แนวโน้มของอาชีพเภสัชกรในอนาคตเป็นอย่างไรบ้างคะ

สวัสดีค่ะ เราเป็นเด็กมอห้าค่ะ หรือก็คือ #dek62 ที่กำลังจะได้ใช้ระบบใหม่ของการคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัย
     ยังไม่มีความฝันจริงๆจังๆ แต่ตอนนี้สนใจเข้าคณะเภสัช กับคณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ส่วนตัวคนรอบข้าง ครอบครัว
  ญาติๆ บอกว่าเภสัชโอกาสตกงานเยอะมาก เป็นอาชีพที่ไม่มีการพัฒนา และเงินเดือนน้อยไม่คุ้มค่ากับที่เรียนไป  


    อยากถามว่า
    + แนวโน้มอาชีพเภสัชกรในอนาคตจะเป็นอย่างไรบ้างคะ จะมีความต้องการเพิ่มขึ้นหรือน้อยลง โอกาสตกงานจะมีมากขึ้นหรือน้อยลง
    + ถ้าเราได้ภาษาอังกฤษจะเพิ่มโอกาสในการเข้าคณะหรือการทำงานมากขึ้นมั้ยคะ
    + ถ้าเลือกเภสัชอันดับ1แล้วเลือกเทคนิคการแพทย์อันดับ2 โอกาสหลุดเยอะใช่มั้ยคะ

   *เพิ่มเติม
   - เกรดอยู่ระดับกลางๆค่ะ ประมาณ 3.7-3.8
   - อ่อนวิชาคณิตศาสตร์และฟิสิกส์ค่ะ วิชาที่ชอบคือชีวะกับภาษาอังกฤษ วิชาที่ทำได้ดีคือภาษาอังกฤษกับภาษาไทย
   - ไม่มีผลงานก็แข่งวิชาการจริงๆจังๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 2
อยากจะพูดบางประเด็น

- จริงอยู่ที่ว่าอาชีพนี้ดูจะไม่มีการพัฒนา แต่เอาจริงๆ มันก็มีการพัฒนาในทุกด้านนั่นแหละ ฝั่งเภสัชกรรมคลินิกก็จะเน้น individualization คือการรักษาเป็นรายบุคคลโดยพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ ของคนไข้ ไม่ใช่ one size fits all อีกต่อไป ในส่วนอื่นๆ ก็ยังต้องการเภสัชกรอยู่มาก เช่นโรงงานยา การวิจัยและพัฒนายาใหม่ หรือฟากของการคุ้มครองผู้บริโภคก็ยังต้องการเภสัชกรอยู่เหมือนกัน

- เงินเดือนน้อยไม่คุ้มค่ากับที่เรียนไป อันนี้ก็อาจจะจริง ทำงานหน่วยงานสาธารณสุขบางที่อาจจะเงินเดือนไม่ถึงสามหมื่น แต่โดยทั่วไป เงินเดือนเภสัชโรงพยาบาลรัฐบาลเกินสามหมื่นบาทนะ ถ้าทำเอกชนเช่นเครือโรงพยาบาลกรุงเทพก็ได้สี่หมื่นนิดๆ ต่อเดือน โรงพยาบาลบางที่อาจจะให้ถึงหกหมื่นบาท แต่ require ประสบการณ์กี่ปีก็ว่ากันไป จะเห็นว่าเงินเดือนก็ไม่ได้น้อยมาก แต่ถ้าคิดเทียบกับวิชาชีพอื่นเช่นแพทย์หรือทันตแพทย์ก็คงจะสู้ไม่ได้ แต่งานเภสัชกรมีข้อดีอย่างนึงคือทำงาน 8-16 จากนั้นก็ออก ไม่มีใครตาม ความเครียดไม่เยอะมากถ้าเทียบกับสองวิชาชีพที่ได้กล่าวไปแล้ว

- ภาษาอังกฤษเป็นเรื่องสำคัญ อาจจะสำคัญบ้างตอนสอบเข้า เช่นพวกคะแนน GAT (ตอนยื่นคะแนนเข้า คะแนนพี่ค่อนข้างห่วย แต่อังกฤษดีมาก บวกกับคะแนน PAT 2 ค่อนข้างดี เลยได้ อาจจะไม่เกี่ยว แต่เล่าให้ฟังเฉยๆ) แต่ความสำคัญของภาษาอังกฤษมันจะมาอีกทีตอนเรียนวิชาพวก pharmacology / pharmacotherapy หรือการอ่านเปเปอร์งานวิจัยต่างๆ เพราะถ้าเราได้ภาษาอังกฤษ เราจะอ่านเปเปอร์ง่ายมาก แทบไม่ต้องพยายามอะไรเลย บางคนไม่ค่อยได้ภาษาอังกฤษต้องอ่านไปเปิด google translate ไปด้วย ก็ลำบากเปล่าๆ ตอนทำงานถ้าภาษาอังกฤษเราดี ก็เป็นแต้มต่ออีกอย่างนึงที่ทำให้เราได้เปรียบนะ

- น้องควรจะแม่นเคมีกับชีวะ ส่วนตัวพี่ให้ชีวะมาเป็นอันดับ 1 เคมีอินทรีย์เป็นอันดับ 2 ถ้าได้สองวิชานี้แล้วชีวิตในคณะจะง่ายมาก เพราะความรู้ physiology คือพื้นฐานของการเรียนกลไกยา

- ไม่มีผลงานแข่งวิชาการก็ไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวลอะไร ตอนพี่มาสัมภาษณ์ปี 56 ก็ไม่ได้ยื่นอะไรเลย

- เกรดไม่ใช่เรื่องสำคัญ สำคัญที่ว่าเราจะต้องการพัฒนาตัวเองจริงๆ จังๆ ไหม เพื่อนพี่เกรดดี แต่อาจารย์ถามอะไรไป recall ไม่ได้เลย แบบนี้ไม่ดี

- สุดท้ายขอให้น้องพิจารณาเลือกมหาวิทยาลัยของรัฐ จุฬา มหิดล มช มข มอ เป็นอันดับแรก ที่อื่นนอกจากนี้ค่าเทอมแพงเกินไป ไม่คุ้ม เว้นเสียแต่ว่ามีกำลังจ่ายก็เลือกตามชอบเลย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่