การใช้ชีวิตคู่ของเราก็ปกติค่ะ ต่างคนต่างทำงานช่วยกันเก็บตังค์เพื่อสร้างอนาคต เขาเป็นผู้ชายที่สุขุม พูดจาไพเราะ แต่ไม่ใช่คนพูดมากนะค่ะ จะดูนิ่งๆน่าเกรงขาม แต่ตอนเจอกันครั้งแรกเขาก็ดูดบุหรี่ให้เห็นตลอดนะค่ะ จนวันนึงเราตัดสินใจจดทะเบียนสมรสกันเหตุด้วยเพราะความรักของเราสุขงอมเต็มที ระยะเวลาก็เข้าปีที่4 เราทำงานอยู่จังหวัดชลบุรี จนได้รับโบนัสเป็นก้อนและสามารถออกรถยนต์4ประตูได้ 1คัน เราตัดสินใจย้ายเข้ามาทำงานในกทม.กับพี่ชายของเขาเพราะเป็นงานของกิจการครอบครัว รายได้ก็5-6หมื่นบาทต่อเดือน พอเราเก็บเงินได้ก้อนหนึ่งเราก็เริ่มวางแผนอนาคตว่าอยากมีลูกกันเราเลยบอกเขาว่าให้เลิกสูบบุหรี่เพื่อที่จะทำให้เสปริมแข็งแรงเต็มที่ เพราะเราอยากมีลูก พอเราบอกสามีเขาก็เลิกสูบนะ ตอนไปทำงานก็อยู่ด้วยกันตลอดเวลาจนเรามั่นใจว่าเขาเลิกจริงๆใครถามก็บอกว่าสามีเลิกบุหรี่แล้ว รวมทั้งพี่ชายเขาด้วย เราก็ภูมิใจนะ เราเริ่มปล่อยให้ท้อง ท้องแรกช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาปรากฎว่าน้องหลุดค่ะ ได้3เดือน ไปหาหมอหมอแจ้งว่าตัวอ่อนไม่แข็งแรง เราเสียใจมาก แต่ก็ต้องยอมรับเรื่องที่เกิดขึ้นนะค่ะ เราไปทำบุญ ถวายสังฆทานที่วัดบ่อยมาก เพื่อเป็นที่พึ่งทางใจ คิดว่าลูกที่หลุดไปคงจะได้รับส่วนบุญ ต่อมาได้เราก็รักษาตัวเองจนแข็งแรงและเข้มแข็งขึ้นและพร้อมที่จะปฏิบัติภาระกิจอีกรอบ ตอนนี้ก็เดือนกันยายนแล้ว ยังไม่ติดเลยค่ะ นับวันไข่ตกแล้ว ก็ไม่มีวี่แววว่าเขาจะมาเลย
****************************************************************
เห้อ ออกนอกเรื่องไปไกลเลย มาต่อที่สามีดีกว่าค่ะ พอกลับจากทำงานถึงบ้านเขาก็จะไปปั่นจักยานรอบหมู่บ้านเพื่ออกกำลังกายค่ะ ดูรักสุขภาพจัง5555และแล้ว ความลับที่เขาปิดไว้ก็ถูกเปิดเผย วันนั้นเขาปั่นจักยานรอบหมู่บ้านตามปกติ แต่เราดันอยากกินผลไม้ ก็เลยขับมอเตอร์ไซร์ออกไปตลาด แต่แล้วสิ่งที่เราเห็นต่อหน้าคือเขาปั่นจักรยานไปด้วยดูดบุหรี่ไปด้วย คำถามในใจเกิดขึ้นทันที (ที่เขาบอกว่าเลิกบุหรี่แล้ว คือเขาโกหกหรอ ที่เขาปั่นจักรยานเหงื่อแตกกับบ้านทุกวันคือ เขาอยากออกมาสูบบุหรี่หรอ) น้ำตาเริ่มคลอเบ้า ไม่รู้จะพูดคำไหนค่ะ ก็เลยอยากถามเพื่อนสมาชิกหน่อยว่าเราควรคุยกับเขายังไงดี ให้เขาหยุดพฤติกรรมการโกหกแบบนี้ คนรักกันนะเว้ย จำเป็นต้องโกหกกันหรอ พูดไปแล้วมันก็เศร้านะค่ะ หาทางออกไม่เจอ