สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 8
คนที่ใกล้ๆผมคนหนึ่งเป็นเซลล์บริษัทขายสารเคมี แต่งงานกับสาวเชียงใหม่ค่าสินสอดสองแสนบาท และตนเองไปทำงานที่กรุงเทพ
และผู้หญิงก็หนีตามผู้ชายอื่นไปหลายเดือน สามีแค้นจะเอาปืนไปยิง คนรู้จักจึงพากันห้าม แต่ตอนนี้ผ่านมาสองปีแล้ว
ผู้ชายที่เป็นชู้ มันไม่รับผิดชอบผู้หญิง ตอนนี้ผู้หญิงกลับมาอยู่กับสามีแล้ว และเราถามว่าไม่โกรธภรรยาหรือ เห็นเขาเฉยๆนะ ไม่ยอมตอบเรา
>จขกท ครับชีวิตจริงไม่เหมือนในละครครับ จงคิดใหม่นะครับ
>คำที่จะสอนคือ ธรรมทั้งปวงเป็น อนัตตา(หาสภาวะที่แท้จริงไม่ได้) เธอไม่ควรยึดมั่นถือมั่น ธรรมอันนี้คืออะไร
>หมายความว่า เรื่องทุกเรื่องในโลกนี้ ยึดถืออะไรไม่ได้เลย เช่น ยึดถือว่าสามีของเรา ยึดถือว่าภรรยาของเรา ยึดถือว่าเรามีเกียรติ
ของๆเราจักมีแต่ที่ไหน มีแค่มนุษย์เราสมมติกันขึ้นมาเท่านั้น เช่น สมมติว่าภรรยาของเรา สมมติว่าสามีของเรา อันนี้เป็นแค่สมมติเท่านั้น ไม่มีอะไรเป็นของเราเลย สามีหรือภรรยาก็เป็นเพียง "สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดหนึ่งที่ยืนได้เท่านั้น" จงทำความเข้าใจให้ได้ว่า สัตว์นั้นธรรมชาติเป็นอย่างไร ก็สิ่งที่เราเห็น สิ่งที่เราได้ยินเป็นธรรมชาติของสัตว์ครับ แต่เพียงแค่มนุษย์เรา สมมติกันออกมาในแบบเป็นรูปของครอบครัว แต่ภายในจิตซ่อนความเป็นธรรมชาติของสัตว์ไว้ แต่ถ้าเราไปยึดถือ ความทุกข์ก็จะเกิดขึ้น เพราะเรายึดถือสิ่งที่ขัดแย้งความเป็นจริง หญิงหรือชายต่างก็พากันหิวทั้งเรื่องของอาหาร หิวในเรื่องเพศ ที่เรายึดถือว่าเป็นบุตรหรือภรรยาของเรา แท้จริงนั้นก็เป็นแค่เพียงสังคมของมนุษย์เราแบ่งแยกกันเอง เพื่อที่จะอยู่ร่วมกันได้โดยสะดวกเท่านั้น ความจริงไม่ได้เป็น อย่างที่เรายึดถือ
>ทางแก้ไขในเรื่องนี้ไม่มี แต่ จขกท จะทำอะไรก็แล้วแต่ตัวของ จขกท เอง ตัวเราไม่กล่าวว่าใครผิดใครถูกและไม่แนะนำให้ใครทำอะไรทั้งนั้น
>แต่สิ่งที่จะแนะนำก็คือ ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ไม่ควรยึดถือ เพราะมันไม่ใช่ความเป็นจริง เป็นเพียงแค่มนุษย์เรา สมมติกันขึ้นมาเท่านั้น
และผู้หญิงก็หนีตามผู้ชายอื่นไปหลายเดือน สามีแค้นจะเอาปืนไปยิง คนรู้จักจึงพากันห้าม แต่ตอนนี้ผ่านมาสองปีแล้ว
ผู้ชายที่เป็นชู้ มันไม่รับผิดชอบผู้หญิง ตอนนี้ผู้หญิงกลับมาอยู่กับสามีแล้ว และเราถามว่าไม่โกรธภรรยาหรือ เห็นเขาเฉยๆนะ ไม่ยอมตอบเรา
>จขกท ครับชีวิตจริงไม่เหมือนในละครครับ จงคิดใหม่นะครับ
>คำที่จะสอนคือ ธรรมทั้งปวงเป็น อนัตตา(หาสภาวะที่แท้จริงไม่ได้) เธอไม่ควรยึดมั่นถือมั่น ธรรมอันนี้คืออะไร
>หมายความว่า เรื่องทุกเรื่องในโลกนี้ ยึดถืออะไรไม่ได้เลย เช่น ยึดถือว่าสามีของเรา ยึดถือว่าภรรยาของเรา ยึดถือว่าเรามีเกียรติ
ของๆเราจักมีแต่ที่ไหน มีแค่มนุษย์เราสมมติกันขึ้นมาเท่านั้น เช่น สมมติว่าภรรยาของเรา สมมติว่าสามีของเรา อันนี้เป็นแค่สมมติเท่านั้น ไม่มีอะไรเป็นของเราเลย สามีหรือภรรยาก็เป็นเพียง "สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดหนึ่งที่ยืนได้เท่านั้น" จงทำความเข้าใจให้ได้ว่า สัตว์นั้นธรรมชาติเป็นอย่างไร ก็สิ่งที่เราเห็น สิ่งที่เราได้ยินเป็นธรรมชาติของสัตว์ครับ แต่เพียงแค่มนุษย์เรา สมมติกันออกมาในแบบเป็นรูปของครอบครัว แต่ภายในจิตซ่อนความเป็นธรรมชาติของสัตว์ไว้ แต่ถ้าเราไปยึดถือ ความทุกข์ก็จะเกิดขึ้น เพราะเรายึดถือสิ่งที่ขัดแย้งความเป็นจริง หญิงหรือชายต่างก็พากันหิวทั้งเรื่องของอาหาร หิวในเรื่องเพศ ที่เรายึดถือว่าเป็นบุตรหรือภรรยาของเรา แท้จริงนั้นก็เป็นแค่เพียงสังคมของมนุษย์เราแบ่งแยกกันเอง เพื่อที่จะอยู่ร่วมกันได้โดยสะดวกเท่านั้น ความจริงไม่ได้เป็น อย่างที่เรายึดถือ
>ทางแก้ไขในเรื่องนี้ไม่มี แต่ จขกท จะทำอะไรก็แล้วแต่ตัวของ จขกท เอง ตัวเราไม่กล่าวว่าใครผิดใครถูกและไม่แนะนำให้ใครทำอะไรทั้งนั้น
>แต่สิ่งที่จะแนะนำก็คือ ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ไม่ควรยึดถือ เพราะมันไม่ใช่ความเป็นจริง เป็นเพียงแค่มนุษย์เรา สมมติกันขึ้นมาเท่านั้น
ความคิดเห็นที่ 1
- มีอะไรกับคนอื่น
- เอาเรื่องมาบอกคุณ ทั้งๆที่คุณอยู่ในคุก โคตรบั่นทอน
คนที่อยู่ในคุกทำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว เพื่อนให้ปรับทุกข์ก็ไม่มี รับรู้เรื่องแบบนี้ก็ยิ่งทรมาน
- วันที่ปล่อยตัว ไม่มารับ ปล่อยให้กลับบ้านอย่างโดดเดี่ยว
- ปล่อยให้ชู้ขโมยรถคุณไป ถึงจะแจ้งความ แต่มันก็น่าโมโห แสดงว่า เขามีชู้ พาชู้มานอนที่บ้าน
มาใช้ของๆคุณ กี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็ไม่รู้ จนมันเอารถไปได้ ดูให้ดีๆนะ อาจจะไม่ใช่แค่รถก็ได้ ของเล็กๆน้อยๆยังอยู่ดีหรือเปล่า
- คุณมีลูกกับเขา ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ลูกจะรู้สึกยังไง พ่อติดคุก แม่มีชู้ ชู้แม่ขโมยรถพ่อไป
บางทีตอนที่คุณไม่อยู่ ลูกอาจเห็นทุกอย่าง และไม่รู้ว่า โดนกระทำอะไรบ้าง ตอนที่คุณไม่อยู่
คุณจะรักใครก็ได้นะ แต่ถ้าจะเลือกคู่ชีวิต คนที่นอนร่วมเตียงเดียวกัน
อย่าเลือกคนที่ไม่รักคุณ ไม่งั้นมันจะเป็นภัยกับตัวคุณเอง
- เอาเรื่องมาบอกคุณ ทั้งๆที่คุณอยู่ในคุก โคตรบั่นทอน
คนที่อยู่ในคุกทำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว เพื่อนให้ปรับทุกข์ก็ไม่มี รับรู้เรื่องแบบนี้ก็ยิ่งทรมาน
- วันที่ปล่อยตัว ไม่มารับ ปล่อยให้กลับบ้านอย่างโดดเดี่ยว
- ปล่อยให้ชู้ขโมยรถคุณไป ถึงจะแจ้งความ แต่มันก็น่าโมโห แสดงว่า เขามีชู้ พาชู้มานอนที่บ้าน
มาใช้ของๆคุณ กี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็ไม่รู้ จนมันเอารถไปได้ ดูให้ดีๆนะ อาจจะไม่ใช่แค่รถก็ได้ ของเล็กๆน้อยๆยังอยู่ดีหรือเปล่า
- คุณมีลูกกับเขา ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ลูกจะรู้สึกยังไง พ่อติดคุก แม่มีชู้ ชู้แม่ขโมยรถพ่อไป
บางทีตอนที่คุณไม่อยู่ ลูกอาจเห็นทุกอย่าง และไม่รู้ว่า โดนกระทำอะไรบ้าง ตอนที่คุณไม่อยู่
คุณจะรักใครก็ได้นะ แต่ถ้าจะเลือกคู่ชีวิต คนที่นอนร่วมเตียงเดียวกัน
อย่าเลือกคนที่ไม่รักคุณ ไม่งั้นมันจะเป็นภัยกับตัวคุณเอง
ความคิดเห็นที่ 3
ตลอดระยะเวลาที่คุณถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ คุณเองก็ไม่ได้ดูแลแฟนของคุณ คุณเคยสนใจสอบถามแฟนคุณบ้างรึเปล่าว่าใช้ชีวิตอยู่ยังไง ลำบากมั้ยเมื่อคุณไม่อยู่ แต่ยังไงก็ตามมันก็เป็นเพียงเรื่องที่ผ่านไปแล้ว
มันอยู่ที่ว่า ปัจจุบัน คุณยังคิดจะใช้ชีวิตร่วมกับผู้หญิงที่คุณบอกว่ารักอีกรึเปล่า
ถ้าคุณยังอยากใช้ชีวิตครอบครัวกับเธอ คุณก็แค่เข้าใจว่ามีคนเข้ามาทำหน้าที่แทนคุณในวันที่คุณไม่อยู่ และเริ่มต้นชีวิตครอบครัวกันนับตั้งแต่วันนี้ วันที่คุณได้โอกาสดูแลเธออีกครั้ง
แต่ถ้าคุณยังยืนยันว่า เรื่องที่เกิดขึ้น คุณทำใจยอมรับมันไม่ได้ ก็ขอให้ออกจากชีวิตของเธอซะ เพราะคุณจะไม่มีทางเปลี่ยนความจริงได้
อยู่ที่คุณจะเลือก ว่าคุณจะอยู่หรือคุณจะไป
มันอยู่ที่ว่า ปัจจุบัน คุณยังคิดจะใช้ชีวิตร่วมกับผู้หญิงที่คุณบอกว่ารักอีกรึเปล่า
ถ้าคุณยังอยากใช้ชีวิตครอบครัวกับเธอ คุณก็แค่เข้าใจว่ามีคนเข้ามาทำหน้าที่แทนคุณในวันที่คุณไม่อยู่ และเริ่มต้นชีวิตครอบครัวกันนับตั้งแต่วันนี้ วันที่คุณได้โอกาสดูแลเธออีกครั้ง
แต่ถ้าคุณยังยืนยันว่า เรื่องที่เกิดขึ้น คุณทำใจยอมรับมันไม่ได้ ก็ขอให้ออกจากชีวิตของเธอซะ เพราะคุณจะไม่มีทางเปลี่ยนความจริงได้
อยู่ที่คุณจะเลือก ว่าคุณจะอยู่หรือคุณจะไป
แสดงความคิดเห็น
ผม "บ้า" หรือป่าวครับ ? ที่ยังทนใช้ชีวิตคู่กับผู้หญิงคนนี้
ก่อนอื่นเลย ผมกับแฟน เริ่มคบกันเมื่อปี 2551 ครับ ก็ได้อยู่กินด้วยกัน โดยที่ไม่ได้จดทะเบียนนะครับ จนปี 2553 ผมกับแฟนก็มีลูกด้วยกัน 1คน ครับ จากนั้น ก็ได้ต่อสู้ชีวิต และ ฝ่าฟันปัญหาต่างๆ จนเริ่มมีฐานะในระดับนึงครับ จนปี 2558 ผมประสบปัญหาหนึ่ง คือ ผม "ติดคุก" ครับ !
ยอมรับนะครับ ว่าได้ทำผิดจริงผมก็ได้รับชะตากรรมของตัวเอง โดนศาลท่านตัดสินลงโทษจำคุก 4 ปี รับสาระภาพ ลดโทษกึ่งหนึ่ง เหลือ จำคุก "2ปี"
ระหว่างที่ผมอยู่ในคุก แฟนผมมาเยี่ยมผมตลอด
ช่วง 1-2 เดือน แรก (อาทิตย์ละ 1-2 ครั้งครับ)
3-6 เดือน (อาทิตย์เว้นอาทิตย์)
6เดือน 1 ปี เดือน เว้นเดือนครับ
ในช่วงระหว่างที่ผมติดได้ครึ่งทาง ระหว่างที่มาเยี่ยม แฟนได้บอกสิ่งหนึ่ง ที่ทำให้ "กำลังใจ" หรือ ทุกๆอย่างของผม "ดับวูบ" ไปเลยครับ คือแฟนมาบอกว่า
" กุขอโทษ กุไปมีอะไรกับคนอื่นแล้ว แต่กุสัญญาว่ากุจะรอ กูจะไม่สร้างครอบครัวใหม่ "
คำนี้ สำหรับคนข้างใน เหมือนเอา ไม้ใหญ่มาตีหัวเลยครับ คือวันนั้นหมดเวลาเยี่ยม คือผมเดินกลับแดนแบบว่า "หน้ามืด" เลยครับ คิดอะไรไม่ถูกเลย
แต่แฟนก็มาเยี่ยมเรื่อยๆนะครับ คือ ผมกับเค้า จะไม่พูดเรื่องวันนั้นอีกเลยครับ จะคุยถามสาระทุกข์ สุข กันมากกว่า สนุกสนาน เฮฮาบ้าง
ด้วยอยากให้เค้ารู้ว่า เราอยู่ได้ เราอยู่ไหว จนครบ 2 ปี วันที่ผมปล่อยตัว นัดกันแล้ว ว่าแฟนจะมารับ แต่สุดท้าย "ไม่มา" ครับ !
เลยตัดสินใจโทรไปหาแฟน แฟนก็บอกให้มาหาที่บ้าน ผมก็กลับไปหา คือ ทุกอย่างเหมือนปกติเลยครับ เหมือนผมกลับมาแล้ว มาเป็น สามีเค้าเหมิอนเดิม คือนับจากวันนี้ ก็ผ่านมา "3 เดือน" แล้วครับ แต่ทุกวันผมยังคิดเรื่องนี้อยู่เลยครับ เพราะหลังจากที่ผมสือหาความจริง
แฟนไปมีอะไรกับคนอื่นจริงๆด้วยครับ
คือ ถามว่ารักแฟนไหม ? รักมากครับ ไม่อยากไปไหนเลยครับ แต่เหตุการณ์นี้ มันทำผม "ลืม" ไม่ได้จริงๆครับ
ใครเคยมีเหตุการณ์แบบนี้ิ พอจะมีข้อแนะนำบ้างไหมครับ บอกตรงๆครับ "ทรมานมาก"
ป.ล. ลืมบอกครับ ระหว่างที่ผมติดคุก รถผม ก็ถูกขโมยไปด้วยครับ ซึ่งไม่ใช้ใครอื่น ก็คนที่แฟนผมเคยคุยด้วยและคบด้วยตอนผมติดคุกนั้นหล่ะครับ แต่แฟนแจ้งความไปแล้วครับ จนตอนนี้ยังไม่คืบหน้าเลยครับ เป็นอีกหนึ่งประเดนที่เพิ่มทำให้ผม รู้สึก ต้องมาตั้งกระทู้ ครับ