The Founder
Director : John Lee Hancock
เชื่อว่า McDonald คงเป็นชื่อที่คุ้นหูคนไทยมานาน แต่เรื่องราวการก่อตั้งอาจจะเป็นเรื่องที่ไม่เคยพูดถึงกันเท่าไหร่เลยในบ้านเรา จนวันนี้มีหนังเรื่องนึงออกมาเล่าถึงประวัติของ Fast Food ชื่อดังเจ้านี้ แต่มันไม่ใช่ชีวประวัติธรรมดา และมันไม่ได้เกิดมาจากความสวยงามเท่าใดนัก
The Founder เล่าเรื่องของนาย Ray Kroc (Michael Keaton) ชายวัยใกล้เกษียณที่ไม่เคยหยุดทำงาน โดยงานล่าสุดที่เค้าทำคือการขายเครื่องทำ Milkshake จนวันนึงเค้าได้รับ Order เครื่อง Milkshake ที่ไม่มีใครต้องการถึง 8 เครื่อง โดยที่ร้านนั้นอยู่ที่ L.A. จน Kroc ต้องดิ่งไปหาและพบว่าร้านนั้นมีชื่อว่า McDonald โดยเป็นร้านที่ขายเพียง Burger มันทอด และน้ำ แต่มีคนรอยาวเหยียดและ 1 Order ใช้เวลาเพียงไม่ถึง 1 นาที!!!! ณ นาทีนั้นเอง Kroc ก็ได้รู้ว่า นี่แหละอนาคตของเค้า และบอกตัวเองว่าต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ร้านนี้มา….ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหน
นอกเหนือจากที่จะได้รู้ความเป็นมาของร้าน McDonald แล้วหนังเรื่องนี้เป็นเหมือนการย่อย “หลักการตลาด” “หลักการทำธุรกิจ” และ “ความเป็นมนุษย์” ออกมาในรูปแบบภาพยนตร์บันเทิง เพราะตลอดเวลา 1:55 ชม. ที่หนังเล่าไม่มีนาทีไหนเลยที่น่าเบื่อ เพราะตลอดระยะเวลาที่หนังเล่าเรื่อง หนังใส่บทและเรื่องราวให้คนดูอิน และ รู้สึกร่วมไปกับมันอย่างเต็มที่
ที่ว่าหนังเรื่องนี้น่าสนใจตลอดเพราะหนังเรื่องนี้ใส่ความบันเทิงแบบตัวโกงและตัวดีเข้าไป โดยหนังให้บทของ Ray Kroc เป็นผู้กระทำ ทั้งในแง่กระทำต่อร้าน McDonald ในแง่การค้นพบและทำให้ยิ่งใหญ่ และกระทำต่อ พี่น้องเจ้าของ McDonald ตัวจริง ที่ในเรื่องนี้ให้บทเป็นผู้ถูกกระทำอย่างชัดเจน ทั้งการโดนเอารัดเอาเปรียบ การไม่ทันเล่ห์เลี่ยม ซึ่งการทำแบบนี้ก็ทำให้หนังดูง่ายสามารถเข้าถึงได้ทุกเพศทุกวัย
แต่หนังก็ไม่ได้ใส่ความสนุกมาจนกลบมิติที่หนังอยากนำเสนอ เรื่องการเป็นผู้ค้นพบและทำให้ยิ่งใหญ่ของตัว Ray Kroc นั้นน่ายกย่องถึง Vision ที่เค้ามองเห็น รวมถึงประเด็นที่ว่าด้วยเรื่องของการมี Partner และคู่คิดที่รู้ใจ และสนับสนุนให้ก้าวหน้า และความเข้าใจในโลกธุรกิจอันโหดร้าย และเมื่อหนังใส่ความเป็นตัวร้ายเข้าไปบทบาทนี้จึงมีสีสันขึ้นมาอย่างมากมาย คือเป็นคนที่น่ายกย่องและน่ารังเกียจในตัวเดียวกันเลย
และด้วยบทแบบนี้ต้องยกความดีความชอบเกือบทั้งหมดให้กับฝีไม้ลายมือของ Michael Keaton คือเล่นได้เจ้าเล่ห์ขี้โกงมากกกก มากจนเราอินไปเลย หรือแม้แตในมุมหว้าเหว่ หรือพ่ายแพ้ในช่วงแรกๆ ก็อดไม่ได้เลยที่เราจะสงสารและเอาใจช่วย และก็กลับมาเกลียดอีกรอบ 555 (รอยยิ้ม
สุดยอดจริงๆ)
และแม้ว่าบทสรุปสุดท้ายจะขัดใจคนดูที่อยากให้ธรรมะชนะอธรรม เพราะในชีวิตจริงนั้น หลายๆ ครั้งธรรมะและอธรรมก็เป็นคนๆ เดียวกัน โลกของธุรกิจจึงไม่ได้มีคนดีหรือคนเลว มีเพียงผู้ชนะหรือผู้แพ้เท่านั้น และสำหรับเราคิดว่าเรื่องนี้ถ่ายทอดประเด็นนี้ออกมาได้ดีและดูง่ายมากๆ ซึ่งอันนี้เราชอบมากๆ มันเหมือนเราดูละครหลังข่าวที่น่าสนุกติดตามและแฝงแง่คิดดีเหลือเกิน
จึงเป็นหนังอีกเรื่องนึงในช่วงนี้ที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง ทั้งเรื่องความสนุก แง่คิด ในมุมเนื้อเรื่อง การแสดงเทพๆ ของ Michael Keaton หรือในมุมการสร้างทั้งในเรื่อง Production ทั้งเรื่อง Location และเสื้อผ้าที่ย้อนยุคไปก็ทำได้เป็นอย่างดี คือรับประกันว่าดูเพลินดูสนุกอย่างแน่นอน
แนะนำครับ
#คุปต้าซีเนม่า
ฝากเพจด้วยครับ
https://www.facebook.com/KuptaReview/
[CR] The Founder #คุปต้าซีเนม่า
Director : John Lee Hancock
เชื่อว่า McDonald คงเป็นชื่อที่คุ้นหูคนไทยมานาน แต่เรื่องราวการก่อตั้งอาจจะเป็นเรื่องที่ไม่เคยพูดถึงกันเท่าไหร่เลยในบ้านเรา จนวันนี้มีหนังเรื่องนึงออกมาเล่าถึงประวัติของ Fast Food ชื่อดังเจ้านี้ แต่มันไม่ใช่ชีวประวัติธรรมดา และมันไม่ได้เกิดมาจากความสวยงามเท่าใดนัก
The Founder เล่าเรื่องของนาย Ray Kroc (Michael Keaton) ชายวัยใกล้เกษียณที่ไม่เคยหยุดทำงาน โดยงานล่าสุดที่เค้าทำคือการขายเครื่องทำ Milkshake จนวันนึงเค้าได้รับ Order เครื่อง Milkshake ที่ไม่มีใครต้องการถึง 8 เครื่อง โดยที่ร้านนั้นอยู่ที่ L.A. จน Kroc ต้องดิ่งไปหาและพบว่าร้านนั้นมีชื่อว่า McDonald โดยเป็นร้านที่ขายเพียง Burger มันทอด และน้ำ แต่มีคนรอยาวเหยียดและ 1 Order ใช้เวลาเพียงไม่ถึง 1 นาที!!!! ณ นาทีนั้นเอง Kroc ก็ได้รู้ว่า นี่แหละอนาคตของเค้า และบอกตัวเองว่าต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ร้านนี้มา….ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหน
นอกเหนือจากที่จะได้รู้ความเป็นมาของร้าน McDonald แล้วหนังเรื่องนี้เป็นเหมือนการย่อย “หลักการตลาด” “หลักการทำธุรกิจ” และ “ความเป็นมนุษย์” ออกมาในรูปแบบภาพยนตร์บันเทิง เพราะตลอดเวลา 1:55 ชม. ที่หนังเล่าไม่มีนาทีไหนเลยที่น่าเบื่อ เพราะตลอดระยะเวลาที่หนังเล่าเรื่อง หนังใส่บทและเรื่องราวให้คนดูอิน และ รู้สึกร่วมไปกับมันอย่างเต็มที่
ที่ว่าหนังเรื่องนี้น่าสนใจตลอดเพราะหนังเรื่องนี้ใส่ความบันเทิงแบบตัวโกงและตัวดีเข้าไป โดยหนังให้บทของ Ray Kroc เป็นผู้กระทำ ทั้งในแง่กระทำต่อร้าน McDonald ในแง่การค้นพบและทำให้ยิ่งใหญ่ และกระทำต่อ พี่น้องเจ้าของ McDonald ตัวจริง ที่ในเรื่องนี้ให้บทเป็นผู้ถูกกระทำอย่างชัดเจน ทั้งการโดนเอารัดเอาเปรียบ การไม่ทันเล่ห์เลี่ยม ซึ่งการทำแบบนี้ก็ทำให้หนังดูง่ายสามารถเข้าถึงได้ทุกเพศทุกวัย
แต่หนังก็ไม่ได้ใส่ความสนุกมาจนกลบมิติที่หนังอยากนำเสนอ เรื่องการเป็นผู้ค้นพบและทำให้ยิ่งใหญ่ของตัว Ray Kroc นั้นน่ายกย่องถึง Vision ที่เค้ามองเห็น รวมถึงประเด็นที่ว่าด้วยเรื่องของการมี Partner และคู่คิดที่รู้ใจ และสนับสนุนให้ก้าวหน้า และความเข้าใจในโลกธุรกิจอันโหดร้าย และเมื่อหนังใส่ความเป็นตัวร้ายเข้าไปบทบาทนี้จึงมีสีสันขึ้นมาอย่างมากมาย คือเป็นคนที่น่ายกย่องและน่ารังเกียจในตัวเดียวกันเลย
และด้วยบทแบบนี้ต้องยกความดีความชอบเกือบทั้งหมดให้กับฝีไม้ลายมือของ Michael Keaton คือเล่นได้เจ้าเล่ห์ขี้โกงมากกกก มากจนเราอินไปเลย หรือแม้แตในมุมหว้าเหว่ หรือพ่ายแพ้ในช่วงแรกๆ ก็อดไม่ได้เลยที่เราจะสงสารและเอาใจช่วย และก็กลับมาเกลียดอีกรอบ 555 (รอยยิ้มสุดยอดจริงๆ)
และแม้ว่าบทสรุปสุดท้ายจะขัดใจคนดูที่อยากให้ธรรมะชนะอธรรม เพราะในชีวิตจริงนั้น หลายๆ ครั้งธรรมะและอธรรมก็เป็นคนๆ เดียวกัน โลกของธุรกิจจึงไม่ได้มีคนดีหรือคนเลว มีเพียงผู้ชนะหรือผู้แพ้เท่านั้น และสำหรับเราคิดว่าเรื่องนี้ถ่ายทอดประเด็นนี้ออกมาได้ดีและดูง่ายมากๆ ซึ่งอันนี้เราชอบมากๆ มันเหมือนเราดูละครหลังข่าวที่น่าสนุกติดตามและแฝงแง่คิดดีเหลือเกิน
จึงเป็นหนังอีกเรื่องนึงในช่วงนี้ที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง ทั้งเรื่องความสนุก แง่คิด ในมุมเนื้อเรื่อง การแสดงเทพๆ ของ Michael Keaton หรือในมุมการสร้างทั้งในเรื่อง Production ทั้งเรื่อง Location และเสื้อผ้าที่ย้อนยุคไปก็ทำได้เป็นอย่างดี คือรับประกันว่าดูเพลินดูสนุกอย่างแน่นอน
แนะนำครับ
#คุปต้าซีเนม่า
ฝากเพจด้วยครับ
https://www.facebook.com/KuptaReview/