The Golden Circle
.............................................
https://youtu.be/xC-p_j2b394 ความรู้สึกหลังจากเข้าโรง และออกมารีวิวทันทีแบบไม่กลั่นกรอง เป็นความรู้สึกหลังดูหนัง ว่าคิดยังไง
.............................................

รีวิวแบบกลั่นกรองแล้ว
เรื่องราวภาคต่อ หลังจากภาคแรก เอ็คซี่ก็เป็นคิงส์แมนเต็มตัว มีแฟนสาวเป็นเจ้าหญิงแห่งสวีเดน ที่คบกันแบบบ้านๆ แม้จะมีปัญหาบ้างตอนเข้าพบเด็กจพ่อเด็จแม่ เอ็คซี่ยังคิดถึง แฮรี่ (เพื่อน+อาจาร์ยฺ์) เสมอ ทุกอย่างก็เข้าที่เข้าทางที จนกระทั่งองค์กรลึกลับที่ชื่อ Golden Circle ได้เปิดตัวขึ้นมา หลังจากที่เก็บงำมานาน และความต้องการของมัน คือการทำให้ยาเสพย์ติดบนโลกถูกกฎหมาย เข้าระบบภาษี เป็นเรื่องปกติ โดยข่มขู่คนเล่นยาทั้งโลกเป็นตัวประกัน!!!
ความหายนะที่เกิด ทำให้ Kingsman ต้องจอยกับกลุ่มสายลับอิสระแดนอเมริกา Stateman เพื่อปราบปราม จนได้พบความลับว่า แฮรี่ ยังอยู่!!!
........
โดยส่วนตัวคือค่อนข้างไปทางชอบ เพราะชอบภาคแรกอยู่แล้ว ภาคนี้ ยิ่งได้เห็นชะตากรรม ชีวิตตัวละครจากภาคแรกต่อไป เราก็ยิ่งชอบ (แม้บางตัวที่เด่นในภาคแรก จะต้องมาตายในภาคนี้ก็เถอะ เส้า)
ที่น่าสนใจคือ เจ้าหญิงในตอนท้าย ของภาค 1 ที่เหมือนจะเป็นแค่ตัวประกอบสาว ที่ใส่มาขำๆ เป็น GAG โชว์ความห่าม have sex after mission ของพระเอก ว่ากู้โลก ได้หญิง จิบแชมเปญ
ดันโชคดี ตกถังข้าวสาร บทดันเด่นขึ้นมา (สำหรับนักแสดง ถือว่าโคตรโชคดีเลย) เพราะบทกลายมาเป็นแฟน + นางเอก คนสำคัญของพระเอกในภาคนี้ มีบทบาท สร้างเงิ่อนไขให้การตัดสินใจของพระเอกด้วย ทำให้หนังเรื่องนี้ มีเส้นเรื่อง "หลายเส้น" มากๆ มันไม่ใช่หนังแอ็คชั่น ที่เล่า mission รวมๆ แบบ 007 หรือ Mission Impossible ที่ ภารกิจคือเส้นเรื่องหลัก และ ชีวิตตัวละครเป็นเรื่องรอง เรื่องนี้กลับกลายเป็นว่า ชีวิตตัวละครคือเป็นเรื่องหลัก และน่าสนใจมากๆ ทั้ง "ความรัก เพื่อนๆ ความทรงจำเสื่อม ผีเสื้อ องค์กรใหม่ แฟนของลูกสมุนตัวร้าย คู่หูใหม่ การแต่งงาน ความเหงาของแฮรี่ บลาๆๆ" เต็มไปหมด
ส่วนตัวของ Mission ก็ลดความสำคัญ แถมถูกแถให้หลุดโลก เสียสติ ยิ้ม แบบไร้ตรรกะความจริงใดๆ แต่สนุกดี

(ตัวร้ายคือ จูลี่แอน มัวร์ สาวใจดี หลงรักยุค 50's ที่ทำอาชีพค้ายาข้ามชาติ และกลับบ้านเกิดไม่ได้ เลยสร้างดินแดนวินเทจตัวเองในป่ากัมพูชา และใส่พิษลงยาตัวเอง ให้ลูกค้ายาทั้งโลก เป็นตัวประกัน หากพิษทำงาน ทุกคนจะตายห่าหมด โดยขู่ให้ประธานาธิปดีสหรัฐประกาศให้ยาเสพย์ติดถูก กม. มีการเสียภาษีเหมือนเหล้า บุหรี่ แล้วจะส่งยาแก้ให้คนทั้งโลก)
และประเด็นคืออีประธานาธิปดี ก็ดันเป็นพวกคอนเซอเวทีฟหัวรุนแรง มองว่า เออดี ตายๆไปให้หมด กูไม่ประกาศให้ยาถูกกฎหมายหรอก เสียสติ เสียสติไปหมด เอาจริงๆแผนของ ซามูเอล แจ็คสัน ในภาคแรก ยังแอบดูมีความจริงจังกว่า

ซึ่งถ้าใครที่หาความจริงจัง ความซีเรียส เรียลลิสติก
คงไม่เอ็นจอย แต่ถ้ามองในเชิงตลกร้าย ในตัวละครแบบการ์ตูน เรารู้สึกว่าเราขำกับมันมากๆนะ และค่อนข้างชอบตัวร้ายด้วย เอาจริงๆ
พาร์ท Mission ยิ้มคือตลกร้ายอย่างที่กล่าวข้างต้น และมีซีนแอ็คชั่นสนุกๆ ส่วนพาร์ทตัวละคร ก็มีความตั้งใจพยายามเล่นกันจริงจังอยู่นะ เลยมีความขัดๆแน่ๆ สำหรับคนดูบางกลุ่ม แต่เราชอบ เราเลยไม่กังขาใดๆ กับภาคต่อนี้ และคิดว่า ค่อนข้างคุ้มตังค์สำหรับเรา

จริงๆหนังมันมีแง่คิดอย่างนึงนะ นั่นคือการถามกลับ ไปยังคนดู ว่าคุณมองพวกคนใช้ยาเสพย์ติดยังไง เพราะในหนังเองก็ให้ค่ากับคนใช้ยาหลายประเภท ตั้งแต่คนเครียด ทำงานหนังเลยพึ่งยา คนใช้ยาแบบอาชญากรจริง คนใช้ยาแบบชิลๆปาร์ตี้ คนใช้ยาในเชิงการแพทย์ คุณให้ค่าความเป็น "คน" กับพวกเขา เหมือนคนอย่างเราๆไหม หรือคุณตัดสินหมด เล่นยา เลว
ซึ่งประธานาธิปดีในเรื่องก็สุดโต่ง เลยเกลียดพวกเล่นยาทั้งหมด และพร้อมสละพวกคนที่เขามองว่า "พวกขี้ยา" ให้ตายห่าให้หมด เพราะอยากชนะสงครามยาระดับโลกนี้ แต่เราล่ะ..เป็นแบบนั้นไหม มอง "คน" แบบนั้นไหม
...........
เราผิดหวังเรื่องเดียวเท่านั้น นั่นคือ ความโหด ในภาคแรกเป็นหนังที่เลือดสาดมากๆ โหดทะลุจอเลย สำหรับหนังบู๊/ตลก (จำซีนโบสถ์ได้ไหม)
ภาคนี้ ความรุนแรงถูกลดทอนเยอะมาก มีซีนรุนแรง ก็มีการหลบ เป็นเงาสะท้อนในแว่นบ้างล่ะ อะไรแบบนี้ตลอด เลยเสียดายลายเซ็นความ Gore ที่มีตั้งแต่ภาคแรกเหมือนกัน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่