ขอเริ่มเรื่องก่อนค่ะ คือเราเป็นไข้หวัดมีอาการ เจ็บคอ มีไข้ ไอ จาม คัดจมูก มีน้ำมูก+เสมหะ มาตั้งแต่วันที่ 12/09/2017 ซึ่งเราก็ได้ไปหาหมอแล้วในวันนั้นเลย คุณหมอบอกว่าเป็นหวัดธรรมดา ก็ให้ยาแก้อักเสบ แก้ไอ แก้คัดจมูก อะไรพวกนี้มาทานประมาณ 1 อาทิตย์ ซึ่งวันนี้ (20/09/2017) ยาเราหมดพอดี อาการทุกอย่างหายหมดแล้ว ยกเว้นยังมีน้ำมูก(เหนียวๆเขียวๆปนใสบ้าง)แต่ไม่คัดจมูก และมีอาการไอ+มีเสมหะ(เป็นก้อนเหนียวๆเขียวๆ)ซึ่งเป็นหนักขึ้น เราจะมีอาการคันคอลึกๆและรู้สึกว่ามีเสมะอยู่ในคอทำให้ต้องไอตลอดเวลา เวลาไอก็จะไอหนักมาก จนเพื่อนที่ทำงานเราบางทีเขาคิดว่าเราเป็นโรคอะไรหรือเปล่า 555+ และเราก็ได้ไปหาหมออีกครั้งในวันนี้ (20/09/2017) ซึ่งคุณหมอบอกว่าเรามีอาการ "ไอหลังหวัด" ซึ่งไม่มีอันตรายอะไร บางคนเป็นเป็นเดือนๆ แล้วก็ได้จ่ายยาแก้ไอ(ที่แรงขึ้น)อันนี้หมอเรียกว่ายากดไอ ยาแก้คัดจมูก และยาแก้แพ้มาให้

คำแนะนำที่คุณหมอบอกเรา
1. ยาที่จ่ายให้ถ้าไม่มีอาการก็ไม่ต้องกิน ให้กินเฉพาะตอนที่มีอาการ
2. อาการ "ไอหลังหวัด" นี้ขึ้นอยู่กับการดูแลสุขภาพตัวเองมากกว่า ให้เราปฏิบัติตามนี้
   2.1 นอนพักผ่อนเยอะๆ
   2.2 ออกกำลังกาย
   2.3 รักษาร่างกายให้อบอุ่น+ดื่มน้ำอุ่น
   2.4 งดทานของทอด+อาหารรสเผ็ด

คำถามของเราที่อยากจะถามผู้รู้ในนี้ คือ
1. อาการไอหลังหวัดนี่มันถือเป็นโรคไหม
2. อาการนี้มันเกิดจากอะไรกันแน่
3. ทำไมเรายังมีน้ำมูก+เสมหะอยู่ ถ้าหวัดหายแล้ว
4. ทำไมการ "นอนพักผ่อน" กับ "ออกกำลังกาย" ถึงช่วยให้อาการนี้ดีขึ้นได้
5. ตกลงว่าในร่างกายเราเนี่ย มันไม่มีเชื้อโรคที่ทำให้เป็นหวัดหลงเหลืออยู่แล่วใช่ไหม
6. อาการนี้มันจะเป็นนานได้มากที่สุดแค่ไหน (กี่อาทิตย์ กี่เดือน) ถ้าเป็นนานกว่านี้หรือมีอาการอะไรไหมที่เราความสังเกตเป็นพิเศษว่าอาจจะเป็นโรคร้ายแรงอย่างอื่น
7. สำหรับใครที่เคยมีอาการแบบเดียวกับเรา เราอยากทราบว่าแต่ละท่านเป็นกันนานประมาณเท่าไหร่ และทำอย่างไรให้อาการดีขึ้นค่ะ ใครเคยได้รับคำแนะนำจากคุณหมอว่าอย่างไรบ้าง หรือถ้ามีคุณหมอท่านไหนได้อ่านกระทู้ของเรารบกวนมาให้ความรู้เราด้วยค่ะ

ปล. เรามีโรคประจำตัวคือ ภูมิแพ้ หอบหืด ค่ะ