มีหลายคนแม้กระทั่งหลายสำนัก ต่างหล่นความเห็นกันไว้ต่างๆนาๆ
บ้างว่าจังหวะนั้น 50-50 หรือยังไงๆก็ต้องแดงสถานเดียว
แต่เราต้องไม่ลืมว่า เนื้อแท้ของภาษาฟุตบอล จริงๆมันมีอะไรมากกว่านั้น
1.ผู้ตัดสิน(เคร็ก พาร์สัน)
1 ในผู้ตัดสินที่ขึ้นชื่อเรื่องความเนี้ยบมากที่สุดคนหนึ่งในฤดูกาลนี้...เนี้ยบยังไง?
ลองไปดูสถิติการให้เหลืองแดงกันดูก็จะรู้ว่าเปาคนนี้ มีความโดดเด่นกว่าชาวบ้าน ด้วยจำนวนรวม 3 นัด แจกไป 20 เหลือง กับ 2 แดง (ลองทดแดงไว้ในใจก่อน แล้วลองสังเกตุแค่เหลือง) นั่นเป็นการบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่า ท่าน"เคล็ก"ที่ว่านี้ มีรูปแบบการตัดสินที่มีแนวโน้มไปทางปกป้องนักเตะ หรือเล่นนอกเกมส์ที่เจตนาดูรุนแรงเกินกว่าเหตุ
2.คู่กรณี(มาเน่-เอแดร์สัน)
จังหวะนี้ต้องบอกได้คำเดียวเลยว่า มันคือ "จังหวะของฟุตบอล"
ใครที่เคยเล่นระดับเมเจอร์หรือทัวน์นาเมนต์ จะมัธยม มหาลัย หรือลีคเล็กๆ ก็น่าจะพอเข้าใจได้ในจังหวะนี้...จังหวะมาต้องเล่น!!!
แต่การเลือกช็อตจะเล่นมากกว่า ที่เราควรมาดูกันว่ามันสมเหตุสมผลแค่ไหน
หากใครพอมีเวลาลองหารีเพลย์ย้อนหลังจังหวะแบบนี้ในแมตช์อื่นๆดูได้เลย...มันเคยมีจังหวะโกลพลาด!!! เพราะเลือกเล่นช็อตนั้นด้วยความตกใจ จีงทำให้ขาดไปหนึ่งจังหวะ สุดท้ายโดนฉกบอลไปยิงได้ในท้ายที่สุด
แต่ในวันนั้น ดันเป็นบอลโด่งสูงที่กระดอนพื้นอีกที เจตนาของทั้งคู่ ยังไงก็ต้องเล่น เพื่อชิงตัดจังหวะกัน แต่โมเมนตัมของบอลที่เดินทางแบบนั้น บวกกับมาเน่ที่ต้องวิ่งสวนไลน์กองหลัง ทำให้โฟกัสจึงอยู่แค่ที่บอลเป็นหลัก ทำให้ช็อตนั้น...
- การเล่นของเอแดร์สันดูมีความได้เปรียบ
- มาเน่ยกเท้าสูง แม้ชิงจังหวะได้ก็อาจฟาล์ว
- คู่แข่งได้รับอันตรายรุนแรงจากประทะ แม้ไม่ได้มีเจตนา
3.สภาพแวดล้อม
แล้ว ณ นาทีนั้น ด้วยสนามที่จุแฟนบอลได้กว่า 47,000 คน คงไม่ต้องนึกถึงความกระหึ่ม ไหนจะรวมทั้งจิตวิทยาของโค้ชทั้งสอง และอาการตกใจของนักเตะในสนามอีก
*แม้ตอนหลังทั้งเป๊ปและคล็อปจะให้สัมภาษณ์ว่าไม่ควรเป็นแดงก็ตาม
แต่ทั้งหมดทั้งมวลนี้ เจอโค้ชเนี้ยบๆ, จังหวะของมาเน่ที่ไม่สมควรเล่น ผสมกับแวดล้อมขนาดนี้ แม้แต่จะอุทธรณ์ก็ยังยากเลยครับ
ผมลองวิเคราะห์สนุกๆ อย่าด่ากันแรงนะจ๊ะ
ใครมีความเห็นยังไง...มาแลกเปลี่ยนกันได้เลยครับ
จังหวะนั้นของมาเน่..ดูยังไงก็ไม่ใช่ใบเหลือง
บ้างว่าจังหวะนั้น 50-50 หรือยังไงๆก็ต้องแดงสถานเดียว
แต่เราต้องไม่ลืมว่า เนื้อแท้ของภาษาฟุตบอล จริงๆมันมีอะไรมากกว่านั้น
1.ผู้ตัดสิน(เคร็ก พาร์สัน)
1 ในผู้ตัดสินที่ขึ้นชื่อเรื่องความเนี้ยบมากที่สุดคนหนึ่งในฤดูกาลนี้...เนี้ยบยังไง?
ลองไปดูสถิติการให้เหลืองแดงกันดูก็จะรู้ว่าเปาคนนี้ มีความโดดเด่นกว่าชาวบ้าน ด้วยจำนวนรวม 3 นัด แจกไป 20 เหลือง กับ 2 แดง (ลองทดแดงไว้ในใจก่อน แล้วลองสังเกตุแค่เหลือง) นั่นเป็นการบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่า ท่าน"เคล็ก"ที่ว่านี้ มีรูปแบบการตัดสินที่มีแนวโน้มไปทางปกป้องนักเตะ หรือเล่นนอกเกมส์ที่เจตนาดูรุนแรงเกินกว่าเหตุ
2.คู่กรณี(มาเน่-เอแดร์สัน)
จังหวะนี้ต้องบอกได้คำเดียวเลยว่า มันคือ "จังหวะของฟุตบอล"
ใครที่เคยเล่นระดับเมเจอร์หรือทัวน์นาเมนต์ จะมัธยม มหาลัย หรือลีคเล็กๆ ก็น่าจะพอเข้าใจได้ในจังหวะนี้...จังหวะมาต้องเล่น!!!
แต่การเลือกช็อตจะเล่นมากกว่า ที่เราควรมาดูกันว่ามันสมเหตุสมผลแค่ไหน
หากใครพอมีเวลาลองหารีเพลย์ย้อนหลังจังหวะแบบนี้ในแมตช์อื่นๆดูได้เลย...มันเคยมีจังหวะโกลพลาด!!! เพราะเลือกเล่นช็อตนั้นด้วยความตกใจ จีงทำให้ขาดไปหนึ่งจังหวะ สุดท้ายโดนฉกบอลไปยิงได้ในท้ายที่สุด
แต่ในวันนั้น ดันเป็นบอลโด่งสูงที่กระดอนพื้นอีกที เจตนาของทั้งคู่ ยังไงก็ต้องเล่น เพื่อชิงตัดจังหวะกัน แต่โมเมนตัมของบอลที่เดินทางแบบนั้น บวกกับมาเน่ที่ต้องวิ่งสวนไลน์กองหลัง ทำให้โฟกัสจึงอยู่แค่ที่บอลเป็นหลัก ทำให้ช็อตนั้น...
- การเล่นของเอแดร์สันดูมีความได้เปรียบ
- มาเน่ยกเท้าสูง แม้ชิงจังหวะได้ก็อาจฟาล์ว
- คู่แข่งได้รับอันตรายรุนแรงจากประทะ แม้ไม่ได้มีเจตนา
3.สภาพแวดล้อม
แล้ว ณ นาทีนั้น ด้วยสนามที่จุแฟนบอลได้กว่า 47,000 คน คงไม่ต้องนึกถึงความกระหึ่ม ไหนจะรวมทั้งจิตวิทยาของโค้ชทั้งสอง และอาการตกใจของนักเตะในสนามอีก
*แม้ตอนหลังทั้งเป๊ปและคล็อปจะให้สัมภาษณ์ว่าไม่ควรเป็นแดงก็ตาม
แต่ทั้งหมดทั้งมวลนี้ เจอโค้ชเนี้ยบๆ, จังหวะของมาเน่ที่ไม่สมควรเล่น ผสมกับแวดล้อมขนาดนี้ แม้แต่จะอุทธรณ์ก็ยังยากเลยครับ
ผมลองวิเคราะห์สนุกๆ อย่าด่ากันแรงนะจ๊ะ
ใครมีความเห็นยังไง...มาแลกเปลี่ยนกันได้เลยครับ