รถเข้าซ่อม เลยกำหนดเสร็จ ทั้งๆที่รถไม่เป็นอะไรมาก จะทำไงดีคะ

ซึ่งเป็นเจ้าของรถ FORD  รุ่น RANGER
DOUBLE CAB  เลขทะเบียน ขฉ - 1870 ชลบุรี  ปี 2012 ได้ทำประกันภัยรถยนต์กับ
บริษัทมิตรแท้ โดยระยะเวลาประกันภัย เริ่มวันที่ 23 พฤศจิกายน 2559  สิ้นสุดวันที่
23  พฤศจิกายน 2560  ด้วยทุนประกัน 400,000 บาท

              วันที่ 25 พฤษภาคม  2560  เวลา 21.30 น. ได้เกิดเหตุจนทำให้รถทะเบียน
คันดังกล่าว ได้ตะแคงคว่ำด้านฝั่งคนขับ และตรงที่คว่ำ เป็นแอ่งน้ำตื้นๆระดับน้ำไม่ถึงครึ่งล้อรถ  ขณะที่รถตะแคง ด้านประตูฝั่งคนขับ ถูกพื้นน้ำทำให้น้ำเข้ามาในห้องโดยสารรถฝั่งคนขับ แต่เครื่งยนต์ยังติดปกติ  จึงดับเครื่องยนต์ไป และได้ออกมาจากรถ
จากนั้น นายธนัทกร เหลืองเจริญพัฒนะ ได้เป็นผู้แจ้งพนักงานเคลม และในระหว่างที่รอ
พนักงานเคลมมา ได้โทรตามมูลนิธิเพื่อมา ยกรถไปที่อู่ซ่อม  แต่พอพนักงานเคลมมาถึง
ที่เกิดเหตุ ได้สอบถามถึงเหตุการณ์  จึงได้ตามรถยกของอู่มิตรแท้บางพระมาเพื่อทำการยก พร้อมทั้งพยายามให้ไปซ่อมที่อู่นี้  


         วันที่ 23 มิถุนายน 2560 ทางอู่ได้ ออกเอกสารรับรองงานซ่อมรถยนต์หมายเลขทะเบียน  ขฉ1870 ชบ โดยมีใจความว่า  เนื่องด้วย
อู่มิตรบางพระ อินเตอร์ยนต์  ซึ่งเป็นอู่ในสัญญาของบริษัท มิตรแท้ประกันภัย จำกัด (มหาชน) ได้รับซ่อมรถยนต์หมายเลขทะเบียน ขฉ 1870  ชบ ยี่ห้อ FORD RANGER โดยทางอู่ได้รับประกันความเสียหายหลังการซ่อมเฉพาะรายการความเสียหายที่เกิดจากอุบัติเหตุในครั้งนี้นาน 6 เดือน นับจากวันซ่อมเสร็จ และจะคืนค่าเบี้ยประกันให้ในจำนวน 4,000 บาท โดยจะไม่เก็บค่าซ่อมส่วนเกินจากลูกค้า โดยมี นายวิเชษฐ ยิ่งยง
เซ็นต์ รับทราบ ในเอกสาร

             วันที่ 24 มิถุนายน. 2560  ผจก สาธิต ได้มาหาข้าพเจ้าที่ central ศาลายา
เพื่อที่จะมาเอาเอกสาร ที่ทาง ผจก. แจ้งไว้
     -  สมุดบัญชีพร้อมบัตรเอทีเอ็ม ( ที่ให้ไปเป็นกสิกร สาขา centralศาลายา)
โดยบอกว่าทางอู่ต้องเอาไม่งั้นยังไม่สามารถซ่อมรถให้ได้ ด้วยความที่อยากให้ซ่อมรถเร็วๆจึงให้ไป

             วันที่ 26 มิถุนายน 2560 ทางอู่ได้ออกใบรับรถเข้าซ่อม โดยช่างนิว เอกสารให้ครบ แต่ยังไม่มีใบเคลม ส่วนทางอู่จะจัดซ่อมและเสนอราคาไปยังบริษัทมิตรแท้  หลังจากที่นำรถเข้าเป็นเวลาหลายวันได้ติดต่อไปที่ทางอู่หลายครั้งว่า “รถรออะไรทำไมถึงไม่ซ่อม” รับแจ้งมาว่ารอใบเคลมจากทางบริษัทมิตรแท้ จนกระทั่งระยะเวลาผ่านไปเป็นเดือน ก็ยังไม่มีการซ่อมตัวรถทั้งๆที่รถมีประกันชั้น 1 ทางอู่ได้แจ้งเรื่องราคาว่าอยู่ในราวๆ 90,000 เต็มที่ไม่เกินแสนต้นๆ

     -  สำเนาบัตรประชาชน พร้อมให้เขียนตามคำบอกของ ผจก สาธิตโดยมีใจความว่า
ข้าพเจ้า xxxxxxxxx มีความประสงค์จะซ่อมรถคันดังกล่าว หมายเลข ขฉ - 1870 ชบ
คืนสถานะเดิม ยินดีใช้อะไหล่รถใหม่และเก่ารวมกัน ไม่ประสงค์ คืนทุนประกัน รับค่าซ่อมจากทุนประกัน 65% ยินดียกเลิกกรมธรรม์กับบริษัทมิตรแท้ประกันภัย และให้
เซ็นชื่อกำกับ  (ในใจคิดว่าบริษัทมิตรแท้ให้ทางอู่มาดำเนินการ จึงได้ร่วมมือ)
ผจก.สาธิต ได้รับเอกสารทั้งหมดไป

             วันที่  5 กรกฎาคม 2560  มีข้อความส่งมาที่เบอร์มือถือว่ามิตรแท้โอนค่าสินไหม 260,000 บาท เข้าบัญชี 0000000281940856 ซึ่งเป็นบัญชีที่ทาง ผจก เอาไปพร้อมบัตรเอทีเอ็ม  และได้โทรแจ้งทาง ผจก สาธิต ว่ามีเงินโอนเข้าเรียบร้อย 260,000 บาท  โดย มีรายการโอนและถอนดังนี้

5 กค. 2560  เวลา 17.17 น. มีการโอนเงินยอด 100,000 บาทเข้าบัญชี  วิเชษฐ  ยิ่งยง

(ค่าธรรมเนียม 10 บาท)

5 กค. 2560  เวลา  17.18น. มีการโอนเงินยอด 100,000 บาทเข้าบัญชี  วิเชษฐ  ยิ่งยง
                                        
( ค่าธรรมเนียม 15 บาท)
                                          
5 กค. 2560  เวลา  17.19 น. มีการถอนเงินสด  20,000 บาท   (ค่าธรรมเนียม15 บาท)

5 กค. 2560   เวลา  17.21 น. มีการถอนเงินสด 20,000 บาท  (ค่าธรรมเนียม15 บาท)

7 กค. 2560. เวลา  12.00 น.  มีการถอนเงินสด 19,950 บาท  ( ค่าธรรมเนียม10 บาท)

               ข้าพเจ้าจึงได้มีการโทรเข้าไปสอบถามว่ามีการสั่งอะไหล่รถหรือยัง ทาง ผจก.สาธิต แจ้งมาว่า ได้สั่งของแล้วยอดเงินสั่งซื้อของ แสนกว่าบาท  ค่าแรงแสนกว่าบาท โดย แจกแจงมาว่าเครื่องยนต์พังน้ำเข้า ไดสตาร์ทเสีย น้ำเข้าต้องเปลี่ยนใหม่ อื่นๆอีกมากมาย ที่ต้องเปลี่ยน สรุปเงินที่ทางบริษัทจ่ายมาคือหมด ทั้งๆที่บอกมาตั้งแต่ต้นว่า ค่าใช้จ่ายอย่างเต็มที่ไม่เกินแสนต้นๆ

             วันที่ 6กค. 2560 ข้าพเจ้าได้โทรสอบถามช่างที่ซ่อมรถ คือช่างนิว และช่างนิวก็ได้ให้คำตอบที่ชัดเจนว่า รถคันนี้อาการเป็นไม่เยอะหรอกครับ รถตอนนี้ติด ขยับ ขับได้
แต่ต้องล้างทำความสะอาด  ภายในเครื่องยนต์ไม่ต้องเปลี่ยนอะไร สิ่งที่ต้องเปลี่ยนมี
ลูกลอก บังโคนหน้าขวา ไฟ 1 คู่ และยังย้ำอีกว่างานรถคันนี้ส่วนใหญ่เป็นงานล้าง
ตัวเครื่องไม่มีปัญหาอะไร ไดร์ชาร์จดีอยู่  ไดสตาร์ทก็ไม่มีปัญหา นี่คือสิ่งที่ช่างแจ้งมา

            จนกระทั่งมีความรู้สึกว่าทำไมระหว่าง ผจก กับช่างถึงได้พูดไม่เหมือนกัน และ
ข้าพเจ้าได้โทรถามตรวจสอบที่บริษัทมิตรแท้ ที่ข้าพเจ้าได้เกิดความสงสัยหลายๆข้อ
ซึ่งทางฝ่ายพิจารณาสินไหมแจ้งกับมาว่า รถคันนี้อาการสาหัสเป็นหนัก รถน้ำท่วมทั้งคัน ยังงัยบริษัทก็ต้องคืนทุนประกัน และลูกค้าต้องคืนรถให้บริษัท  ถ้ากรณีลูกค้าไม่คืนรถบริษัทจะจ่ายให้65% ของทุนประกัน โดยทางบริษัทจะโอนเงินเข้าบัญชีเจ้าของรถ และเจ้าของรถจะนำเงินไปซ่อมที่อู่ไหนก็ได้ ในวงเงินที่ได้มา  แต่ทางบริษัทมิตรแท้ไม่ทราบว่าบัญชีองข้าเจ้าถูกอู่มิตรแท้บางพระเอาไป และจะคืนให้ภายหลังที่ซ่อมรถเสร็จ  แต่ทางบริษัทมิตรแท้ไม่เคยโทรสอบถามข้อมูล หรือรายละเอียดทั้งหมดกับข้าพเจ้า จึงทำให้เกิดช่องว่างระหว่างบริษัทมิตรแท้กับข้าพเจ้า โดยที่ข้าพเจ้าไม่ทราบรายละเอียดที่แท้จริงว่าทางอู่มิตรแท้แจ้งเรื่องเจ้าบริษัทประกันว่าอย่างไร  เจ้าหน้าที่ฝ่ายพิจารณาสินไหมถึงได้ตัดสินใจคืนทุนประกัน /คืนเงิน65%ของทุนประกัน จากที่สอบถาม เจ้าหน้าที่พิจารณาสินไหม และได้ประชุมสามสายกับ ผจก.อู่มิตรบางพระ ทั้ง2 ฝ่ายพูดตรงกันว่า รถจมน้ำทั้งคัน ก็น่าจะรู้ว่ารถเสียหายแค่ไหน ความเสียหายสาหัส และในขณะนั้นทำให้ข้าพเจ้ารับรู้ว่า พนักงานสินไหม ไม่ได้ปกป้องผลประโยชน์ของบริษัทตัวเอง แต่คำพูดที่พูดออกมาให้ดูดีว่า ดูแลผลประโยชน์ของบริษัท จริงๆถ้าทุกคนมาฟังจะรับรู้ได้และจะมีข้อสงสัยได้ว่าระหว่างฝ่ายพิจราณาสินไหม กับ ผจก. อู่ มีผลปะโยชน์จากลูกค้าหรือไม่

          วันที่  8 กรกฎาคม 2560 ข้าพเจ้าได้ทำเอาเอกสารระงับการซ่อมรถชั่วคราวส่งเมลไปที่อู่มิตรบางพระ อินเตอร์ยนต์ และโทรไปแจ้งด้วยอีกครั้ง  ในวันเดียวกันได้คุยกับนายสาธิต ซึ่งบอกว่าตนเป็นผู้จัดการที่อู่นี้ ได้ถามข้าพเจ้าว่า อยากทราบว่าทำไมคุณถึงได้มีการระงับการซ่อม ข้าพเจ้าได้แจ้งกลับว่า ขอตรวจสอบก่อน  ไม่งั้นจะขอย้ายอู่ซ่อม ซึ่งทางคุณสาธิตได้ส่งรายบะเอียดการสั่งของมาที่ข้าพเจ้าว่ารายการสั่งซื้อของมีอะไรบ้าง และข้าพเจ้าได้ตรวจสอบดูแล้วรายการที่สั่งมาเกินความจริง อย่างที่เรียนไปข้างต้นว่ารถคันนี้ไม่ได้จมน้ำมิดทั้งคัน แค่เสียหลักแล้วรถตะแคงด้านคนขับสัมผัสน้ำตรงบริเวณที่รถพลิกตะแคง แต่ถ้ารถข้าพเจ้าตกน้ำ น้ำมิดรถ ข้าพเจ้าทราบดีว่ารถจะได้รับความเสียหายระดับไหน ปัญหาเยอะเหมือนที่ทางอู่กล่าวไว้  แต่นี่ไม่ใช่ อละไม่สาหัสสากันจนกระทั่งต้องคืนทุนประกัน ข้าพเจ้ามีความเสียใจอย่างยิ่งที่ทางบริษัทมิตรแท้ประเมิณรถลูกค้าโดยมีมูลไม่ชัดเจน จนก่อให้เกิดความเสียหายทางด้านความคุ้มครอง ซึ่งทางอู่ได้แจ้งอีกว่าทางบริษัทเห็นว่ารถข้าพเจ้าเป็นหนักทาวมิตรแท้ก็ไม่อยากรับประกันรถลูกค้าต่อ โดยให้ลูกค้ายกเลิกกรมธรรม์ประกันภัยกับทางมิตรแท้ และกล่าวอีกว่าบริษัทมิตรแท้จ่ายเบี้ยประกันคืน ให้ข้าพเจ้า เฉลี่ยเดือนละ 2,000 อีก 2 เดือนประกันหมด ดังนั้นบริษัทมิตรแท้จะจ่ายเงินให้ข้าพเจ้าจำนวน. 4,000 บาท แต่หลังจากนั้นที่ทางอู่ได้เงินจากที่บริษัทมิตรแท้โอนมายอด 260,000 บาท และข้าพเจ้าได้ถามถึงเงินที่คืนกรมธรรม์ ทางอู่ตอบมาว่าอยู่ในยอด 260,000 นี้  

วันนี้21กย 60 สอบถามไปที่ศูนย์ฟอร์ดฉะเชิงเทรา ว่าอะไหล่รถมาหรือยัง ซึงทางอู่ นำรถมาเช็คระบบสายไฟที่นี่ นานเกินเดือน  ถามกี่ครั้งก็บอกว่า อะไหล่ยังไม่มา และไม่มีกำหนดว่าจะมาเมื่อไหร่ แถมบอกอีกว่าให้ลูกค้าโทรไปตามอะไหล่เองบอกเหตุผลว่าจะได้เร็วขึ้น พอโทรไป ทางปราจีนบอกไม่มีของต้องรอว่าจะมาเมื่อไหร่ นี่คือการบริการหลังการขายของฟอร์ดหรือคะ  ตอนซื้อเชียร์จัง อะไหล่มี ทุกอย่างพร้อม  
สรุปรถเนี่ยจอดตั้งแต่รอซ่อมถึงปัจจุบันจะเข้าเดือนที่5 ละค่ะ  ปรึกษา คปภฺ ก็แล้ว บริษัทประกันก็แล้ว ไปแจ้งความตำรวจก็ไม่รับแจ้งบอกไม่รับคดีแพ่ง

ตอนนี้เดือนร้อนมาก รถก็ต้องผ่อน แถมต้องเสียค่าเช่ารถไปทุกของมาขายอีก  อะไรกันนี่.

ขอคำแนะนำจากผู้รู้หน่อยค่ะว่าจะทำยังไงต่อไป ขอบคุณค่ะ


เรื่องราวที่กล่าวมาทั้งหมดเป็นความจริงทุกประการ และอยากให้เป็น case study
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
ใบสั่งซื้อของเพียบ ว่าเปลี่ยน จริงๆมีเปลี่ยนแค่3 รายการ
แถมสมุดบัญชี ATM ก็ยังไม่เอามาคืน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่