ทะเลสีฟ้าใสระยิบระยับสุดลูกหูลูกตา
ท้องฟ้าสีฟ้าที่สว่างยันสามทุ่ม
ชายหาดที่เต็มไปด้วยหินก้อนกรวดน่ารักๆ
บ้านเมืองที่เต็มไปด้วยตึกสีลูกกวาด
ประกอบกับภูมิประเทศเป็นภูเขาสลับกันไป

ไม่ต้องใช้เวลาอะไรมากก็ทำให้เรา
ตกหลุมรัก Nice อย่างถอนตัวไม่ขึ้น

สวัสดีค่ะ ฟานเอง งงสิฟานไหน555
อาจจะลืมกันไปแล้ว ที่ครั้งก่อนเคยเขียนเรื่องเกี่ยวกับการไปตะลุยคาเฟ่ที่ฮานอย-ซาปา
วันนี้เรากลับมาแล้วว ไปซุ่มตัวอยู่ทางฝั่งยุโรปมาหลายเดือนค่ะ ถ่ายรูปกลับมาเยอะมาก
เลยอยากเอามาเล่าสู้กันฟังอีกครั้ง ครั้งนี้รูปอาจจะเยอะกว่าข้อมูลนิดนึงนา
ทริปนี้เราออกเดินทางกันแบบ Roadtrip
เริ่มตั้งแต่ เบลเยี่ยม-สวิสเซอร์แลนด์-อิตาลี-และลงมาทางใต้ฝรั่งเศส
และขับไปเรื่อยๆจนไปโผล่ที่สเปน(ซึ่งเดี๋ยวตอนของเมืองอื่นๆเราจะมาเขียนให้อ่านกันอีกทีน้าา)

วันนี้จึงขอเปิดด้วย Nice ก่อนเลย

ถ้าชอบฝากติดตามเพจน้องใหม่ด้วยคนนะคะ
https://www.facebook.com/FARNDERLUST-393229457713134/

หาดที่นี่ก็จะมีหลายหาดค่ะ(เดา5555)  ถ้าตรงที่ฮ็อตจริงๆก็จะเป็น Public Beach
แต่ตรงนั้นคนเยอะมากเราเลยมูฟมานั่งเล่นแถวนี้กันแทน หาดนี้สังเกตุง่ายๆจะเป็นหาดบริเวณที่ใกล้ๆจะมีผับเยอะๆ
คือเยอะจริงๆนะแก บริเวณนั้นคือเต็มไปด้วยผับ แต่เค้ายังไม่เปิดตอนนี้ กลางวันก็จะเงียบเหงาหน่อยๆ
พอเดินเลาะๆมาก็จะเป็นหาด ที่คนน้อยกว่าตรงพับบลิคบีชมากเล่นน้ำอาบแดดสบายย
คนแถวนี้เค้าก็จะอาบแดด โชว์เต้ากันไม่แคร์สื่อค่ะ มีรูปนะแต่ไม่กล้าลง
เดี๋ยวโดนด่า555 บ้างก็มากันเป็นครอบครัว ตกปลาบ้าง ปิคนิคบ้างตามอัธยาศัย


บางคนก็จะนอนอาบแดดอ่านหนังสือกัน ซึ่งอันนี้ก็ไม่เข้าใจว่าจะนอนอ่านหนังสือกลางแดดจ้ากันไปทำไม
เรามันคนเมืองร้อนอ่ะเนอะไม่ค่อยจะถูกกะแดด แต่พวกฝรั่งเค้านี่คลั่งไคล้แดดเลยหล่ะ


เค้าบอกกันว่าเมืองนี้เป็นเมืองตากอากาศ
สุดไฮโซ ซึ่งแน่นอนอะไรๆก็ต้องแพงเป็นธรรมดา
แต่เนื่องจากเราไปนอนแบบแคมปิ้ง
ซึ่งแคมปิ้งที่เราไปนอนที่นี่ดีมากกกก มีสระว่ายน้ำสวยด้วย
ซึ่งถ้าใครไปเที่ยวสนใจจะนอนแบบนี้ก็จะช่วยเซฟเงินไปได้อีกเยอะมากเลย
ขอแนะนำเลยล่ะ
ส่วนอาหารตอนเราพักที่นี่ไม่ได้ไปร้านอาหารเลย
ซื้ออาหารทะเลกลับมาทำกินกันเองที่แค้มปิ้งค่ะ อร่อยด้วยคุ้มด้วย
จะมีไปเสียเงินกับ Night life ที่เราออกไปเที่ยวผับริมหาดกันซะมากกว่า
*ซึ่งงงกาดอกจันตรงนี้ ผับที่นี่ดีงามมันส์มากแนะนำลองไปแด๊นซ์กันดูสักคืนเถอะค่ะคุณ
ยอมจ่ายแพงนิดนึงแต่รับประกันความมันส์5555 ผับที่เราไปชื่อ Monkeys นะ

บริเวณนี้ เป็นหาด Public beach ค่ะ ก็จะพับบลิคจริงๆแก คนเยอะม๊ากกกกกกก แต่ก็คึกคักๆดี




แดดร่มลมตก บริเวณถนนริมหาด
Public Beach


มีบาร์ตามถนนริมหาดให้เลือกเยอะแยะไปหมดค่ะ น่านั่งทั้งนั้นเลย




บรรยากาศในเมืองรถจะเยอะนิดหน่อย ที่นี่ขับรถลำบากค่ะ อาจเป็นเพราะไปตรงกับช่วงที่มี
งานกีฬาของ Ironman triathlons พอดี จึงมีการปิดถนนหลายช่วงทำให้เรางงทางไปตามๆกัน

เดินกลับมาที่ท่าเรือ นี่เป็นอีกมุมที่สมควรมาถ่ายรูปค่ะ เรือที่จอดอยู่ก็จะเป็นของเหล่าเศรษฐีไฮโซในเมืองนี้ เรือส่วนใหญ่เลยไฮโซสวยมากกก


ไหนๆก็ไหนๆละ ขอเข้าตีมเป็นกะลาสีเรือสาวเลยละกัน555

และแน่นอนนน ไฮไลท์ของเมืองนี้ จัตุรัสมาเซน่า (Place Massena) ที่ถือเป็นแลนด์มาร์คของเมืองนี้ เราก็เดินๆตามกูเกิ้ลแมพมา
ของจริงสวยมากๆทั้งสีทั้งบรรยากาศ ขนาดตอนนั้นคนเยอะยังรู้สึกฟินเลยค่ะ  เพราะสีสวยมาก แถมมีเสียงดนตรีลอยมาเบาๆ


สีน่าร้ากกกมีความเวสมากๆค่ะ




มาเดินกันต่อแถวย่านร้านค้าค่ะ


ความหนุ่มฝรั่งเศสอะไรแบบนี้

เดินไปเดินมาเริ่มร้อน แถม Gelato แถวนี้ก็ยั่วยวนซะทุกร้าน เราจัดไปเลยสองโคนคนเดียว

บาร์-คาเฟ่น่ารักๆสามารถพบเจอได้ทุกสิบก้าว

เดินมาบริเวณโอเปร่าเฮ้าส์ ก็จะได้พบกับบรรยากาศคึกคักของนักท่องเที่ยวและผู้คนท้องถิ่น

ร้านนี้น่ารักมากอยู่ตรงข้ามกับโอเปร่าเฮ้าส์เลย แต่ปิดแล้วตอนที่เราไป




แถวนี้ร้านอาหารเยอะมากแถมสวยซะจนไม่รู้ว่าจะเข้าไปนั่งร้านไหนดี


ร้านนี้ก็น่านั่ง

แอบถ่ายสามหนุ่ม


หลังจากเดินมาจนเหนื่อยทุกคนจึงมีความเห็นตรงกันว่า ไปนั่งชิลๆดูพระอาทิตย์ตกริมหาด
กันดีกว่า พวกเราเลยกลับมาที่หาดเดิมกันค่ะ


มองไปก็จะมีเด็กๆมาเล่นน้ำกันสนุกสนานน่ารักมากๆ


นั่งชมวิวไปพลาง เปิดเพลงฟังด้วยลำโพงต่อบลูทูธที่พกมาไปด้วย อารมณ์มันได้
เพื่อนเลยเริ่มทำการเก็บหินมาเรียงกันได้กองหินน่ารักๆแบบนี้

ด้านหลังของเรามีครอบครัวนึงที่เค้าพาลูกๆมาด้วย เค้าก็ตั้งโต้ะทำอาหารเย็นดินเนอร์กัน
ชิลมากๆ เห็นแล้วอยากกลับไปที่แค้มไปเอาเตากับหม้อมาทำอาหารกะเค้าบ้างเลย

พระอาทิตย์ค่อยๆลับไปกับน้ำทะเล พวกเรานั่งมองสีของพระอาทิตย์ที่ส่องกระทบกับน้ำที่เปลี่ยนสีไปเรื่อยๆ
ไม่น่าเชื่อว่าแค่การนั่งมองสีของพระอาทิตย์ตกก็ทำให้ในใจมันพองฟูบอกไม่ถูก
พอมืดลง คืนนั้น เราก็ขับรถกลับไปที่แคมปิ้งด้วยความอิ่มใจ

Day 2

วันนี้เราไม่ค่อยได้ทำอะไรกันมากเพราะเหนื่อยจากเมื่อวาน พวกเราเลยเที่ยวรอบๆในเมืองแบบชิลๆ
แต่ส่วนใหญ่จะขับรถหลงทางวนไปวนมาซะมากกว่า เลยเสียเวลาไปเยอะเลย

เลยเก็บภาพตึกสวยๆในเมืองมาฝากค่ะ
ความน่ารักอย่างนึงของตึกส่วนใหญ่ที่นี่ เค้าจะมีคอนเส็ปสีของแต่ละตึก
คือตึกนี้ถ้าเหลืองก็จะคุมโทนเหลืองหมด ฟ้าก็ฟ้า เขียวก็เขียวงี้ เราชอบมากเลย






เพราะการปิดถนน ทำให้เราหลงทางหลายครั้งไปในเส้นทางที่ไม่ได้ตั้งใจจะไป
ซึ่งจริงๆ การหลงทางนี่ก็ดีนะ พอเวลาหลงไปตามซอยต่างๆเราก็จะได้เจอตึกสวยๆที่ถ้าไม่หลงมาคงไม่เห็น


หนึ่งในซอยที่หลงเข้ามา ก็จะมีเสน่ห์ไปอีกแบบ



พอตกค่ำของคืนวันสุดท้ายใน Nice เราตกลงกันว่าจะขับไปชมเมืองของประเทศ Monaco กันซะหน่อย
เพราะได้ข่าวว่าเป็นประเทศที่รวยมากและมีแต่คนรวยๆเท่านั้นที่จะอยู่ได้ เลยอยากไปดูว่าจะเป็นยังไง
Monaco เป็นประเทศที่มีอาณาเขตอยู่ในประเทศฝรั่งเศสอีกทีค่ะ มีพื้นที่เล็กนิดเดียว ถือเป็นประเทศที่ค่าครองชีพสูงมากๆ
สำหรับการเดินทางมา ขับรถมาจาก Nice แค่ ประมาณ 30-40 นาทีเท่านั้นค่ะ
ถ้าใครไม่ได้ขับรถ รู้สึกว่าจะมีรถบัสวิ่งมาถึงค่ะ แต่ไม่ทราบในรายละเอียด ต้องขออภัยจริงๆ

และแล้วเราก็มาถึงแค่ตอนเข้ามาถึงพอรถแล่นผ่านท่าเรือเข้ามาเราก็ต้องกรี๊ดกร๊าดเพราะเต็มไปด้วย
แสงไฟระยิบระยับสวยงาม ขนาดในอุโมงค์บนพื้นถนนยังเต็มไปแสงระยิบระยับเต็มไปหมด เสียดายถ่ายรูปนั้นมาไม่ทัน


โบสถ์เล็กๆในเมือง

ความหรูหราที่สัมผัสได้
บริเวณจัตุรัสกลางเมือง ก็จะมีคาสิโนหรูหราระยิบระยับ ล้อมรอบไปด้วยรถหรูๆที่จะมีเหล่า
เศรษฐีผลัดกันขับมาจอดโชว์หน้าคาสิโน แล้วก็จะมีคนมามุงถ่ายรูปประหนึ่งเป็นดาราฮอลลีวูด