บันทึกการเดินทางกับภารกิจส่งแฟนเรียนต่อ
ตอนนี้ผมอยู่บนเครื่องขากลับ กทม. ครับ ด้วยความคิดถึงแฟนผมจึงพิมพ์บันทึกความทรงจำครั้งนี้ระหว่างทาง
ผมได้มีโอกาสไปส่งแฟนเรียนต่อโทที่ Sheffield Hallam university เลยวางแผนเที่ยวคร่าวๆดังนี้โดยเริ่มต้นที่ลอนดอนครับแล้วนั่ง train ไป sheffield จากนั้นเช่ารถขับไปเที่ยวเมือง York โดยโรงแรมและตั๋วรถไฟส่วนมากจองมาจากไทยก่อนจะถูกครับโดยเฉพาะตั๋วรถไฟข้ามเมือง(จองผ่าน raileurope และ trainline application)
เดินทางช่วง 6-12ก.ย.60 (อุณหภูมิ 10-19องศา)
อุปกรณ์ช่วยการเดินทาง : pocket wifi(เช่าจากสุวรรณภูมิของ smile wifi ของผมแบบ 1GB/วัน ราคา 550บาท/วัน)
อัตราแลกเปลี่ยนตอนนั้น: 44.1 บาท/ปอนด์
อุปกรณ์บันทึกความทรงจำ : sony A7RM2 , zeiss 16-35 , sony FE24-240 , iphone6
วิธีการเดินทางในทริปนี้ : underground , tram , Bus , uber , local taxi , car rental (เรียกได้ว่าลอง
ทุกแบบเลยคับ)
กระทู้อื่นๆ
Amazing Thailand :
https://ppantip.com/topic/31933051
Day1 : London eye , Bigben , westminster bridge
ถึงสนามบิน Heathrow พาแฟนไปซื้อ sim card ก่อนครับยี่ห้อ Three ซึ่งหาซื้อได้ตามร้านค้าทั่วๆไป สามารถ top upเงินได้แบบ pay as you go จากนั้นจะเข้าเมืองก้ต้องนั่ง free train ไปที่ Terminal 1,2,3 ซึ่งจะไปต่อรถใต้ดินเข้าเมืองได้โดยเราจะซื้อ Oyster card คับเหมือนบัตรrabbitของไทยเพื่อใช้จ่ายค่าโดยสารสาธารณะ และสามารถเติมเงินจากเครื่องได้เอง
เราซื้อตั๋วขึ้นlondon eye ไปด้วยจะถูกกว่าไปซื้อหน้างานราคา23ปอนด์
เอาล่ะครับ2คน กระเป๋าลาก3ใบหนักๆ25กิโล + เป้2 +กระเป๋าถือ1 ในลอนดอนเราพักแบบ AirBNB อยู่สถานี Stepney green (district line สีเขียว) ไกลพอตัวเลยเพราะต้องมีเปลี่ยนสายด้วยคับซึ่งบางสถานีไม่มีลิฟต้องยกขึ้นลงบันไดอย่างเดียว(หากใครไม่เคยมาก่อนขึ้นรถไฟควรดูป้ายปลายทางก่อนครับเพราะรางเดียวกันบางทีมีหลายสายวิ่งผ่าน) เราไปถึงที่พัก บ่าย4โมง Host ก้มาต้อนรับและพาไปดูที่พัก เราพักในบ้านกับเขาแชร์ครัวและห้องน้ำ ห้องนอนเป็นส่วนตัวเตียงนุ่มสบายคับราคาประมาณ2พันนิดๆ ประมาณ18.00น. เก็บของเสร็จเรานั่งไปเที่ยวสถานี westminster ขึ้นมาก้จะเจอ BigBen London eye , westminster bridge ว่าจะขึ้นlondon eye วันนี้แต่มันปิด 18.00คับมาช้าไปเขาบอกเราว่า "winter is coming" เลยปิดไว ก็เลยถ่ายรูปกินข้าวเย็นแถวนั้นครับ
Day2 : Buckingham palace , St. James park ,House guard, London dungeon , London eye , St.Paul's Cathedral , Millineum bridge , Tower bridge
วันนี้นั่งไปลงสถานี westminster เหมือนเดิมแต่ตั้งใจไปชมพระราชวัง Buckingham และทหารเปลี่ยนกะครับ ระหว่างทางเดินไปก็จะมีตู้โทรศัพท์สีแดงสุดคลาสสิกถ่ายรูปฉากหลังเป็นBigben เดินไปสักพักจะถึง St.James park อากาศดีร่มรื่นมาก เสียดายไม่ได้ดูตารางมาก่อนเพราะวันนี้ไม่มีโชว์เปลี่ยนกะทหารครับปกติน่าจะ11.00น. สามารถดูล่วงหน้าจากในเว็บได้ ก็เลยได้แต่ถ่ายรูปแถวนั้น จากนั้นเดินกลับมาเล่น London Dungeon ซึ่งอยู่ติดกับ London eye เลยครับแนวๆบ้านผีสิงแต่เป็นการจำลองยุคมืดในสมัยก่อนที่มีการฆ่าและทรมานนักโทษ ดูลึกลับและห้องแต่ละห้องทำได้ดีมากๆครับแนะนำให้ลองใช้เวลาประมาณ 1.30 ชม เสร็จแล้วออกมาขึ้น london eye ชมวิวเมืองครับต่อคิวยาวแต่รอไม่นานมากประมาณ15นาทีได้ขึ้น ช่วงบ่ายเรานั่งรถไปลงสถานี London bridge เดินถนนเรียบแม่น้ำ Thames บรรยากาศดีอีกแล้ว เดินเพลินๆก้จะมาถึง Tower bridge ซึ่งเป็น landmark อีกที่นึงครับสามารถขึ้นไปชมได้แต่มีค่าใช้จ่าย พอเดินข้ามมาอีกฝั่งสะพาน ก็เจอ Tower Hall สถานที่ประวัติศาสตร์อีกที่นึง ถึงตอนนี้เท้าบวมมากครับลองเรียก Local taxi หน่อยจะเป็นแท็กซี่สีดำๆคันใหญ่ๆคับ จะมีที่จอดสำหรับแท็กซี่โดยเฉพาะและเป็นระเบียบ ศึกษามาว่าคนจะขับแท็กซี่ดำได้ต้องไปอบรมเป็นเวลา4ปีแถมต้องทดสอบในการจำเส้นทางให้ได้ทุกเส้นด้วย เรานั่งไปที่ St . Paul's Cathedral ซึ่งห่างไปประมาณ1กิโล จากนั้นเดินมาที่ Milineum bridge ซึ่งอยู่ใกล้ๆกัน มารอถ่ายรูปช่วงเย็น ช่วงพระอาทิตย์ตกก็โรแมนติกมากครับริมน้ำมีคนเล่นดนตรีสดให้ฟังด้วย
Day3 : British museum , Oxford street , Harrods
นั่งไปสถานี London Euston เดิน10นาทีครับ ถึง British museum ไม่เสียค่าเข้านะครับ เป็นอีกที่ที่แนะนำมากเพราะมีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ของทั่วทุกมุมโลกจำแนกให้ดูตามโซนทวีปและระยะเวลา ผมชอบห้องอียิปสุดละมีมัมมี่สภาพสมบูรณ์มากด้วยแหะ จากนั้นได้เวลาชอปปิ้งครับไปลงสถานี Tottenham court road หรือ สถานี oxford circus ก็ได้ เจอ oxford street เป็นถนนที่มีร้านค้าทั้งเส้นเลย จะไม่ใช่พวกแบรนด์เนมหรูๆนะครับ จะมีสินค้าท้องถิ่นและแบรนด์กลางมากมาย
จากนั้นเรานั่งรถบัสสีแดงครับไปลงหน้า ห้างHarrods เลย ใช้บัตร oyster ได้ ที่นี่จะได้ซื้อของแบรนด์เนมหรูๆกันอย่างสะใจหลังจากได้ใบเสร็จก็ต้องไปทำใบขอ Vat refund ในห้างนั้นเลยเพื่อเอาไปยื่นที่สนามบินครับ วันนี้ไม่ได้ถือกล้องไปครับอยากเดินชิวๆบ้าง
Day4 : King cross station, Platform 9 3/4 , Sheffield city, Harry potter shop
วันนี้เช็คเอาท์จากที่พักเราเรียก Uber XL มารับครับเพราะของเยอะลากไม่ไหว ไปสถานี St. Pancras / King cross สถานี2ที่นี่อยู่ตรงข้ามกันครับเราขึ้นที่ St. pancras ตั๋วจองมาจากเน็ตต้องมาปริ้นเองที่ตู้ครับง่ายมากใช้บัตรเครดิตไรก้ได้ verify จากนั้นกดรหัสจองไปจบได้ตั๋ว เราใช้บริการ luggages service ฝากของไว้แล้วไปเดินเที่ยวที่ Kingcross ซึ่งจะมีชานชลา 9 3/4 ไป Hogwards ครับต้องเสียเงินต่อคิวถ่ายรูป และมี shop harry pottersอยู่ติดกัน นั่งรถไฟประมาณ2 ชม ถึงเมือง sheffield ครับเมืองเล็กๆที่มีแต่ตึกมหาลัย เราจอง รร. Jury inn ไว้ราคาประมาณ2พันกว่า เป็น รร มาตรฐานครับมีฟิตเนส ห้องสะอาดเตียงนุ่มมากๆเดินจากสถานี350เมตร ช่วงเย็นเดินเล่นแถว Sheffield Canal Basin ครับจะมีตึก
Victoria Quays Straddle Warehouse ผมหารูปในเน็ตบอกว่ามีเปิดไฟ LED หลากสีด้วยเลยไปรอถ่ายรูปครับ
Day5 : Bishop's house , Sheffield city
นั่งรถบัสจากตัวเมืองไปลงป้าย Norton Lees lane ครับประมาณ 3กิโล จะเจอบ้าน Bishop เข้าใจว่าเป็นบ้านประจำตำแหน่งในสมัยก่อนเป็นบ้านไม้เล็กน่ารัก มีรูปอธิบายทุกจุด แต่ที่ประทับใจมากๆคือ สวนหลังบ้านbishop เราสามารถเห็นเมืองทั้งเมืองจากวิวสวนหลังบ้านนี้ได้ ขากลับเราเดินกลับครับ 3กิโลชมเมือง
Day6 : เช่ารถขับ , York city , York minster, city hall ,Clifford's tower
เราเช่ารถของ Sixt rent car ครับ มีสำนักงานอยุ่ในเมืองนั้นโดยจองผ่านเวบ เราเลือก Benz E220D ครับ ราคา 115ปอนด์/วัน วิ่งฟรี200ไมล์ จากนั้น 0.14ปอนด์/ไมล์ เราเพิ่ม Diamond package ไปด้วยคือรับประกันค่าเสียหาย 1,500ปอนด์ และประกันโดนทุบ รถพัง รถหาย assist 24 ชม. บวกไปอีกประมาณ20กว่าปอนด์ ที่นี่ขับรถพวกมาลัยขวาชิดซ้ายเหมือนไทยครับ เติมน้ำมันก็เติมเองแล้วเดินไปจ่ายในร้านค้า น้ำมันประมาณ 12ปอนด์/ลิตร แพงกว่าไทย เราขับไป york ระยะทางประมาณ60ไมล์ ขับ ชม กว่าๆครับ ในตัวเมืองสวยมากครับ แล้วเราก็แวะไป university of york ไปเอาปริ้นเตอร์กับพัดลม จากเพื่อน55
ที่จอดรถหายากมากๆครับข้างทางที่จอดได้จะเป็นเส้นประสีขาว ถ้าเป็นสีเหลืองคือห้ามจอดหรือจอดชั่วคราว จากนั้นเราขับกลับมานอนที่เดิมใน sheffield ครับ รร. ไม่มีที่จอดมันบอกให้จอดในตึกตรงข้าม(ตึกNCP)จะมีอยู่ตามเมืองไว้จอดรถโดยเฉพาะเราจอดข้างคืนเสียไป18ปอนด์
เราต้องกดตั๋วและจ่ายเองผ่านประตูอัตโนมัติ เราใช้บัตรเครดิตจ่ายคับสะดวกดีแปะอย่างเดียว
Day7 : "I love you , see you soon baby"
เวลาช่างผ่านไปไว เช้าเราขนของขึ้นรถขับไปที่หอพักแฟนเพื่อขนของลงครับ(ไม่มีรถตายแน่ เมืองเป็นเนินลาดชันตลอด) แล้วเอารถไปคืนครับ ลืมบอกผมจอดเบียดฟุตบาทไป2-3รอบ ล้อแม็กเป็นรอยคนับ แต่อยู่ในประกันที่ซื้อไว้สบายมาก55 พนง รับรถก้ใจดีครับ
ปล. รถที่นี่เขาบอกว่าอายุรถจะไม่เกิน6เดือนครับ คือรถใหม่มากๆ จากนั้นผมนั่งรถไฟกลับคนเดียวไปขึ้นเครื่องที่ Manchester airportครับ นั่ง ชม. เดียว
Romantic England : ภารกิจส่งแฟนเรียนต่อ กับการเดินทางทุกรูปแบบ <LONDON - YORK - SHEFFIELD>
ตอนนี้ผมอยู่บนเครื่องขากลับ กทม. ครับ ด้วยความคิดถึงแฟนผมจึงพิมพ์บันทึกความทรงจำครั้งนี้ระหว่างทาง
ผมได้มีโอกาสไปส่งแฟนเรียนต่อโทที่ Sheffield Hallam university เลยวางแผนเที่ยวคร่าวๆดังนี้โดยเริ่มต้นที่ลอนดอนครับแล้วนั่ง train ไป sheffield จากนั้นเช่ารถขับไปเที่ยวเมือง York โดยโรงแรมและตั๋วรถไฟส่วนมากจองมาจากไทยก่อนจะถูกครับโดยเฉพาะตั๋วรถไฟข้ามเมือง(จองผ่าน raileurope และ trainline application)
เดินทางช่วง 6-12ก.ย.60 (อุณหภูมิ 10-19องศา)
อุปกรณ์ช่วยการเดินทาง : pocket wifi(เช่าจากสุวรรณภูมิของ smile wifi ของผมแบบ 1GB/วัน ราคา 550บาท/วัน)
อัตราแลกเปลี่ยนตอนนั้น: 44.1 บาท/ปอนด์
อุปกรณ์บันทึกความทรงจำ : sony A7RM2 , zeiss 16-35 , sony FE24-240 , iphone6
วิธีการเดินทางในทริปนี้ : underground , tram , Bus , uber , local taxi , car rental (เรียกได้ว่าลองทุกแบบเลยคับ)
กระทู้อื่นๆ
Amazing Thailand : https://ppantip.com/topic/31933051
Day1 : London eye , Bigben , westminster bridge
เราซื้อตั๋วขึ้นlondon eye ไปด้วยจะถูกกว่าไปซื้อหน้างานราคา23ปอนด์
เอาล่ะครับ2คน กระเป๋าลาก3ใบหนักๆ25กิโล + เป้2 +กระเป๋าถือ1 ในลอนดอนเราพักแบบ AirBNB อยู่สถานี Stepney green (district line สีเขียว) ไกลพอตัวเลยเพราะต้องมีเปลี่ยนสายด้วยคับซึ่งบางสถานีไม่มีลิฟต้องยกขึ้นลงบันไดอย่างเดียว(หากใครไม่เคยมาก่อนขึ้นรถไฟควรดูป้ายปลายทางก่อนครับเพราะรางเดียวกันบางทีมีหลายสายวิ่งผ่าน) เราไปถึงที่พัก บ่าย4โมง Host ก้มาต้อนรับและพาไปดูที่พัก เราพักในบ้านกับเขาแชร์ครัวและห้องน้ำ ห้องนอนเป็นส่วนตัวเตียงนุ่มสบายคับราคาประมาณ2พันนิดๆ ประมาณ18.00น. เก็บของเสร็จเรานั่งไปเที่ยวสถานี westminster ขึ้นมาก้จะเจอ BigBen London eye , westminster bridge ว่าจะขึ้นlondon eye วันนี้แต่มันปิด 18.00คับมาช้าไปเขาบอกเราว่า "winter is coming" เลยปิดไว ก็เลยถ่ายรูปกินข้าวเย็นแถวนั้นครับ
Day2 : Buckingham palace , St. James park ,House guard, London dungeon , London eye , St.Paul's Cathedral , Millineum bridge , Tower bridge
Day3 : British museum , Oxford street , Harrods
จากนั้นเรานั่งรถบัสสีแดงครับไปลงหน้า ห้างHarrods เลย ใช้บัตร oyster ได้ ที่นี่จะได้ซื้อของแบรนด์เนมหรูๆกันอย่างสะใจหลังจากได้ใบเสร็จก็ต้องไปทำใบขอ Vat refund ในห้างนั้นเลยเพื่อเอาไปยื่นที่สนามบินครับ วันนี้ไม่ได้ถือกล้องไปครับอยากเดินชิวๆบ้าง
Day4 : King cross station, Platform 9 3/4 , Sheffield city, Harry potter shop
Victoria Quays Straddle Warehouse ผมหารูปในเน็ตบอกว่ามีเปิดไฟ LED หลากสีด้วยเลยไปรอถ่ายรูปครับ
Day5 : Bishop's house , Sheffield city
Day6 : เช่ารถขับ , York city , York minster, city hall ,Clifford's tower
ที่จอดรถหายากมากๆครับข้างทางที่จอดได้จะเป็นเส้นประสีขาว ถ้าเป็นสีเหลืองคือห้ามจอดหรือจอดชั่วคราว จากนั้นเราขับกลับมานอนที่เดิมใน sheffield ครับ รร. ไม่มีที่จอดมันบอกให้จอดในตึกตรงข้าม(ตึกNCP)จะมีอยู่ตามเมืองไว้จอดรถโดยเฉพาะเราจอดข้างคืนเสียไป18ปอนด์
เราต้องกดตั๋วและจ่ายเองผ่านประตูอัตโนมัติ เราใช้บัตรเครดิตจ่ายคับสะดวกดีแปะอย่างเดียว
Day7 : "I love you , see you soon baby"
ปล. รถที่นี่เขาบอกว่าอายุรถจะไม่เกิน6เดือนครับ คือรถใหม่มากๆ จากนั้นผมนั่งรถไฟกลับคนเดียวไปขึ้นเครื่องที่ Manchester airportครับ นั่ง ชม. เดียว