[CR] The King of Comedy #คุปต้าซีเนม่า

The King of Comedy (1982)
Director : Martin Scorsese

     กล่าวกันว่ามนุษย์เป็นสัตว์เพียงประเภทเดียวที่สามารถคิดแบบ 2 ชั้นได้ มนุษย์จึงสามารถเข้าใจในมุกตลกได้ แต่เมื่อลงลึกไปกว่านั้นจะพบว่ามีมนุษย์เพียงไม่กี่คน ที่สามารถถ่ายทอดความตลกออกมาได้ เช่นเดียวกับตัวละครจากหนังเรื่องนี้


     The King of Comedy เล่าถึง Rupert Pupkin (Robert De Niro) ชายผู้ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ไปสู่เป้าหมายสูงสุดในชีวิต คือการเป็นดาราตลกทางทีวี โดยมี Jerry Langford (Jerry Lewis) เป็นเหมือนไอดอล และเป้าหมายของเค้า แต่ด้วยชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ โดยเฉพาะในสังคมที่มีเรื่องชนชั้นและข้อจำกัดในโอกาส Pupkin จึงต้องทำทุกวิถีทาง เท่าที่ชายคนนึงจะทำได้ ไม่ว่าลูกตื้อ ความหน้าด้าน ความมุ่งมั่น หรือแม้แต่สิ่งที่ต้องผิดกฎหมายก็ตามเพื่อที่วันหนึ่งเค้าจะถูกเรียกว่าเป็น King of Comedy

     เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ Martin Scorsese พาเราติดตามและงมดิ่งไปยังจิตใจของมนุษย์ ผ่านเรื่องราวที่แทบจะเรียกได้ว่าย้อนแย้งที่สุดบนโลกใบนี้ นั่นคือ "ความตลก" เพราะหากลองคิดดูดีๆ หลายๆ มุขตลกที่เราได้ยินหรือได้ฟังมานั้นมันคือ ความทุกข์ที่แปลงสภาพผ่านกาลเวลามาและชีวิตส่วนตัวของดาราตลกหลายๆ คนนั้น ก็เป็นการแปลงสภาพของความทุกข์ในรูปแบบหนึ่งเช่นกัน


     หากมองแค่ในเรื่องเนื้อหาที่หนังถ่ายทอดก็จะพบว่าเป็นเพียงความยุ่งเหยิงอลม่านของชีวิตชายหนึ่งคนที่ต้องการไปสู่จุดสูงสุดโดยไม่สนวิธีการ และทำไปด้วยความเชื่อและซื่อตรงมากที่สุด

     แต่เมื่อมองลึกลงไปในตัวละครของ Pupkin จะพบว่ามีหลายมิติที่น่าสนใจ หรือแม้แต่สงสารทีเดียว เริ่มจากการที่ Scorsese นำเสนอตัวละคร Pupkin ให้เป็นคนที่มีความคิดอ่านแบบที่คนดูอย่างๆ อยากจะไปเขกกะโหลกกับความไม่มีกาลเทศะ หรือ การคิดง่ายๆ สั้นๆ แต่ในขณะเดียวกันก็สะท้อนมุมมองอีกฝั่งที่เป็นในแง่โอกาสในสังคมซึ่งแน่นอนว่าไม่ได้มีพื้นที่ให้กับคนที่วันๆ เอาแต่มโนและหลงตัวเองอย่างเค้า แต่ลึกลงไปเราจะพบความมุ่งมั่นและตั้งมั่นในเป้าหมายเพื่อที่จะผลักดันตัวเองไปสู่จุดสูง และพิสูจให้คนที่เค้ารักเห็น


หนังถ่ายทอดความเป็นคนที่ไม่สำคัญออกมาผ่านจุดเล็กๆ ที่ไม่ค่อยจะมีใครจำชื่อหรือเรียกชื่อของ Pupkin ได้ถูกเท่าไหร่เหมือนว่าชื่อนี้ก็ไม่ได้สำคัญอะไรกับเรา และที่เราชอบมากอีกจุดหนึ่งคือการที่หนังเล่าความมโนของ Pupkin สลับกับความจริงทำให้บางครั้งเราก็เผลอเคลิ้มหรือเอะใจไปกับเรื่องราวของหนังได้ดี

     และเมื่อดูตัวละครอย่าง Jerry ก็จะพบอีกมุมมองหนึ่ง ตัวละคร Jerry ทำให้เราเห็นว่าความตลกบางครั้งก็เป็นเพียงหน้าที่หรืองานเท่านั้น เพราะเมื่ออยู่หลังกล้อง Jerry จะกลายร่างเป็นเพียงชายสูงอายุที่มีนิสัยเงียบ เก็บตัว ละร้ายบ้างในบางครั้ง ซึ่งประเด็นนี้มันสามารถสะท้อนความมายาของวงการนี้ออกมาได้ดีมาก เหมือนคำกล่าวที่ว่า "อะไรก็ตามที่ออกมาทางทีวี ไม่มีอะไรจริง 100%"


     แม้ว่าบทสรุปสุดท้ายจะออกมาในแบบค่อนข้างที่จะ Happy End ก็ตาม แต่หนังก็ให้เรื่องผลกรรมแบบเหมาะสมเข้าใจได้ แต่แน่นอนว่าจุดสำคัญของเรื่องนี้มันเป็นเรื่องราวระหว่างทางมากกว่าที่เป็นเหมือนหัวใจของ Martin Scorsese

โดยรวมแล้ว The King of Comedy เป็นตัวแทนของการเฝ้ามองชีวิตคนๆ หนึ่ง ที่เดินทางจากจุดเล็กที่สุด ไปสู่จุดสูงสุดของเค้าผ่านการเดินทางที่อลหม่านและน่าเฝ้ามองเป็นที่สุด

ขอทิ้งท้ายด้วยประโยคๆ หนึ่งที่ Pupkin พูดออกมา ซึ่งสามารถสะท้อนทุกอย่างของตัวละครนี้ออกมาได้ดีมาก
"Better to be king for a night than schmuck for a lifetime."

แนะนำครับ หาดูง่ายๆ ทาง Netflix

#คุปต้าซีเนม่า

ฝากเพจด้วยครับ
https://www.facebook.com/KuptaReview/
ชื่อสินค้า:   The King of Comedy Movie
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่