สวัสดีค่ะเพื่อนๆชาวพันทิปทุกท่าน
เราเป็นนักอ่านพันทิปมานานมาก แต่ไม่เคยแชร์ประสบการณ์อะไรเลย ช่วงที่ผ่านมาเป็นช่วงที่อ่านพันทิปและหาข้อมูลอื่นๆแบบระห่ำมาก พอเหตุการณ์จบลงไปแล้วเลยอยากนำเรื่องราวมาแบ่งปันเผื่อมีประโยชน์กับเพื่อนๆไม่มากก็น้อยค่ะ (แต่ขออย่าให้ใครเจอแบบนี้เลย)
เราแต่งงานเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา วางแผนมีลูกกับสามีปีหน้าเพราะอยากเที่ยวกัน ใช้ชีวิตคู่กันสองคนก่อน แต่น่าจะเพราะการป้องกันที่ไม่ได้จริงจังมาก เพราะเราคิดว่าเราเป็นคนน่าจะท้องยากเพราะประจำเดือนมาไม่ปกติ ฟ้าเลยตอบแทนความป้องกันไม่จริงจังด้วย สองขีดจากที่ตรวจตั้งครรภ์เมื่อกลางเดือนเมษาที่ผ่านมา ตอนแรกที่ทราบว่าตั้งครรภ์เรากับสามีก็งงๆ สุดท้ายก็เออ เค้ามาแล้ว เราก็ต้องดูแลเค้าให้ดีที่สุด และเราก็เลือกโรงพยาบาลใกล้บ้านที่เรากับครอบครัวหาเป็นประจำอยู่แล้วเพื่อฝากครรภ์
ช่วงแรกเราไม่มีอาการแพ้ท้องเลยยย แต่มีอาการเสียดายเที่ยว และซื้อแพคเกจไปเที่ยวมากมายตั้งแต่ก่อนท้อง พอท้องก็ยังจะดื้อไป ทั้งที่จริงๆแล้ว ในช่วงสามเดือนแรกของการตั้งครรภ์นั้นเป็นช่วงที่อ่อนแอที่สุดเพราะตัวอ่อนยังเกาะตัวไม่แน่น ในร่างกายยังต้องปรับตัว สร้างรก สร้างนู่นนี่นั่นเพื่อรองรับชีวิตใหม่ จริงๆเราก็ถามหมอเหมือนกันว่าเดินทางได้ไหม หมอก็บอกว่าได้ พร้อมทั้งออกจดหมายผ่านด่านแสกนที่สนามบินให้ด้วย และด้วยความที่ไม่แพ้ท้องทำให้เราแทบไม่รู้สึกตัวเลยว่าตั้งครรภ์ ยังคงขับรถไปทำงาน ยังเดินช่วงไปเที่ยว อาหารก็กินแอบตามใจปาก แต่ก็ผ่านช่วงสามเดือนแรกมาได้แบบงงๆ
เข้าสัปดาห์ที่ 13 (เดือนมิถุนา) วันหนึ่งที่เรากำลังนั่งประชุมอยู่ และพอลุกขึ้น รู้สึกเหมือนมีอะไรหลุดบรึ้บออกมาตรงหว่างขา ตอนนั้นตกใจมากก วิ่งหนีบขาแจ้นไปห้องน้ำ และพบว่าเลือดออก เลือดสดๆและเป็นลิ่มๆ ตอนนั้นคิดว่าแท้งแน่แล้ว พอหายตกใจก็รีบไปโรงพยาบาลที่ฝากครรภ์ พอหมอตรวจภายในและอัลตร้าซาวด์เสร็จแล้ว ปรากฏว่าลูกยังอยู่ ตอนนั้นร้องไห้ด้วยความโล่งใจ รู้สึกว่ารักลูกขึ้นมาทันที (อาจจะต่างกับบรรดาคุณแม่ที่ลุ้นตั้งครรภ์มาก่อนและ ดีใจ รู้สึกรักลูกตอนที่ตรวจเจอสองขีด) คุณหมอบอกว่าอาการเลือดออกนั้น เป็นเลือดจากผนังมดลูก สาเหตุยังไม่แน่ชัดระหว่างรกเกาะต่ำกับแท้งคุกคาม แต่การรักษาต้องทำเหมือนกันคือ Bed rest กล่าวคือ ต้องเคลื่อนไหวร่างกายให้น้อยที่สุด เดินให้น้อย อยู่นิ่งๆให้เลือดหยุดไหล วันสองวันแรกที่อยู่โรงพยาบาลยังต้องขับถ่ายบนเตียงเลย หลังจากนั้นมาก็มีเลือดออกทุกวัน คุณหมอบอกว่าให้สังเกตว่าเลือดที่ออกเป็นเลือดสดหรือเลือดเก่า ถ้าเลือดเก่าก็พยายามประคับประคองไป ให้หยุดออกไปทำงาน ขึ้นลงบันไดให้น้อยที่สุด ห้ามยกของหนักเด็ดขาด หยุดขับรถ หยุดมีอะไรกับสามีจนกว่าจะคลอด แต่ถ้าเป็นเลือดสด ถ้ารู้สึกปวดท้องให้รีบไปโรงพยาบาลทันที
ทั้งเดือนมิถุนาและกรกฏา เราเลือดออกทุกวัน แต่กะปริบกะปรอย พอปลายเดือนกรกฏามีทริปที่วางแผนไปต่างจังหวัดกับเพื่อนๆ เราก็อยากไปและ ประมาทว่าเลือดออกไม่เยอะ และเป็นเลือดเก่า ไม่มีอาการปวดท้องใดๆ และยังคงไม่มีอาการแพ้ท้อง ก็เลยตัดสินใจไป วันจันทร์ปลายเดือนกรกฎาหลังจากที่กลับมากรุงเทพ เรามีเลือดสดๆไหลออกมาตอนช่วงค่ำ ใจคอไม่ดีกันทั้งสามีภรรยาเลยแจ้นไปหาแอดมิท เมื่อหมอมาตรวจ บอกว่าลูกยังปกติดี แต่มีเลือดก้อนใหม่ สันนิษฐานว่าการเคลื่อนไหว การเดินทางที่เยอะเกินไปทำให้เลือดออกอีก อายุครรภ์ตอนนั้นเข้าเดือนที่ 5 แล้ว รก set ตัวบนผนังมดลูก สรุปว่ารกเกาะไม่ต่ำ และเป็นอาการแท้งคุกคาม เราก็แอทมิดอยู่โรงพยาบาลนิ่งๆอีกหนึ่งอาทิตย์เต็มๆ หลังจากออกจากรพ.ไม่นาน เลือดสดๆไหลออกมาอีก แต่ออกเป็นช่วงๆ เราเริ่มปลงคิดว่าถ้ามันไหลก้อให้ไหลไป อย่างมากก้อแค่เปลืองค่าผ้าอนามันไปจนคลอด ตราบใดที่ลูกเรายังปลอดภัยก็โอเค เราไม่อยากเครียดเกินไปไม่อยาเอะอะๆหาหมอ เพราะค่าหมอแต่ละครั้งก็ขูดเลือดขูดเนื้อพอสมควร ตอนนั้นสามีเราเริ่มคลางแคลงการรักษา เลยเสนอความคิดให้ไปตรวจโรงพยาบาลอื่น โดยครั้งนี้เราสองคนทำการบ้านอย่างดี พูดคุยกับคนมีประสบการณ์การตั้งครรภ์ไม่ปกติ เสิชข้อมูลทุกๆที่ หาชื่ออาจารย์หมอที่เก่งๆ เชี่ยวชาญเฉพาะทาง และสรุปได้ว่าอาการแท้งคุกคามนั้น ควรไปหาหมอสูติที่เชี่ยวชาญด้าน เวชศาสตร์มารดาและทารกจะตรงจุดที่สุด
เรานัดอาจารย์หมอได้และได้คิวตรวจหลังวันแม่ อจ.หมอดูรายละเอียดจากรพ.เก่าและอัลตร้าซาวด์ดู ตั้งข้อสังเกตว่าทำไมน้ำคร่ำเหลือน้อยผิดปกติ ซึ่งตอนนั้นเราอายุครรภ์21 เข้า 22 สัปดาห์ อวัยวะสำคัญของลูกยังพัฒนาไม่หมด น้ำคร่ำมีความสำคัญต่อการพัฒนาปอดมาก ถ้าเกิดภาวะน้ำคร่ำรั่วตอนนี้ไม่ใช่เรื่องดี การเติมน้ำคร่ำลงไปนั้นเสี่ยงเกินไปที่จะทำเพราะอายุครรภ์ยังอ่อนเกินไป ทางเดียวที่ทำได้คือเดินให้น้อยที่สุด ดื่มน้ำเปล่ามากๆ งดเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนทุกอย่าง ทั้งเราและสามีใจหาย และสงสัยว่าทำไมไม่มีการพูดถึงประเด็นน้ำคร่ำเลยตั้งแต่มีภาวะแท้งคุกคาม
วันรุ่งขึ้นจึงพากันไปหาคุณหมอคนเดิมที่ฝากครรภ์ หมอยืนยันว่าไม่มีประเด็นน้ำคร่ำน้อยมาก่อน แต่ตอนจบก็มาถึงแล้ว เมื่ออัลตร้าซาวด์อีกครั้งและพบว่า น้ำคร่ำรั่วจนไม่เหลือแล้ว หมอสันนิษฐานว่าติดเชื้อภายในมดลูกทำให้น้ำคร่ำรั่ว .... เรานอนอยู่บนเตียง ตอนแรกยังรู้สึกได้ถึงลูกดิ้นดึ๊บๆอยู่ข้างใน พร้อมเครื่องมืออัลตร้าซาวด์วนๆบนพุง แต่หลังจากที่หมอบอกว่า ต้องยุติการตั้งครรภ์แล้ว น้ำคร่ำไม่เหลือให้เด็กอยู่ อีกไม่นานเด็กจะถูกขับออกมาเอง เราได้แต่นอนนิ่งและไม่รู้สึกอะไรเลย มันเหมือนช็อคมากๆ ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์นี้ แม่เราเริ่มร้องไห้ สามีเราก็เริ่มร้อง แต่เราร้องไม่ออก ยังคงช็อคอยู่แม้กระทั่งโดนเข็นออกมาจากห้องอัลตร้าซาวด์ เพื่อเตรียมตัวถูกส่งไปห้องคลอด .... หมอบอกไม่ได้ว่าน้องจะคลอดเมื่อไหร่ แต่ปากมดลูกจะค่อยๆเปิดออกตามธรรมชาติ เราเริ่มร้องไห้อย่างควบคุมไม่ได้หลังจากนั้นแป๊บนึง เราทำอะไรไม่ถูก ได้แต่วางมือบนท้อง รับรู้ถึงความรู้สึกลูกดิ้นอยู่ข้างใน แต่อีกไม่นานเค้าจะหยุดดิ้นไป วินาทีนั้นรู้สึกว่าความรู้สึกนี้ช่างทรมานที่สุดในชีวิต
สองวันถัดจากนั้นเหมือนฝันร้าย สามีอยู่กับเราในห้องคลอดตลอดเวลา หลังจากหมอคอนเฟิมการตรวจเลือดเรา ปรากฏว่าเม็ดเลือดขาวขึ้นสูงแสดงว่าติดเชื้ออย่างที่สันนิษฐาน หมอก็ให้ยาเพื่อให้มดลูกบีบตัว พอบีบทีเราก็ปวดบิดข้างในมาก จนเวลาผ่านไปสองวัน ปากมดลูกยังเปิดไม่พอกับที่ลูกจะออกมา สุดท้ายเราก็ตัดสินใจให้หมอผ่าออก สามีเราก็ยอม เพื่อให้เราไม่ทรมานไปมากกว่านี้ วันนั้น ยุติการตั้งครรภ์โดยสมบูรณ์ที่ 22 สัปดาห์
จริงๆเรื่องราวเราอาจจะไม่ได้ extreme มาก แต่เราอยากแชร์เพื่อเป็นอุทาหรณ์แก่คุณแม่ๆทุกคนที่กำลังตั้งครรภ์และแพลนจะตั้งครรภ์ การดูแลตัวเอง การไม่ประมาทนั้นจำเป็นมากๆ เราเสียใจมากที่เราไม่ได้ทำอะไรหลายๆอย่าง แต่ก็ได้แต่คิดถ้าย้อนเวลากลับไปได้ เราจะยกเลิกมันทุกทริป เราจะพักผ่อนมากๆ เราจะกินอาหารที่มีประโยชน์ เราจะดูแลระมัดระวังตัวเองดีกว่านี้ หากใครมีคำถามอะไรเรายินดีตอบหมดค่ะ
หากเรื่องราวของเราในกระทู้นี้ ได้ช่วยใคร ได้เตือนสติใครไว้ บุญกุศลได้ที่จากการแบ่งปันไม่ว่ามากหรือน้อย ขออุทิศแก่ลูกชายของเรา ผู้ซึ่งตอนนี้ (เราหวังว่า)จะยอมให้อภัยแม่เลินเล่อคนนี้และกลับมาหาเราอีกครั้งเมื่อเราพร้อมตั้งครรภ์อีกครั้ง แม่จะรอนะลูกนะ
แชร์ประสบการณ์ ยุติการตั้งครรภ์ที่ 22 สัปดาห์
เราเป็นนักอ่านพันทิปมานานมาก แต่ไม่เคยแชร์ประสบการณ์อะไรเลย ช่วงที่ผ่านมาเป็นช่วงที่อ่านพันทิปและหาข้อมูลอื่นๆแบบระห่ำมาก พอเหตุการณ์จบลงไปแล้วเลยอยากนำเรื่องราวมาแบ่งปันเผื่อมีประโยชน์กับเพื่อนๆไม่มากก็น้อยค่ะ (แต่ขออย่าให้ใครเจอแบบนี้เลย)
เราแต่งงานเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา วางแผนมีลูกกับสามีปีหน้าเพราะอยากเที่ยวกัน ใช้ชีวิตคู่กันสองคนก่อน แต่น่าจะเพราะการป้องกันที่ไม่ได้จริงจังมาก เพราะเราคิดว่าเราเป็นคนน่าจะท้องยากเพราะประจำเดือนมาไม่ปกติ ฟ้าเลยตอบแทนความป้องกันไม่จริงจังด้วย สองขีดจากที่ตรวจตั้งครรภ์เมื่อกลางเดือนเมษาที่ผ่านมา ตอนแรกที่ทราบว่าตั้งครรภ์เรากับสามีก็งงๆ สุดท้ายก็เออ เค้ามาแล้ว เราก็ต้องดูแลเค้าให้ดีที่สุด และเราก็เลือกโรงพยาบาลใกล้บ้านที่เรากับครอบครัวหาเป็นประจำอยู่แล้วเพื่อฝากครรภ์
ช่วงแรกเราไม่มีอาการแพ้ท้องเลยยย แต่มีอาการเสียดายเที่ยว และซื้อแพคเกจไปเที่ยวมากมายตั้งแต่ก่อนท้อง พอท้องก็ยังจะดื้อไป ทั้งที่จริงๆแล้ว ในช่วงสามเดือนแรกของการตั้งครรภ์นั้นเป็นช่วงที่อ่อนแอที่สุดเพราะตัวอ่อนยังเกาะตัวไม่แน่น ในร่างกายยังต้องปรับตัว สร้างรก สร้างนู่นนี่นั่นเพื่อรองรับชีวิตใหม่ จริงๆเราก็ถามหมอเหมือนกันว่าเดินทางได้ไหม หมอก็บอกว่าได้ พร้อมทั้งออกจดหมายผ่านด่านแสกนที่สนามบินให้ด้วย และด้วยความที่ไม่แพ้ท้องทำให้เราแทบไม่รู้สึกตัวเลยว่าตั้งครรภ์ ยังคงขับรถไปทำงาน ยังเดินช่วงไปเที่ยว อาหารก็กินแอบตามใจปาก แต่ก็ผ่านช่วงสามเดือนแรกมาได้แบบงงๆ
เข้าสัปดาห์ที่ 13 (เดือนมิถุนา) วันหนึ่งที่เรากำลังนั่งประชุมอยู่ และพอลุกขึ้น รู้สึกเหมือนมีอะไรหลุดบรึ้บออกมาตรงหว่างขา ตอนนั้นตกใจมากก วิ่งหนีบขาแจ้นไปห้องน้ำ และพบว่าเลือดออก เลือดสดๆและเป็นลิ่มๆ ตอนนั้นคิดว่าแท้งแน่แล้ว พอหายตกใจก็รีบไปโรงพยาบาลที่ฝากครรภ์ พอหมอตรวจภายในและอัลตร้าซาวด์เสร็จแล้ว ปรากฏว่าลูกยังอยู่ ตอนนั้นร้องไห้ด้วยความโล่งใจ รู้สึกว่ารักลูกขึ้นมาทันที (อาจจะต่างกับบรรดาคุณแม่ที่ลุ้นตั้งครรภ์มาก่อนและ ดีใจ รู้สึกรักลูกตอนที่ตรวจเจอสองขีด) คุณหมอบอกว่าอาการเลือดออกนั้น เป็นเลือดจากผนังมดลูก สาเหตุยังไม่แน่ชัดระหว่างรกเกาะต่ำกับแท้งคุกคาม แต่การรักษาต้องทำเหมือนกันคือ Bed rest กล่าวคือ ต้องเคลื่อนไหวร่างกายให้น้อยที่สุด เดินให้น้อย อยู่นิ่งๆให้เลือดหยุดไหล วันสองวันแรกที่อยู่โรงพยาบาลยังต้องขับถ่ายบนเตียงเลย หลังจากนั้นมาก็มีเลือดออกทุกวัน คุณหมอบอกว่าให้สังเกตว่าเลือดที่ออกเป็นเลือดสดหรือเลือดเก่า ถ้าเลือดเก่าก็พยายามประคับประคองไป ให้หยุดออกไปทำงาน ขึ้นลงบันไดให้น้อยที่สุด ห้ามยกของหนักเด็ดขาด หยุดขับรถ หยุดมีอะไรกับสามีจนกว่าจะคลอด แต่ถ้าเป็นเลือดสด ถ้ารู้สึกปวดท้องให้รีบไปโรงพยาบาลทันที
ทั้งเดือนมิถุนาและกรกฏา เราเลือดออกทุกวัน แต่กะปริบกะปรอย พอปลายเดือนกรกฏามีทริปที่วางแผนไปต่างจังหวัดกับเพื่อนๆ เราก็อยากไปและ ประมาทว่าเลือดออกไม่เยอะ และเป็นเลือดเก่า ไม่มีอาการปวดท้องใดๆ และยังคงไม่มีอาการแพ้ท้อง ก็เลยตัดสินใจไป วันจันทร์ปลายเดือนกรกฎาหลังจากที่กลับมากรุงเทพ เรามีเลือดสดๆไหลออกมาตอนช่วงค่ำ ใจคอไม่ดีกันทั้งสามีภรรยาเลยแจ้นไปหาแอดมิท เมื่อหมอมาตรวจ บอกว่าลูกยังปกติดี แต่มีเลือดก้อนใหม่ สันนิษฐานว่าการเคลื่อนไหว การเดินทางที่เยอะเกินไปทำให้เลือดออกอีก อายุครรภ์ตอนนั้นเข้าเดือนที่ 5 แล้ว รก set ตัวบนผนังมดลูก สรุปว่ารกเกาะไม่ต่ำ และเป็นอาการแท้งคุกคาม เราก็แอทมิดอยู่โรงพยาบาลนิ่งๆอีกหนึ่งอาทิตย์เต็มๆ หลังจากออกจากรพ.ไม่นาน เลือดสดๆไหลออกมาอีก แต่ออกเป็นช่วงๆ เราเริ่มปลงคิดว่าถ้ามันไหลก้อให้ไหลไป อย่างมากก้อแค่เปลืองค่าผ้าอนามันไปจนคลอด ตราบใดที่ลูกเรายังปลอดภัยก็โอเค เราไม่อยากเครียดเกินไปไม่อยาเอะอะๆหาหมอ เพราะค่าหมอแต่ละครั้งก็ขูดเลือดขูดเนื้อพอสมควร ตอนนั้นสามีเราเริ่มคลางแคลงการรักษา เลยเสนอความคิดให้ไปตรวจโรงพยาบาลอื่น โดยครั้งนี้เราสองคนทำการบ้านอย่างดี พูดคุยกับคนมีประสบการณ์การตั้งครรภ์ไม่ปกติ เสิชข้อมูลทุกๆที่ หาชื่ออาจารย์หมอที่เก่งๆ เชี่ยวชาญเฉพาะทาง และสรุปได้ว่าอาการแท้งคุกคามนั้น ควรไปหาหมอสูติที่เชี่ยวชาญด้าน เวชศาสตร์มารดาและทารกจะตรงจุดที่สุด
เรานัดอาจารย์หมอได้และได้คิวตรวจหลังวันแม่ อจ.หมอดูรายละเอียดจากรพ.เก่าและอัลตร้าซาวด์ดู ตั้งข้อสังเกตว่าทำไมน้ำคร่ำเหลือน้อยผิดปกติ ซึ่งตอนนั้นเราอายุครรภ์21 เข้า 22 สัปดาห์ อวัยวะสำคัญของลูกยังพัฒนาไม่หมด น้ำคร่ำมีความสำคัญต่อการพัฒนาปอดมาก ถ้าเกิดภาวะน้ำคร่ำรั่วตอนนี้ไม่ใช่เรื่องดี การเติมน้ำคร่ำลงไปนั้นเสี่ยงเกินไปที่จะทำเพราะอายุครรภ์ยังอ่อนเกินไป ทางเดียวที่ทำได้คือเดินให้น้อยที่สุด ดื่มน้ำเปล่ามากๆ งดเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนทุกอย่าง ทั้งเราและสามีใจหาย และสงสัยว่าทำไมไม่มีการพูดถึงประเด็นน้ำคร่ำเลยตั้งแต่มีภาวะแท้งคุกคาม
วันรุ่งขึ้นจึงพากันไปหาคุณหมอคนเดิมที่ฝากครรภ์ หมอยืนยันว่าไม่มีประเด็นน้ำคร่ำน้อยมาก่อน แต่ตอนจบก็มาถึงแล้ว เมื่ออัลตร้าซาวด์อีกครั้งและพบว่า น้ำคร่ำรั่วจนไม่เหลือแล้ว หมอสันนิษฐานว่าติดเชื้อภายในมดลูกทำให้น้ำคร่ำรั่ว .... เรานอนอยู่บนเตียง ตอนแรกยังรู้สึกได้ถึงลูกดิ้นดึ๊บๆอยู่ข้างใน พร้อมเครื่องมืออัลตร้าซาวด์วนๆบนพุง แต่หลังจากที่หมอบอกว่า ต้องยุติการตั้งครรภ์แล้ว น้ำคร่ำไม่เหลือให้เด็กอยู่ อีกไม่นานเด็กจะถูกขับออกมาเอง เราได้แต่นอนนิ่งและไม่รู้สึกอะไรเลย มันเหมือนช็อคมากๆ ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์นี้ แม่เราเริ่มร้องไห้ สามีเราก็เริ่มร้อง แต่เราร้องไม่ออก ยังคงช็อคอยู่แม้กระทั่งโดนเข็นออกมาจากห้องอัลตร้าซาวด์ เพื่อเตรียมตัวถูกส่งไปห้องคลอด .... หมอบอกไม่ได้ว่าน้องจะคลอดเมื่อไหร่ แต่ปากมดลูกจะค่อยๆเปิดออกตามธรรมชาติ เราเริ่มร้องไห้อย่างควบคุมไม่ได้หลังจากนั้นแป๊บนึง เราทำอะไรไม่ถูก ได้แต่วางมือบนท้อง รับรู้ถึงความรู้สึกลูกดิ้นอยู่ข้างใน แต่อีกไม่นานเค้าจะหยุดดิ้นไป วินาทีนั้นรู้สึกว่าความรู้สึกนี้ช่างทรมานที่สุดในชีวิต
สองวันถัดจากนั้นเหมือนฝันร้าย สามีอยู่กับเราในห้องคลอดตลอดเวลา หลังจากหมอคอนเฟิมการตรวจเลือดเรา ปรากฏว่าเม็ดเลือดขาวขึ้นสูงแสดงว่าติดเชื้ออย่างที่สันนิษฐาน หมอก็ให้ยาเพื่อให้มดลูกบีบตัว พอบีบทีเราก็ปวดบิดข้างในมาก จนเวลาผ่านไปสองวัน ปากมดลูกยังเปิดไม่พอกับที่ลูกจะออกมา สุดท้ายเราก็ตัดสินใจให้หมอผ่าออก สามีเราก็ยอม เพื่อให้เราไม่ทรมานไปมากกว่านี้ วันนั้น ยุติการตั้งครรภ์โดยสมบูรณ์ที่ 22 สัปดาห์
จริงๆเรื่องราวเราอาจจะไม่ได้ extreme มาก แต่เราอยากแชร์เพื่อเป็นอุทาหรณ์แก่คุณแม่ๆทุกคนที่กำลังตั้งครรภ์และแพลนจะตั้งครรภ์ การดูแลตัวเอง การไม่ประมาทนั้นจำเป็นมากๆ เราเสียใจมากที่เราไม่ได้ทำอะไรหลายๆอย่าง แต่ก็ได้แต่คิดถ้าย้อนเวลากลับไปได้ เราจะยกเลิกมันทุกทริป เราจะพักผ่อนมากๆ เราจะกินอาหารที่มีประโยชน์ เราจะดูแลระมัดระวังตัวเองดีกว่านี้ หากใครมีคำถามอะไรเรายินดีตอบหมดค่ะ
หากเรื่องราวของเราในกระทู้นี้ ได้ช่วยใคร ได้เตือนสติใครไว้ บุญกุศลได้ที่จากการแบ่งปันไม่ว่ามากหรือน้อย ขออุทิศแก่ลูกชายของเรา ผู้ซึ่งตอนนี้ (เราหวังว่า)จะยอมให้อภัยแม่เลินเล่อคนนี้และกลับมาหาเราอีกครั้งเมื่อเราพร้อมตั้งครรภ์อีกครั้ง แม่จะรอนะลูกนะ