สวัสดีเพื่อนๆชาวพันทิปทุกคน วันนี้ จขกท อยากมาแชร์ประสบการณ์การขอวีซ่า Schengen ด้วยตัวเอง
สืบเนื่องมาจากปีที่แล้ว จขกท ได้มีโอกาสไปศึกษาดูงานที่ประเทศอิตาลี และได้แวะเที่ยวประเทศสวิส 1 วัน 1 คืน รู้สึกประทับใจมาก ก.ไก่ล้านตัวยังไม่พอ
ประเทศบ้าอะไรเนี่ยสวยเวอร์วังอลังการขนาดนี้ มองไปทางไหนก็เจอแต่ภูเขาน้ำแข็งเต็มไปหมด เหมือนพาตัวเองไปเดินอยู่ใน Chronicles of Narnia 555+ เลยเกิดแรงบันดาลใจ ความฮึกเหิม เอาล่ะ เราจะต้องกลับมาที่นี่อีกให้ได้ จากวันนั้นมาก็ตั้งหน้าตั้งตาเก็บเงินและปั่น statement สุดพลัง
เอาล่ะค่ะ เยิ่นเย้อมาเยอะแล้วมาเข้าเรื่องกันดีกว่า การขอวีซ่า Schengen ของประเทศสวิสเซอร์แลนด์นั้นเอกสารในการขอวีซ่าที่เราต้องเตรียมไปให้พร้อม
(กระทู้นี้ จขกท ขอพูดถึงการขอวีซ่าประเภทท่องเที่ยวระยะสั้นไม่เกิน 90 วัน ของ จขกท คนเดียวนะคะ) มีดังนี้ค่ะ
1.Application form จะต้องทำการกรอกใน website ของ TLS โดยสร้าง account ของ TLS ก่อน หลังจากได้ account มาแล้ว ให้เรา log in เข้าสู่ระบบ เพื่อเข้าไปกรอกรายละเอียดใน application form โดยรายละเอียดในฟอร์มก็ตามรูปด้านล่างเลยค่ะ จขกท แปลให้แล้วเรียบร้อย
2.รูปถ่ายสี พื้นหลังสีขาว ขนาด 3.5 ซม. x 4 ซม. จำนวน 2 รูป
***ข้อกำหนดของรูปที่ถูกต้องสามารถเข้าไปดูได้ใน website ของ TLS ค่ะ***
3.Passport ฉบับจริง และ ฉบับสำเนาที่แสดงข้อมูลส่วนตัวและหน้าที่มีการประทับตราการเดินทางเข้า-ออกประเทศ
4.ประกันการเดินทาง วงเงินประกันภัยขั้นต่ำ คือ 1,500,000 บาท และสามารถใช้ได้ในกลุ่มประเทศ Schengen ทุกประเทศ
***รายชื่อบริษัทประกันภัยที่ได้รับการรับรองสามารถตรวจสอบได้จาก website ของ TLS ค่ะ***
5.เอกสารการจองตั๋วเครื่องบินไป-กลับ
***สามารถจองกับเอเจ้นท์ก่อนได้ โดยไม่ต้องจ่ายเงินค่ะ แต่ จขกท มั่นหน้ามั่นกะโหลกมาก ว่าวีซ่าผ่านแน่นอน(ตอนนั้นไปความมั่นใจแบบนี้มาจากไหนก็ไม่รู้) เลยซื้อของการบินไทยรอเลยค่ะ 555***
6.สำเนาการจองโรงแรม สามารถจองแบบ “จองก่อนจ่ายที่หลังได้ค่ะ”
Trick!!! จากประสบการณ์ตรง จขกท จองโรงแรมผ่าน agoda ค่ะ แต่วันที่เข้าไปจองบางโรงแรม จขกท ใช้หน้า web เป็นภาษาไทย ทำให้ cancellation policy เป็นภาษาไทยไปด้วย เดือดร้อนต้องโทรไปที่ agoda ให้เค้าส่ง cancellation policy เป็นภาษาอังกฤษมาให้เพื่อไปอ้างอิงกับเลข booking และแนบไปกับสำเนาการจองโรงแรมของเลข booking นั้น ในส่วนนี้เจ้าหน้าที่ที่ตรวจเอกสารแจ้งว่าทางสถานฑูตจะพิจารณา cancellation policy ด้วยค่ะ
7.หนังสือรับรองการทำงาน ให้บริษัทออกให้ ระบุ ชื่อ นามกุล, ตำแหน่ง, เงินเดือน, วันที่ลางาน ประมาณนี้
8.หลักฐานแสดงการเงิน ใช้ statement 6 เดือน และ หนังสือรับรองการเงิน(Bank Certification) โดยระบุยอดเงินในบัญชีเป็นหน่วย CHF ทั้ง 2 อย่างนี้ควรขอล่วงหน้าไม่เกิน 15 วันนะคะ
Trick!!! Bank Certification ควรมีเงินสำรองในบัญชีให้พอกับค่าใช้จ่ายตามวันที่เราไป 100 CHF/DAY ไปกี่วันก็คูณเข้าไปค่ะ แนะนำว่ายิ่งเยอะยิ่งดี
Statement ควรเป็นบัญชีที่มีเงินเข้า-ออกค่ะ ไม่ใช่บัญชีที่มีแต่เงินเข้า ไม่มีเงินออก
9. แผนการเดินทาง ยิ่งละเอียดยิ่งดีค่ะ สำหรับ จขกท ใส่รายละเอียดตาม column ข้างล่าง ประมาณนี้ค่ะ
10. สำเนาบัตรประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้าน ทั้งฉบับภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
***ตัวอย่าง Ver.Eng สามารถหลังไมค์มาขอได้นะคะ***
เอาล่ะค่ะ เมื่อเอกสารเราครบแล้วก็เดินทางไปยัง TLS contact ตามวันและเวลาที่เราได้จองคิวเอาไว้ โดยการเดินทางแนะนำให้ใช้การเดินทางด้วยรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีช่องนนทรี ทางออก 5 โดยอาคารสาธรซิตี้จะอยู่ตรงข้ามอาคารธนาคาร Standard Chartered ตามแผนที่ด้านล่าง
เมื่อถึงอาคารสาธรซิตี้แล้วก็ทำการแลกบัตร์ที่ประชาสัมพันธ์ แล้วตรงดิ่งไปชั้น 12 เลยค่ะ เมื่อถึงชั้น 12 แล้ว ก่อนเข้าไปยื่นเอกสารจะต้องทำการฝากมือถือและอุปกรณ์สื่อสารไว้ด้านนอกก่อนนะคะ เสร้จเรียบร้อยแล้วเดินเข้าไปด้านในให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบบัตรจองของเรา เจ้าจะที่จะให้เข้าไปตามรอบที่เราจองไว้ค่ะ เช่น จขกท จองรอบ 08:00 น.ไว้ เมื่อตรวจสอบใบจองเสร็จ เจ้าหน้าที่จะให้เข้าไปนั่งรอข้างในเพื่อรอเรียกคิวตรวจเอกสาร ส่วนรอบหลังจากนี้ เจ้าหน้าที่จะให้นั่งรอด้านนอกก่อนค่ะ เมื่อเราเข้าไปข้างในให้สังเกตที่หน้าจอค่ะ จะมีรายชื่อและหมายเลขเค้าน์เตอร์บอก จขกท ไปเป็นคิวแรกเลยไม่ได้รออะไรเลยค่ะ ไปถึงยื่นเอกสารให้ตรวจ ตรวจเสร็จ เจ้าหน้าที่จะถามว่าจะมารับเล่มเองหรือส่งไปรษณีย์ ถ้าส่งไปรษณีย์แบบ จขกท. เจ้าหน้าที่จะยื่นกระดาษมาให้กรอกชื่อ ที่อยู่ ที่จะให้จัดส่ง จากนั้นไปจ่ายเงินพร้อมรับใบเสร็จค่ะ โดยค่าธรรมเนียมการขอวีซ่าราคา 2,300 บาท ค่าบริการ 863 บาท
สำหรับใครที่ไม่เคยเก็บอัตลักษญ์จะต้องรอถ่ายรูปและสแกนลายนิ้วมือแต่ จขกท เคยเก็บไปแล้วเลยข้ามขั้นตอนนี้ไป
***ในกรณีที่เอกสารไม่ครบถ้วน เจ้าหน้าที่จะแจ้งค่ะว่าต้องใช้อะไรอีกบ้าง พร้อมกับใบเพื่อให้เราไปยื่นเอกสารเพิ่มเติม ซึ่งเอกสารเพิ่มเติมนี้ต้องยื่นภายในวันนั้นนะคะ และสามารถยื่นที่ห้องรับเล่มได้เลยค่ะ ไม่ต้องเข้าไปข้างในอีก***
หลังจากนั้นก็นอนรอ นั่งรอ เดินรอ เช็ค status ในเว็บทุกวัน ใช้เวลาแค่ 3 วันทำการ เล่ม passport ก็เดินทางกลับมาที่ TLS อีก 2 วันต่อมาเล่มถูกส่งไปที่บ้าน เป็นช่วงเวลาที่ลุ้นมากว่าจะผ่านมั้ย เพราะเพื่อนหลายคนบอกว่าได้เร็วขนาดนี้ไม่น่าจะผ่าน เลยให้คุณพ่อแกะซองแล้วถ่ายรูปส่ง LINE มาให้ และแล้ว!!!!! จขกท ก็ได้วีซ่า Schengen มา อู๊ยยยย!!!! ดีอกดีใจ น้ำตาจะไหล ลุ้นปัสสาวะเหนียว บอกกับตัวเองว่า ตูจะได้ไปแล้วโว้ย!!! สวิสสสสสส แจกัน นับถอยหลังได้เลย
Trick!!! สำหรับใครที่เลือกใช้บริการส่งเล่มทางไปรษณีย์ เราสามารถส่ง e-mail เพื่อขอเลข tracking จาก TLS ได้นะคะ โดยเข้าไปที่ web site ของ TSL เลือกเมนู contact us จากนั้นก็กรอกรายละเอียดค่ะ แล้วรอ e-mail ตอบกลับ
ปิดท้ายด้วยรูปจากทริปเมื่อปีที่แล้วนะจ๊ะ นี่นั่งนับวัน รอวันที่จะได้ไปผจญภัยประเทศในฝันแล้วจ้า
***แก้ไขคำผิด***
HOW TO -- การขอวีซ่า Schengen [switzerland] ด้วยตัวเอง
เอาล่ะค่ะ เยิ่นเย้อมาเยอะแล้วมาเข้าเรื่องกันดีกว่า การขอวีซ่า Schengen ของประเทศสวิสเซอร์แลนด์นั้นเอกสารในการขอวีซ่าที่เราต้องเตรียมไปให้พร้อม (กระทู้นี้ จขกท ขอพูดถึงการขอวีซ่าประเภทท่องเที่ยวระยะสั้นไม่เกิน 90 วัน ของ จขกท คนเดียวนะคะ) มีดังนี้ค่ะ
1.Application form จะต้องทำการกรอกใน website ของ TLS โดยสร้าง account ของ TLS ก่อน หลังจากได้ account มาแล้ว ให้เรา log in เข้าสู่ระบบ เพื่อเข้าไปกรอกรายละเอียดใน application form โดยรายละเอียดในฟอร์มก็ตามรูปด้านล่างเลยค่ะ จขกท แปลให้แล้วเรียบร้อย
2.รูปถ่ายสี พื้นหลังสีขาว ขนาด 3.5 ซม. x 4 ซม. จำนวน 2 รูป
***ข้อกำหนดของรูปที่ถูกต้องสามารถเข้าไปดูได้ใน website ของ TLS ค่ะ***
3.Passport ฉบับจริง และ ฉบับสำเนาที่แสดงข้อมูลส่วนตัวและหน้าที่มีการประทับตราการเดินทางเข้า-ออกประเทศ
4.ประกันการเดินทาง วงเงินประกันภัยขั้นต่ำ คือ 1,500,000 บาท และสามารถใช้ได้ในกลุ่มประเทศ Schengen ทุกประเทศ
***รายชื่อบริษัทประกันภัยที่ได้รับการรับรองสามารถตรวจสอบได้จาก website ของ TLS ค่ะ***
5.เอกสารการจองตั๋วเครื่องบินไป-กลับ
***สามารถจองกับเอเจ้นท์ก่อนได้ โดยไม่ต้องจ่ายเงินค่ะ แต่ จขกท มั่นหน้ามั่นกะโหลกมาก ว่าวีซ่าผ่านแน่นอน(ตอนนั้นไปความมั่นใจแบบนี้มาจากไหนก็ไม่รู้) เลยซื้อของการบินไทยรอเลยค่ะ 555***
6.สำเนาการจองโรงแรม สามารถจองแบบ “จองก่อนจ่ายที่หลังได้ค่ะ”
Trick!!! จากประสบการณ์ตรง จขกท จองโรงแรมผ่าน agoda ค่ะ แต่วันที่เข้าไปจองบางโรงแรม จขกท ใช้หน้า web เป็นภาษาไทย ทำให้ cancellation policy เป็นภาษาไทยไปด้วย เดือดร้อนต้องโทรไปที่ agoda ให้เค้าส่ง cancellation policy เป็นภาษาอังกฤษมาให้เพื่อไปอ้างอิงกับเลข booking และแนบไปกับสำเนาการจองโรงแรมของเลข booking นั้น ในส่วนนี้เจ้าหน้าที่ที่ตรวจเอกสารแจ้งว่าทางสถานฑูตจะพิจารณา cancellation policy ด้วยค่ะ
7.หนังสือรับรองการทำงาน ให้บริษัทออกให้ ระบุ ชื่อ นามกุล, ตำแหน่ง, เงินเดือน, วันที่ลางาน ประมาณนี้
8.หลักฐานแสดงการเงิน ใช้ statement 6 เดือน และ หนังสือรับรองการเงิน(Bank Certification) โดยระบุยอดเงินในบัญชีเป็นหน่วย CHF ทั้ง 2 อย่างนี้ควรขอล่วงหน้าไม่เกิน 15 วันนะคะ
Trick!!! Bank Certification ควรมีเงินสำรองในบัญชีให้พอกับค่าใช้จ่ายตามวันที่เราไป 100 CHF/DAY ไปกี่วันก็คูณเข้าไปค่ะ แนะนำว่ายิ่งเยอะยิ่งดี
Statement ควรเป็นบัญชีที่มีเงินเข้า-ออกค่ะ ไม่ใช่บัญชีที่มีแต่เงินเข้า ไม่มีเงินออก
9. แผนการเดินทาง ยิ่งละเอียดยิ่งดีค่ะ สำหรับ จขกท ใส่รายละเอียดตาม column ข้างล่าง ประมาณนี้ค่ะ
10. สำเนาบัตรประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้าน ทั้งฉบับภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
***ตัวอย่าง Ver.Eng สามารถหลังไมค์มาขอได้นะคะ***
เอาล่ะค่ะ เมื่อเอกสารเราครบแล้วก็เดินทางไปยัง TLS contact ตามวันและเวลาที่เราได้จองคิวเอาไว้ โดยการเดินทางแนะนำให้ใช้การเดินทางด้วยรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีช่องนนทรี ทางออก 5 โดยอาคารสาธรซิตี้จะอยู่ตรงข้ามอาคารธนาคาร Standard Chartered ตามแผนที่ด้านล่าง
เมื่อถึงอาคารสาธรซิตี้แล้วก็ทำการแลกบัตร์ที่ประชาสัมพันธ์ แล้วตรงดิ่งไปชั้น 12 เลยค่ะ เมื่อถึงชั้น 12 แล้ว ก่อนเข้าไปยื่นเอกสารจะต้องทำการฝากมือถือและอุปกรณ์สื่อสารไว้ด้านนอกก่อนนะคะ เสร้จเรียบร้อยแล้วเดินเข้าไปด้านในให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบบัตรจองของเรา เจ้าจะที่จะให้เข้าไปตามรอบที่เราจองไว้ค่ะ เช่น จขกท จองรอบ 08:00 น.ไว้ เมื่อตรวจสอบใบจองเสร็จ เจ้าหน้าที่จะให้เข้าไปนั่งรอข้างในเพื่อรอเรียกคิวตรวจเอกสาร ส่วนรอบหลังจากนี้ เจ้าหน้าที่จะให้นั่งรอด้านนอกก่อนค่ะ เมื่อเราเข้าไปข้างในให้สังเกตที่หน้าจอค่ะ จะมีรายชื่อและหมายเลขเค้าน์เตอร์บอก จขกท ไปเป็นคิวแรกเลยไม่ได้รออะไรเลยค่ะ ไปถึงยื่นเอกสารให้ตรวจ ตรวจเสร็จ เจ้าหน้าที่จะถามว่าจะมารับเล่มเองหรือส่งไปรษณีย์ ถ้าส่งไปรษณีย์แบบ จขกท. เจ้าหน้าที่จะยื่นกระดาษมาให้กรอกชื่อ ที่อยู่ ที่จะให้จัดส่ง จากนั้นไปจ่ายเงินพร้อมรับใบเสร็จค่ะ โดยค่าธรรมเนียมการขอวีซ่าราคา 2,300 บาท ค่าบริการ 863 บาท
สำหรับใครที่ไม่เคยเก็บอัตลักษญ์จะต้องรอถ่ายรูปและสแกนลายนิ้วมือแต่ จขกท เคยเก็บไปแล้วเลยข้ามขั้นตอนนี้ไป
***ในกรณีที่เอกสารไม่ครบถ้วน เจ้าหน้าที่จะแจ้งค่ะว่าต้องใช้อะไรอีกบ้าง พร้อมกับใบเพื่อให้เราไปยื่นเอกสารเพิ่มเติม ซึ่งเอกสารเพิ่มเติมนี้ต้องยื่นภายในวันนั้นนะคะ และสามารถยื่นที่ห้องรับเล่มได้เลยค่ะ ไม่ต้องเข้าไปข้างในอีก***
หลังจากนั้นก็นอนรอ นั่งรอ เดินรอ เช็ค status ในเว็บทุกวัน ใช้เวลาแค่ 3 วันทำการ เล่ม passport ก็เดินทางกลับมาที่ TLS อีก 2 วันต่อมาเล่มถูกส่งไปที่บ้าน เป็นช่วงเวลาที่ลุ้นมากว่าจะผ่านมั้ย เพราะเพื่อนหลายคนบอกว่าได้เร็วขนาดนี้ไม่น่าจะผ่าน เลยให้คุณพ่อแกะซองแล้วถ่ายรูปส่ง LINE มาให้ และแล้ว!!!!! จขกท ก็ได้วีซ่า Schengen มา อู๊ยยยย!!!! ดีอกดีใจ น้ำตาจะไหล ลุ้นปัสสาวะเหนียว บอกกับตัวเองว่า ตูจะได้ไปแล้วโว้ย!!! สวิสสสสสส แจกัน นับถอยหลังได้เลย
Trick!!! สำหรับใครที่เลือกใช้บริการส่งเล่มทางไปรษณีย์ เราสามารถส่ง e-mail เพื่อขอเลข tracking จาก TLS ได้นะคะ โดยเข้าไปที่ web site ของ TSL เลือกเมนู contact us จากนั้นก็กรอกรายละเอียดค่ะ แล้วรอ e-mail ตอบกลับ
ปิดท้ายด้วยรูปจากทริปเมื่อปีที่แล้วนะจ๊ะ นี่นั่งนับวัน รอวันที่จะได้ไปผจญภัยประเทศในฝันแล้วจ้า
***แก้ไขคำผิด***