ครั้งนี้เป็นการ เขียนรีวิวหนัง ครั้งแรกของผม บนพันทิป นะครับ ดีไม่ดี แล้วแต่จะติชม ครับ
เผอิญว่าอาทิตย์นี้ ดันมีหนัง Horror ผีสยองขวัญ เข้าชนกันถึงสองเรื่อง แถมน่าดุ ทั้งสองเรื่อง จนแฟนหนังผี อย่างผมจึงต้องจัดให้ครบ สำหรับผมต้องบอกก่อนว่า ดูหนังผีมาเยอะมาก และเป็นคนจิตแข็งมากระดับนึง จึงไม่ค่อยสะทกสะท้าน ฉะนั้น อย่าเอาผมเป็นบรรทัดฐาน เวลาพูดว่าหนังดูไม่น่ากลัว 555 ภูมิต้านทานดี
หนังผีที่ผม จะมารีวิว ในวันนี้ ก็ดูช่างเป็นเรื่องที่มีมู้ด และโทน ของเรื่องต่างกันพอสมควร ระหว่าง IT หนังผีตัวตลก กับ เพื่อน...ที่ระลึก หนังผีทวงแค้น แต่ในเมื่อเป็นหนังผี เหมือนกัน จึงอยากเอามาเปรียบเทียบกันเสียหน่อย เผื่อเป็นตัวเลือกให้ตัดสินใจว่าจะไปดูเรื่องไหนดี สำหรับคนที่มีเวลาไปดูแค่เรื่องเดียว
ก่อนจะเริ่มรีวิว ถ้าใครอยากดูรีวิว แบบฉบับเต็ม สามารถไปตามดูได้ในเพจของผม นะครับ ตามลิงค์ด้านล่างนี้
https://www.facebook.com/palahdiary/?ref=bookmarks
ถ้าชอบก็ฝาก Like & Share หรือติดตามเพจด้วยนะครับ ทางเพจจะมีรีวิว หนังใหม่ทุกอาทิตย์
มาเริ่มรีวิว กันดีกว่า
เรื่องแรก คือ
IT โผล่จากนรก (ผมให้ 8.5/10 เหนือกว่าฉบับดั้งเดิม หลอนโดยไม่ต้องตุ้งแช่)
“ความกลัวเป็นสิ่งสากล เป็นสิ่งที่เราทุกคนสัมผัสได้ แล้วจะมีอะไรน่ากลัวไปกว่าปีศาจที่ไม่ใช่แค่โจมตีคุณ แต่โจมตีด้วยสิ่งที่คุณกลัวที่สุด”
เป็นหนังจากนิยายของผู้เขียนนิยายสยองขวัญชื่อดัง อย่าง
สตีเฟ่น คิง ที่เคยทำเป็นมินิซีรีย์ 2 ตอนจบ ในช่วงปี 1990 ถูกนำมารีเมค และอัพเกรดความหลอนให้มากกว่าเดิม สำหรับเวอร์ชั่นปี 2017 นี้
ตอนได้ดูตัวอย่าง มีความอยากดูมากกว่า เพื่อนที่ระลึกมากนัก แม้จะไม่ได้คาดหวังอะไรมาก เพราะพอรู้เนื้อเรื่องจากเวอร์ชั่นเก่า คิดว่าคงจะเป็นหนังผีแบบหนังผีทั่วไป แต่พอออกมาจากโรง บอกเลยว่าเป็นหนังผีที่รู้สึกชอบและประทับใจ หนังเก็บรายละเอียดครบ ทั้งด้านภาพ และพล็อต หนังกล้าแม้กระทั่งนำฉากรุนแรงมาให้เห็นกันจะๆ แม้กระทั่งฉากรุนแรงกับเด็กๆ ที่หนังส่วนมากไม่กล้าทำกัน เรื่องนี้ก็ใส่แบบจัดเต็ม จำได้ว่าเวอร์ชั่น เก่า ปี 1990 ไม่มีแม้ฉากเด็กตาย
เรื่องว่าด้วยเรื่องราวของ กลุ่มเด็ก Loser มัธยมต้น 7 คนในเรื่อง ที่ต่างมีปมต่างกัน และรอยบาดแผลในใจของแต่ละคนก็คือ เชื้อไฟ อันดีที่เจ้าตัวตลก
เพนนีไวซ์จะใช้เป็นเครื่องมือลวงหลอกเด็กๆ ให้ตกเป็นเหยื่ออันโอชะของมัน ไม่ว่าจะเป็น บิลเด็กติดอ่างที่สูญเสียน้องชายชื่อจอร์จี้ไป เบนเด็กอ้วน เบฟเวลี่เด็กสาวคนเดียวของกลุ่ม เอ็ดดี้ที่ร่างกายอ่อนแอ ริชชี่สุดแสนไฮเปอร์ แสตนลีย์ยิวผู้ปราดเปรื่อง และไมค์เด็กผิวสีที่เหยียดผิว
หนังมีด้านที่ให้น่าชื่นชม คือ
- การแสดงของกลุ่มเด็กๆ ในกลุ่ม Loser'Club (คลับคนขี้แพ้) เก่งมาก แสดงออกมาได้ดูเป็นธรรมชาติ
- บิลล์ สการ์สการ์ด ที่การแคสติ้ง โดดเด่น จนทำให้ตัวละคร อย่าง เพนนีไวซ์ เจ้าตัวตลกปีศาจ ดูน่ากลัวและหลอนกว่าเดิม เหมือนเค้าเกิดมาเพื่อบทนี้
- เชือว่า เพนนีไวซ์ จะติดตาคุณไปอีกหลายปี และใครที่เป็นคนกลัวตัวตลกเป็นดั้งเดิม อยู่แล้ว ก็อย่าหวังจะได้นอนหลับ 555 มันทั้ง น่ากลัว หลอน ดูโรคจิต ทั้งน้ำเสียง และสไตล์การพูด ท่าทางต่าง มันข่างชวนหลอน ถือว่าเป็นการแสดงเหนือชั้นจริงๆ
- ด้านเนื้อเรื่อง ก็ดีงาม เกลี่ยบทกันได้เท่าเทียม ทุกตัวละครดี ไม่มีตัวละครไหนที่จะเด่นเป็นพิเศษ มีมุกเล่นกันเป็นระยะๆ ทำให้คนดูพอคลายเครียดได้บ้าง แต่มันไม่ได้ทำให้ความน่ากลัวของเรื่องลดลงเลย เพราะทั้งเพลง อารมณ์หนัง มุมกล้อง ฉากในเรื่อง ส่งอารมณ์ ให้คนดูอย่างเรา รู้สึกหวาดระแวงตลอดเวลา
- พูดถึงการเติบโตของเด็ก มิตรภาพของเพื่อนพ้อง การก้าวผ่านความกลัว ความรุนแรงที่มีกับเด็กๆ อีกทั้งการใช้ความหมายเชิงสัญลักษณ์ ก็มีสอดแทรกตลอดเวลา ที่เห็นได้ชัดคือ ลูกโป่ง ที่เปลี่ยนเป็นสีแดง จาก สีเหลืองในเวอร์ชั่นก่อน ซึ่งสื่อถึงความอันตราย และความหลงใหลที่มากขึ้น
- เนื้อเรื่องของด้านผู้ใหญ่ สะท้อนเรื่องการทำร้ายความบริสุทธิ์ของเด็ก และการเมินเฉยต่อภัยอันตรายของชาวเมือง ได้อย่างคมคาย เพราะ It มันเป็นนิยายที่มีแรงบันดาลใจมาจากสังคมที่ปล่อยปละละเลยไม่สนใจเรื่องชาวบ้าน จนเกิดกรณีเด็กหายหรือตายมากมายในสหรัฐมาแล้วนั่นเอง
ด้วยสิ่งที่ว่ามา ถือเป็นคุณงามความดี ที่ทำให้หนังสยองขวัญเรื่องนี้ กลายเป็นหนังผีที่ดีมากๆ อีกเรื่อง แต่ที่ตัดคะแนนออก ก็คงเป็นในเรื่องของหนังยาวไป และอีกเรื่องที่จะขอหักสักอีกครึ่งคะแนน คือการที่ เล่าเรื่องผ่านมุมมองของเด็ก มันทำให้หลายอย่างของความโหดไปได้ไม่สุด แต่ก็เข้าใจได้ เพราะหนังคงกั๊กเอาไว้ โชว์ความโหดใน ภาค 2 ซึ่งคิดว่าน่าจะมีชัวร์ พร้อมการเฉลยปมบางอย่างที่คนดูหลายคนอาจจะยังค้างคาอยู่ ในภาคต่อไป
ข้อแนะนำ ใครที่ไม่เคยดูเวอร์ชั่น ปี 1990 แนะนำว่าอย่าเพิ่งดู เพราะจะขาดอรรถรสไปนิดหน่อย แต่ถ้าใครดู 1990 มาแล้ว จะยกนิ้วให้ เวอร์ชั่น 2017 นี้เป็นแน่นอน
.
.
.
และเมื่อเทียบกับอีกเรื่อง อย่าง
เพื่อน...ที่ระลึก (ผมให้ 7.5/10 ตุ้งแช่เดาทางได้ พล็อตเส้นตรง ดูสนุก มีดีแค่นักแสดง)
“สัญญานะ ว่าแกจะไม่ปล่อยให้ฉันตายคนเดียว”
หลังจากได้ดูตัวอย่างหนังเรื่องนี้ ผมก็คาดหวังว่า มันต้องเป็นอีกเรื่องที่ต้องดีแน่ๆ (แอบลุ้นในใจให้ GDH กลับมาคืนฟอร์มหนังผีเสียที) เพราะ "เพื่อนที่ระลึก" ผลงานชิ้นใหม่จาก โสภณ ศักดาพิศิษฏ์ ผู้กำกับ ‘ลัดดาแลนด์’ ที่หลายคนชื่นชม มีวัตถุดิบที่ดูแข็งแรงและอะไรหลายๆ อย่างที่เป็นจุดน่าสนใจ ทั้งพลอตเกี่ยวกับผีอาฆาตทวงสัญญาจากเพื่อนให้มาฆ่าตัวตายไปด้วยกัน การอาศัยเรื่องจริงของวิกฤติช่วงต้มยำกุ้ง เป็นตัวช่วยส่ง แถมยังเป็นการนำเมนเทอร์ บี น้ำทิพย์ ตัวแม่วงการ มาเจอกับนักแสดงใหม่ อย่าง ลิลลี่ จากเดอะเฟซแต่แล้วก็ต้องผิดหวังเล็กน้อย ที่หนังไม่เป็นไปอย่างที่มโนไว้
หนังว่าด้วยเรื่องราวในช่วงเวลาที่ทุกอย่างพังทลาย นักธุรกิจทั้งหลายกลายเป็นพวกหนี้สินล้นพันตัว ส่งผลให้สองสาวเพื่อนสนิทอย่าง อิ๊บและบุ๋ม เลือกจะนัดพบกันที่ตึกคอนโดหรูร้างอันเป็นเหมือนอนุสรณ์แห่งความพังทลายของครอบครัว จากเศรษฐีหลายร้อยล้าน ต้องมาอยู่บ้านโทรมๆ ทั้งสองตั้งใจจะฆ่าตัวตายหนีปัญหาบนตึกนั้น แต่แล้วกลับกลายเป็นว่ามีเพียงอิ๊บที่ยิงตัวตายจากไป ขณะที่บุ๋มกลัวจนวิ่งหนีออกมา
20 ปีผ่านไป บุ๋ม (บี น้ำทิพย์ จงรัชตวิบูลย์) กลายเป็นเจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องกลับไปบูรณะตึกร้างอีกครั้ง ก่อนที่เบล (ลิลลี่ อภิชญา ทองคำ) ลูกสาวจะได้พบกับ ‘เพจเจอร์’ เครื่องเก่าของอิ๊บ หลังจากวันนั้นบุ๋มพบว่าอาการนอนละเมอของเบลกลับมากำเริบอีกครั้ง เธอก็เริ่มเป็นกังวลและยิ่งเป็นกังวลมากขึ้นไปอีกเมื่อพบว่า อาการละเมอมีบางอย่างที่บ่งบอกถึงการมาของอิ๊บ เพื่อนที่เคยยิงตัวตายจากไปต่อหน้าต่อตา
บุ๋มรู้แล้วว่าเพื่อนของเธอกำลังต้องการเอาชีวิตของลูกสาวเธอไป เพราะ “คำสัญญา” ที่เธอไม่รักษาไว้ในวันนั้น เมื่อผีกลับมา “ทวงสัญญา” บุ๋มจะรับมือกับเรื่องหลอนนี้อย่างไร
เช่นกัน แล้วหนังล่ะ เป็นอย่างไร?
หนังมีด้านดีให้ชื่นชม ปนไปกับคำติ ในเวลาเดียวกัน
- การนำตึกสาทรยูนิคทาวเวอร์ มาทำเป็นตัวเชื่อม 2 ช่วงเวลาที่ห่างกัน 20 ปี นั้นทำได้ดี เพราะเป็นจุดที่ทำให้เกิดเรื่อง และจบเรื่อง แต่กลับนำมาเป็นแค่โลเคชั่น สำหรับผมมันไม่มีเรื่องราวของ วิกฤติ 40 มาใช้ร่วมกับตึกนั้นเลย จนเหมือนว่า ให้เรื่องไปเกิดที่ตึกร้างไหนในกรุงเทพ ก็คงไม่ต่างกัน
- ภาพฟุตเตจของมหันตภัยที่บางคนได้เผชิญจากวิกฤตเศรษฐกิจในวันนั้น ถือว่าทีมงานทำการบ้านตรงนี้มาได้ละเอียดดี แต่นำสิ่งเหล่านั้นมาใช้แค่เปิดเรื่องเท่านั้น จนดูเสียวัตถุดิบอันมีค่าไป
- หนังมีความน่ากลัวระดับหนึ่ง แต่ไม่ได้น่ากลัวถึงขนาดตามกลับมาหลอนที่บ้าน หนังตอบโจทย์ในแง่ความหลอน ความน่ากลัว และความสยองขวัญ ได้ดีมาก อย่างที่หนังผีฮอลลีวู้ดหลายเรื่องทำให้ไม่ได้ เพราะเป็นหนังผีที่เห็นผีน้อยมาก ใช้การเล่าเรื่อง เสียง แสง ฉาก มาช่วยสร้างความหลอน ตรงนี้คือสิ่งที่หนังทำได้โคตรดี
- ผี
มาก มีทั้งตุ้งแช่ มีทั้งหลอกคนดูให้หลงทางอยู่หลายครั้ง ชอบการที่เอาเทคโนโลยีสมัยนี้มาเล่นกับความหลอนของคนได้เป็นอย่างดี แต่ที่เกลียดคือผีมันบ้า จัดหนัก อาฆาตแค้นเบอร์แรง แบบไร้เหตุผล ขยันมา 3 เวลา ชนิดไม่ต้องให้พักให้ผ่อน ดูแล้วนี่ก็รู้สึกเหนื่อยแทน อยากให้หนังจบไว ๆ เพราะกลัวหัวใจจะวายตายไปเสียก่อนบีหรือลิลลี่
- ตัวละครบี เองก็สตรองเกิ๊น ดูไม่กลัวผีเสียเลย มีแต่จะวิ่งเข้าวัด หาพระ เรียกหมอผี เหมือนเรื่องอื่น แต่นี่จะวิ่งเข้าไปสู้ผีตลอดเวลา เอะอะอะไรก็กลับไปที่ตึก แล้วยังไง ก็ต้องวิ่งขึ้นชั้นที่เกิดเหตุตลอดเวลา ซึ่งอยู่บนชั้นที่ 47 บร๊ะเจ้า!!! (ปกติเดินขึ้นบันไดแค่ชั้น 3 ก็จะเป็นลมละ นี่นางวิ่งขึ้นอย่างกับแข่งเวอร์ติคัลมาราธอน)
- บุ๋มเป็นไฟต์เตอร์ของเดอะเฟซ ตัวจริงอะ ไม่กลัวผี แต่กลัวเสียลูกมากกว่า พาร์ทดราม่าที่เป็นเรื่องของความสัมพันธ์ของแม่ลูกจึงแข็งกว่าพาร์ทผีไปแล้ว
- ด้านการแสดงของเมนเทอร์บีก็โดดเด่นทะลุจอ ดูแล้วเราเชื่อ เล่นถึง รู้สึกเหมือนนางจะเป็นบ้าจริงๆ ดุแล้วประสาทจะกินตาม แต่ลิลลี่ซึ่งเล่นเป็นเบล ลูกสาว ยังรู้สึกเฉยๆ ไม่มีอะไรน่าจำ
แต่ที่พูดมาแม้ หนังจะมีความดีอยู่เยอะ แต่ก็มีเรื่องให้ตัดคะแนนออกไปมากกว่า เรื่อง IT เพราะมีเรื่องรู้สึกขัดใจ คือการละเมอของน้องเบลนี่ดูไม่มีหลักมีเกณฑ์ จะเกิดอาการตอนไหนก็ได้ ละเมอด้วยเหตุใดก็ได้ สุดท้าย ความที่แน่เอานอนอะไรไม่ได้ ทำให้หนังได้แต่ประคองตัวเองให้ไปถึงจุดสุดท้ายให้ได้เพียงเท่านั้น ซึ่งน่าจะมาจากจุดอ่อนสำคัญคือ “บท” ที่เรามองว่าอ่อน ไม่ค่อยมีอะไร แล้วหนังค่อนข้างยาว ช่วงแรกๆ ก็ดูดีมีอะไรอยู่หรอกนะ แต่ยิ่งช่วงท้ายๆ ก็ยิ่งแผ่วลงๆ เหมือนหนังยังไม่แน่ใจว่าจะลงตรงไหน มันเลยพาเราไปได้ไม่สุดสักทาง ไม่ว่าจะสยองขวัญหรือดราม่า บทสรุปในท้ายเรื่องเราก็เลยไม่อิน
อีกอย่าง คือ หนังไม่ได้มีอะไรเซอร์ไพรส์อย่างที่เราคาดหวัง ดูจากตัวอย่างตอนแรก เรานี่ก็มโนจุดจบไปหลายเวย์มาก สุดท้ายจบง่ายไป แถมทิ้งความคาใจมากมายเอาไว้ เช่น ในเรื่องนี้บุ๋มมีลูกตอนอายุ 20 ปีหรอ? สามีเป็นใคร? แล้วบุ๋มกลับมารวยมากอีกครั้งได้อย่างไร? พ่อแม่ของบุ๋มจบยังไง?
ข้อสรุป
IT 8.5/10 vs เพื่อน...ที่ระลึก 7.5/10
สำหรับผม ผมยกให้ IT มีภาษีที่ดีกว่า เพราะเป็นหนังที่ครบรส นักแสดงเก่ง มีสัญลักษณ์ ในเรื่องให้ขบคิดมากมาย เนื้อเรื่องเขียนได้หลอนดี มีความสนุก ปน หลอนไปพร้อมๆกัน พูดได้เลยว่าหนังเรื่องนี้ เป็นหนังผี ขึ้นแท่นอีกเรื่อง และเป็นหนังที่ควรค่าแก่การไปดูเป็นยิ่ง โดยเฉพาะแฟนคลับหนังผีทั้งหลาย ห้ามพลาดเด็ดขาด
ขณะที่ เพื่อน...ที่ระลึก ดูด้อยกว่าในเรื่องบท แม้หน้าหนังขายตึกร้างสาธรและวิกฤติต้มยำกุ้งไว้ใหญ่โต น่าสนใจ แต่หนังกลับใช้มันเป็นเพียงแบคกราวน์สร้างความหลอน ดูไม่คุ้มเอาเสียเลย อย่างวิกฤติต้มยำกุ้งเนี่ย มีมาเพื่อให้บุ๋มกับอิ๊บเป็นคุณหนูตกอับจนครอบครัวแตกแยก เป็นแรงจูงใจให้ไปฆ่าตัวตาย ซึ่งเป็นแบคกราวนด์ที่เบาบางมาก จนยังไม่ทันรู้สึกอินเลยว่า พวกแกจะไปฆ่าตัวตายกันทำม้ายยยย อีกทั้งตอนจบก็ไม่ค่อยสวยเท่าไหร่
แต่เพื่อน...ที่ระลึก ที่ดูจะมีดีกว่า IT หน่อย คือ จังหวะตุ้งแช่ และรูปแบบการหลอกของผีที่ทำได้ดีมาก เทียบจากเสียงกรี๊ดในโรงแล้ว เพื่อน...ที่ระลึก ดูจะบ่อยและดังกว่า และอีกอย่างเมนเทอร์บี เล่นดีมาก
ดังนั้นถ้าให้บอกว่าควรไปดูเรื่องไหน ก็จะแนะนำว่า ถ้าต้องการดูหนังผี เอาตุ้งแช่ ตกใจ เอาสนุก ไม่ซีเรียสเนื้อเรื่องมาก ก็ตีตั๋ว เพื่อน...ที่ระลึก ได้เลย แต่ถ้า อยากได้ความครบรส หลอนติดภาพจำ และเป็นคอหนังผี ที่กำลังมองหาหนังผีที่ดี ก็ถือป็อบคอร์น เดินเข้าไปดู IT เถอะ เชื่อเรา!
และก็จบการรีวิวแล้ว ขอบคุณสำหรับคนที่เข้ามาอ่าน การรีวิวครั้งแรกของผมนะครับ
[CR] รีวิว (ไม่สปอยล์) – IT vs เพื่อนที่ระลึก อาทิตย์นี้คอหนังผีควรโดนเรื่องไหนมากกว่ากัน
เผอิญว่าอาทิตย์นี้ ดันมีหนัง Horror ผีสยองขวัญ เข้าชนกันถึงสองเรื่อง แถมน่าดุ ทั้งสองเรื่อง จนแฟนหนังผี อย่างผมจึงต้องจัดให้ครบ สำหรับผมต้องบอกก่อนว่า ดูหนังผีมาเยอะมาก และเป็นคนจิตแข็งมากระดับนึง จึงไม่ค่อยสะทกสะท้าน ฉะนั้น อย่าเอาผมเป็นบรรทัดฐาน เวลาพูดว่าหนังดูไม่น่ากลัว 555 ภูมิต้านทานดี
หนังผีที่ผม จะมารีวิว ในวันนี้ ก็ดูช่างเป็นเรื่องที่มีมู้ด และโทน ของเรื่องต่างกันพอสมควร ระหว่าง IT หนังผีตัวตลก กับ เพื่อน...ที่ระลึก หนังผีทวงแค้น แต่ในเมื่อเป็นหนังผี เหมือนกัน จึงอยากเอามาเปรียบเทียบกันเสียหน่อย เผื่อเป็นตัวเลือกให้ตัดสินใจว่าจะไปดูเรื่องไหนดี สำหรับคนที่มีเวลาไปดูแค่เรื่องเดียว
ก่อนจะเริ่มรีวิว ถ้าใครอยากดูรีวิว แบบฉบับเต็ม สามารถไปตามดูได้ในเพจของผม นะครับ ตามลิงค์ด้านล่างนี้
https://www.facebook.com/palahdiary/?ref=bookmarks
ถ้าชอบก็ฝาก Like & Share หรือติดตามเพจด้วยนะครับ ทางเพจจะมีรีวิว หนังใหม่ทุกอาทิตย์
มาเริ่มรีวิว กันดีกว่า
เรื่องแรก คือ IT โผล่จากนรก (ผมให้ 8.5/10 เหนือกว่าฉบับดั้งเดิม หลอนโดยไม่ต้องตุ้งแช่)
“ความกลัวเป็นสิ่งสากล เป็นสิ่งที่เราทุกคนสัมผัสได้ แล้วจะมีอะไรน่ากลัวไปกว่าปีศาจที่ไม่ใช่แค่โจมตีคุณ แต่โจมตีด้วยสิ่งที่คุณกลัวที่สุด”
เป็นหนังจากนิยายของผู้เขียนนิยายสยองขวัญชื่อดัง อย่าง สตีเฟ่น คิง ที่เคยทำเป็นมินิซีรีย์ 2 ตอนจบ ในช่วงปี 1990 ถูกนำมารีเมค และอัพเกรดความหลอนให้มากกว่าเดิม สำหรับเวอร์ชั่นปี 2017 นี้
ตอนได้ดูตัวอย่าง มีความอยากดูมากกว่า เพื่อนที่ระลึกมากนัก แม้จะไม่ได้คาดหวังอะไรมาก เพราะพอรู้เนื้อเรื่องจากเวอร์ชั่นเก่า คิดว่าคงจะเป็นหนังผีแบบหนังผีทั่วไป แต่พอออกมาจากโรง บอกเลยว่าเป็นหนังผีที่รู้สึกชอบและประทับใจ หนังเก็บรายละเอียดครบ ทั้งด้านภาพ และพล็อต หนังกล้าแม้กระทั่งนำฉากรุนแรงมาให้เห็นกันจะๆ แม้กระทั่งฉากรุนแรงกับเด็กๆ ที่หนังส่วนมากไม่กล้าทำกัน เรื่องนี้ก็ใส่แบบจัดเต็ม จำได้ว่าเวอร์ชั่น เก่า ปี 1990 ไม่มีแม้ฉากเด็กตาย
เรื่องว่าด้วยเรื่องราวของ กลุ่มเด็ก Loser มัธยมต้น 7 คนในเรื่อง ที่ต่างมีปมต่างกัน และรอยบาดแผลในใจของแต่ละคนก็คือ เชื้อไฟ อันดีที่เจ้าตัวตลก เพนนีไวซ์จะใช้เป็นเครื่องมือลวงหลอกเด็กๆ ให้ตกเป็นเหยื่ออันโอชะของมัน ไม่ว่าจะเป็น บิลเด็กติดอ่างที่สูญเสียน้องชายชื่อจอร์จี้ไป เบนเด็กอ้วน เบฟเวลี่เด็กสาวคนเดียวของกลุ่ม เอ็ดดี้ที่ร่างกายอ่อนแอ ริชชี่สุดแสนไฮเปอร์ แสตนลีย์ยิวผู้ปราดเปรื่อง และไมค์เด็กผิวสีที่เหยียดผิว
หนังมีด้านที่ให้น่าชื่นชม คือ
- การแสดงของกลุ่มเด็กๆ ในกลุ่ม Loser'Club (คลับคนขี้แพ้) เก่งมาก แสดงออกมาได้ดูเป็นธรรมชาติ
- บิลล์ สการ์สการ์ด ที่การแคสติ้ง โดดเด่น จนทำให้ตัวละคร อย่าง เพนนีไวซ์ เจ้าตัวตลกปีศาจ ดูน่ากลัวและหลอนกว่าเดิม เหมือนเค้าเกิดมาเพื่อบทนี้
- เชือว่า เพนนีไวซ์ จะติดตาคุณไปอีกหลายปี และใครที่เป็นคนกลัวตัวตลกเป็นดั้งเดิม อยู่แล้ว ก็อย่าหวังจะได้นอนหลับ 555 มันทั้ง น่ากลัว หลอน ดูโรคจิต ทั้งน้ำเสียง และสไตล์การพูด ท่าทางต่าง มันข่างชวนหลอน ถือว่าเป็นการแสดงเหนือชั้นจริงๆ
- ด้านเนื้อเรื่อง ก็ดีงาม เกลี่ยบทกันได้เท่าเทียม ทุกตัวละครดี ไม่มีตัวละครไหนที่จะเด่นเป็นพิเศษ มีมุกเล่นกันเป็นระยะๆ ทำให้คนดูพอคลายเครียดได้บ้าง แต่มันไม่ได้ทำให้ความน่ากลัวของเรื่องลดลงเลย เพราะทั้งเพลง อารมณ์หนัง มุมกล้อง ฉากในเรื่อง ส่งอารมณ์ ให้คนดูอย่างเรา รู้สึกหวาดระแวงตลอดเวลา
- พูดถึงการเติบโตของเด็ก มิตรภาพของเพื่อนพ้อง การก้าวผ่านความกลัว ความรุนแรงที่มีกับเด็กๆ อีกทั้งการใช้ความหมายเชิงสัญลักษณ์ ก็มีสอดแทรกตลอดเวลา ที่เห็นได้ชัดคือ ลูกโป่ง ที่เปลี่ยนเป็นสีแดง จาก สีเหลืองในเวอร์ชั่นก่อน ซึ่งสื่อถึงความอันตราย และความหลงใหลที่มากขึ้น
- เนื้อเรื่องของด้านผู้ใหญ่ สะท้อนเรื่องการทำร้ายความบริสุทธิ์ของเด็ก และการเมินเฉยต่อภัยอันตรายของชาวเมือง ได้อย่างคมคาย เพราะ It มันเป็นนิยายที่มีแรงบันดาลใจมาจากสังคมที่ปล่อยปละละเลยไม่สนใจเรื่องชาวบ้าน จนเกิดกรณีเด็กหายหรือตายมากมายในสหรัฐมาแล้วนั่นเอง
ด้วยสิ่งที่ว่ามา ถือเป็นคุณงามความดี ที่ทำให้หนังสยองขวัญเรื่องนี้ กลายเป็นหนังผีที่ดีมากๆ อีกเรื่อง แต่ที่ตัดคะแนนออก ก็คงเป็นในเรื่องของหนังยาวไป และอีกเรื่องที่จะขอหักสักอีกครึ่งคะแนน คือการที่ เล่าเรื่องผ่านมุมมองของเด็ก มันทำให้หลายอย่างของความโหดไปได้ไม่สุด แต่ก็เข้าใจได้ เพราะหนังคงกั๊กเอาไว้ โชว์ความโหดใน ภาค 2 ซึ่งคิดว่าน่าจะมีชัวร์ พร้อมการเฉลยปมบางอย่างที่คนดูหลายคนอาจจะยังค้างคาอยู่ ในภาคต่อไป
ข้อแนะนำ ใครที่ไม่เคยดูเวอร์ชั่น ปี 1990 แนะนำว่าอย่าเพิ่งดู เพราะจะขาดอรรถรสไปนิดหน่อย แต่ถ้าใครดู 1990 มาแล้ว จะยกนิ้วให้ เวอร์ชั่น 2017 นี้เป็นแน่นอน
.
.
.
และเมื่อเทียบกับอีกเรื่อง อย่าง เพื่อน...ที่ระลึก (ผมให้ 7.5/10 ตุ้งแช่เดาทางได้ พล็อตเส้นตรง ดูสนุก มีดีแค่นักแสดง)
“สัญญานะ ว่าแกจะไม่ปล่อยให้ฉันตายคนเดียว”
หลังจากได้ดูตัวอย่างหนังเรื่องนี้ ผมก็คาดหวังว่า มันต้องเป็นอีกเรื่องที่ต้องดีแน่ๆ (แอบลุ้นในใจให้ GDH กลับมาคืนฟอร์มหนังผีเสียที) เพราะ "เพื่อนที่ระลึก" ผลงานชิ้นใหม่จาก โสภณ ศักดาพิศิษฏ์ ผู้กำกับ ‘ลัดดาแลนด์’ ที่หลายคนชื่นชม มีวัตถุดิบที่ดูแข็งแรงและอะไรหลายๆ อย่างที่เป็นจุดน่าสนใจ ทั้งพลอตเกี่ยวกับผีอาฆาตทวงสัญญาจากเพื่อนให้มาฆ่าตัวตายไปด้วยกัน การอาศัยเรื่องจริงของวิกฤติช่วงต้มยำกุ้ง เป็นตัวช่วยส่ง แถมยังเป็นการนำเมนเทอร์ บี น้ำทิพย์ ตัวแม่วงการ มาเจอกับนักแสดงใหม่ อย่าง ลิลลี่ จากเดอะเฟซแต่แล้วก็ต้องผิดหวังเล็กน้อย ที่หนังไม่เป็นไปอย่างที่มโนไว้
หนังว่าด้วยเรื่องราวในช่วงเวลาที่ทุกอย่างพังทลาย นักธุรกิจทั้งหลายกลายเป็นพวกหนี้สินล้นพันตัว ส่งผลให้สองสาวเพื่อนสนิทอย่าง อิ๊บและบุ๋ม เลือกจะนัดพบกันที่ตึกคอนโดหรูร้างอันเป็นเหมือนอนุสรณ์แห่งความพังทลายของครอบครัว จากเศรษฐีหลายร้อยล้าน ต้องมาอยู่บ้านโทรมๆ ทั้งสองตั้งใจจะฆ่าตัวตายหนีปัญหาบนตึกนั้น แต่แล้วกลับกลายเป็นว่ามีเพียงอิ๊บที่ยิงตัวตายจากไป ขณะที่บุ๋มกลัวจนวิ่งหนีออกมา
20 ปีผ่านไป บุ๋ม (บี น้ำทิพย์ จงรัชตวิบูลย์) กลายเป็นเจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องกลับไปบูรณะตึกร้างอีกครั้ง ก่อนที่เบล (ลิลลี่ อภิชญา ทองคำ) ลูกสาวจะได้พบกับ ‘เพจเจอร์’ เครื่องเก่าของอิ๊บ หลังจากวันนั้นบุ๋มพบว่าอาการนอนละเมอของเบลกลับมากำเริบอีกครั้ง เธอก็เริ่มเป็นกังวลและยิ่งเป็นกังวลมากขึ้นไปอีกเมื่อพบว่า อาการละเมอมีบางอย่างที่บ่งบอกถึงการมาของอิ๊บ เพื่อนที่เคยยิงตัวตายจากไปต่อหน้าต่อตา
บุ๋มรู้แล้วว่าเพื่อนของเธอกำลังต้องการเอาชีวิตของลูกสาวเธอไป เพราะ “คำสัญญา” ที่เธอไม่รักษาไว้ในวันนั้น เมื่อผีกลับมา “ทวงสัญญา” บุ๋มจะรับมือกับเรื่องหลอนนี้อย่างไร
เช่นกัน แล้วหนังล่ะ เป็นอย่างไร?
หนังมีด้านดีให้ชื่นชม ปนไปกับคำติ ในเวลาเดียวกัน
- การนำตึกสาทรยูนิคทาวเวอร์ มาทำเป็นตัวเชื่อม 2 ช่วงเวลาที่ห่างกัน 20 ปี นั้นทำได้ดี เพราะเป็นจุดที่ทำให้เกิดเรื่อง และจบเรื่อง แต่กลับนำมาเป็นแค่โลเคชั่น สำหรับผมมันไม่มีเรื่องราวของ วิกฤติ 40 มาใช้ร่วมกับตึกนั้นเลย จนเหมือนว่า ให้เรื่องไปเกิดที่ตึกร้างไหนในกรุงเทพ ก็คงไม่ต่างกัน
- ภาพฟุตเตจของมหันตภัยที่บางคนได้เผชิญจากวิกฤตเศรษฐกิจในวันนั้น ถือว่าทีมงานทำการบ้านตรงนี้มาได้ละเอียดดี แต่นำสิ่งเหล่านั้นมาใช้แค่เปิดเรื่องเท่านั้น จนดูเสียวัตถุดิบอันมีค่าไป
- หนังมีความน่ากลัวระดับหนึ่ง แต่ไม่ได้น่ากลัวถึงขนาดตามกลับมาหลอนที่บ้าน หนังตอบโจทย์ในแง่ความหลอน ความน่ากลัว และความสยองขวัญ ได้ดีมาก อย่างที่หนังผีฮอลลีวู้ดหลายเรื่องทำให้ไม่ได้ เพราะเป็นหนังผีที่เห็นผีน้อยมาก ใช้การเล่าเรื่อง เสียง แสง ฉาก มาช่วยสร้างความหลอน ตรงนี้คือสิ่งที่หนังทำได้โคตรดี
- ผีมาก มีทั้งตุ้งแช่ มีทั้งหลอกคนดูให้หลงทางอยู่หลายครั้ง ชอบการที่เอาเทคโนโลยีสมัยนี้มาเล่นกับความหลอนของคนได้เป็นอย่างดี แต่ที่เกลียดคือผีมันบ้า จัดหนัก อาฆาตแค้นเบอร์แรง แบบไร้เหตุผล ขยันมา 3 เวลา ชนิดไม่ต้องให้พักให้ผ่อน ดูแล้วนี่ก็รู้สึกเหนื่อยแทน อยากให้หนังจบไว ๆ เพราะกลัวหัวใจจะวายตายไปเสียก่อนบีหรือลิลลี่
- ตัวละครบี เองก็สตรองเกิ๊น ดูไม่กลัวผีเสียเลย มีแต่จะวิ่งเข้าวัด หาพระ เรียกหมอผี เหมือนเรื่องอื่น แต่นี่จะวิ่งเข้าไปสู้ผีตลอดเวลา เอะอะอะไรก็กลับไปที่ตึก แล้วยังไง ก็ต้องวิ่งขึ้นชั้นที่เกิดเหตุตลอดเวลา ซึ่งอยู่บนชั้นที่ 47 บร๊ะเจ้า!!! (ปกติเดินขึ้นบันไดแค่ชั้น 3 ก็จะเป็นลมละ นี่นางวิ่งขึ้นอย่างกับแข่งเวอร์ติคัลมาราธอน)
- บุ๋มเป็นไฟต์เตอร์ของเดอะเฟซ ตัวจริงอะ ไม่กลัวผี แต่กลัวเสียลูกมากกว่า พาร์ทดราม่าที่เป็นเรื่องของความสัมพันธ์ของแม่ลูกจึงแข็งกว่าพาร์ทผีไปแล้ว
- ด้านการแสดงของเมนเทอร์บีก็โดดเด่นทะลุจอ ดูแล้วเราเชื่อ เล่นถึง รู้สึกเหมือนนางจะเป็นบ้าจริงๆ ดุแล้วประสาทจะกินตาม แต่ลิลลี่ซึ่งเล่นเป็นเบล ลูกสาว ยังรู้สึกเฉยๆ ไม่มีอะไรน่าจำ
แต่ที่พูดมาแม้ หนังจะมีความดีอยู่เยอะ แต่ก็มีเรื่องให้ตัดคะแนนออกไปมากกว่า เรื่อง IT เพราะมีเรื่องรู้สึกขัดใจ คือการละเมอของน้องเบลนี่ดูไม่มีหลักมีเกณฑ์ จะเกิดอาการตอนไหนก็ได้ ละเมอด้วยเหตุใดก็ได้ สุดท้าย ความที่แน่เอานอนอะไรไม่ได้ ทำให้หนังได้แต่ประคองตัวเองให้ไปถึงจุดสุดท้ายให้ได้เพียงเท่านั้น ซึ่งน่าจะมาจากจุดอ่อนสำคัญคือ “บท” ที่เรามองว่าอ่อน ไม่ค่อยมีอะไร แล้วหนังค่อนข้างยาว ช่วงแรกๆ ก็ดูดีมีอะไรอยู่หรอกนะ แต่ยิ่งช่วงท้ายๆ ก็ยิ่งแผ่วลงๆ เหมือนหนังยังไม่แน่ใจว่าจะลงตรงไหน มันเลยพาเราไปได้ไม่สุดสักทาง ไม่ว่าจะสยองขวัญหรือดราม่า บทสรุปในท้ายเรื่องเราก็เลยไม่อิน
อีกอย่าง คือ หนังไม่ได้มีอะไรเซอร์ไพรส์อย่างที่เราคาดหวัง ดูจากตัวอย่างตอนแรก เรานี่ก็มโนจุดจบไปหลายเวย์มาก สุดท้ายจบง่ายไป แถมทิ้งความคาใจมากมายเอาไว้ เช่น ในเรื่องนี้บุ๋มมีลูกตอนอายุ 20 ปีหรอ? สามีเป็นใคร? แล้วบุ๋มกลับมารวยมากอีกครั้งได้อย่างไร? พ่อแม่ของบุ๋มจบยังไง?
ข้อสรุป
IT 8.5/10 vs เพื่อน...ที่ระลึก 7.5/10
สำหรับผม ผมยกให้ IT มีภาษีที่ดีกว่า เพราะเป็นหนังที่ครบรส นักแสดงเก่ง มีสัญลักษณ์ ในเรื่องให้ขบคิดมากมาย เนื้อเรื่องเขียนได้หลอนดี มีความสนุก ปน หลอนไปพร้อมๆกัน พูดได้เลยว่าหนังเรื่องนี้ เป็นหนังผี ขึ้นแท่นอีกเรื่อง และเป็นหนังที่ควรค่าแก่การไปดูเป็นยิ่ง โดยเฉพาะแฟนคลับหนังผีทั้งหลาย ห้ามพลาดเด็ดขาด
ขณะที่ เพื่อน...ที่ระลึก ดูด้อยกว่าในเรื่องบท แม้หน้าหนังขายตึกร้างสาธรและวิกฤติต้มยำกุ้งไว้ใหญ่โต น่าสนใจ แต่หนังกลับใช้มันเป็นเพียงแบคกราวน์สร้างความหลอน ดูไม่คุ้มเอาเสียเลย อย่างวิกฤติต้มยำกุ้งเนี่ย มีมาเพื่อให้บุ๋มกับอิ๊บเป็นคุณหนูตกอับจนครอบครัวแตกแยก เป็นแรงจูงใจให้ไปฆ่าตัวตาย ซึ่งเป็นแบคกราวนด์ที่เบาบางมาก จนยังไม่ทันรู้สึกอินเลยว่า พวกแกจะไปฆ่าตัวตายกันทำม้ายยยย อีกทั้งตอนจบก็ไม่ค่อยสวยเท่าไหร่
แต่เพื่อน...ที่ระลึก ที่ดูจะมีดีกว่า IT หน่อย คือ จังหวะตุ้งแช่ และรูปแบบการหลอกของผีที่ทำได้ดีมาก เทียบจากเสียงกรี๊ดในโรงแล้ว เพื่อน...ที่ระลึก ดูจะบ่อยและดังกว่า และอีกอย่างเมนเทอร์บี เล่นดีมาก
ดังนั้นถ้าให้บอกว่าควรไปดูเรื่องไหน ก็จะแนะนำว่า ถ้าต้องการดูหนังผี เอาตุ้งแช่ ตกใจ เอาสนุก ไม่ซีเรียสเนื้อเรื่องมาก ก็ตีตั๋ว เพื่อน...ที่ระลึก ได้เลย แต่ถ้า อยากได้ความครบรส หลอนติดภาพจำ และเป็นคอหนังผี ที่กำลังมองหาหนังผีที่ดี ก็ถือป็อบคอร์น เดินเข้าไปดู IT เถอะ เชื่อเรา!
และก็จบการรีวิวแล้ว ขอบคุณสำหรับคนที่เข้ามาอ่าน การรีวิวครั้งแรกของผมนะครับ