คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 10
มองในมุมญาติ จขกท.อาจจะแย่ เพราะญาติเอาแต่คิดว่า เมื่อไหร่จะได้เงินเร็วๆ เพื่อให้ครอบครัวจขกท.ไปให้พ้นๆ
แต่มองในมุม จขกท. บ้าง จขกท.คือเด็กจบใหม่ที่น่าสงสารคนหนึ่งเลยนะ
คนจบใหม่ ต้องใช้เวลาในการหางาน กว่าจะได้งานที่ลงตัว ก็ใช้เวลาเป็นเดือน บางคนก็เป็นปี
ต้องทำงานไปได้สักพักถึงจะมีเงินเก็บ ซื้อบ้าน เลี้ยงครอบครัวได้
ไม่ใช่จะเอาเดี๋ยวนี้เดี๋ยวนั้น คือ จบวันนี้ เดือนถัดไป คือ ต้องกลับมากอบกู้ทุกสิ่งอย่างได้เลยหรือไง
คนพูดมันก็พูดได้ เพราะแค่พ่นน้ำลายออกจากปากมันง่ายมาก แต่คนทำมันมีความกดดันหลายอย่าง
ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า จะไปเจองานแบบไหน เงินเดือนเท่าไหร่ มีให้เลือกเยอะมั๊ย (เลือกเยอะไป ได้งานช้าก็ด่า ไม่เลือก ได้งานเร็วแต่ได้เงินน้อยก็ด่า)
เราว่าทางออกที่ดีจริงๆ คือ ครอบครัวจขกท. อย่ามารอจขกท.คนเดียว
ควรจะออกหางานทำ หางานขยับขยายบ้าน ไม่ใช่อยู่เฉยๆที่บ้านญาติ รอให้ลูกมาช่วยอย่างเดียว
แล้วญาติก็ไปกดดันลูก นี่ถ้าอีกสองเดือนไม่ได้งาน จขกท.ไม่ต้องทำฮาราคีรีตัวเองเลยเหรอ
เข้าใจนะ เป็นกำลังใจให้ ถ้ามันหนักไป ก็ไม่ต้องฟัง
ค่อยๆหา ค่อยๆทำ ของแบบนี้ รีบไปก็ไม่ได้อะไร คุณควรไปสัมภาษณ์งานด้วยความสุข ไม่เครียด
ไม่ใช่ไปสัมภาษณ์พร้อมความกดดัน ความเครียด
แต่มองในมุม จขกท. บ้าง จขกท.คือเด็กจบใหม่ที่น่าสงสารคนหนึ่งเลยนะ
คนจบใหม่ ต้องใช้เวลาในการหางาน กว่าจะได้งานที่ลงตัว ก็ใช้เวลาเป็นเดือน บางคนก็เป็นปี
ต้องทำงานไปได้สักพักถึงจะมีเงินเก็บ ซื้อบ้าน เลี้ยงครอบครัวได้
ไม่ใช่จะเอาเดี๋ยวนี้เดี๋ยวนั้น คือ จบวันนี้ เดือนถัดไป คือ ต้องกลับมากอบกู้ทุกสิ่งอย่างได้เลยหรือไง
คนพูดมันก็พูดได้ เพราะแค่พ่นน้ำลายออกจากปากมันง่ายมาก แต่คนทำมันมีความกดดันหลายอย่าง
ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า จะไปเจองานแบบไหน เงินเดือนเท่าไหร่ มีให้เลือกเยอะมั๊ย (เลือกเยอะไป ได้งานช้าก็ด่า ไม่เลือก ได้งานเร็วแต่ได้เงินน้อยก็ด่า)
เราว่าทางออกที่ดีจริงๆ คือ ครอบครัวจขกท. อย่ามารอจขกท.คนเดียว
ควรจะออกหางานทำ หางานขยับขยายบ้าน ไม่ใช่อยู่เฉยๆที่บ้านญาติ รอให้ลูกมาช่วยอย่างเดียว
แล้วญาติก็ไปกดดันลูก นี่ถ้าอีกสองเดือนไม่ได้งาน จขกท.ไม่ต้องทำฮาราคีรีตัวเองเลยเหรอ
เข้าใจนะ เป็นกำลังใจให้ ถ้ามันหนักไป ก็ไม่ต้องฟัง
ค่อยๆหา ค่อยๆทำ ของแบบนี้ รีบไปก็ไม่ได้อะไร คุณควรไปสัมภาษณ์งานด้วยความสุข ไม่เครียด
ไม่ใช่ไปสัมภาษณ์พร้อมความกดดัน ความเครียด
แสดงความคิดเห็น
จบใหม่ ว่างงาน 2 เดือน แย่มากขนาดนั้นเลยเหรอ
วันนี้เราเสียน้ำตาเป็นโหลให้กับญาติเราฝั่งแม่คนหนึ่ง เนื่องจากเราเป็น นศ. จบใหม่ แล้วยังไม่มีงานทำเป็นหลักเป็นแหล่ง เรียกได้ว่าอยู่บ้านซึ่งบ้านเราเองนั้นล้มละลายต้องขายบ้านไปสักพักแล้ว ทำให้เราหลังจากจบมหาวิทยาลัยต้อง เวียนอาศัยอยู่ตามบ้านญาติ เช่น บ้านของยาย ของป้า ซึ่งมีญาติๆมารวมตัวกันเสมอ เพราะเป็นครอบครัวขนาดใหญ่เราเองได้ขึ้นไปหางานทำที่ กทม. ในระยะแรกของการจบใหม่ และได้เข้าทำงานในสนามบินแห่งชาติของไทยแห่งหนึ่ง แต่เนื่องจากระยะทางกับสวัสดิการที่ได้มันไม่สามารถกำรงชีวิตอยู่ได้จึง ลาออก ออกมา จนตอนนี้กลายเป็นคนว่างงาน เราลาออกทั้งๆที่ยังไม่มีงานอื่นรองรับเพราะในขณะนั้นลูกพี่ลูกน้องของเราอีกคนได้บอกว่ามีเส้นสายจะให้เข้าทำงานในยริษัทที่ดีแห่งหนึ่ง และให้เรารอ ว่าเขารับสมัครเมื่อไหร่ สุดท้ายที่ลูกพี่ลุกน้องคนนั้นพูดมาก็หายเงียบไปโดยไม่มีข่าวคราวมาในทั่สุด ส่วนตัวเราตั้งแต่แรก เราอยากเป็นครู แต่ด้วยปัจจัยหลายๆอย่างทำให้คนในครอบครัว(ญาติ)ไม่เห็นด้วยเรพาะได้เงินเดือนน้อยถ้าเทียบกับหนี้สินของทางบ้าน ใจเราอยากทำในสิ่งที่ถนัดแต่ญาติๆฝั่งแม่ก็คอยไซโคเราตลอดของเงินเดิอนและอนาคต จนล่าสุดวันี้ ลูกพี่ลูกน้องฝ่ายชายอีกคนโทรมา ในตอนแรกเป็นการไถ่ถามสารทุกข์สุขดิบธรรมดา จนสักพักเขาก็เผยจุดประสงศ์ที่แท้จริงออกมา ค่อยๆพูดในสิ่งที่เขาเรียกว่า 'สอน' เราด้วยความหวังดีออกมา เช่น เราต้องดูสถานะทางบ้านเราเราว่าตอนนี้แย่มากต้องทำงาน ี่ช่วยพ่อกับแม่ ต้องไม่เป็นลูก แหง่ เราสะท้อนใจว่า เราคิดอยู่ตลอดเวลาเรื่องนี้จึงตั้งใจเรียนได้เกียรตินิยมมา ไม่เคยประพฤตตัวนอกลู่ ให้คนดูถูกแต่เราไปทำอะไรญาติคนนี้หลังข่าวการออกจากงานสนามบิน รุ้ไปทั่ว เราเหมือนเป็นเป้านิ่ง ให้ทุกคนถกกัน เหมือนเราเนรคุณไม่ตั้งใจหางาน ทั้งๆที่เราเพิ่งลาออก ใบสมัครที่ส่งไว้หลายที่ก็ยังไม่เรียกมา เราตั้งใจมาตลอด แต่ทำไมมันดูเหมือนทุกสิ่งที่ทำมาสูญเปล่ากับเพียงเพราะเราดูเหมือนไม่เอาไหนอย่างนั้นหรือ เราเครียดมากท้อแท้ นี่เขาเหเห็นเราเป็นอย่างไรถึงได้คิดกับเราอย่างนี้ เพื่อนๆคิดเราควรจะทำไงดี ตอนนี้หดหู่มากเหล อเกิน