ขอตัดมาบางส่วนนะเพราะยาวมาก ใครอยากอ่านต่อตามลิงค์ไปเลยจ้า
ของเชฟป้อมก่อน
https://www.the101.world/life/kwantip-devakula-interview/
ไปยังไงมายังไงคุณถึงได้ไปยืนเป็นกรรมการใน MasterChef Thailand ได้
คงไปได้ชื่อมาน่ะค่ะ คือดิฉันเป็นคนที่ทำงานแบบไม่ได้พีอาร์ตัวเอง ถ้าคนจะใช้งาน เค้าก็ต้องรู้ว่าเราทำอะไรได้บ้างอยู่แล้ว อีกอย่างนึงคือเราไม่ได้บอกว่าตัวเองเป็นคนเก่งในอาหารไทยหรือใดๆ ทั้งสิ้นนะ มีคนเก่งกว่าเราอยู่แล้ว แต่พอดีว่าคาแรกเตอร์มันลงตัว มีอาจารย์ผู้ใหญ่เก่งๆ เยอะมาก แต่ท่านเหล่านั้นจะมาวิ่ง มากระโดดโลดเต้นกลางแดด นั่งจิก นั่งสอนปั้งๆ อย่างเรามันก็ไม่ได้
คนชอบมาถามว่า เฮ้ย นี่วางตัวกรรมการคนนี้ให้เล่นอย่างนี้ใช่มั้ย บอกเลยว่าไม่ใช่ โดยอาชีพ โดยพื้นฐานความรู้ของกรรมการ เราต้องจับให้ได้ว่ามันกำลังจะเกิดอะไร ซึ่งก็ขอบคุณทีมงานว่าทุกครั้งที่พูดเตือนอะไรออกไป เค้าถ่ายเก็บไว้ได้ทันพอดี มันก็จะมายืนยันเอาตอนท้ายว่าเนี่ย เตือนแล้วไง ไม่ฟัง คุณพังจริงๆ
แล้วพอเป็นมาสเตอร์เชฟ ‘ประเทศไทย’ มันก็เลยต้องใส่ความเป็นไทยลงไป เพราะอาหารไทยก็มีประวัติเยอะ สิ่งหนึ่งที่ได้โจทย์มาก็คือขอให้เป็นไทยก่อน คุณจะไปปรับเปลี่ยนรูปร่างหน้าตาอะไรเรื่องของคุณ เราก็จะดูว่ารับได้มั้ย
ข้อต่อมาก็คือความเป็นวัฒนธรรมไทยน่ะ เราหยาบคายไม่ได้ ลองฟังเลยว่าที่สอนหรือดุเนี่ย ไม่ใช่ด่านะ คนชอบใช้คำว่าด่า ความรุนแรงของภาษาระหว่างสองอย่างนี้มันไม่เหมือนกันเลย มันคือการสอน และที่ต้องเสียงดัง ก็เพราะการทำงานในครัว ถ้าช้ามันก็ไม่ทันกาลไง มีดจะบาด ไฟจะลุก ของจะไหม้ไปก่อน
ที่บอกว่าคาแรกเตอร์ได้ เค้ามองคุณเป็นแบบไหน
ก็ไม่รู้นะคะว่าเค้าต้องการแบบไหน แต่ครั้งแรกที่ครีเอทีฟโทรมามาชวน เค้าขำเลย เพราะพอเราได้ยินว่ามาสเตอร์เชฟก็พูดไปเลยว่า ‘ไม่แข่ง แก่แล้ว’ (เสียงแข็ง) เสียงนี้เลย โดยอายุแล้วดิฉันก็รู้โพสิชั่นของตัวเอง เค้าก็บอกว่าไม่ใช่ค่ะ จะชวนมาเป็นกรรมการ
ตอนไปสัมภาษณ์ ทีมงานก็ถามว่า ‘แรงได้แค่ไหน’ คำว่าแรงในที่นี้ไม่ใช่ร้ายนะ แต่ต้องเข้าใจว่าในเรื่องของอาหาร มีแค่กรรมการเท่านั้นแหละที่ได้เห็น ได้ชิม แต่คนทางบ้านไม่รู้ เราต้องทำให้เค้าเห็นภาพ เพราะเค้าไม่ได้กลิ่น ไม่ได้รสอย่างเรา คือเราต้องชี้ให้ชัด ไม่งั้นคนดูจะรู้ไหม
อย่างตอนที่เชฟเอียน (พงษ์ธวัช เฉลิมกิตติชัย) เทไข่ตุ๋น [มีอยู่ตอนหนึ่งในรายการที่ผู้เข้าแข่งขันทำไข่ตุ๋นแล้วไม่สุก ยังเหลวเป็นน้ำ] ดิฉันไม่ได้เห็นเป็นดราม่านะคะ ถ้าเขาไม่เท ทางบ้านจะรู้ไหมว่าไข่นั่นไม่ได้นึ่ง เพราะวางดูนี่เป็นไข่ตุ๋นที่ดีเลยนะ เรียบเป๊ะ ถ้าไม่จับขึ้นมาจะรู้ไหมว่ามันไม่แข็ง ปรากฎว่าคนเอาไปลงเป็นดราม่า หาว่าเชฟเอียนไม่มีวุฒิภาวะ แต่เรากลับมองว่าถ้าเขาไม่เท พวกคุณจะรู้ไหมว่ามันไม่ได้นึ่ง แล้วถ้าไม่มีวุฒิภาวะจริงๆ คงเทลงพื้นไปแล้วค่ะ นี่เขาเดินไปเทที่ซิงค์
อีกอย่างหนึ่งคือเด็ก [ผู้เข้าแข่งขัน] พวกนี้ต้องรับความกดดันให้ได้ การทำงานในครัวไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่ใช่เรื่องสบาย คุณเดินมาสายนี้ ยังต้องรับแรงกดดันอีกเยอะ เมืองนอกเค้าหนักกว่านี้เยอะเลยนะ มีเขวี้ยงจานโยนจาน คุณเอามั้ยล่ะ คนไทยทำไม่ได้หรอก มันคือสิ่งที่ดิฉันท่องไว้ในใจเสมอว่าเรามีวัฒนธรรมไทยค้ำอยู่ เราทำอย่างนั้นไม่ได้
แต่ก็แอบเห็นว่ามีบางทีที่คุณดูโมโหจริงตอนออกมาพูด
มีบ้างที่เป็นของจริง อย่างรอบ 12 คนสุดท้ายที่ของขึ้น ก็เพราะคุณเหลือกันอยู่แค่นี้ แต่ทำออกมาอย่างนี้มันไม่ไหวนะ เราก็บ่นเข้าไมโครโฟนว่า ‘อะไรเนี่ย ตั้งครึ่งนึงแล้วมันยังหาดีไม่ได้รึยังไง!’ บวกกับเจอพวกดื้อเยอะ บอกว่าทำอย่างนี้แล้วจะเสียก็ไม่เชื่อ พอดี Executive Producer ของรายการ (กิติกร เพ็ญโรจน์) บังเอิญได้ยิน เลยถามว่า ‘พี่ป้อมจะจัดมั้ย’ เราก็ถามว่าได้เหรอ ก็ไม่นึกว่าเค้าจะตัดไปออกนะคะ แต่ก็ขออบรมเด็กหน่อย คุณจะมาทำเล่นๆ อย่างนี้ไม่ได้นะ
อย่างเมื่อวานนี้ [10 กันยายน – ตอนที่ 15 ออกอากาศ เป็นตอนที่ผู้ต้องออกจากการแข่งขัน คือ มาร์ค เป็นผู้เข้าแข่งขันที่มีคนเชียร์มาก] คอมเมนต์กระหน่ำมาก (ลากเสียง) มือถือจะแตก ก็ได้เข้าไปอ่านคอมเมนต์ในเฟซบุ๊กไลฟ์ คนก็บอกว่าถ้ามาร์คจะดื้อขนาดนี้แล้วคิดว่าตัวเองแน่อยู่คนเดียว มันก็ทำงานร่วมกับใครไม่ได้ ดิฉันถึงต้องอบรมไง เพราะเราต้องรู้ว่าการเป็นเชฟ ถึงคุณจะเป็นเชฟใหญ่จริง แต่ถ้าไม่มีฐานล่างๆ คุณจะอยู่ได้ไหม ต้องหั่นผักหั่นเนื้อทำทุกอย่างเองจนกระทั่งล้างจาน คุณทำไหม ไม่ทำหรอก
ก็เป็นความโชคดีด้วย เพราะเราเองนอกจากจะดูเรื่องอาหาร เขียนหนังสือ ก็รับงานพิธีกรอยู่แล้ว เลยกลายเป็นคนที่เค้าจะโยนให้พูดปิด สังเกตไหมคะ ทีมงานจะบอกว่าพี่ต้องจี้ให้เห็นชัดเจนว่าเค้าพลาดที่อะไร แต่มาถึงขั้นนี้แล้วก็ปลอบเด็กก่อนออกหน่อย คือมันต้องมีหมดนะ ทั้งความเป็นครู ความเป็นแม่ มีให้ครบ
ทำไมคุณไม่ได้ออกมาโชว์ทำอาหารให้ผู้เข้าแข่งขันดูอย่างในเวอร์ชั่นต่างประเทศบ้าง
คุณไม่เห็นนี่ ผัดไทยก็ดิฉันนี่ล่ะค่ะที่ผัด แล้วให้เด็กชิม แต่พอเวลามันมีเท่านี้จะทำยังไง ก็ทำได้แค่ให้ชิม คือพอมันเป็นสูตรของเรา ก็เลยยืนอธิบายทั้งหมดแบบละเอียดเลย เพราะตรงนั้นไม่ได้มีตำรามาวางให้นะคะ ดิฉันยืนบอกว่าในซอสมีอะไร ต้องใส่อะไร ทำอย่างไรก่อนหลัง จำให้ได้แล้วไปทำ
หรืออย่างรอบทำไข่ ผู้เข้าแข่งขันมาต่างจังหวัดเยอะแยะ เราให้ทำ scrambled egg แบบตะวันตกเค้าจะทำได้ไหม สิ่งที่คนดูไม่ได้เห็นคือเชฟเอียนลงมือสอนก่อนว่าทำยังไง เราตัดสินใจกันว่าให้เชฟเอียนสอนเด็กเลย คุณไม่แปลกใจเหรอว่าทำไมอยู่ๆ ก็ทำได้กันทุกคน
ของพี่ป๊อก
http://happeningbkk.com/2017/06/04/%e0%b9%80%e0%b8%9b%e0%b8%b4%e0%b8%94%e0%b9%83%e0%b8%88-%e0%b8%9b%e0%b9%8a%e0%b8%ad%e0%b8%81-%e0%b8%9b%e0%b8%b4%e0%b8%a2%e0%b8%98%e0%b8%b4%e0%b8%94%e0%b8%b2-%e0%b8%9e%e0%b8%b4/
http://happeningbkk.com/2017/06/10/%e0%b8%ab%e0%b8%8d%e0%b8%b4%e0%b8%87%e0%b9%80%e0%b8%a5%e0%b9%87%e0%b8%81-%e0%b8%aa%e0%b8%a1%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%81%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b8%95%e0%b9%88%e0%b8%b2%e0%b8%a2%e0%b9%81%e0%b8%a5/
ทำงานกับกูรูด้านอาหารทั้งสามมาเป็นแรมเดือนแล้ว ใครเป็นยังไงบ้าง คุยให้เราฟังนิดนึงได้ไหม
“คนแรกที่ป๊อกขอพูดถึงก่อนเพราะรักที่สุด คือพี่ป้อม – มล.ขวัญทิพย์ เทวกุล พี่ป้อมรู้จักกับทั้งป๊อกและพี่ตั๊กมานาน เป็นผู้ใหญ่ที่น่านับถือคนหนึ่งเลยไม่ว่าจะทั้งอาชีพการงาน สังคม ถ้าป๊อกมีเรื่องอะไรอยากจะปรึกษา ไม่ว่าจะเรื่องอะไรหรือในฐานะน้องผู้หญิงที่อยากได้คำแนะนำจากพี่ผู้หญิงก็ได้หมดเลย เรียกว่าเป็นไอดอลของป๊อกเลยก็ได้ แบบว่าโตขึ้นชั้นจะเป็นพี่ป้อม (หัวเราะ) และพี่ป้อมเป็นคนที่รู้เรื่องอาหารไทยดีมากกกก นี่ก็นัดกันเรียบร้อยว่า หลังจากจบรายการแล้ว จะขอไปเรียนทำอาหารกับพี่ป้อม (ยิ้ม) ที่ตลกคือ ตอนแรกที่ทางรายการติดต่อไป พี่ป้อมนึกว่าจะให้ไปลงแข่ง พี่ป้อมปฏิเสธมาเลย ชั้นไม่แข่งๆ ก็ต้องบอกกันว่าไม่ได้จะให้พี่มาแข่งค่ะ แต่จะให้มาเป็นกรรมการ (หัวเราะ)”
ขอบอกว่าตามสายตาคนดู มล.ขวัญทิพย์เป็นกรรมการที่ดูน่ากลัวสุดแล้ว!
“ (หัวเราะ)พี่ป้อมไม่ดุเลยค่ะ แต่ตัวจริงเป็นคนบุคลิกจริงจัง พูดจาตรงไปตรงมา น่าเชื่อถือ ความรู้ความสามารถแน่นมากๆ เป็นองค์แม่ที่เรารู้สึกว่า ใช่เลย อย่างพอบอกว่าป๊อกอยากเรียนเรื่องเครื่องแกง พี่ป้อมอธิบายเรื่องของเครื่องปรุงอย่างละเอียด แจกแจงทีละตัวๆ ว่าถ้าเรียนเมนูนี้ เอาเครื่องปรุงมาแยกกัน เราสามารถเพิ่มเมนูที่มีความคล้ายคลึงกันเข้ามาได้ยังไง โดยที่ไม่ต้องเปลี่ยนอะไรมากมาย นี่มันไม่ใช่การสอนแบบปกติ แต่ให้เราต่อยอดพัฒนาไปด้วย ”
แล้ว มล.ภาสันต์ สวัสดิวัฒน์ ล่ะ
“ขอบอกว่าพี่อิงค์ที่เราคุ้นตากันในสื่อจะดูเป็นคนพูดจานิ่มๆ เรียบร้อยน่ารัก ซึ่งก็ใช่ แต่จริงๆ เป็นคนตลกมากกก คือยืนรอเข้ากล้องด้วยจะมีปล่อยมุกเล่นคำผวนตลอดจนเราไม่คาดคิด แต่ต่อหน้ากล้องต้องรักษาลุคนิดนึง…ก็แหม คุณชายอิงค์นะคะ (หัวเราะ) ไม่ได้สิ พวกเราก็เลยจะเรียกพี่อิงค์กันว่าคุณชายกลาง เพราะพี่อิงค์จะมีมาดพระเอกตลอด แล้วก็จะยกให้พี่ป้อมเป็นหม่อมแม่ (ขำไม่หยุด) ”
จากบ้าน “มาสเตอร์เชฟไทยแลนด์” กลายเป็น”บ้านทรายทอง” ซะงั้น!
“ใช่ๆ (หัวเราะ) ซึ่งเหมาะมาก ตอนแรกน้องๆ ทีมงานตั้งฉายาเรียกพี่ป้อมเล่นๆ ว่าคุณแม่ๆ เราบอกไม่ได้สิ พี่ป้อมเป็นใคร เค้ามียศถาบรรดาศักดิ์จริงๆ ก็ต้องเป็นหม่อมแม่นะ ส่วนพี่อิงค์มาดให้ ก็ให้เป็นคุณชายกลาง ส่วนดิชั้นแน่นอนค่ะก็ต้องเป็น…หญิงเล็ก เพราะทุกอย่างทุกกระเบียดนี้ โตขึ้นไปจะเป็นอย่างหม่อมแม่ค่ะ (ยิ้มตาหยี)”
แล้วอย่าบอกนะว่าเฮี๊ยบๆ อย่างเชฟเอียน – พงษ์ธวัช เฉลิมกิตติชัย เป็น….?
“เป็นคุณชายน้อยค่ะ! (ขำไม่หยุด) พี่เอียนเนี่ยดูเป็นคนขึงขัง แต่เอาจริงๆ คือภาษาไทยอ่อนแอมากกก บางทีเวลาที่เรากำลังพูดไดอะล็อกแบบจริงจัง แล้วพี่เอียนซึ่งตามบทบาทควรจะเป็นคนที่พูดจาบอกกติกาอะไรได้มากที่สุด ก็จะใช้ภาษาไทยผิดๆ ถูกๆ (ยิ้มขำ) ไดอะล็อกภาษาไทยยาวยืดก็จะจำไม่ได้ พูดคำสลับกันไปมา แล้วเป็นคนที่มั่นใจในการเรียกชื่อคนสุดชีวิต แต่เรียกผิดประจำ! เช่นจ้องหน้าผู้เข้าแข่งขันแบบเอาจริงมาก เรียกชื่อแบบเต็มปากมั่นใจมาก “ผมว่านี่มันไม่ใช่นะครับ นนท์!” ทุกคนตรงนั้นก็จะแบบ… (เสียงเบา) ไม่ใช่ค่ะ เชฟ เค้าไม่ได้ชื่อนี้นะคะ ก็เทคใหม่กันไป ขำมาก”
ไม่น่าเชื่อว่าเชฟเอียนคือมีมุมแบบนี้ด้วย
“คือมันจะขำ เพราะพี่เอียนจะต้องเป็นคนที่คอยพูดให้กำลังใจผู้เข้าแข่งขัน แต่แกพูดไม่ได้ มีตอนนึงแกจะต้องพูดว่า “เราต้องใช้มีดให้คล่อง เหมือนทหารใช้อาวุธประจำตัวต่อสู้กับข้าศึก” แต่พี่เอียนพูดยังไงก็พูดไม่ได้ (หัวเราะ) แล้วขณะนั้นมู้ดในการแข่งมันก็กำลังพีค กำลังจริงจัง จากที่กำลังซีเรียสกันอยู่ ป๊อกกับกรรมการอีกสองท่านต้องหยุด มองหน้ากันแล้วขำแบบ ไม่ไหวแล้ว (หัวเราะ)”
คือถ้าจะบอกว่ากรรมการรายการนี้โหด ดุ ถ้ามารู้จักตัวจริงแล้ว ไม่เลยค่ะ แต่ที่ดุ ป๊อกว่าเป็นความเป๊ะในเรื่องอาหาร เรื่องการทำงานมากกว่า เพราะเค้าจะไม่ไปเกรี้ยวกราดด้วยเรื่องส่วนตัวของคนที่มาแข่งเลย ที่ติกันตรงๆ เพราะอยากให้พัฒนาให้อาหารดีขึ้นมากกว่า”
เอาสัมภาษณ์ เชฟป้อม กับ พี่ป๊อก เกี่ยวกับ masterchef มาฝากจ้า อยากให้แฟนรายการมาอ่านกัน
ของเชฟป้อมก่อน
https://www.the101.world/life/kwantip-devakula-interview/
ไปยังไงมายังไงคุณถึงได้ไปยืนเป็นกรรมการใน MasterChef Thailand ได้
คงไปได้ชื่อมาน่ะค่ะ คือดิฉันเป็นคนที่ทำงานแบบไม่ได้พีอาร์ตัวเอง ถ้าคนจะใช้งาน เค้าก็ต้องรู้ว่าเราทำอะไรได้บ้างอยู่แล้ว อีกอย่างนึงคือเราไม่ได้บอกว่าตัวเองเป็นคนเก่งในอาหารไทยหรือใดๆ ทั้งสิ้นนะ มีคนเก่งกว่าเราอยู่แล้ว แต่พอดีว่าคาแรกเตอร์มันลงตัว มีอาจารย์ผู้ใหญ่เก่งๆ เยอะมาก แต่ท่านเหล่านั้นจะมาวิ่ง มากระโดดโลดเต้นกลางแดด นั่งจิก นั่งสอนปั้งๆ อย่างเรามันก็ไม่ได้
คนชอบมาถามว่า เฮ้ย นี่วางตัวกรรมการคนนี้ให้เล่นอย่างนี้ใช่มั้ย บอกเลยว่าไม่ใช่ โดยอาชีพ โดยพื้นฐานความรู้ของกรรมการ เราต้องจับให้ได้ว่ามันกำลังจะเกิดอะไร ซึ่งก็ขอบคุณทีมงานว่าทุกครั้งที่พูดเตือนอะไรออกไป เค้าถ่ายเก็บไว้ได้ทันพอดี มันก็จะมายืนยันเอาตอนท้ายว่าเนี่ย เตือนแล้วไง ไม่ฟัง คุณพังจริงๆ
แล้วพอเป็นมาสเตอร์เชฟ ‘ประเทศไทย’ มันก็เลยต้องใส่ความเป็นไทยลงไป เพราะอาหารไทยก็มีประวัติเยอะ สิ่งหนึ่งที่ได้โจทย์มาก็คือขอให้เป็นไทยก่อน คุณจะไปปรับเปลี่ยนรูปร่างหน้าตาอะไรเรื่องของคุณ เราก็จะดูว่ารับได้มั้ย
ข้อต่อมาก็คือความเป็นวัฒนธรรมไทยน่ะ เราหยาบคายไม่ได้ ลองฟังเลยว่าที่สอนหรือดุเนี่ย ไม่ใช่ด่านะ คนชอบใช้คำว่าด่า ความรุนแรงของภาษาระหว่างสองอย่างนี้มันไม่เหมือนกันเลย มันคือการสอน และที่ต้องเสียงดัง ก็เพราะการทำงานในครัว ถ้าช้ามันก็ไม่ทันกาลไง มีดจะบาด ไฟจะลุก ของจะไหม้ไปก่อน
ที่บอกว่าคาแรกเตอร์ได้ เค้ามองคุณเป็นแบบไหน
ก็ไม่รู้นะคะว่าเค้าต้องการแบบไหน แต่ครั้งแรกที่ครีเอทีฟโทรมามาชวน เค้าขำเลย เพราะพอเราได้ยินว่ามาสเตอร์เชฟก็พูดไปเลยว่า ‘ไม่แข่ง แก่แล้ว’ (เสียงแข็ง) เสียงนี้เลย โดยอายุแล้วดิฉันก็รู้โพสิชั่นของตัวเอง เค้าก็บอกว่าไม่ใช่ค่ะ จะชวนมาเป็นกรรมการ
ตอนไปสัมภาษณ์ ทีมงานก็ถามว่า ‘แรงได้แค่ไหน’ คำว่าแรงในที่นี้ไม่ใช่ร้ายนะ แต่ต้องเข้าใจว่าในเรื่องของอาหาร มีแค่กรรมการเท่านั้นแหละที่ได้เห็น ได้ชิม แต่คนทางบ้านไม่รู้ เราต้องทำให้เค้าเห็นภาพ เพราะเค้าไม่ได้กลิ่น ไม่ได้รสอย่างเรา คือเราต้องชี้ให้ชัด ไม่งั้นคนดูจะรู้ไหม
อย่างตอนที่เชฟเอียน (พงษ์ธวัช เฉลิมกิตติชัย) เทไข่ตุ๋น [มีอยู่ตอนหนึ่งในรายการที่ผู้เข้าแข่งขันทำไข่ตุ๋นแล้วไม่สุก ยังเหลวเป็นน้ำ] ดิฉันไม่ได้เห็นเป็นดราม่านะคะ ถ้าเขาไม่เท ทางบ้านจะรู้ไหมว่าไข่นั่นไม่ได้นึ่ง เพราะวางดูนี่เป็นไข่ตุ๋นที่ดีเลยนะ เรียบเป๊ะ ถ้าไม่จับขึ้นมาจะรู้ไหมว่ามันไม่แข็ง ปรากฎว่าคนเอาไปลงเป็นดราม่า หาว่าเชฟเอียนไม่มีวุฒิภาวะ แต่เรากลับมองว่าถ้าเขาไม่เท พวกคุณจะรู้ไหมว่ามันไม่ได้นึ่ง แล้วถ้าไม่มีวุฒิภาวะจริงๆ คงเทลงพื้นไปแล้วค่ะ นี่เขาเดินไปเทที่ซิงค์
อีกอย่างหนึ่งคือเด็ก [ผู้เข้าแข่งขัน] พวกนี้ต้องรับความกดดันให้ได้ การทำงานในครัวไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่ใช่เรื่องสบาย คุณเดินมาสายนี้ ยังต้องรับแรงกดดันอีกเยอะ เมืองนอกเค้าหนักกว่านี้เยอะเลยนะ มีเขวี้ยงจานโยนจาน คุณเอามั้ยล่ะ คนไทยทำไม่ได้หรอก มันคือสิ่งที่ดิฉันท่องไว้ในใจเสมอว่าเรามีวัฒนธรรมไทยค้ำอยู่ เราทำอย่างนั้นไม่ได้
แต่ก็แอบเห็นว่ามีบางทีที่คุณดูโมโหจริงตอนออกมาพูด
มีบ้างที่เป็นของจริง อย่างรอบ 12 คนสุดท้ายที่ของขึ้น ก็เพราะคุณเหลือกันอยู่แค่นี้ แต่ทำออกมาอย่างนี้มันไม่ไหวนะ เราก็บ่นเข้าไมโครโฟนว่า ‘อะไรเนี่ย ตั้งครึ่งนึงแล้วมันยังหาดีไม่ได้รึยังไง!’ บวกกับเจอพวกดื้อเยอะ บอกว่าทำอย่างนี้แล้วจะเสียก็ไม่เชื่อ พอดี Executive Producer ของรายการ (กิติกร เพ็ญโรจน์) บังเอิญได้ยิน เลยถามว่า ‘พี่ป้อมจะจัดมั้ย’ เราก็ถามว่าได้เหรอ ก็ไม่นึกว่าเค้าจะตัดไปออกนะคะ แต่ก็ขออบรมเด็กหน่อย คุณจะมาทำเล่นๆ อย่างนี้ไม่ได้นะ
อย่างเมื่อวานนี้ [10 กันยายน – ตอนที่ 15 ออกอากาศ เป็นตอนที่ผู้ต้องออกจากการแข่งขัน คือ มาร์ค เป็นผู้เข้าแข่งขันที่มีคนเชียร์มาก] คอมเมนต์กระหน่ำมาก (ลากเสียง) มือถือจะแตก ก็ได้เข้าไปอ่านคอมเมนต์ในเฟซบุ๊กไลฟ์ คนก็บอกว่าถ้ามาร์คจะดื้อขนาดนี้แล้วคิดว่าตัวเองแน่อยู่คนเดียว มันก็ทำงานร่วมกับใครไม่ได้ ดิฉันถึงต้องอบรมไง เพราะเราต้องรู้ว่าการเป็นเชฟ ถึงคุณจะเป็นเชฟใหญ่จริง แต่ถ้าไม่มีฐานล่างๆ คุณจะอยู่ได้ไหม ต้องหั่นผักหั่นเนื้อทำทุกอย่างเองจนกระทั่งล้างจาน คุณทำไหม ไม่ทำหรอก
ก็เป็นความโชคดีด้วย เพราะเราเองนอกจากจะดูเรื่องอาหาร เขียนหนังสือ ก็รับงานพิธีกรอยู่แล้ว เลยกลายเป็นคนที่เค้าจะโยนให้พูดปิด สังเกตไหมคะ ทีมงานจะบอกว่าพี่ต้องจี้ให้เห็นชัดเจนว่าเค้าพลาดที่อะไร แต่มาถึงขั้นนี้แล้วก็ปลอบเด็กก่อนออกหน่อย คือมันต้องมีหมดนะ ทั้งความเป็นครู ความเป็นแม่ มีให้ครบ
ทำไมคุณไม่ได้ออกมาโชว์ทำอาหารให้ผู้เข้าแข่งขันดูอย่างในเวอร์ชั่นต่างประเทศบ้าง
คุณไม่เห็นนี่ ผัดไทยก็ดิฉันนี่ล่ะค่ะที่ผัด แล้วให้เด็กชิม แต่พอเวลามันมีเท่านี้จะทำยังไง ก็ทำได้แค่ให้ชิม คือพอมันเป็นสูตรของเรา ก็เลยยืนอธิบายทั้งหมดแบบละเอียดเลย เพราะตรงนั้นไม่ได้มีตำรามาวางให้นะคะ ดิฉันยืนบอกว่าในซอสมีอะไร ต้องใส่อะไร ทำอย่างไรก่อนหลัง จำให้ได้แล้วไปทำ
หรืออย่างรอบทำไข่ ผู้เข้าแข่งขันมาต่างจังหวัดเยอะแยะ เราให้ทำ scrambled egg แบบตะวันตกเค้าจะทำได้ไหม สิ่งที่คนดูไม่ได้เห็นคือเชฟเอียนลงมือสอนก่อนว่าทำยังไง เราตัดสินใจกันว่าให้เชฟเอียนสอนเด็กเลย คุณไม่แปลกใจเหรอว่าทำไมอยู่ๆ ก็ทำได้กันทุกคน
ของพี่ป๊อก
http://happeningbkk.com/2017/06/04/%e0%b9%80%e0%b8%9b%e0%b8%b4%e0%b8%94%e0%b9%83%e0%b8%88-%e0%b8%9b%e0%b9%8a%e0%b8%ad%e0%b8%81-%e0%b8%9b%e0%b8%b4%e0%b8%a2%e0%b8%98%e0%b8%b4%e0%b8%94%e0%b8%b2-%e0%b8%9e%e0%b8%b4/
http://happeningbkk.com/2017/06/10/%e0%b8%ab%e0%b8%8d%e0%b8%b4%e0%b8%87%e0%b9%80%e0%b8%a5%e0%b9%87%e0%b8%81-%e0%b8%aa%e0%b8%a1%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%81%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b8%95%e0%b9%88%e0%b8%b2%e0%b8%a2%e0%b9%81%e0%b8%a5/
ทำงานกับกูรูด้านอาหารทั้งสามมาเป็นแรมเดือนแล้ว ใครเป็นยังไงบ้าง คุยให้เราฟังนิดนึงได้ไหม
“คนแรกที่ป๊อกขอพูดถึงก่อนเพราะรักที่สุด คือพี่ป้อม – มล.ขวัญทิพย์ เทวกุล พี่ป้อมรู้จักกับทั้งป๊อกและพี่ตั๊กมานาน เป็นผู้ใหญ่ที่น่านับถือคนหนึ่งเลยไม่ว่าจะทั้งอาชีพการงาน สังคม ถ้าป๊อกมีเรื่องอะไรอยากจะปรึกษา ไม่ว่าจะเรื่องอะไรหรือในฐานะน้องผู้หญิงที่อยากได้คำแนะนำจากพี่ผู้หญิงก็ได้หมดเลย เรียกว่าเป็นไอดอลของป๊อกเลยก็ได้ แบบว่าโตขึ้นชั้นจะเป็นพี่ป้อม (หัวเราะ) และพี่ป้อมเป็นคนที่รู้เรื่องอาหารไทยดีมากกกก นี่ก็นัดกันเรียบร้อยว่า หลังจากจบรายการแล้ว จะขอไปเรียนทำอาหารกับพี่ป้อม (ยิ้ม) ที่ตลกคือ ตอนแรกที่ทางรายการติดต่อไป พี่ป้อมนึกว่าจะให้ไปลงแข่ง พี่ป้อมปฏิเสธมาเลย ชั้นไม่แข่งๆ ก็ต้องบอกกันว่าไม่ได้จะให้พี่มาแข่งค่ะ แต่จะให้มาเป็นกรรมการ (หัวเราะ)”
ขอบอกว่าตามสายตาคนดู มล.ขวัญทิพย์เป็นกรรมการที่ดูน่ากลัวสุดแล้ว!
“ (หัวเราะ)พี่ป้อมไม่ดุเลยค่ะ แต่ตัวจริงเป็นคนบุคลิกจริงจัง พูดจาตรงไปตรงมา น่าเชื่อถือ ความรู้ความสามารถแน่นมากๆ เป็นองค์แม่ที่เรารู้สึกว่า ใช่เลย อย่างพอบอกว่าป๊อกอยากเรียนเรื่องเครื่องแกง พี่ป้อมอธิบายเรื่องของเครื่องปรุงอย่างละเอียด แจกแจงทีละตัวๆ ว่าถ้าเรียนเมนูนี้ เอาเครื่องปรุงมาแยกกัน เราสามารถเพิ่มเมนูที่มีความคล้ายคลึงกันเข้ามาได้ยังไง โดยที่ไม่ต้องเปลี่ยนอะไรมากมาย นี่มันไม่ใช่การสอนแบบปกติ แต่ให้เราต่อยอดพัฒนาไปด้วย ”
แล้ว มล.ภาสันต์ สวัสดิวัฒน์ ล่ะ
“ขอบอกว่าพี่อิงค์ที่เราคุ้นตากันในสื่อจะดูเป็นคนพูดจานิ่มๆ เรียบร้อยน่ารัก ซึ่งก็ใช่ แต่จริงๆ เป็นคนตลกมากกก คือยืนรอเข้ากล้องด้วยจะมีปล่อยมุกเล่นคำผวนตลอดจนเราไม่คาดคิด แต่ต่อหน้ากล้องต้องรักษาลุคนิดนึง…ก็แหม คุณชายอิงค์นะคะ (หัวเราะ) ไม่ได้สิ พวกเราก็เลยจะเรียกพี่อิงค์กันว่าคุณชายกลาง เพราะพี่อิงค์จะมีมาดพระเอกตลอด แล้วก็จะยกให้พี่ป้อมเป็นหม่อมแม่ (ขำไม่หยุด) ”
จากบ้าน “มาสเตอร์เชฟไทยแลนด์” กลายเป็น”บ้านทรายทอง” ซะงั้น!
“ใช่ๆ (หัวเราะ) ซึ่งเหมาะมาก ตอนแรกน้องๆ ทีมงานตั้งฉายาเรียกพี่ป้อมเล่นๆ ว่าคุณแม่ๆ เราบอกไม่ได้สิ พี่ป้อมเป็นใคร เค้ามียศถาบรรดาศักดิ์จริงๆ ก็ต้องเป็นหม่อมแม่นะ ส่วนพี่อิงค์มาดให้ ก็ให้เป็นคุณชายกลาง ส่วนดิชั้นแน่นอนค่ะก็ต้องเป็น…หญิงเล็ก เพราะทุกอย่างทุกกระเบียดนี้ โตขึ้นไปจะเป็นอย่างหม่อมแม่ค่ะ (ยิ้มตาหยี)”
แล้วอย่าบอกนะว่าเฮี๊ยบๆ อย่างเชฟเอียน – พงษ์ธวัช เฉลิมกิตติชัย เป็น….?
“เป็นคุณชายน้อยค่ะ! (ขำไม่หยุด) พี่เอียนเนี่ยดูเป็นคนขึงขัง แต่เอาจริงๆ คือภาษาไทยอ่อนแอมากกก บางทีเวลาที่เรากำลังพูดไดอะล็อกแบบจริงจัง แล้วพี่เอียนซึ่งตามบทบาทควรจะเป็นคนที่พูดจาบอกกติกาอะไรได้มากที่สุด ก็จะใช้ภาษาไทยผิดๆ ถูกๆ (ยิ้มขำ) ไดอะล็อกภาษาไทยยาวยืดก็จะจำไม่ได้ พูดคำสลับกันไปมา แล้วเป็นคนที่มั่นใจในการเรียกชื่อคนสุดชีวิต แต่เรียกผิดประจำ! เช่นจ้องหน้าผู้เข้าแข่งขันแบบเอาจริงมาก เรียกชื่อแบบเต็มปากมั่นใจมาก “ผมว่านี่มันไม่ใช่นะครับ นนท์!” ทุกคนตรงนั้นก็จะแบบ… (เสียงเบา) ไม่ใช่ค่ะ เชฟ เค้าไม่ได้ชื่อนี้นะคะ ก็เทคใหม่กันไป ขำมาก”
ไม่น่าเชื่อว่าเชฟเอียนคือมีมุมแบบนี้ด้วย
“คือมันจะขำ เพราะพี่เอียนจะต้องเป็นคนที่คอยพูดให้กำลังใจผู้เข้าแข่งขัน แต่แกพูดไม่ได้ มีตอนนึงแกจะต้องพูดว่า “เราต้องใช้มีดให้คล่อง เหมือนทหารใช้อาวุธประจำตัวต่อสู้กับข้าศึก” แต่พี่เอียนพูดยังไงก็พูดไม่ได้ (หัวเราะ) แล้วขณะนั้นมู้ดในการแข่งมันก็กำลังพีค กำลังจริงจัง จากที่กำลังซีเรียสกันอยู่ ป๊อกกับกรรมการอีกสองท่านต้องหยุด มองหน้ากันแล้วขำแบบ ไม่ไหวแล้ว (หัวเราะ)”
คือถ้าจะบอกว่ากรรมการรายการนี้โหด ดุ ถ้ามารู้จักตัวจริงแล้ว ไม่เลยค่ะ แต่ที่ดุ ป๊อกว่าเป็นความเป๊ะในเรื่องอาหาร เรื่องการทำงานมากกว่า เพราะเค้าจะไม่ไปเกรี้ยวกราดด้วยเรื่องส่วนตัวของคนที่มาแข่งเลย ที่ติกันตรงๆ เพราะอยากให้พัฒนาให้อาหารดีขึ้นมากกว่า”