สวัสดีค่ะชาวพันทิป วันนี้เราจะพาไปเที่ยวนาริตะกันค่ะ
จริงๆเราไปเที่ยวกันมาตั้งแต่ช่วงเมษา สงกรานต์บ้านเรา
แต่เพิ่งจะมีไฟอยากจะมาแชร์มาลงภาพให้เพื่อนๆได้ชมกันค่ะ
ฝากติดตาม ติชม หรือให้กำลังใจกันหน่อยนะคะ ขอบคุณค่า
ขอเริ่มจากการเดินทางมาที่นี่ของเรากันก่อน
วันนี้เป็นวันสุดท้ายในญี่ปุ่นของเรา จึงเลือกที่จะพักและเที่ยวแถวนี้
เมื่อคืนเราพักกันที่ Narita View Hotel เหตุผลคือใกล้
และมี Free Hotel Shuttle Bus ให้บริการไปกลับสนามบินนาริตะ
นอกจะรถของโรงแรมจะรับส่งสนามบินแล้ว
ยังรับส่งที่สถานีรถไฟ JR Narita อีกด้วย
จุดหมายของเราวันนี้คือเดินเที่ยวถนนสาย Omotesando
ไปจนถึงวัด Naritasan Shinsho-ji Temple
มาถึงก้ถ่ายรูปแผนที่เอาไว้หน่อย .. แต่จริงๆก้ไม่ได้ใช้แห่ะๆ
จากจุดที่เราลงรถบัสของโรงแรม ก้เดินข้ามถนนไปอีกฝั่ง
ก้เป็น Omotesando Street แล้วค่ะ
ถนนเส้นนี้เป็นถนนเส้นเล็กๆ ตอนแรกนึกว่าเป็นถนนคนเดินไรงี้
แต่จริงๆรถยังผ่านได้อยู่นะคะ เดินกันระวังๆนะเด่วจะโดนสอยไม่รู้ตัว..อิอิ
ส่วนตัวแล้ว เราประทับใจกับที่นี่มากๆ
เพราะมันมีความยูนิ้ค มีความเป็นเอกลักษณ์ มีมนต์สเน่ห์บอกไม่ถูก
ได้ฟีลเจแป้นเจเปนจริงๆเลยค่ะ..ฮ่าๆๆ
สองข้างฝั่งถนนก้จะมีร้านค้าต่างๆมากมาย
ทั้งร้านอาหาร ร้านขายของชำ ร้านขายของฝาก
ร้านดอกไม้ ร้านขนม น่าซื้อน่าทานไปหมดเลยจริงๆ
และที่เป็นจุดเด่นของถนนสายนี้คือรูปปั้น 12 นักษัตร
เรียงตามถนนไปเรื่อยๆ ถ่ายรูปไม่เบื่อเลยจริงๆ
ร้านต่างๆ หรือหน้าบ้านคนก้จะตกแต่งกันน่ารักมากๆ
เรานี่กดชัตเตอร์รัวๆไปเลยจร้า สนุกจริงๆ..อิอิ
ระยะทางจริงๆก้ยาวอยู่นะ แต่การเป็นการเดินที่ไม่เบื่อเลย
เดินได้เรื่อยๆ เพลินๆ ถ่ายรูปไป ดูของไป ซื้อขนมกินไป ลั๊ลลามากๆ..อิอิ
ส่วนร้านนี้ดึงดูดเรามากๆเพราะกลิ่นหอมมว้ากกกกกก
ตรงปรี่ไปเลยจร้า..ร้านขนมไส้ถั่ว..มีสองไส้ถั่วแดงกับถั่วขาว
ส่วนตัวของไส้ถั่วขาว สามีชอบไส้ถั่วแดง กินร้อนๆอร่อยมากจริงๆค่า
ชิ้นละ 120Yen จัดมา 6 ชิ้น แน่นเลยทีเดียว..ฮ่าๆๆ
ส่วนร้านนี้เป็นร้านเซมเบ้ค่ะ..คุณป้าใจดีมาก
เอาเซมเบ้มาให้เราชิมเยอะเลย..เกรงใจมากบอกแกว่าไม่เปนไร
แกก้ยังยื่นๆมาให้เรา..คือจริงๆอยากจะบอกว่าฟันหนูจะหักแล้วค่าาาา..ฮ่าๆๆ
เดินมาสักพักจะเจอตึกที่มีหอนาฬิกา เหมือนจะเป็นอีกแลนด์มาร์ก
พอซูมเข้าไปใกล้ๆตัวนาฬิกา..โอ้วเป็นนาฬิกาลาย 12 นักษัตรนี่นา..คูลล!!
และแล้วเราก้มาถึงไฮไล้ท์!! มาแล้วไม่กินไม่ได้จริงๆ
นั่นก้คือข้าวหน้าปลาไหลนั่นเอง!!!
คือกลิ่นนี่หอมยั่วยวนมาแต่ไกลเลยค่า
ร้านนี้ชื่อว่า "Kawatoyo" คนจะเยอะมากๆ
ต่อคิวยาวไป..แต่ยอมนะเรามาเพื่อสิ่งนี้..ฮ่าๆๆ
ยืนไปรมควันตัวเองไปนาจา..ก้เค้าเชือด แล่ เสียบ ย่าง กันหน้าร้านเลยจ้า
หลังจากได้คิวแล้วก้ออเดอร์มา 1 ชุด และเค้าจะพาไปนั่งที่โต๊ะ
เราได้โต๊ะหน้าสุดเลยแบบริงค์ไซด์ข้างๆโต๊ะเชือดเลยจ้า
ใครจิตอ่อนนี่ข้ามไปได้เลยนะ..เรากำลังจะเล่าวิธีการเชือด..แห่ะๆ
ก่อนจะมาเป็นข้าวหน้าปลาไหลในตำนานนั้น
เราได้ไปยืนดูวิธีการมาด้วยหล่ะ..แอบโหดอยู่เหมือนกัน
แต่เค้าทำกันนิ่งมากๆ..คงเป็นวิถีชีวิตของเค้าแบบนี้ไม่ดราม่าเนอะ
ขั้นแรกเค้าจับปลาไหลขึ้นมาจากในถังวางลงบนโต๊ะ ปุ้บ!!!
แล้วก้เอามีดเชือดคอตัดลมปรานของเจ้าปลาไหล ฉึ้บ!!!
จากนั้นก้เอาหมุดปักลงที่หัวของมันยึดไว้กับโต๊ะ จึ้ก!!!
ทีนี้ก้ใช้มีดผ่าท้องเป็นทางยาว ส่วบ!!!
ควักไส้มันออกมา ตัดส่วนหัว และหั่นเป็นท่อนๆ
ส่งต่อมาให้คนต่อไปดึงก้างออก และเอามาเสียบไม้ไว้
จากนั้นก้จะไปสเตชั่นต่อไปคือย่างเตานั่นเองจ้า
หลังจากอิ่มอร่อยตัวเหม็นกันเรียบร้อยก้ไปกันต่อนะ
เดินต่อมาอีกนิดนึงก้ถึงละค่า..วัดนาริตะซัง เซนโชจิ นั่นเอง
วัดนี้อยู่มานานและเป็นวัดใหญ่ที่สุดในย่านนี้เลยค่า
อลังการ และสวยงามมากจริงๆ เดินกันขาลากด้วยจร้า..แห่ะๆ
ต่อไปจะเป็นรูปรัวๆ..ดูเพลินๆเนอะไม่รู้จะบรรยายอะไร..อิอิ
มีถึงจุดนี้เราก้มีความสงสัยมากๆ..เต่ามันปีนไปอยู่บนหลังกันและกันได้ยังงั๊ยยย??
เที่ยวที่นี่เพลินมากจริงๆค่ะ..แนะนำเลยถ้ามีเวลาเหลือก่อนขึ้นเครื่อง
หรือจะมาเอาวันแรกตอนลงเครื่องเลยก้ได้เนอะ..นาริตะน่าเที่ยวค่า
[CR] ❀˚‧A Day in Narita มาม๊ะจะพาไปเที่ยวนาริตะกัน‧˚❀
จริงๆเราไปเที่ยวกันมาตั้งแต่ช่วงเมษา สงกรานต์บ้านเรา
แต่เพิ่งจะมีไฟอยากจะมาแชร์มาลงภาพให้เพื่อนๆได้ชมกันค่ะ
ฝากติดตาม ติชม หรือให้กำลังใจกันหน่อยนะคะ ขอบคุณค่า
วันนี้เป็นวันสุดท้ายในญี่ปุ่นของเรา จึงเลือกที่จะพักและเที่ยวแถวนี้
เมื่อคืนเราพักกันที่ Narita View Hotel เหตุผลคือใกล้
และมี Free Hotel Shuttle Bus ให้บริการไปกลับสนามบินนาริตะ
ยังรับส่งที่สถานีรถไฟ JR Narita อีกด้วย
จุดหมายของเราวันนี้คือเดินเที่ยวถนนสาย Omotesando
ไปจนถึงวัด Naritasan Shinsho-ji Temple
จากจุดที่เราลงรถบัสของโรงแรม ก้เดินข้ามถนนไปอีกฝั่ง
ก้เป็น Omotesando Street แล้วค่ะ
ถนนเส้นนี้เป็นถนนเส้นเล็กๆ ตอนแรกนึกว่าเป็นถนนคนเดินไรงี้
แต่จริงๆรถยังผ่านได้อยู่นะคะ เดินกันระวังๆนะเด่วจะโดนสอยไม่รู้ตัว..อิอิ
เพราะมันมีความยูนิ้ค มีความเป็นเอกลักษณ์ มีมนต์สเน่ห์บอกไม่ถูก
ได้ฟีลเจแป้นเจเปนจริงๆเลยค่ะ..ฮ่าๆๆ
สองข้างฝั่งถนนก้จะมีร้านค้าต่างๆมากมาย
ทั้งร้านอาหาร ร้านขายของชำ ร้านขายของฝาก
ร้านดอกไม้ ร้านขนม น่าซื้อน่าทานไปหมดเลยจริงๆ
เรียงตามถนนไปเรื่อยๆ ถ่ายรูปไม่เบื่อเลยจริงๆ
ร้านต่างๆ หรือหน้าบ้านคนก้จะตกแต่งกันน่ารักมากๆ
เรานี่กดชัตเตอร์รัวๆไปเลยจร้า สนุกจริงๆ..อิอิ
เดินได้เรื่อยๆ เพลินๆ ถ่ายรูปไป ดูของไป ซื้อขนมกินไป ลั๊ลลามากๆ..อิอิ
ตรงปรี่ไปเลยจร้า..ร้านขนมไส้ถั่ว..มีสองไส้ถั่วแดงกับถั่วขาว
ส่วนตัวของไส้ถั่วขาว สามีชอบไส้ถั่วแดง กินร้อนๆอร่อยมากจริงๆค่า
ชิ้นละ 120Yen จัดมา 6 ชิ้น แน่นเลยทีเดียว..ฮ่าๆๆ
เอาเซมเบ้มาให้เราชิมเยอะเลย..เกรงใจมากบอกแกว่าไม่เปนไร
แกก้ยังยื่นๆมาให้เรา..คือจริงๆอยากจะบอกว่าฟันหนูจะหักแล้วค่าาาา..ฮ่าๆๆ
พอซูมเข้าไปใกล้ๆตัวนาฬิกา..โอ้วเป็นนาฬิกาลาย 12 นักษัตรนี่นา..คูลล!!
นั่นก้คือข้าวหน้าปลาไหลนั่นเอง!!!
คือกลิ่นนี่หอมยั่วยวนมาแต่ไกลเลยค่า
ร้านนี้ชื่อว่า "Kawatoyo" คนจะเยอะมากๆ
ต่อคิวยาวไป..แต่ยอมนะเรามาเพื่อสิ่งนี้..ฮ่าๆๆ
ยืนไปรมควันตัวเองไปนาจา..ก้เค้าเชือด แล่ เสียบ ย่าง กันหน้าร้านเลยจ้า
หลังจากได้คิวแล้วก้ออเดอร์มา 1 ชุด และเค้าจะพาไปนั่งที่โต๊ะ
เราได้โต๊ะหน้าสุดเลยแบบริงค์ไซด์ข้างๆโต๊ะเชือดเลยจ้า
ใครจิตอ่อนนี่ข้ามไปได้เลยนะ..เรากำลังจะเล่าวิธีการเชือด..แห่ะๆ
เราได้ไปยืนดูวิธีการมาด้วยหล่ะ..แอบโหดอยู่เหมือนกัน
แต่เค้าทำกันนิ่งมากๆ..คงเป็นวิถีชีวิตของเค้าแบบนี้ไม่ดราม่าเนอะ
ขั้นแรกเค้าจับปลาไหลขึ้นมาจากในถังวางลงบนโต๊ะ ปุ้บ!!!
แล้วก้เอามีดเชือดคอตัดลมปรานของเจ้าปลาไหล ฉึ้บ!!!
จากนั้นก้เอาหมุดปักลงที่หัวของมันยึดไว้กับโต๊ะ จึ้ก!!!
ทีนี้ก้ใช้มีดผ่าท้องเป็นทางยาว ส่วบ!!!
ควักไส้มันออกมา ตัดส่วนหัว และหั่นเป็นท่อนๆ
ส่งต่อมาให้คนต่อไปดึงก้างออก และเอามาเสียบไม้ไว้
จากนั้นก้จะไปสเตชั่นต่อไปคือย่างเตานั่นเองจ้า
เดินต่อมาอีกนิดนึงก้ถึงละค่า..วัดนาริตะซัง เซนโชจิ นั่นเอง
วัดนี้อยู่มานานและเป็นวัดใหญ่ที่สุดในย่านนี้เลยค่า
อลังการ และสวยงามมากจริงๆ เดินกันขาลากด้วยจร้า..แห่ะๆ
หรือจะมาเอาวันแรกตอนลงเครื่องเลยก้ได้เนอะ..นาริตะน่าเที่ยวค่า