เรากับสามีอยู่ด้วยกันมา 5 ปีไม่เคยทะเลาะกันรุนแรงถึงขั้นบอกเลิกรา เราเป็นคนชอบเที่ยว ชอบเดินทาง แต่สามีชอบอยู่บ้าน จนเมื่อสองเดือนก่อนเราตัดสินใจไปเที่ยวคนเดียวเพราะรู้ดีว่าถึงชวนเค้าก็ไม่ไป เค้าก็ไม่ว่าอะไร
เราไปเที่ยว 4 วันกลับมาบ้าน ก็พบแต่ความเฉยชาและมึนตึง เรางงอยู่หนึ่งอาทิตย์จนตัดสินใจถามว่า เป็น อะไร สามีตอบกลับมาว่า อยากเปลี่ยนสถานะเป็นเพื่อน น่าจะสบายใจกว่าเพราะวิถีการใช้ชีวิตต่างกัน เค้ารู้สึกว่าเราฝืน ถ้าเป็นเพื่อนกันคงดีกว่า เราอยากไปไหน กินอะไรก็เอาที่ชอบที่สบายใจเลย เราเสียใจนะ ก็ถามย้ำๆซ้ำๆ อยู่สองเดือนก็ได้คำตอบเดิมๆ คือ อยากเป็นเพื่อน เค้าไม่สามารถกลับมารักเราเหมือนเดิมได้อีกแล้ว การเป็นเพื่อนกันคงดีสำหรับทั้งสองฝ่าย เพราะเราคงเบื่อเค้าเต็มที่แล้วเหมือนกัน
เราเคยขอดูไลน์ช่วงเดือนแรกที่มีมึนตึงใส่กัน ก็เจอว่าเค้าคุยกับคนอื่นมากมาย แต่เค้าก็บอกว่าคุยกับทุกคน เราสังเกตุช่วงเวลาแล้วมันมีลางสังหรณ์ว่า หนึ่งในผู้หญิงที่คุยกับเค้าและมาแอดเฟสเราในวันที่เรามีปัญหากับเค้า ตามกดไลค์เราคือผู้ต้องสงสัยที่อยู่เบื้องหลังการเปลี่ยนไปครั้งนี้ของเค้า เธอเป็นลูกน้องในแผนกของเค้าที่ไลน์คุยกันกับเค้าตลอด และเป็นคนที่สามีของเราไปร่วมงานศพของเพื่อนเธอโดยที่ไม่ชวนและไม่ให้เราไปด้วย ทั้งๆที่วัดอยู่ใกล้บ้านมาก เมื่อไปดูการ search ในกูเกิ้ลสามีเราซึ่งไม่ชอบเที่ยวเลย กลับค้นหาข้อมูลเส้นทางการไปเที่ยวบ้านเกิดของเธอคนนี้ อยู่ถึงสองสามครั้งในช่วงเวลา 2-3 อาทิตย์
มันอาจดูว่าเราใส่ร้ายเค้านะ แต่พอจับไทม์ไลน์มาชนกัน มันสอดคล้องแบบประหลาดๆ จนอดสงสัยไม่ได้จริงๆ
สถานะวันนี้คือ เราคงจบชีวิตสมรสกับเค้าแน่นอนด้วยเหตุผลของเค้าที่ว่า รักมันอิ่มตัวแล้ว ซึ่งมันก็เป็นความคิดของเค้าคนเดียว สำหรับเราความรักของเราไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปเลย เราจำเป็นต้องปล่อยเค้าไป เพราะเราไม่สามารถยื้อเค้าไว้ได้แล้ว
มันจะมีแค่สิ่งกวนใจเล็กๆ ที่ค้างคาใจ คือ ถ้ามีคนใหม่ทำไมต้องบอกว่าความรักมันอิ่มตัว เราไม่อยากรอเฉลยในอีกสองสามอาทิตย์หรือสองสามเดือนข้างหน้า
บอกมาเลย คงง่ายแก่การทำใจมากกว่า ตอนนี้เรายังอยู่ในบ้านเดียวกัน แค่แยกกันนอน ส่วนบ้านที่เป็นเรือนหอก็รอวันขาย
เค้าบอกเราว่าอยากให้เรากับเค้าเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน เราก็อยากเป็นนะ แต่บอกตรงๆว่าไม่แน่ใจตัวเอง ว่าจะทำได้แค่ไหน ผิดพลาดมากี่ครั้งก็ให้อภัยเพราะว่ารัก และครั้งนี้ก็เช่นกัน เราก็คงให้อภัยไม่ใช่เพื่อใคร แต่เพื่อปลดปล่อยตัวเราเอง
ถ้าเป็นคุณ คุณจะทำอย่างไร
ถ้าวันนึงสามีขอเปลี่ยนสถานะเป็นเพื่อนแต่จริงๆแอบคุยกับคนใหม่จะให้อภัยได้ไหม
เราไปเที่ยว 4 วันกลับมาบ้าน ก็พบแต่ความเฉยชาและมึนตึง เรางงอยู่หนึ่งอาทิตย์จนตัดสินใจถามว่า เป็น อะไร สามีตอบกลับมาว่า อยากเปลี่ยนสถานะเป็นเพื่อน น่าจะสบายใจกว่าเพราะวิถีการใช้ชีวิตต่างกัน เค้ารู้สึกว่าเราฝืน ถ้าเป็นเพื่อนกันคงดีกว่า เราอยากไปไหน กินอะไรก็เอาที่ชอบที่สบายใจเลย เราเสียใจนะ ก็ถามย้ำๆซ้ำๆ อยู่สองเดือนก็ได้คำตอบเดิมๆ คือ อยากเป็นเพื่อน เค้าไม่สามารถกลับมารักเราเหมือนเดิมได้อีกแล้ว การเป็นเพื่อนกันคงดีสำหรับทั้งสองฝ่าย เพราะเราคงเบื่อเค้าเต็มที่แล้วเหมือนกัน
เราเคยขอดูไลน์ช่วงเดือนแรกที่มีมึนตึงใส่กัน ก็เจอว่าเค้าคุยกับคนอื่นมากมาย แต่เค้าก็บอกว่าคุยกับทุกคน เราสังเกตุช่วงเวลาแล้วมันมีลางสังหรณ์ว่า หนึ่งในผู้หญิงที่คุยกับเค้าและมาแอดเฟสเราในวันที่เรามีปัญหากับเค้า ตามกดไลค์เราคือผู้ต้องสงสัยที่อยู่เบื้องหลังการเปลี่ยนไปครั้งนี้ของเค้า เธอเป็นลูกน้องในแผนกของเค้าที่ไลน์คุยกันกับเค้าตลอด และเป็นคนที่สามีของเราไปร่วมงานศพของเพื่อนเธอโดยที่ไม่ชวนและไม่ให้เราไปด้วย ทั้งๆที่วัดอยู่ใกล้บ้านมาก เมื่อไปดูการ search ในกูเกิ้ลสามีเราซึ่งไม่ชอบเที่ยวเลย กลับค้นหาข้อมูลเส้นทางการไปเที่ยวบ้านเกิดของเธอคนนี้ อยู่ถึงสองสามครั้งในช่วงเวลา 2-3 อาทิตย์
มันอาจดูว่าเราใส่ร้ายเค้านะ แต่พอจับไทม์ไลน์มาชนกัน มันสอดคล้องแบบประหลาดๆ จนอดสงสัยไม่ได้จริงๆ
สถานะวันนี้คือ เราคงจบชีวิตสมรสกับเค้าแน่นอนด้วยเหตุผลของเค้าที่ว่า รักมันอิ่มตัวแล้ว ซึ่งมันก็เป็นความคิดของเค้าคนเดียว สำหรับเราความรักของเราไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปเลย เราจำเป็นต้องปล่อยเค้าไป เพราะเราไม่สามารถยื้อเค้าไว้ได้แล้ว
มันจะมีแค่สิ่งกวนใจเล็กๆ ที่ค้างคาใจ คือ ถ้ามีคนใหม่ทำไมต้องบอกว่าความรักมันอิ่มตัว เราไม่อยากรอเฉลยในอีกสองสามอาทิตย์หรือสองสามเดือนข้างหน้า
บอกมาเลย คงง่ายแก่การทำใจมากกว่า ตอนนี้เรายังอยู่ในบ้านเดียวกัน แค่แยกกันนอน ส่วนบ้านที่เป็นเรือนหอก็รอวันขาย
เค้าบอกเราว่าอยากให้เรากับเค้าเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน เราก็อยากเป็นนะ แต่บอกตรงๆว่าไม่แน่ใจตัวเอง ว่าจะทำได้แค่ไหน ผิดพลาดมากี่ครั้งก็ให้อภัยเพราะว่ารัก และครั้งนี้ก็เช่นกัน เราก็คงให้อภัยไม่ใช่เพื่อใคร แต่เพื่อปลดปล่อยตัวเราเอง
ถ้าเป็นคุณ คุณจะทำอย่างไร