มหากาพย์แหวนแต่งงานจบแล้วคับ สำหรับคนที่ไม่รู้เรื่องตั้งแต่ต้น เด๋วผมจะเล่าย้อนหลังให้ฟัง ส่วนใครรออัพเดตข่าวอยู่ โพสต์นี้ผมจะเล่าต่อแน่นอน
เริ่มต้นเรื่องคือเมื่อช่วงกลางฝนปีที่แล้ว มีคนติดต่อเข้ามาอยากได้แหวนแต่งงาน ผมขอเรียกว่า "ไอ่เบื๊อก" ละกัน ไอ่เบื๊อกเนี้ยไม่ใช่คนอื่นคนไกล ผมรู้จักมาตั้งแต่สมัยเรียนจบใหม่ๆ ผ่านมาเป็นสิบปี รู้จักกันทั้งครอบครัวทั้งพ่อแม่ ไอ่เบื๊อกอยากได้แหวนแต่งงาน จะเอาไปแต่งเมียเข้าบ้านช่วงสิ้นปี นัดเราเข้าไปคุย เอาตัวอย่างแหวนไปให้ดู ไอ่เราก้อดูแลอย่างดี ขับรถไกลจากลำลูกกาไปบริการแบบส่วนตัวที่ออฟฟิศมันถึงย่านบางบัวทอง (อ่อ... ไอ่เบื๊อกเปิดบริษัทออแกไนซ์ รับจัดงานแต่งงาน) คุยกันเรื่องรายละเอียด วัดไซส์กันเรียบร้อย ไอ่เบื๊อกตกลงใจจะเอาแหวนตัวอย่าง 2วงที่ทำไว้ขายหน้าร้านอยู่แล้ว อะขายไป ลูกค้าอยากได้เราไม่ขัด กลับมาถึงบ้านส่งไลน์คอมเฟริ์มกันอีกทีว่าเอาแน่นะ จะได้ส่งเข้าโรงงานแก้ไซส์ ทำความสะอาด เตรียมพร้อมส่งลูกค้า
ผ่านไปหนึ่งอาทิตย์ แหวนเสร็จ แพคใส่กล่องพร้อมส่งให้ไอ่เบื๊อก ไลน์บอกไอ่เบื๊อกว่าแหวนเสร็จแล้วนะ ว่างวันไหนนัดรับของกัน แต่ผ่านมาเป็นเดือนว่างไม่ตรงกันสักที เก็บของไว้นาน ไอ่เราอยากส่งของให้ลูกค้า ปิดการขายให้จบ ผ่านไปอีกเดือนจนถึงช่วงต้นหนาว แล้วเราว่างตรงกัน นึกว่าจะดองเค็มเก็บไว้นานอีกหลายเดือน ไปถึงไอ่เบื๊อกรับของเอามาลองด้วยท่าทางดีใจ เรียกให้แฟนสาวมาลอง ระหว่างลองก้อคุยโอ้อวดไปว่ากำลังซื้อบ้านไหม กิจการดี มีเงิน แนะนำว่าเวลาขายของต้องทำแบบนี้ๆราวกะคนเก่ง ไอ่เราก้อไม่คิดอะไร ฟังมันพูดไปเรื่อยๆ แล้วมันก้ออ้างว่ามาวันนี้ไม่มีเงิน มีเงินสดแค่หมื่นเดียวขอมัดจำไว้ก่อนได้ไหม ที่เหลือเด๋วจ่ายให้ทีหลัง ด้วยความรู้จักกันเป็นสิบปี พ่อแม่เราก้อรู้จัก เลยให้เครดิตเป็นพิเศษ เอาว่ะ คนรู้จักกัน เด๋วค่อยให้จ่ายทีหลังก้อได้
ผ่านไปมาเป็นเดือนก้อไม่ได้เงินคืนสักที โทรไปท้วงถามก้อไม่รับสาย อ้างว่าคุยงานอยู่ ส่งไลน์ไปทวงถามหลายครั้ง บอกว่าเรามีเหตุต้องใช้เงิน ให้ทยอยคืนมาก่อนบ้าง ไอ่เบื๊อกรับปากจะคืนให้ แต่แล้วก้อหายไป ทวงวนไปสิคับ ทวงไปเรื่อยๆ ก้อได้รับแต่คำตอบเดิมๆ จนผ่านไปหลายเดือน จนเหนื่อยและเริ่มหมดความอดทน ถึงเป็นคนใจเย็น แต่ความอดทนก้อมีจำกัด เลยส่งข้อความไป ถ้าไม่คืนเงิน เราต้องแจ้งความและดำเนินคดีตามกฏหมาย พร้อมชวนเพื่อนบุกไปถึงบ้าน ไปทวงตั้งแต่เช้าตื่นนอน ไอ่เบื๊อกหลบอยู่ในห้อง ส่งแต่ว่าที่เมียลงมาไกล่เกลี่ย อิคุณว่าที่เมียรับปากว่าจะคืนเงินให้วันถัดไป ขอเวลาหาเงินสัก 2วันก่อน อะได้ 2วัน เราให้โอกาส ถึงวันนัดอ้างว่าไม่มีเงิน ขอเอาของมาคืนวันอื่น เราตกลง คืนของมาแล้วจบกันไป แต่เงินมัดจำเราไม่คืนนะ เพราะของไปอยู่นานเกือบครึ่งปี แถมผิดนัดชำระมาหลายครั้ง ถึงวันนัดสภาพเดิม ทั้งผัวทั้งเมียสันดานเหมือนกัน กลับกลอกไปเรื่อย จะขอผ่อนชำระแทน ไม่ไหวแล้วคับ นานหลายเดือน ไกล่เกลี่ย ยอมกันมาหลายครั้ง ถ้าจะตกลงกัน ตกลงกันที่โรงพักต้อหน้าเจ้าที่ตำรวจละกัน ไอ่เบื๊อกส่งว่าที่เมียมาเป็นด่านหน้า ปล่อยให้มาตายในสนาม ส่วนตัวเองหลบหลังเมียอยู่บ้าน ถึงโรงพักให้เข้าไปคุยกันต่อหน้าเจ้าหน้าที่ นางก้อไม่ไป จนตำรวจต้องเรียกเข้ามา นางปฏิเสธ แล้วกลับ ส่วนเราก้อแจ้งความต่อไป
ผ่านไป เรารวบรวมหลักฐานส่งให้ทนายส่งจดหมายทวงถามตามขั้นตอน เรื่องเงียบ จนปรึกษาทนายและส่งเรื่องฟ้องศาล นัดศาลครั้งแรก ผมที่เป็นฝ่ายโจทก์ ส่วนไอ่เบื๊อกเป็นจำเลย ทนายฝ่ายจำเลยไม่มา อ้างว่าติดคดีที่อื่นอยู่ ขอเรื่อยนัดไปก่อน วันนั้นศาลถามว่า
ศาล: ไกล่เกลี่ยกันได้ไหม
ไอ่เบื๊อกรีบตอบสวนทันที: ไม่ไกล่เกลี่ยคับ
ปากไวใจเร็ว ไอ่เบื๊อกมั่นใจว่าถูก ไม่ยอมไกล่เกลี่ย เราทวงเงินเราคืน เราผิดสินะ
ผ่านไปใกล้วันศาลนัดรอบสอง บริษัทที่ทำงานประจำเรียกเข้าพบ (ผมทำงานประจำด้วย ส่วนร้านเพชรเป็นกิจการส่วนตัว หารายได้เสริม) เหตุเพราะว่าไอ่เบื๊อกส่งจดหมายร้องเรียนมา ใส่ความว่าผมขายของปลอม นำเพชรเข้าผิดกฏหมาย บริษัทผมนะเห็นว่าไม่ใช่เรื่องเกี่ยวข้องกับบริษัท บริษัทไม่เสียหาย แต่กลัวว่าพนักงานจะมีปัญหา เลยเรียกเข้าไปชี้แจ้ง ส่วนผมเหร... สบายยย ทำทุกอย่างถูกต้อง มีเอกสารการซื้อขาย โรงงานที่ทำก้อโรงงานใหญ่มาตรฐานการส่งออก ผู้ใหญ่ในวงการเพชรหนุนหลังเราเต็มที่ พร้อมช่วยเป็นพยาน เอาเอกสารทั้งหมดไปชี้แจงไปวางให้ผู้ใหญ่ในบริษัทดู มีเอกสารการซื้อขายเพชรชัดเจนในเมืองไทย (ราคาเพชรเมืองนอกแม้จะถูกกว่า แต่มีค่าขนส่งค่อนข้างสูง ถ้าไม่ซื้อเยอะๆ ไม่คุ้มค่าขนส่ง สั่งบ้านเราถูกกว่าคับ) ผู้ใหญ่อ่านเอกสารทั้งหมด และฟังเรื่องจากเราว่ามีคดีความบนชั้นศาล ผู้ใหญ่อุทาน... ต๊ายตาย คนละเรื่องกะที่ส่งมา ส่งมาเปล่าๆ ส่วนเรามีหลักฐานเพียบ ผู้ใหญ่เลือกตัดสินใจจากหลักฐานมากกว่าฟังความจากคนอื่น โชคดีของเรา
วันนี้ศาลนัดไต่สวนรอบสอง ไอ่เบื๊อกมาคนเดียว นั่งหน้าจ่อยอยู่หน้าห้องบัลลังค์ นั่งฟังเค้าตัดสินคดีความเรื่องบัตรเครดิตไปหลายคน จนมาถึงเรื่องผม
ศาล: ทำไมไกล่เกลี่ยกันไม่ได้
ทนายผม: จำเลยไม่ยอมไกล่เกลี่ยค่ะ
ทนายจำเลย: วันนี้จะขอคืนของ และขอคืนเงินมัดจำหนึ่งหมื่นบาท
ศาล: คืนของก้อดี จบๆกันไป
ศาลหันมาทางเรา: รับของไป จะได้จบๆ เรื่องแค่นี้เอง เราเองก้อได้ของคืน ไม่เสียหายอะไร
ผม: รับของคืนได้คับ แต่ไม่สามารถคืนเงินมัดจำได้ เพราะของอยู่กับอีกฝ่ายนานเกือบปี
ทนายจำเลย: งั้นคนละครึ่งทาง คนละห้าพัน รับไปเรื่องจะได้จบๆ
ศาล: ได้ของคืนไป ตกลงไหม จะได้จบ
... ปรึกษาทนาย... สรุปจะคืนเงินมัดจำให้สามพัน ส่วนผมยึดค่าเสียหายไว้ 7,000บาท แต่ผมจะไม่รับของคืนทันที จะต้องตรวจสอบด้วยผู้เชี่ยวชาญอีกคนก่อนว่าไม่มีการสับเปลี่ยนเพชร และไม่เสียหาย ผมชี้แจงศาลว่าตอนนี้ผมไม่สามารถตรวจสอบเองได้ เพราะไม่มีเครื่องมือและอุปกรณ์ในการตรวจสอบ อิทนายจำเลยพยายามยัดเยียดให้รับคืนทันที แต่เรายืนยันแน่นอนว่าไม่ได้ ต้องตรวจสอบ ทนายจำเลยยังพยายามยัดเยียดและไม่ยินยอมให้ผมไปตรวจสอบ อ้างว่ากลัวจะเอาของไปและไม่ยอมให้เงิน ให้ไปตรวจสอบพร้อมกันทุกคนก้อไม่ไป ของก้อไม่ให้ จนศาลต้องออกปากต่อว่าทนายจำเลย จึงถึงยอมความให้เอาออกไป
ผมตรวจสอบเบื้องต้นว่าเพชรจริง แต่เพื่อความมั่นใจเลยวิ่งเข้าให้ผู้เชี่ยวชาญอีกคนตรวจสอบ ทุกอย่างไปได้ด้วยดี รับของคืน จ่ายเงินคืนไป 3,000บาท
ไอ่เบื๊อกกระหยิ่มยิ้มย่อง ได้เงินคืนไป 3,000บาท ดีใจราวกะผู้ชนะ กล่าวหาว่าผมขายของปลอม แต่คืนแหวนเพชรและขอรับสามพันบาทคืน แถมเอาของไปดองเป็นปีๆ ไหนว่าปลอมทำไมยอมรับเงินแค่ 3,000บาท แล้วเสียเงินมัดจำ 7,000บาท เพื่อให้เรื่องจบ... ช่างน่าสมเพชนัก คนเราพยายามเปลี่ยนเรื่องให้ตัวเองถูก แต่คำโกหกก้อคือคำโกหก มันคงเปลี่ยนเป็นเรื่องจริงไม่ได้
หลายคนอาจจะถามว่า เสียค่าทนายไป คุ้มไหม ถ้ามองเป็นตัวเลขก้อไม่คุ้มหรอกคับ มันก้อมีส่วนที่ขาดทุนไป แต่ถ้าผมไม่ทำอะไรเลย ผมต้องเสียแหวนไป 2วง ตีเป็นมูลค่ามากกว่าค่าทนาย ผมว่าผมยอมจ่ายทนาย ยอมเสียเวลา ดีกว่าปล่อยให้คนเลวๆเชิดหน้าชูตาว่าได้ของฟรี
ส่วนไอ่เบื๊อก ผัวเมียไม่ได้แต่งงานกัน ได้ข่าวว่ากิจการลงต่ำ จนต้องขายบ้าน แต่จริงไหมไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ พี่น้องมันโทรมาขอโทษอยู่หลายครั้ง แม้พี่น้องพยายามเข้าไปไกล่เกลี่ย ไอ่เบื๊อกก้อบอกว่า"เผือก" แสดงพฤติกรรมไม่ดีหลายครั้ง จนเค้าจะตัดพี่ตัดน้อง หลังจากนี้แม้เรื่องบนศาลจบแล้ว แต่กรรมยังไม่จบ ทำกับเราได้ ทำกับพี่น้องได้ คงมีอีกหลายคนที่โดน สักวันคงโดนศาลเตี้ยเข้าวัน แต่กรรมใครกรรมมัน เราไม่เกี่ยว
ตอนนี้เรื่องจบไปแล้ว ค้าขายกันต่อไปอย่างสบายใจ หวังว่าเราจะเจอแต่ลูกค้าดีเข้ามาเรื่อยๆละกันคับ
มหากาพย์แหวนแต่งงาน เอาของไปแต่ไม่จ่ายเงิน ผ่านมาปี ในทีสุดก้อจบสักที
เริ่มต้นเรื่องคือเมื่อช่วงกลางฝนปีที่แล้ว มีคนติดต่อเข้ามาอยากได้แหวนแต่งงาน ผมขอเรียกว่า "ไอ่เบื๊อก" ละกัน ไอ่เบื๊อกเนี้ยไม่ใช่คนอื่นคนไกล ผมรู้จักมาตั้งแต่สมัยเรียนจบใหม่ๆ ผ่านมาเป็นสิบปี รู้จักกันทั้งครอบครัวทั้งพ่อแม่ ไอ่เบื๊อกอยากได้แหวนแต่งงาน จะเอาไปแต่งเมียเข้าบ้านช่วงสิ้นปี นัดเราเข้าไปคุย เอาตัวอย่างแหวนไปให้ดู ไอ่เราก้อดูแลอย่างดี ขับรถไกลจากลำลูกกาไปบริการแบบส่วนตัวที่ออฟฟิศมันถึงย่านบางบัวทอง (อ่อ... ไอ่เบื๊อกเปิดบริษัทออแกไนซ์ รับจัดงานแต่งงาน) คุยกันเรื่องรายละเอียด วัดไซส์กันเรียบร้อย ไอ่เบื๊อกตกลงใจจะเอาแหวนตัวอย่าง 2วงที่ทำไว้ขายหน้าร้านอยู่แล้ว อะขายไป ลูกค้าอยากได้เราไม่ขัด กลับมาถึงบ้านส่งไลน์คอมเฟริ์มกันอีกทีว่าเอาแน่นะ จะได้ส่งเข้าโรงงานแก้ไซส์ ทำความสะอาด เตรียมพร้อมส่งลูกค้า
ผ่านไปหนึ่งอาทิตย์ แหวนเสร็จ แพคใส่กล่องพร้อมส่งให้ไอ่เบื๊อก ไลน์บอกไอ่เบื๊อกว่าแหวนเสร็จแล้วนะ ว่างวันไหนนัดรับของกัน แต่ผ่านมาเป็นเดือนว่างไม่ตรงกันสักที เก็บของไว้นาน ไอ่เราอยากส่งของให้ลูกค้า ปิดการขายให้จบ ผ่านไปอีกเดือนจนถึงช่วงต้นหนาว แล้วเราว่างตรงกัน นึกว่าจะดองเค็มเก็บไว้นานอีกหลายเดือน ไปถึงไอ่เบื๊อกรับของเอามาลองด้วยท่าทางดีใจ เรียกให้แฟนสาวมาลอง ระหว่างลองก้อคุยโอ้อวดไปว่ากำลังซื้อบ้านไหม กิจการดี มีเงิน แนะนำว่าเวลาขายของต้องทำแบบนี้ๆราวกะคนเก่ง ไอ่เราก้อไม่คิดอะไร ฟังมันพูดไปเรื่อยๆ แล้วมันก้ออ้างว่ามาวันนี้ไม่มีเงิน มีเงินสดแค่หมื่นเดียวขอมัดจำไว้ก่อนได้ไหม ที่เหลือเด๋วจ่ายให้ทีหลัง ด้วยความรู้จักกันเป็นสิบปี พ่อแม่เราก้อรู้จัก เลยให้เครดิตเป็นพิเศษ เอาว่ะ คนรู้จักกัน เด๋วค่อยให้จ่ายทีหลังก้อได้
ผ่านไปมาเป็นเดือนก้อไม่ได้เงินคืนสักที โทรไปท้วงถามก้อไม่รับสาย อ้างว่าคุยงานอยู่ ส่งไลน์ไปทวงถามหลายครั้ง บอกว่าเรามีเหตุต้องใช้เงิน ให้ทยอยคืนมาก่อนบ้าง ไอ่เบื๊อกรับปากจะคืนให้ แต่แล้วก้อหายไป ทวงวนไปสิคับ ทวงไปเรื่อยๆ ก้อได้รับแต่คำตอบเดิมๆ จนผ่านไปหลายเดือน จนเหนื่อยและเริ่มหมดความอดทน ถึงเป็นคนใจเย็น แต่ความอดทนก้อมีจำกัด เลยส่งข้อความไป ถ้าไม่คืนเงิน เราต้องแจ้งความและดำเนินคดีตามกฏหมาย พร้อมชวนเพื่อนบุกไปถึงบ้าน ไปทวงตั้งแต่เช้าตื่นนอน ไอ่เบื๊อกหลบอยู่ในห้อง ส่งแต่ว่าที่เมียลงมาไกล่เกลี่ย อิคุณว่าที่เมียรับปากว่าจะคืนเงินให้วันถัดไป ขอเวลาหาเงินสัก 2วันก่อน อะได้ 2วัน เราให้โอกาส ถึงวันนัดอ้างว่าไม่มีเงิน ขอเอาของมาคืนวันอื่น เราตกลง คืนของมาแล้วจบกันไป แต่เงินมัดจำเราไม่คืนนะ เพราะของไปอยู่นานเกือบครึ่งปี แถมผิดนัดชำระมาหลายครั้ง ถึงวันนัดสภาพเดิม ทั้งผัวทั้งเมียสันดานเหมือนกัน กลับกลอกไปเรื่อย จะขอผ่อนชำระแทน ไม่ไหวแล้วคับ นานหลายเดือน ไกล่เกลี่ย ยอมกันมาหลายครั้ง ถ้าจะตกลงกัน ตกลงกันที่โรงพักต้อหน้าเจ้าที่ตำรวจละกัน ไอ่เบื๊อกส่งว่าที่เมียมาเป็นด่านหน้า ปล่อยให้มาตายในสนาม ส่วนตัวเองหลบหลังเมียอยู่บ้าน ถึงโรงพักให้เข้าไปคุยกันต่อหน้าเจ้าหน้าที่ นางก้อไม่ไป จนตำรวจต้องเรียกเข้ามา นางปฏิเสธ แล้วกลับ ส่วนเราก้อแจ้งความต่อไป
ผ่านไป เรารวบรวมหลักฐานส่งให้ทนายส่งจดหมายทวงถามตามขั้นตอน เรื่องเงียบ จนปรึกษาทนายและส่งเรื่องฟ้องศาล นัดศาลครั้งแรก ผมที่เป็นฝ่ายโจทก์ ส่วนไอ่เบื๊อกเป็นจำเลย ทนายฝ่ายจำเลยไม่มา อ้างว่าติดคดีที่อื่นอยู่ ขอเรื่อยนัดไปก่อน วันนั้นศาลถามว่า
ศาล: ไกล่เกลี่ยกันได้ไหม
ไอ่เบื๊อกรีบตอบสวนทันที: ไม่ไกล่เกลี่ยคับ
ปากไวใจเร็ว ไอ่เบื๊อกมั่นใจว่าถูก ไม่ยอมไกล่เกลี่ย เราทวงเงินเราคืน เราผิดสินะ
ผ่านไปใกล้วันศาลนัดรอบสอง บริษัทที่ทำงานประจำเรียกเข้าพบ (ผมทำงานประจำด้วย ส่วนร้านเพชรเป็นกิจการส่วนตัว หารายได้เสริม) เหตุเพราะว่าไอ่เบื๊อกส่งจดหมายร้องเรียนมา ใส่ความว่าผมขายของปลอม นำเพชรเข้าผิดกฏหมาย บริษัทผมนะเห็นว่าไม่ใช่เรื่องเกี่ยวข้องกับบริษัท บริษัทไม่เสียหาย แต่กลัวว่าพนักงานจะมีปัญหา เลยเรียกเข้าไปชี้แจ้ง ส่วนผมเหร... สบายยย ทำทุกอย่างถูกต้อง มีเอกสารการซื้อขาย โรงงานที่ทำก้อโรงงานใหญ่มาตรฐานการส่งออก ผู้ใหญ่ในวงการเพชรหนุนหลังเราเต็มที่ พร้อมช่วยเป็นพยาน เอาเอกสารทั้งหมดไปชี้แจงไปวางให้ผู้ใหญ่ในบริษัทดู มีเอกสารการซื้อขายเพชรชัดเจนในเมืองไทย (ราคาเพชรเมืองนอกแม้จะถูกกว่า แต่มีค่าขนส่งค่อนข้างสูง ถ้าไม่ซื้อเยอะๆ ไม่คุ้มค่าขนส่ง สั่งบ้านเราถูกกว่าคับ) ผู้ใหญ่อ่านเอกสารทั้งหมด และฟังเรื่องจากเราว่ามีคดีความบนชั้นศาล ผู้ใหญ่อุทาน... ต๊ายตาย คนละเรื่องกะที่ส่งมา ส่งมาเปล่าๆ ส่วนเรามีหลักฐานเพียบ ผู้ใหญ่เลือกตัดสินใจจากหลักฐานมากกว่าฟังความจากคนอื่น โชคดีของเรา
วันนี้ศาลนัดไต่สวนรอบสอง ไอ่เบื๊อกมาคนเดียว นั่งหน้าจ่อยอยู่หน้าห้องบัลลังค์ นั่งฟังเค้าตัดสินคดีความเรื่องบัตรเครดิตไปหลายคน จนมาถึงเรื่องผม
ศาล: ทำไมไกล่เกลี่ยกันไม่ได้
ทนายผม: จำเลยไม่ยอมไกล่เกลี่ยค่ะ
ทนายจำเลย: วันนี้จะขอคืนของ และขอคืนเงินมัดจำหนึ่งหมื่นบาท
ศาล: คืนของก้อดี จบๆกันไป
ศาลหันมาทางเรา: รับของไป จะได้จบๆ เรื่องแค่นี้เอง เราเองก้อได้ของคืน ไม่เสียหายอะไร
ผม: รับของคืนได้คับ แต่ไม่สามารถคืนเงินมัดจำได้ เพราะของอยู่กับอีกฝ่ายนานเกือบปี
ทนายจำเลย: งั้นคนละครึ่งทาง คนละห้าพัน รับไปเรื่องจะได้จบๆ
ศาล: ได้ของคืนไป ตกลงไหม จะได้จบ
... ปรึกษาทนาย... สรุปจะคืนเงินมัดจำให้สามพัน ส่วนผมยึดค่าเสียหายไว้ 7,000บาท แต่ผมจะไม่รับของคืนทันที จะต้องตรวจสอบด้วยผู้เชี่ยวชาญอีกคนก่อนว่าไม่มีการสับเปลี่ยนเพชร และไม่เสียหาย ผมชี้แจงศาลว่าตอนนี้ผมไม่สามารถตรวจสอบเองได้ เพราะไม่มีเครื่องมือและอุปกรณ์ในการตรวจสอบ อิทนายจำเลยพยายามยัดเยียดให้รับคืนทันที แต่เรายืนยันแน่นอนว่าไม่ได้ ต้องตรวจสอบ ทนายจำเลยยังพยายามยัดเยียดและไม่ยินยอมให้ผมไปตรวจสอบ อ้างว่ากลัวจะเอาของไปและไม่ยอมให้เงิน ให้ไปตรวจสอบพร้อมกันทุกคนก้อไม่ไป ของก้อไม่ให้ จนศาลต้องออกปากต่อว่าทนายจำเลย จึงถึงยอมความให้เอาออกไป
ผมตรวจสอบเบื้องต้นว่าเพชรจริง แต่เพื่อความมั่นใจเลยวิ่งเข้าให้ผู้เชี่ยวชาญอีกคนตรวจสอบ ทุกอย่างไปได้ด้วยดี รับของคืน จ่ายเงินคืนไป 3,000บาท
ไอ่เบื๊อกกระหยิ่มยิ้มย่อง ได้เงินคืนไป 3,000บาท ดีใจราวกะผู้ชนะ กล่าวหาว่าผมขายของปลอม แต่คืนแหวนเพชรและขอรับสามพันบาทคืน แถมเอาของไปดองเป็นปีๆ ไหนว่าปลอมทำไมยอมรับเงินแค่ 3,000บาท แล้วเสียเงินมัดจำ 7,000บาท เพื่อให้เรื่องจบ... ช่างน่าสมเพชนัก คนเราพยายามเปลี่ยนเรื่องให้ตัวเองถูก แต่คำโกหกก้อคือคำโกหก มันคงเปลี่ยนเป็นเรื่องจริงไม่ได้
หลายคนอาจจะถามว่า เสียค่าทนายไป คุ้มไหม ถ้ามองเป็นตัวเลขก้อไม่คุ้มหรอกคับ มันก้อมีส่วนที่ขาดทุนไป แต่ถ้าผมไม่ทำอะไรเลย ผมต้องเสียแหวนไป 2วง ตีเป็นมูลค่ามากกว่าค่าทนาย ผมว่าผมยอมจ่ายทนาย ยอมเสียเวลา ดีกว่าปล่อยให้คนเลวๆเชิดหน้าชูตาว่าได้ของฟรี
ส่วนไอ่เบื๊อก ผัวเมียไม่ได้แต่งงานกัน ได้ข่าวว่ากิจการลงต่ำ จนต้องขายบ้าน แต่จริงไหมไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ พี่น้องมันโทรมาขอโทษอยู่หลายครั้ง แม้พี่น้องพยายามเข้าไปไกล่เกลี่ย ไอ่เบื๊อกก้อบอกว่า"เผือก" แสดงพฤติกรรมไม่ดีหลายครั้ง จนเค้าจะตัดพี่ตัดน้อง หลังจากนี้แม้เรื่องบนศาลจบแล้ว แต่กรรมยังไม่จบ ทำกับเราได้ ทำกับพี่น้องได้ คงมีอีกหลายคนที่โดน สักวันคงโดนศาลเตี้ยเข้าวัน แต่กรรมใครกรรมมัน เราไม่เกี่ยว
ตอนนี้เรื่องจบไปแล้ว ค้าขายกันต่อไปอย่างสบายใจ หวังว่าเราจะเจอแต่ลูกค้าดีเข้ามาเรื่อยๆละกันคับ