วิทยาศาสตร์ กับพลังงานทางเลือก I'm Number Six of กับเรื่องราวของ " พลังงานที่จะทำให้เราเดินทางได้เร็วกว่าแสง "

ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่ กระทู้ของผม  I'm Number Six  และต้องขอขอบคุณ สำหรับการติดตามกระทู้ของผม มาโดยตลอด
ก่อนอื่นผมต้องบอกก่อนว่า " การเขียนกระทู้ของผม " ถือเป็นงานอดิเรก ในเวลาว่างที่อยากจะแบ่งปันความคิด หรือสิ่งที่ผม
อยากจะสื่อสารออกไปเพียงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนา มุ่งหวังอย่างอื่นแต่ประการใดครับผม

คำเตือน กระทู้จัดทำขึ้นเพื่อ ความสนุก+สาระ และเพื่อเป็นการศึกษาด้านจินตนาการเกี่ยวกับ UFO เพียงเท่านั้น
***************This Privacy Policy is education for imagine to UFO.************************

===================================================================================
ก่อนอื่นสำหรับท่านสมาชิกที่ยังไม่มีโอกาสรู้จักผม ท่านสามารถติดตามผลงาน
การเขียนเล่าเรื่องราวต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับ UFO ด้านล่างนี้เลยครับ

- ตอนที่ 1  พบแล้ว ปริศนามืดดำของ UFO ? | มนุษย์ถูกย่อส่วน หรือ ?
- ตอนที่ 2  พบแล้ว ปริศนามืดดำของ UFO ตอนที่ 2 ความทรงจำ 1 ล้านไมล์
- ตอนที่ 3  พบแล้ว ปริศนามืดดำของ UFO ตอนที่ 3 จุดเริ่มต้นของ NASA vs UFO + ภารกิจเหยีบดวงจันทร์
- ตอนพิเศษ : ฮัลโหล Apollo 11 โดย i'm number SIX
- ฟิสิกส์ และโทคโนโลยี ของ UFO อาจเกิดขึ้นจริงในอีก 10 ปีข้างหน้า โดย i'm number SIX (เพราะการค้นพบ Trappist-1 )  

**สำคัญโปรดอ่าน จริงๆผมได้คำตอบเรื่องที่ค้นคว้า ในเรื่องของอนุภาคที่เล็กที่สุด ตอนเขียนเรื่องนี้ผมคิดว่าจะมีผมคนเดียวที่ึคิดแบบนี้ แต่จริงๆไม่เลยครับ มีนักวิทยศาสตร์ ชาวอิตตราลี และ นักฟิสิกส์+ดาราศาสตร์ มากกว่า 122 ชีวิต กับโครงการ ! วิจัยหา สสารมืด เพราะเขาเชื่อว่า อนุภาคของสสารมืด มีขนาดเล็กมากกว่า โปรตอน (proton) ถึง 200 เท่า คุณจินตนาการไม่ออกผมรับประกันว่ามันเล็กขนาดไหน ?

และแน่นอนครับ คนรักมี คนเกลียดมี โปรดให้คำชี้แนะผมด้วยนะครับ !! อย่าแรงไปนะครับผมเป็น Genius ที่โลกสวย
===================================================================================




---------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ก่อนจะพูดถึงเรื่องพลังงานทางเลือก ผมอดไม่ได้ที่จะต้องพูดถึง หรือนึกถึงชายคนนี้ ชื่อของเขาก็คือ ฟริตซ์ ชวิกกี ( Fritz Zwicky ) เอาจริงๆนะครับผมก็ไม่ได้รู้จักชายคนนี้ดีพอ แต่สิ่งที่ผมจะพูดถึงก็คือ ชายคนนี้คือผู้ที่เริ่มต้นเชื่อว่า สสารมืด มีอยู่จริง โดยเขาได้สังเกตุการณ์การโดยใช้ เลนส์โน้มถ่วง ของกาแลตซี่ และเชื่อว่าการเคลื่อนตัวของ กาแลคซี่มีพลังงานบางอย่างที่ทำให้กาแลคซีหมุ่นไปโดยที่ดาวต่างๆเคลื่อนที่ด้วยความเร็วเท่ากัน


ต่อมาอีก 40 ปีแนวคิด หรือความคิดนี้ ได้ถูกสนับสนุนโดยนักดาราศาสตร์ ชื่อว่า Vera Rubin



ได้ค้นพบเส้น spectrograph (คือการ แยกแสง ให้เป็นคลื่นความถี่ เพื่อค้นหาความเร็ว ) ซึ่งเธอได้ประกาศ ว่า ความเร็วของดาวที่อยู่ในกาแลคซี่ แบบก้นหอย แม้จะห่างกันออกไป หรือไกลจากกันเท่าใด ความเร็วจะสม่ำเสมอกัน (ประมาณนี้) ซึ่งหมายความว่า มันมีพลังงานบางอย่างที่ทำให้ความเร็ว ในการคลื่นที่เท่ากัน และมันมองไม่เห็น และนั่นคือพลังงาน หรือ สสารมืด

ซึ่งในปี 2017 เราทดลองเกี่ยวกับสสารมืดในชื่อที่เรียกว่า  WIMPs ปัจจุบันเรายังไม่ได้รับข้อมูลด้านนี้มากนัก เพราะยังเก็บเป็นความลับในการทดลอง

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------

**เกร็ดความรู้ ดาราจักร หรือ กาแลคซี่ คืออันเดียวกันครับ บางท่านอาจจะสงสัย

สำหรับทฏษดีบอกว่ากาแลคซี่ 90 % ประกอบไปด้วย สสารมืด แต่สำหรับผมให้เป็น 99.99% เป็น สสารมืด ไม่มีใครพิสูจน์ได้ว่า เอกภพ ยิ่งใหญ่แค่ไหน แต่ผมเชื่อว่า กาแลคซี่ สิ่งที่เล็กที่ยิ่งกว่าสิ่งใดเปรียบเทียบได้ เมื่อเทียบกับ สสารมืด ในเอกภพ



หากวันนี้มีคนถามว่า สสารมืด มีประโยชน์อย่างไร กำเนิดขึ้นอย่างไร ? คงไม่มีใครคนไหนตอบได้ชัดเจน แต่ผมจะตอบคำถามเหล่านี้ด้วยแนวคิดและการศึกษาด้านนี้ของผม
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------
อันดับแรก สสารมืด เกิดอาจขึ้นจาก การรวมตัวของ สิ่งที่มีอนุภาคเล็กกว่าควาร์ก ซึ่งในปัจจุบัน สิ่งที่เล็กที่สุดในโลก คือ ควาร์ก หมายความว่า เรายังไม่พบสสารตัวนี้ เราเลยไม่ทราบองค์ประของสสารมืด และหากเราค้นพบ อาจจะนำมาซึ่ง การวาร์ป และอาจจะเป็น ตามสมมุติฐานที่ผมกล่าวไว้เรื่องการวาร์ป
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ข้อที่ 2 มันมีประโยชน์อย่างไร เราอาจมีพลังงาน เพียงพอต่อความต้องการ ในศรษฐศาสตร์  ทุกๆด้าน และหากเราจะทำการสำรวจจักรวาล เราอาจต้องใช้พลังที่มาก สำหรับการวาร์ป หรือการเดินทาง และนั่นมันจะไม่เป็นปัญหาอีกต่อไป หากเรามีพลังงานมากเพียงพอ
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------
***สาระดีดี

สสารมืด เริ่มมาการค้นควา ในศตรรษ ปี 1980 จนปัจจุบันปี 2017 ห้องวิจัยใต้ดินของประเทศ อิตาลี ได้ทำการวิจัยโดยการวัดค่าจาก หลอดแสงทวีคูณแบบสูญญากาศ โดย จะวัดจากการที่ สสารมืดพุ่งชนกับ อนุภาคของ Xenon


และ ประเทศ สวิชเซอร์แลนด์ ( Switzerland ) ได้ทำการศึกษาอย่างจริงจัง เพราะมีเครื่อง
ชนอนุภาคที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ตั้งอยู่ที่ เจนีวา (อังกฤษ: Geneva) ได้ทำการวิจัย โดนการยิงโปตอน พุ่งชนหากัน
โดยใช้ความเร็วเริ่มต้นที่

300,000 กิโลเมตร/1วินาที แต่ปรากฏว่าไม่พบสสารมืดแต่อย่างใด จึงได้มีการทดลอง อีกครั้งโดย การเร่งอนุภาคเป็น 2 เท่า
600,000 กิโลเมตร/1วินาที (ความเร็วแบบนี้ จินตนาการไม่ออกเลย เพราะเร็วยิ่งกว่าการวาร์ปซะอีก ) ก็ยังไม่พบสสารมืดแต่อย่างใด

แต่นักวิทยาศาสตร์คาดว่า จะใช้เวลา 10 ปีในการค้นหาสสาร = ในอีก 10 ปีเราจะทราบถึงต้นกำเนิดของความมืด
**เพราะนักวิทยาศาตร์ ยุคปัจจุบันเชื่อการค้นพบว่า สสารในโลกมี 92 ชนิด และเป็นเพียง 4 % ของจักรวาล
==================================================================================

สรุป : สิ่งที่ผมเขียนมาทั้งหมด วันนี้มีนักวิทยาศาสตร์ทำการทดลองและค้นคว้าสิ่งที่ผมจินตนาการถึง ตั้งแต่ปี 1980


1. เรื่องอนุภาคที่เล็กมากๆ  อะตอม>ควาร์ก>สสารมืด(คำตอบของผม) โดยอ้างอิงจาก supersymmetry ที่ได้พยากรณ์ว่าธรรมชาติยังมีอนุภาคอีกชนิดหนึ่งที่มีมวลประมาณ 200 ถึง 300 เท่าของโปรตอน และผมเชื่อว่ามันคือ สสารมืด ที่นักวิทยาศาสตร์ ทั่วโลกให้ความสนใจ

2. มีความเร็ว มากกว่า ความเร็วแสง เกิดขึ้นในโลกแล้วถึงแม้จะเป็นเครื่องมือทดลองในการเร่ง อนุภาค แต่ ถึงว่าไม่เร็ว สำหรับความ x10 ปีแสง เท่ากับ 3,000,000 ล้านกิโลเมตร/วินาที (ฟังดูมันจะเว่อๆ แต่มันเกิดขึ้นแล้วครับ) และอาจจะมีที่เร็วกกว่านี้ แต่ผมไม่ข้อมูลสำหรับงานทดลองที่ยังไม่ได้ถูกเปิดเผย

3. อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ กล่าวว่าจินตนาการ สำคัญกว่าความรู้ และผมเชื่อว่ามันจริง ทุกคนที่คนเราพยามจินตนาการถึงสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เพียงเพราะเรายังไม่รู้หรือไม่มีข้อมูล แต่หากเรามีข้อมูล เราจะเริ่มศึกษาถึงวิธีการที่จะทำให้มันปรากฏเป็นจริง

4. ในอีก 10 ปี เทคโนโลยีจะเปลี่ยนไป อย่างมหัศจรรย์ และผมก็จะไม่ลืมว่า ยุคอดีตค้นพบว่าเรามี ดิน น้ำ ลม ไฟ  ยุคปัจจุบันเรามีถึง 92 ธาตุและแน่นอนมันแค่ 4 % มันจะสนุกขนาดไหน หากทุกๆการค้นพบมีคุณค่าต่อชีวิต

======================================================================

สุดท้าย ผมคิดว่ามนุษย์ค้นหาคำตอบว่า เราอาจมีชีวิตเป็น อมตะ และมันอาจเกิดขึ้นจริง แต่วันที่เป็นอมตะ อาจไม่ถูกเรียกว่ามนุษย์
แล้วเพื่อนๆพี่ๆน้อง คิดเห็นเรื่องนี้อย่างไร อย่าลืม แสดงความเห็นออกมานะครับ ขอบคุณสำหรับการติดตามกระทู้ของผม
แล้วพบกันใหม่ครับ
ผู้เขียน ธรรมรัตน์
นามปากกา I'm Number Six
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่