Live up to Your Name, Dr. Heo หรือ Deserving of the Name ที่กำลังออกอากาศทางช่อง tnN นำเสนอภาพของหมอฮออิมในวัย 30 ที่มีความใฝ่ฝันสูงสุดคือการเป็น “หมอหลวง” ในพระราชวัง แต่เพราะชาติกำเนิดต่ำต้อยที่เกิดจากพ่อแม่ชนชั้นซ็อนมิน (ทาส) แม้จะเป็นคนฉลาดหลักแหลม สอบเข้ารับราชการได้เป็นที่ 1 และมีทักษะฝังเข็มเป็นเลิศเพียงใด หมอฮออิมก็แป้กอยู่แค่ตำแหน่ง “ชัมบง” ซึ่งเป็นหัวหน้าหน่วยแพทย์ชุมชนแฮมินซอ
ตลอด 10 ปีที่อยู่ในแฮมินซอ เขาพลาดทุกโอกาสที่จะได้เข้าไปรับใช้เชื้อพระวงศ์ทุกพระองค์ กระทั่งวันหนึ่งหมอใหญ่ฮอจุนก็มอบโอกาสให้เข้าไปถวายการรักษาพระอาการปวดพระเศียรข้างเดียวของฝ่าบาท นี่จึงเป็นโอกาสครั้งสำคัญที่สุดในชีวิตที่จะทำให้เขาข้ามพ้นสถานะทางสังคมที่ต่ำต้อยไปได้เสียที
เช้าวันที่หมอฮออิมหวังจะสร้าง “ประวัติศาสตร์” เขาต้องแปลกใจกับกล่องเข็มกล่องหนึ่ง มันเป็นเพียงกล่องเข็มทำด้วยลำไผ่ธรรมดาไร้ลวดลายใดๆ เขาไม่รู้ว่ามันมาอยู่ในห้องได้อย่างไร และใครเป็นเจ้าของ แต่ความคมอันน่าทึ่งของเข็มที่อยู่ข้างใน ทำให้เขาตัดสินใจนำชุดเข็มกล่องนี้ ไปใช้เป็นเครื่องมือที่จะพลิกชีวิตตัวเองไปตลอดกาล
แต่แล้ววินาทีที่กำลังจะฝังเข็มแห่งประวัติศาสตร์ เขาเกิดมือสั่นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน อนาคตที่วาดไว้สวยหรูจึงลอยหายในสายลม พร้อมลูกธนูสองดอกที่ยิงพุ่งตรงใส่ร่างจนตกแม่น้ำและโผล่มายังโลกที่อยู่ห่างไกลจากเขาถึง 400 ปี
ซีรีย์เรื่องนี้เปิดฉากขึ้นในเดือนเมษายน ปี ค.ศ.1592 ในรัชสมัยพระเจ้าซอนโจ (ตรงกับรัชสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช) สังคมยุคนี้ยังคงสืบทอดระบบชนชั้นที่เข้มงวด มองซ็อนมินไม่ใช่ “คน” แต่เป็นเหมือนสัตว์ชั้นต่ำ เป็นข้าวของที่สามารถซื้อขายหรือเก็บไว้ใช้งาน ซ็อนมินต้องอยู่อย่างไร้เกียรติ ไร้ศักดิ์ศรี ไร้การยอมรับทางสังคม หมอฮออิมจึงแฮปปี้สุดๆ เมื่อพบว่าโลกที่เขาวาร์ปมานั้นไม่มีการแบ่งชนชั้น และนั่นก็เป็นเหตุผลที่ทำให้เขาต้องการใช้ชีวิตอยู่ในโลกปัจจุบันมากกว่าโลกที่จากมา
แต่พลังลึกลับของกล่องเข็มปริศนาที่ทำให้ตายแล้วโผล่ข้ามยุคไปมาได้ ก็ทำให้เขาเรียนรู้ว่าไม่ว่ายุคสมัยไหน ผู้มีอำนาจก็ไม่ต่างกันสักนิด พวกเขายังคิดแต่เรื่องกอบโกยผลประโยชน์และยังคงเหยียดหยามผู้มีฐานะด้อยกว่า ฉากประธานพัคโยนซองเงินลงบนพื้นเหมือนโยนเศษอาหารให้สุนัข ทำให้หมอฮออิมกลับมาคิดได้ว่าแม้เขาทำเงินได้มากมายจากคนเหล่านี้ แต่มันไม่ได้ทำให้รู้สึกมีเกียรติมีศักดิ์ศรีเลยสักนิด สิ่งที่มีค่ามากที่สุดกลับเป็นเพียงลูกอม 2 เม็ด บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป และห่อขนมเล็กๆ ที่มอบให้กันด้วยหัวใจ นั่นจึงทำให้เขาก้าวพ้นจากหลุมดำที่เกือบทำให้ตัวเองหลงผิด และยังส่งผลให้กล่องเข็มปริศนามีลวดลายเพิ่มขึ้นมาอีกด้วย
แม้กล่องเข็มจะถูกโยนทิ้งไปแล้วใน EP9 แต่อำนาจวิเศษที่ใช่ว่าจะทิ้งกันไปได้ง่ายๆ กำลังจะพาสองหมอพระนางวาร์ปกลับไปโชซอนอีกแล้ว แม้ตอนนี้จะเหมือนอนาคตเบลอๆ ที่มองไม่ชัดจนกว่าจะถึงคืนวันเสาร์ แต่แน่นอนว่าห้วงเวลาที่สองหมอกลับไป บ้านเมืองกำลังจะลุกเป็นไฟด้วยภัยสงคราม และตามประวัติศาสตร์นั้น จะเป็นห้วงเวลาสำคัญที่สุดที่ความสามารถเหนือธรรมดาของหมอฮออิมจะนำพาชีวิตข้ามพ้นข้อจำกัดด้านฐานะที่ต่ำต้อยที่เขารอคอยมาแทบทั้งชีวิต
ฮออิม (허임) ในประวัติศาสตร์เป็นแพทย์ชาวเกาหลีที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในด้านการฝังเข็ม เขามีชีวิตในยุคสมัยเดียวกันกับหมอฮอจุน (ค.ศ.1546-1615) หมอชื่อดังที่คนไทยรู้จักผ่านซีรีย์ “คนดีที่โลกรอ หมอโฮจุน” ผลงานชิ้นสำคัญที่สุดของหมอฮอจุนคือตำรายาแผนโบราณ Dongui Bogam (동의보감) หรือ Treasured Mirror of Eastern Medicine ที่ยูเนสโกประกาศให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมเมื่อปี ค.ศ.2009 ในฐานะ UNESCO’s Memory of the World Programme [เล่มเดียวกับที่หมอชเวถามมักแกเกี่ยวกับหมอฮอจุนที่เธอพบในโชซอน] ขณะที่หมอฮออิมซึ่งอายุน้อยกว่าหมอฮอจุน 24 ปี ได้รับการยกย่องว่าเป็นราชาแห่งหมอฝังเข็มยุคโชซอน ผลงานชิ้นสำคัญของเขาคือหนังสือ Chimgukyeongheombang (침구경험방) หรือ Experiential Prescriptions of Acupuncture and Moxibustion ที่ถ่ายทอดวิธีฝังเข็มและการใช้เทคนิค Moxa (การเผายาสมุนไพรปั้นเป็นกรวยเล็กๆ ลงตามจุดฝังเข็ม) ตลอดจนการใช้สมุนไพรร่วมในการรักษาผู้ป่วย
หมอฮออิมเกิดในปี ค.ศ.1570 และเสียชีวิตในปี ค.ศ.1647 สิริอายุรวม 77 ปี ช่วงระยะเวลา 4 แผ่นดินที่มีชีวิตอยู่นับตั้งแต่รัชสมัยพระเจ้าเมียงจง พระเจ้าซอนโจ องค์ชายควางแฮ และพระเจ้าอินโจ หมอฮออิมมีบทบาทโดดเด่นที่สุดในรัชสมัยพระเจ้าซอนโจซึ่งเป็นช่วงวิกฤตที่สุดของประวัติศาสตร์เกาหลียุคโชซอน
ขณะนั้นโชซอนต้องเจอศึกหนักหนาสาหัสหลายด้านทั้งจากปัญหาภายในที่มีการแบ่งแยกก๊กเหล่าเป็นฝ่ายตะวันออกและตะวันตก และภายนอกก็คือสงครามอิมจิน (Imjin War 1592-1598) ที่ซีรีย์ Live up to Your Name, Dr. Heo ได้ฉายภาพให้เห็นถึงช่วงเวลาก่อตัวของสงครามตั้งแต่เดือนเมษายน ปี ค.ศ.1592 ที่เริ่มสร้างความระส่ำระสายให้กับผู้คน ขุนนาง ผู้มีฐานะ และชาวบ้าน ต่างเริ่มคิดหนีออกจากเมืองฮันยางเพื่อเลี่ยงภัยสงคราม ยกเว้นก็แต่ชนชั้นต่ำที่ไม่มีที่ไปยังเชื่อว่าเจ้าเหนือหัวของพวกตนจะไม่หนีออกจากเมืองหลวงและจะอยู่ปกป้องคุ้มครองราษฎร ทั่วทั้งเมืองเริ่มมีทหารญี่ปุ่นเข้ามาสอดแนม
สงครามอิมจิน (ภาพ:
http://www.gypzyworld.com/article/view/755)
สงครามอิมจินซึ่งกินเวลานานถึง 7 ปี เกิดขึ้นจากการที่โทโยโทมิ ฮิเดโยชิ หนึ่งในสามจอมพลคนสำคัญของญี่ปุ่นยุคเซ็นโกคุผู้รวบรวมแผ่นดินญี่ปุ่นให้เป็นหนึ่ง ต้องการบุกโจมตีจีนของราชวงศ์หมิง แต่การจะเข้าจีนได้นั้นต้องผ่านเกาหลีก่อน ฮิเดโยชิจึงส่งทัพซามูไรกว่าแสนนายเข้าโจมตีเมืองปูซานและดาแดจิน ก่อนจะเข้ายึดฮันยาง [ใน EP8 ที่นายทัพญี่ปุ่นตอบแทนหมอฮอและหมอชเวที่ช่วยรักษาอาการบาดเจ็บ (กล่องเข็มเริ่มมีลวดลายปรากฏครั้งแรก) ด้วยการแจ้งว่าอีก 15 วันกองกำลังของเขาจะเข้าสู่ฮันยาง แสดงว่าตอนนั้นสองหมอได้วาร์ปโผล่ไปโชซอนเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม ค.ศ.1592 (ญี่ปุ่นเคลื่อนพลสู่ฮันยางวันที่ 8 มิถุนายน) ซึ่งขณะนั้นญี่ปุ่นได้ยึดเมืองปูซานไว้แล้ว]
เมื่อเกิดสงคราม พระเจ้าซอนโจได้หลบหนีไปประเทศจีน ขณะที่องค์ชายควางแฮในฐานะองค์รัชทายาทเป็นผู้ยืนหยัดนำทัพเกาหลีต่อต้านการรุกราน ช่วงเวลาประวัติศาสตร์นี้เองที่หมอกดจุดและฝังเข็มซึ่งมีพ่อแม่เป็นเพียงทาสรับใช้ในบ้านขุนนางอย่างหมอฮออิม ได้รับโอกาสถวายการรับใช้องค์ชายควางแฮ โดยมีหน้าที่ดูแลพระพลานามัยด้านการฝังเข็มและผ่าตัด
สงครามอิมจินจบลงด้วยการเสียชีวิตของฮิเดโยชิซึ่งกำลังป่วยหนัก โดยก่อนหน้านั้นกองทัพซามูไรถูกกองทัพผสมต้าหมิง-โชซอนรุกไล่ทำให้ต้องถอยร่นไปเรื่อยๆ จนฮิเดโยชิสั่งถอนทัพกลับญี่ปุ่นก่อนจะเสียชีวิต หลังสิ้นสุดสงครามพระเจ้าซอนโจซึ่งเสด็จกลับมาฮันยางก่อนหน้านั้นทรงเหนื่อยล้าจากวิกฤตมามากได้สิ้นพระชนม์ลงในปี ค.ศ.1608 (ตรงกับรัชสมัยสมเด็จพระเอกาทศรถ) องค์รัชทายาทควางแฮจึงเสด็จขึ้นครองราชย์ แต่ไม่ได้รับการถวายพระนามกษัตริย์เนื่องจากปัญหาทางการเมืองภายใน ขณะที่หมอฮออิมได้รับการแต่งตั้งเป็น Dangsankwan (ที่ปรึกษาของรัฐ) และได้รับบรรดาศักดิ์ Wiseonggongshin ระดับ 3 ต่อมาก็ได้ถวายงานในฐานะผู้ว่าราชการเมืองในเขต Gyeonggi ซึ่งอยู่ใกล้กับเมืองหลวง
หมอฮออิมอยู่ในตำแหน่งผู้ว่าราชการเมืองได้ 10 ปีก็มีเหตุให้ถูกปลดจากตำแหน่งในรัชสมัยพระเจ้าอินโจ [อาจเป็นผลกระทบมาจากการที่องค์ชายควางแฮถูกขุนนางฝ่ายตะวันตกทำรัฐประหารแล้วถูกเนรเทศไปอยู่เกาะคังฮวา] อย่างไรก็ดีด้วยชื่อเสียงที่เกรียงไกรด้านการฝังเข็ม ทำให้หมอฮออิมได้รับการบันทึกชื่อในฐานะข้าราชการถือบรรดาศักดิ์ Jungsawonjonggongshin ระดับ 2 นอกจากนี้ พระเจ้าอินโจซึ่งทรงเคยรับการรักษาจากหมอฮออิมยังพระราชทานบำเหน็จรางวัลให้กับเขาอีกด้วย
หมอฮออิมผู้ซึ่งไม่เคยเลือกที่รักมักที่ชัง และไม่เคยเหยียดหยามคนเพราะฐานะทางสังคม เขาเป็นหมอที่ให้การรักษาที่ดีที่สุดกับทุกคน หลังถูกปลดจากตำแหน่ง หมอฮออิมได้ไปใช้ชีวิตในบั้นปลายที่กองจู (Gongju) ทั้งยังได้อุปถัมภ์เด็กนักเรียนจำนวนมากควบคู่ไปกับการดูแลรักษาผู้คน รวมถึงการเขียนหนังสือ Chimgukyeongheombang ที่ยังส่งอิทธิพลมาถึงวงการแพทย์แผนตะวันออกในปัจจุบัน...
หมอฮออิม (ภาพ:
http://ch.catholic.or.kr/baltimore/Image/sung86-a.jpg)
----------------------------------
1. ทั้งหมดที่เขียนขึ้นเพราะอยากรู้ตัวจริงหมอฮออิมในประวัติศาสตร์ ใครมีข้อมูลอื่นๆ สามารถนำเสนอเพิ่มเติม และแนะนำแก้ไขกันได้นะคะ เพื่อจะได้เติมเต็มเรื่องราวหมอฮออิมในประวัติศาสตร์ให้ถูกต้องสมบูรณ์มากขึ้น
2. สงครามอิมจินมีวีรบุรุษคนหนึ่งที่อยากพูดถึงคือแม่ทัพเรือยีซุนชินที่เป็นกำลังสำคัญทำให้เกาหลีผ่านพ้นวิกฤตไปได้ โดยอาวุธสำคัญที่ยีซุนชินนำมาใช้ในสงครามก็คือ เรือ “โคบุกซอน” (เรือเต่า) ที่ถือเป็นเรือรบหุ้มเกราะลำแรกของโลก สำหรับใช้โจมตีกองเรือลำเลียงของญี่ปุ่นเพื่อตัดกำลัง แต่เนื่องจากต้องการสโคปเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับประวัติหมอฮออิม จึงขอข้ามไม่พูดถึงนะคะ
3. เกี่ยวกับสงครามอิมจินมีเรื่องน่าตื่นเต้นไปอีกว่า สมเด็จพระนเรศวรทรงคิดจะส่งกองทัพเรือไปร่วมรบเพื่อช่วยการสงครามในเกาหลี แต่ได้ถูกทางการจีนระงับไว้เนื่องจากเห็นว่าสยามตั้งอยู่ห่างจากญี่ปุ่นกว่าหมื่นลี้ จึงเห็นควรให้ปฏิเสธไป
หนังสือ The Imjin War ของ Samuel Hawley ได้มีการอ้างข้อมูลจากจดหมายเหตุรัชกาลพระเจ้าซอนโจว่า มีทหารต่างชาติเรียกกันว่าพวก “ปีศาจทะเล” เชี่ยวชาญในการจรยุทธ์ทางน้ำ ช่วยเหลือทัพโชซอนและต้าหมิง โดยเฉพาะในการถอนทัพจะมีทหารเหล่านี้คอยระวังหลังให้ จึงมีผู้ตั้งข้อสังเกตว่าอาจเป็นไปได้หรือไม่ที่พวกปีศาจทะเลนั้นคือกองกำลังจากสยามที่สมเด็จพระนเรศวรได้ส่งไปช่วยเหลือเกาหลี เนื่องจากต้าหมิงยับยั้งคำสั่งแรกที่ให้สยามส่งกำลังไปช่วยไม่ทัน (
http://www.gypzyworld.com/article/view/755) แต่ก็ได้มีความเห็นแย้งว่าไม่น่าเป็นไปได้ เพราะสยามเองก็ยังต้องทำศึกกับพม่า
4. หมอฮอจุนเริ่มเขียน Dongui Bogam ในปี ค.ศ.1596 (สมัยพระเจ้าซอนโจ) เสร็จในปี ค.ศ.1610 และเผยแพร่ครั้งแรกในปี ค.ศ.1613 (สมัยองค์ชายควางแฮ) ส่วนหนังสือ Chimgukyeongheombang ของหมอฮออิมเขียนขึ้นเมื่อบั้นปลายชีวิตและเผยแพร่ปี ค.ศ.1644 (สมัยพระเจ้าอินโจ)
5. ความสัมพันธ์ระหว่างหมอฮอจุนกับหมอฮออิมในประวัติศาสตร์ไม่รู้เป็นอย่างไรแน่ (เพราะอ่านเกาหลีไม่ออก เลยหาข้อมูลไม่ได้...) แต่ในซีรีย์ Live up to Your Name, Dr. Heo เราจะเห็นว่าหมอฮออิมไม่ถูกเส้นกับหมอฮอจุนนัก ซึ่งอาจเป็นเพราะหมอฮออิมคิดเสมอว่าที่เขาต้องแป้กอยู่ในแฮมินซอ ทั้งที่ทักษะฝังเข็มของเขาเป็น “หนึ่งในใต้หล้า” (มั่นใจตัวเองสุดๆ) ซึ่งน่าจะเข้าไปเป็นหมอหลวงได้ตั้งนานแล้ว ก็เพราะถูกหมอฮอจุนสกัดดาวรุ่ง แถมตอนที่หมอฮอจุนเข้ามาถกถึงวิธีการรักษาอาการปวดหัวข้างเดียวเพื่อจะเปิดโอกาสให้หมอฮออิมเข้าไปถวายการรักษาฝ่าบาท หมอฮออิมยังปั้นหน้ามั่นพูดจาบลัฟๆ ว่าการฝังเข็มจะเห็นผลดีกว่าการกินยา (ตามแบบที่ฮอจุนใช้ๆ อยู่...อันนี้เติมเอง) ส่วนหมอฮอจุนคงเหมือนผู้หลักผู้ใหญ่ที่เห็นว่าเด็กมันทะนงตนซะเหลือเกิน เลยอยากจะกดๆ ปรามๆ ไว้บ้างเพื่อไม่ให้เด็กเหลิงเกินไป และไม่พอใจเลยที่หมอฮออิมไปทำมาหากินกับการรักษาพวกขุนนางในตอนกลางคืน เวลาจะเอ่ยถึงหมอฮออิมขณะอยู่กับหมอชเว เลยเลี่ยงไปใช้ “เจ้าหมอนั่น” แทน
Deserving of the Name – ฮออิมในประวัติศาสตร์...ราชาหมอฝังเข็มแห่งโชซอน [โรงหมอแฮมินซอ#04-สปอยล์หนักมาก]
Live up to Your Name, Dr. Heo หรือ Deserving of the Name ที่กำลังออกอากาศทางช่อง tnN นำเสนอภาพของหมอฮออิมในวัย 30 ที่มีความใฝ่ฝันสูงสุดคือการเป็น “หมอหลวง” ในพระราชวัง แต่เพราะชาติกำเนิดต่ำต้อยที่เกิดจากพ่อแม่ชนชั้นซ็อนมิน (ทาส) แม้จะเป็นคนฉลาดหลักแหลม สอบเข้ารับราชการได้เป็นที่ 1 และมีทักษะฝังเข็มเป็นเลิศเพียงใด หมอฮออิมก็แป้กอยู่แค่ตำแหน่ง “ชัมบง” ซึ่งเป็นหัวหน้าหน่วยแพทย์ชุมชนแฮมินซอ
ตลอด 10 ปีที่อยู่ในแฮมินซอ เขาพลาดทุกโอกาสที่จะได้เข้าไปรับใช้เชื้อพระวงศ์ทุกพระองค์ กระทั่งวันหนึ่งหมอใหญ่ฮอจุนก็มอบโอกาสให้เข้าไปถวายการรักษาพระอาการปวดพระเศียรข้างเดียวของฝ่าบาท นี่จึงเป็นโอกาสครั้งสำคัญที่สุดในชีวิตที่จะทำให้เขาข้ามพ้นสถานะทางสังคมที่ต่ำต้อยไปได้เสียที
เช้าวันที่หมอฮออิมหวังจะสร้าง “ประวัติศาสตร์” เขาต้องแปลกใจกับกล่องเข็มกล่องหนึ่ง มันเป็นเพียงกล่องเข็มทำด้วยลำไผ่ธรรมดาไร้ลวดลายใดๆ เขาไม่รู้ว่ามันมาอยู่ในห้องได้อย่างไร และใครเป็นเจ้าของ แต่ความคมอันน่าทึ่งของเข็มที่อยู่ข้างใน ทำให้เขาตัดสินใจนำชุดเข็มกล่องนี้ ไปใช้เป็นเครื่องมือที่จะพลิกชีวิตตัวเองไปตลอดกาล
แต่แล้ววินาทีที่กำลังจะฝังเข็มแห่งประวัติศาสตร์ เขาเกิดมือสั่นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน อนาคตที่วาดไว้สวยหรูจึงลอยหายในสายลม พร้อมลูกธนูสองดอกที่ยิงพุ่งตรงใส่ร่างจนตกแม่น้ำและโผล่มายังโลกที่อยู่ห่างไกลจากเขาถึง 400 ปี
ซีรีย์เรื่องนี้เปิดฉากขึ้นในเดือนเมษายน ปี ค.ศ.1592 ในรัชสมัยพระเจ้าซอนโจ (ตรงกับรัชสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช) สังคมยุคนี้ยังคงสืบทอดระบบชนชั้นที่เข้มงวด มองซ็อนมินไม่ใช่ “คน” แต่เป็นเหมือนสัตว์ชั้นต่ำ เป็นข้าวของที่สามารถซื้อขายหรือเก็บไว้ใช้งาน ซ็อนมินต้องอยู่อย่างไร้เกียรติ ไร้ศักดิ์ศรี ไร้การยอมรับทางสังคม หมอฮออิมจึงแฮปปี้สุดๆ เมื่อพบว่าโลกที่เขาวาร์ปมานั้นไม่มีการแบ่งชนชั้น และนั่นก็เป็นเหตุผลที่ทำให้เขาต้องการใช้ชีวิตอยู่ในโลกปัจจุบันมากกว่าโลกที่จากมา
แต่พลังลึกลับของกล่องเข็มปริศนาที่ทำให้ตายแล้วโผล่ข้ามยุคไปมาได้ ก็ทำให้เขาเรียนรู้ว่าไม่ว่ายุคสมัยไหน ผู้มีอำนาจก็ไม่ต่างกันสักนิด พวกเขายังคิดแต่เรื่องกอบโกยผลประโยชน์และยังคงเหยียดหยามผู้มีฐานะด้อยกว่า ฉากประธานพัคโยนซองเงินลงบนพื้นเหมือนโยนเศษอาหารให้สุนัข ทำให้หมอฮออิมกลับมาคิดได้ว่าแม้เขาทำเงินได้มากมายจากคนเหล่านี้ แต่มันไม่ได้ทำให้รู้สึกมีเกียรติมีศักดิ์ศรีเลยสักนิด สิ่งที่มีค่ามากที่สุดกลับเป็นเพียงลูกอม 2 เม็ด บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป และห่อขนมเล็กๆ ที่มอบให้กันด้วยหัวใจ นั่นจึงทำให้เขาก้าวพ้นจากหลุมดำที่เกือบทำให้ตัวเองหลงผิด และยังส่งผลให้กล่องเข็มปริศนามีลวดลายเพิ่มขึ้นมาอีกด้วย
แม้กล่องเข็มจะถูกโยนทิ้งไปแล้วใน EP9 แต่อำนาจวิเศษที่ใช่ว่าจะทิ้งกันไปได้ง่ายๆ กำลังจะพาสองหมอพระนางวาร์ปกลับไปโชซอนอีกแล้ว แม้ตอนนี้จะเหมือนอนาคตเบลอๆ ที่มองไม่ชัดจนกว่าจะถึงคืนวันเสาร์ แต่แน่นอนว่าห้วงเวลาที่สองหมอกลับไป บ้านเมืองกำลังจะลุกเป็นไฟด้วยภัยสงคราม และตามประวัติศาสตร์นั้น จะเป็นห้วงเวลาสำคัญที่สุดที่ความสามารถเหนือธรรมดาของหมอฮออิมจะนำพาชีวิตข้ามพ้นข้อจำกัดด้านฐานะที่ต่ำต้อยที่เขารอคอยมาแทบทั้งชีวิต
ฮออิม (허임) ในประวัติศาสตร์เป็นแพทย์ชาวเกาหลีที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในด้านการฝังเข็ม เขามีชีวิตในยุคสมัยเดียวกันกับหมอฮอจุน (ค.ศ.1546-1615) หมอชื่อดังที่คนไทยรู้จักผ่านซีรีย์ “คนดีที่โลกรอ หมอโฮจุน” ผลงานชิ้นสำคัญที่สุดของหมอฮอจุนคือตำรายาแผนโบราณ Dongui Bogam (동의보감) หรือ Treasured Mirror of Eastern Medicine ที่ยูเนสโกประกาศให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมเมื่อปี ค.ศ.2009 ในฐานะ UNESCO’s Memory of the World Programme [เล่มเดียวกับที่หมอชเวถามมักแกเกี่ยวกับหมอฮอจุนที่เธอพบในโชซอน] ขณะที่หมอฮออิมซึ่งอายุน้อยกว่าหมอฮอจุน 24 ปี ได้รับการยกย่องว่าเป็นราชาแห่งหมอฝังเข็มยุคโชซอน ผลงานชิ้นสำคัญของเขาคือหนังสือ Chimgukyeongheombang (침구경험방) หรือ Experiential Prescriptions of Acupuncture and Moxibustion ที่ถ่ายทอดวิธีฝังเข็มและการใช้เทคนิค Moxa (การเผายาสมุนไพรปั้นเป็นกรวยเล็กๆ ลงตามจุดฝังเข็ม) ตลอดจนการใช้สมุนไพรร่วมในการรักษาผู้ป่วย
หมอฮออิมเกิดในปี ค.ศ.1570 และเสียชีวิตในปี ค.ศ.1647 สิริอายุรวม 77 ปี ช่วงระยะเวลา 4 แผ่นดินที่มีชีวิตอยู่นับตั้งแต่รัชสมัยพระเจ้าเมียงจง พระเจ้าซอนโจ องค์ชายควางแฮ และพระเจ้าอินโจ หมอฮออิมมีบทบาทโดดเด่นที่สุดในรัชสมัยพระเจ้าซอนโจซึ่งเป็นช่วงวิกฤตที่สุดของประวัติศาสตร์เกาหลียุคโชซอน
ขณะนั้นโชซอนต้องเจอศึกหนักหนาสาหัสหลายด้านทั้งจากปัญหาภายในที่มีการแบ่งแยกก๊กเหล่าเป็นฝ่ายตะวันออกและตะวันตก และภายนอกก็คือสงครามอิมจิน (Imjin War 1592-1598) ที่ซีรีย์ Live up to Your Name, Dr. Heo ได้ฉายภาพให้เห็นถึงช่วงเวลาก่อตัวของสงครามตั้งแต่เดือนเมษายน ปี ค.ศ.1592 ที่เริ่มสร้างความระส่ำระสายให้กับผู้คน ขุนนาง ผู้มีฐานะ และชาวบ้าน ต่างเริ่มคิดหนีออกจากเมืองฮันยางเพื่อเลี่ยงภัยสงคราม ยกเว้นก็แต่ชนชั้นต่ำที่ไม่มีที่ไปยังเชื่อว่าเจ้าเหนือหัวของพวกตนจะไม่หนีออกจากเมืองหลวงและจะอยู่ปกป้องคุ้มครองราษฎร ทั่วทั้งเมืองเริ่มมีทหารญี่ปุ่นเข้ามาสอดแนม
เมื่อเกิดสงคราม พระเจ้าซอนโจได้หลบหนีไปประเทศจีน ขณะที่องค์ชายควางแฮในฐานะองค์รัชทายาทเป็นผู้ยืนหยัดนำทัพเกาหลีต่อต้านการรุกราน ช่วงเวลาประวัติศาสตร์นี้เองที่หมอกดจุดและฝังเข็มซึ่งมีพ่อแม่เป็นเพียงทาสรับใช้ในบ้านขุนนางอย่างหมอฮออิม ได้รับโอกาสถวายการรับใช้องค์ชายควางแฮ โดยมีหน้าที่ดูแลพระพลานามัยด้านการฝังเข็มและผ่าตัด
หมอฮออิมอยู่ในตำแหน่งผู้ว่าราชการเมืองได้ 10 ปีก็มีเหตุให้ถูกปลดจากตำแหน่งในรัชสมัยพระเจ้าอินโจ [อาจเป็นผลกระทบมาจากการที่องค์ชายควางแฮถูกขุนนางฝ่ายตะวันตกทำรัฐประหารแล้วถูกเนรเทศไปอยู่เกาะคังฮวา] อย่างไรก็ดีด้วยชื่อเสียงที่เกรียงไกรด้านการฝังเข็ม ทำให้หมอฮออิมได้รับการบันทึกชื่อในฐานะข้าราชการถือบรรดาศักดิ์ Jungsawonjonggongshin ระดับ 2 นอกจากนี้ พระเจ้าอินโจซึ่งทรงเคยรับการรักษาจากหมอฮออิมยังพระราชทานบำเหน็จรางวัลให้กับเขาอีกด้วย
หมอฮออิมผู้ซึ่งไม่เคยเลือกที่รักมักที่ชัง และไม่เคยเหยียดหยามคนเพราะฐานะทางสังคม เขาเป็นหมอที่ให้การรักษาที่ดีที่สุดกับทุกคน หลังถูกปลดจากตำแหน่ง หมอฮออิมได้ไปใช้ชีวิตในบั้นปลายที่กองจู (Gongju) ทั้งยังได้อุปถัมภ์เด็กนักเรียนจำนวนมากควบคู่ไปกับการดูแลรักษาผู้คน รวมถึงการเขียนหนังสือ Chimgukyeongheombang ที่ยังส่งอิทธิพลมาถึงวงการแพทย์แผนตะวันออกในปัจจุบัน...
----------------------------------
2. สงครามอิมจินมีวีรบุรุษคนหนึ่งที่อยากพูดถึงคือแม่ทัพเรือยีซุนชินที่เป็นกำลังสำคัญทำให้เกาหลีผ่านพ้นวิกฤตไปได้ โดยอาวุธสำคัญที่ยีซุนชินนำมาใช้ในสงครามก็คือ เรือ “โคบุกซอน” (เรือเต่า) ที่ถือเป็นเรือรบหุ้มเกราะลำแรกของโลก สำหรับใช้โจมตีกองเรือลำเลียงของญี่ปุ่นเพื่อตัดกำลัง แต่เนื่องจากต้องการสโคปเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับประวัติหมอฮออิม จึงขอข้ามไม่พูดถึงนะคะ
4. หมอฮอจุนเริ่มเขียน Dongui Bogam ในปี ค.ศ.1596 (สมัยพระเจ้าซอนโจ) เสร็จในปี ค.ศ.1610 และเผยแพร่ครั้งแรกในปี ค.ศ.1613 (สมัยองค์ชายควางแฮ) ส่วนหนังสือ Chimgukyeongheombang ของหมอฮออิมเขียนขึ้นเมื่อบั้นปลายชีวิตและเผยแพร่ปี ค.ศ.1644 (สมัยพระเจ้าอินโจ)
5. ความสัมพันธ์ระหว่างหมอฮอจุนกับหมอฮออิมในประวัติศาสตร์ไม่รู้เป็นอย่างไรแน่ (เพราะอ่านเกาหลีไม่ออก เลยหาข้อมูลไม่ได้...) แต่ในซีรีย์ Live up to Your Name, Dr. Heo เราจะเห็นว่าหมอฮออิมไม่ถูกเส้นกับหมอฮอจุนนัก ซึ่งอาจเป็นเพราะหมอฮออิมคิดเสมอว่าที่เขาต้องแป้กอยู่ในแฮมินซอ ทั้งที่ทักษะฝังเข็มของเขาเป็น “หนึ่งในใต้หล้า” (มั่นใจตัวเองสุดๆ) ซึ่งน่าจะเข้าไปเป็นหมอหลวงได้ตั้งนานแล้ว ก็เพราะถูกหมอฮอจุนสกัดดาวรุ่ง แถมตอนที่หมอฮอจุนเข้ามาถกถึงวิธีการรักษาอาการปวดหัวข้างเดียวเพื่อจะเปิดโอกาสให้หมอฮออิมเข้าไปถวายการรักษาฝ่าบาท หมอฮออิมยังปั้นหน้ามั่นพูดจาบลัฟๆ ว่าการฝังเข็มจะเห็นผลดีกว่าการกินยา (ตามแบบที่ฮอจุนใช้ๆ อยู่...อันนี้เติมเอง) ส่วนหมอฮอจุนคงเหมือนผู้หลักผู้ใหญ่ที่เห็นว่าเด็กมันทะนงตนซะเหลือเกิน เลยอยากจะกดๆ ปรามๆ ไว้บ้างเพื่อไม่ให้เด็กเหลิงเกินไป และไม่พอใจเลยที่หมอฮออิมไปทำมาหากินกับการรักษาพวกขุนนางในตอนกลางคืน เวลาจะเอ่ยถึงหมอฮออิมขณะอยู่กับหมอชเว เลยเลี่ยงไปใช้ “เจ้าหมอนั่น” แทน