ตามทฤษฎีแล้ว ประเทศที่จะมีสกุลเงินที่ใช้เป็นทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศ (reserve currency) หลักระดับ world currency ได้จะต้องมีคุณสมบัติครบทั้ง 3 ข้อดังนี้
1. จะต้องมีเศรษฐกิจที่มีขนาดใหญ่พอและมีเสถียรภาพ
2. เศรษฐกิจเป็นแบบเปิดเสรีและสกุลเงินต้องสามารถแลกเปลี่ยนเป็นสกุลเงินอื่นๆได้อย่างเสรี
3. ต้องมีความสามารถหรืออิทธิพลบารมีในการบังคับหรือโน้มน้าวให้ประเทศอื่นทำตามข้อตกลงตามสนธิสัญญา
ตอนนี้ ในโลกมีสกุลเงินที่เป็น primary reserve currencies อยู่ 2 สกุลคือ US dollar และ euro ส่วน reserve currencies หลักอื่นๆก็มี Pound sterling, Japanese yen, Canadian dollar, Australian dollar, Swiss franc และล่าสุดที่เพิ่มเข้ามาเมื่อปีที่แล้วคือ Chinese renminbi หรือเงินหยวน
แต่อย่างที่เราทราบกันว่าระบบการเงินของโลกถูกครอบงำโดยเงิน US dollar ซึ่งจะเห็นได้ชัดจากตารางสัดส่วนสกุลเงินต่างๆที่ใช้เป็น reserve currencies ดังนี้
ปัจจุบัน US dollar มีสัดส่วนใน global currency reserves ของโลกอยู่ถึงเกือบ 2 ใน 3 (64%) แม้จะมีความพยายามที่จะผลักดันให้เกิด world currency ขึ้นมาทดแทนก็ยังทำได้ยาก เนื่องจาก ไม่ว่าเราจะชอบหรือไม่ก็ตาม อเมริกายังคงความเป็นผู้นำระบบการเงินของโลกอย่างชัดเจนและมีคุณสมบัติสำคัญที่พูดถึงข้างต้นครบทั้ง 3 ข้อ
จีนแม้จะมีขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก (GDP ของสหรัฐอยู่ที่ประมาณ 18.6 ในขณะที่ของจีนอยู่ที่ 11.2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ) และจากคุณสมบัติสำคัญที่กล่าวมาทั้ง 3 ข้อ จีนพอจะสอบผ่านข้อ 1 ส่วนข้อ 3 หากความพยายามของจีนที่จะสร้างเสริมบารมีของตนด้วยการสร้างกลุ่มสนธิสัญญาการค้า เช่น RCEP (Regional Comprehensive Economic Partnership) หรือนโยบาย One Belt One Road (เส้นทางสายไหมเส้นใหม่) ที่จะช่วยขยายอิทธิพลทางเศรษฐกิจของจีนได้สำเร็จ จีนก็น่าจะก้าวขึ้นมาเป็นประเทศที่มีอิทธิพลและบารมีเทียบได้กับสหรัฐในอนาคต
แต่สิ่งที่เป็นอุปสรรคสำคัญอย่างแท้จริงต่อการที่เงินหยวนจะก้าวขึ้นมาท้าทาย US dollar คือการที่ประเทศต่างๆยังไม่เชื่อมั่นว่าจีนจะเปิดเสรีเศรษฐกิจของตนเองอย่างแท้จริง นอกจากนี้ ตราบใดที่จีนยังคงนโยบายการควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินตราอย่างเข้มงวดเหมือนในปัจจุบัน ก็ยากที่จะเอาชนะความเคลือบแคลงสงสัยของประเทศคู่ค้าได้
พูดถึงตรงนี้แล้ว ก็คงจะพอบอกได้ว่าหนทางที่เงินหยวนจะก้าวขึ้นเขย่าบัลลังก์ US dollar ได้ยังคงอีกยาวไกลครับ
เพื่อนสมาชิกที่สนใจจะอ่านรายละเอียดในเรื่องนี้ ลองตามลิงก์ข้างล่างนี้ไปศึกษาเพิ่มเติมได้เลยครับ
https://www.quora.com/Why-is-the-U-S-dollar-the-worlds-reserve-currency-What-properties-distinguish-it-as-a-reserve-currency-in-international-trade-What-does-the-dollar-or-the-United-States-economy-which-backs-it-have-that-other-currencies-do-not
https://en.wikipedia.org/wiki/Reserve_currency
เงินหยวนพร้อมจะก้าวขึ้นมาเขย่าบัลลังก์เงินดอลลาร์สหรัฐแล้วหรือ?
ตามทฤษฎีแล้ว ประเทศที่จะมีสกุลเงินที่ใช้เป็นทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศ (reserve currency) หลักระดับ world currency ได้จะต้องมีคุณสมบัติครบทั้ง 3 ข้อดังนี้
1. จะต้องมีเศรษฐกิจที่มีขนาดใหญ่พอและมีเสถียรภาพ
2. เศรษฐกิจเป็นแบบเปิดเสรีและสกุลเงินต้องสามารถแลกเปลี่ยนเป็นสกุลเงินอื่นๆได้อย่างเสรี
3. ต้องมีความสามารถหรืออิทธิพลบารมีในการบังคับหรือโน้มน้าวให้ประเทศอื่นทำตามข้อตกลงตามสนธิสัญญา
ตอนนี้ ในโลกมีสกุลเงินที่เป็น primary reserve currencies อยู่ 2 สกุลคือ US dollar และ euro ส่วน reserve currencies หลักอื่นๆก็มี Pound sterling, Japanese yen, Canadian dollar, Australian dollar, Swiss franc และล่าสุดที่เพิ่มเข้ามาเมื่อปีที่แล้วคือ Chinese renminbi หรือเงินหยวน
แต่อย่างที่เราทราบกันว่าระบบการเงินของโลกถูกครอบงำโดยเงิน US dollar ซึ่งจะเห็นได้ชัดจากตารางสัดส่วนสกุลเงินต่างๆที่ใช้เป็น reserve currencies ดังนี้
ปัจจุบัน US dollar มีสัดส่วนใน global currency reserves ของโลกอยู่ถึงเกือบ 2 ใน 3 (64%) แม้จะมีความพยายามที่จะผลักดันให้เกิด world currency ขึ้นมาทดแทนก็ยังทำได้ยาก เนื่องจาก ไม่ว่าเราจะชอบหรือไม่ก็ตาม อเมริกายังคงความเป็นผู้นำระบบการเงินของโลกอย่างชัดเจนและมีคุณสมบัติสำคัญที่พูดถึงข้างต้นครบทั้ง 3 ข้อ
จีนแม้จะมีขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก (GDP ของสหรัฐอยู่ที่ประมาณ 18.6 ในขณะที่ของจีนอยู่ที่ 11.2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ) และจากคุณสมบัติสำคัญที่กล่าวมาทั้ง 3 ข้อ จีนพอจะสอบผ่านข้อ 1 ส่วนข้อ 3 หากความพยายามของจีนที่จะสร้างเสริมบารมีของตนด้วยการสร้างกลุ่มสนธิสัญญาการค้า เช่น RCEP (Regional Comprehensive Economic Partnership) หรือนโยบาย One Belt One Road (เส้นทางสายไหมเส้นใหม่) ที่จะช่วยขยายอิทธิพลทางเศรษฐกิจของจีนได้สำเร็จ จีนก็น่าจะก้าวขึ้นมาเป็นประเทศที่มีอิทธิพลและบารมีเทียบได้กับสหรัฐในอนาคต
แต่สิ่งที่เป็นอุปสรรคสำคัญอย่างแท้จริงต่อการที่เงินหยวนจะก้าวขึ้นมาท้าทาย US dollar คือการที่ประเทศต่างๆยังไม่เชื่อมั่นว่าจีนจะเปิดเสรีเศรษฐกิจของตนเองอย่างแท้จริง นอกจากนี้ ตราบใดที่จีนยังคงนโยบายการควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินตราอย่างเข้มงวดเหมือนในปัจจุบัน ก็ยากที่จะเอาชนะความเคลือบแคลงสงสัยของประเทศคู่ค้าได้
พูดถึงตรงนี้แล้ว ก็คงจะพอบอกได้ว่าหนทางที่เงินหยวนจะก้าวขึ้นเขย่าบัลลังก์ US dollar ได้ยังคงอีกยาวไกลครับ
เพื่อนสมาชิกที่สนใจจะอ่านรายละเอียดในเรื่องนี้ ลองตามลิงก์ข้างล่างนี้ไปศึกษาเพิ่มเติมได้เลยครับ
https://www.quora.com/Why-is-the-U-S-dollar-the-worlds-reserve-currency-What-properties-distinguish-it-as-a-reserve-currency-in-international-trade-What-does-the-dollar-or-the-United-States-economy-which-backs-it-have-that-other-currencies-do-not
https://en.wikipedia.org/wiki/Reserve_currency