เสื้อผ้าสวยๆที่ถูกแปรรูปมาจาก "ขยะ"ภายใต้แบรนด์ ECOCALF

    นอกจากจิตอาสาที่มาช่วยกันปรับทัศนคติ (เอ้ย!! ปรับทัศนียภาพ) ตามแนวชายหาดเกาะเสม็ดทั้ง 7 จุด ก็ยังมีพี่ๆนักดำน้ำกว่า 100 ชีวิตที่ดิ่งลงไปเก็บขยะที่มีมากมายใต้ก้นทะเล 🏊🏊🏊

เอ้าเตรียมตัว 3 2 1 โดด!!!

    โครงการนี้เริ่มดำเนินการมาหลายประเทศแล้ว เนื่องจากมีการปล่อยขยะลงสู่ท้องทะเลปีละ 50,000-60,000 ตัน เท่ากับว่าตอนนี้มีขยะ 269,000 ตันหรือ 2.25 ล้าน ล้าน ชิ้นอยู่ในมหาสมุทร ซึ่งส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมาก เป็นสาเหตุสำคัญของการเสียชีวิตของสัตว์น้ำใกล้สูญพันธุ์ทั้ง พะยูน เต่าทะเล โลมา รวมถึงนก และทำให้ของจำนวนปะการังในไทยลดลงทุกปี 🐚🐚





    ก่อนเริ่มงานได้มีการบรรยายถึงปริมาณของขยะในแลนด์มาร์คสำคัญๆทั่วโลก ที่ถึงแม้จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงาม แต่กลับเต็มไปด้วยขยะจากน้ำมือมนุษย์ 🚯🚯 โดยขยะ 20% จะลอยเหนือน้ำ ส่วนอีก 80% จมอยู่ใต้น้ำ การนำขยะกลับคืนมาจึงเป็นหน้าที่สำคัญที่ต้องทำ โดยไม่เพียงแค่ Recycle นำกลับมาใช้ใหม่ แต่ยังนำกลับมาเพื่อแปรรูปให้เป็นเส้นใยพลาสติกเพื่อนำไปผลิตเสื้อผ้าและสินค้าแฟชั่นที่มีมูลค่าต่อไป ♻️



         พวกเราใช้เวลา 1 วันเต็มในการเก็บขยะรอบเกาะเสม็ด โดยช่วงเย็นมีการนำขยะที่เก็บได้ทั้งหมดมาชั่งน้ำหนักซึ่งรวมแล้วได้มาราว 600 กิโลกรัม หรือหนักเท่ากับดัมเบล 6 กิโลกรัม 100 อัน!! (จะพูดทำไม) ซึ่งเมื่อนำไปแปรรูปคงจะได้เสื้อผ้าสวยๆมาใส่หลายตัวเลยล่ะ


         นอกจากเกาะเสม็ดแล้วก็ยังมีเกาะเต่า จากอ่าวไทยจังหวัดสุราษฎร์ธานี และจังหวัดภูเก็ต จากฝั่งอันดามัน ที่เป็นพื้นที่นำร่องของโครงการนี้ที่จะทำต่อไปอีก 3 ปี

ถือถุงไว้แบบนี้ไม่ทำให้ขยะหมดไปนะครับ

ภาพนี้เป็นที่มาของแนวคิดที่จะนำขยะกลับไปแปรรูปให้มีมูลค่า ง่อวววววว

    ถึงแม้ว่าจะมีอาสาสมัครคอยเก็บขยะให้เรามากมายขนาดไหน.. แต่ถ้าหากเพื่อนร่วมโลกยังไม่หยุดทิ้ง ขยะก็จะไม่มีวันหมดไปจากโลกของเรา ดังนั้นหน้าที่การพิทักษ์โลกจึงเป็นของทุกคนไม่ใช่หน้าที่ใครคนใดหรือกลุ่มใด เพียงแค่เราทิ้งขยะให้ถูกที่ 🚮🚮 เท่านี้ก็สามารถช่วยโลกและท้องทะเลได้แล้วครับ

⛵  ท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ ร่วมอนุรักษ์ท้องทะเลไทย  ⛵

ติดตาม "บันทึกการเดินทางที่งบประมาณไม่เคยเป็นอุปสรรคสำหรับพวกเรา" ได้ทุกช่องทาง