คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
FDA หรือองค์การอาหารและยาของสหรัฐฯ ซึ่งมีอำนาจควบคุมระดับนิโคตินในบุหรี่มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2552 แต่ยังไม่เคยใช้อำนาจนี้เลย เพิ่งประกาศเมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ว่ากำลังพิจารณาหนทางต่างๆ เพื่อจะจำกัดปริมาณนิโคตินในบุหรี่ โดยเป้าหมายคือเพื่อให้บุหรี่ไม่เป็นสิ่งเสพติดสำหรับเยาวชนอีกต่อไป
แต่ขณะเดียวกัน FDA ก็มีแผนจะผ่อนคลายการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้า โดยจะให้ผู้ผลิตบุหรี่ไฟฟ้ามีเวลาเพิ่มอีกสี่ปีเพื่อปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของ FDA ด้วย
บุหรี่ไฟฟ้าแม้จะเป็นอุปกรณ์นำส่งนิโคตินเข้าสู่ร่างกายก็ตาม แต่ก็ไม่มีส่วนผสมของน้ำมันดินหรือสารพิษจากควันบุหรี่ที่เป็นภัยต่อสุขภาพเหมือนบุหรี่ทั่วไป
อย่างไรก็ตาม FDA ก็มีความกังวลว่าผู้ผลิตบุหรี่ไฟฟ้ากำลังพยายามพัฒนาผลิตภัณฑ์ของตนเพื่อให้จูงใจกลุ่มเยาวชน และจะพิจารณาออกกฎเกณฑ์เพื่อควบคุมเช่นกัน
กลุ่มรณรงค์ต่อต้านบุหรี่แสดงความยินดีว่า การลดปริมาณนิโคตินในบุหรี่ลงจะช่วยให้ผู้ที่ติดบุหรี่เปลี่ยนไปใช้บุหรี่ไฟฟ้ามากขึ้น และเรื่องนี้ก็จะเป็นผลดีเพราะบุหรี่ไฟฟ้าสร้างผลร้ายต่อสุขภาพน้อยกว่า
อย่างไรก็ตาม ยังมีผู้ที่เรียกร้องให้ FDA ออกกฎเพื่อลดนิโคตินในบุหรี่ลงอีกมาก โดยให้เหตุผลว่าการลดปริมาณนิโคตินในบุหรี่ลงเพียงเล็กน้อยอาจทำให้นักสูบบุหรี่หันไปสูบหนักขึ้นเพื่อทดแทน
ส่วนกลุ่มธุรกิจยาสูบของสหรัฐฯ เช่น Altria Group และ Philip Morris International กล่าวว่า ตนพร้อมจะปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ใหม่ของ FDA แต่ก็เรียกร้องว่าการออกกฎระเบียบใหม่ใดๆ ควรมีพื้นฐานมาจากหลักฐานที่ชัดเจน และไม่สร้างผลเสียโดยไม่ตั้งใจ
ตัวเลขของรัฐบาลสหรัฐฯ ขณะนี้ ระบุว่า ในแต่ละปีมีผู้เสียชีวิตจากบุหรี่กว่าสี่แสนแปดหมื่นคน และบุหรี่ยังเป็นสาเหตุสำคัญของโรคหัวใจซึ่งสามารถป้องกันได้ด้วย
https://www.voathai.com/a/fda-cigarette-ct/3968799.html
-------------------
http://www.stopcancerfund.org/uncategorized/are-e-cigarettes-safer-than-regular-cigarettes/
อันนี้ก็ลองอ่านๆแปลๆกันดู
-------------------
การทดสอบอันตรายจากบุหรี่ไฟฟ้า มีการวิจัยน้อย เพราะมันพึ่งเกิดมาไม่กี่ปีมานี้ มีบางประเทศพยายามแหกตาผลวิจัยเพื่อประโยชน์ของบริษัทบุหรี่ โดยทำให้บุหรี่ไฟฟ้ามีภาพที่อันตรายกว่า เพื่อจะได้สนับสนุนการออกกฏหมายห้ามบุหรี่ไฟฟ้า ทำให้บุหรี่ธรรมดายอดขายไม่ตก แต่ถ้าดูจากประเทศสหรัฐอเมริกาที่เข้มงวดกับอนตรายในเรื่องนี้ กลับไม่ได้คิดจะห้ามบุหรี่ไฟฟ้า เพียงแต่จะควบคุมปริมาณนิโคตินให้อยู่ในเกณฑ์ที่พอเหมาะเท่านั้น
ข้อมูลเชิงลึกที่เจ้าของกระทู้จะหา บอกได้เลยว่าอย่าหาจากพวกกินเงินภาษีบุหรี่ เป็นข้อมูลแหกตาทั้งนั้น ผู้ตอบไม่สนับสนุนให้สูบบุหรี่ใดๆทั้งสิ้น เลิกได้ทั้งหมดเป็นดี แต่ในบางสถานการณ์ การใช้บุหรี่ไฟฟ้าสำหรับผู้ที่ยังเลิกไม่ได้นั้น ส่งผลดีทั้งลดปริมาณสารพิษในบุหรี่ธรรมดา เหลือเพียงนิโคตินที่ยังคงได้รับอยู่ และลดการรบกวนคนรอบข้างได้มาก กลิ่นตกค้างน้อย สุขภาพของผู้สูบด้านอื่นๆจะดีขึ้น แต่มันผิดกฏหมายนะ พิจารณาดูให้ดี
บริษัทบุหรี่มีเงินมหาศาล แผ่อิทธิพลลึกอย่างคาดไม่ถึง ตลาดบุหรี่ธรรมดากำลังแย่ จะให้บุหรี่ธรรมดาอยู่รอด ต้องกำจัดบุหรี่ไฟฟ้าให้หมดสิ้น
แต่ขณะเดียวกัน FDA ก็มีแผนจะผ่อนคลายการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้า โดยจะให้ผู้ผลิตบุหรี่ไฟฟ้ามีเวลาเพิ่มอีกสี่ปีเพื่อปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของ FDA ด้วย
บุหรี่ไฟฟ้าแม้จะเป็นอุปกรณ์นำส่งนิโคตินเข้าสู่ร่างกายก็ตาม แต่ก็ไม่มีส่วนผสมของน้ำมันดินหรือสารพิษจากควันบุหรี่ที่เป็นภัยต่อสุขภาพเหมือนบุหรี่ทั่วไป
อย่างไรก็ตาม FDA ก็มีความกังวลว่าผู้ผลิตบุหรี่ไฟฟ้ากำลังพยายามพัฒนาผลิตภัณฑ์ของตนเพื่อให้จูงใจกลุ่มเยาวชน และจะพิจารณาออกกฎเกณฑ์เพื่อควบคุมเช่นกัน
กลุ่มรณรงค์ต่อต้านบุหรี่แสดงความยินดีว่า การลดปริมาณนิโคตินในบุหรี่ลงจะช่วยให้ผู้ที่ติดบุหรี่เปลี่ยนไปใช้บุหรี่ไฟฟ้ามากขึ้น และเรื่องนี้ก็จะเป็นผลดีเพราะบุหรี่ไฟฟ้าสร้างผลร้ายต่อสุขภาพน้อยกว่า
อย่างไรก็ตาม ยังมีผู้ที่เรียกร้องให้ FDA ออกกฎเพื่อลดนิโคตินในบุหรี่ลงอีกมาก โดยให้เหตุผลว่าการลดปริมาณนิโคตินในบุหรี่ลงเพียงเล็กน้อยอาจทำให้นักสูบบุหรี่หันไปสูบหนักขึ้นเพื่อทดแทน
ส่วนกลุ่มธุรกิจยาสูบของสหรัฐฯ เช่น Altria Group และ Philip Morris International กล่าวว่า ตนพร้อมจะปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ใหม่ของ FDA แต่ก็เรียกร้องว่าการออกกฎระเบียบใหม่ใดๆ ควรมีพื้นฐานมาจากหลักฐานที่ชัดเจน และไม่สร้างผลเสียโดยไม่ตั้งใจ
ตัวเลขของรัฐบาลสหรัฐฯ ขณะนี้ ระบุว่า ในแต่ละปีมีผู้เสียชีวิตจากบุหรี่กว่าสี่แสนแปดหมื่นคน และบุหรี่ยังเป็นสาเหตุสำคัญของโรคหัวใจซึ่งสามารถป้องกันได้ด้วย
https://www.voathai.com/a/fda-cigarette-ct/3968799.html
-------------------
http://www.stopcancerfund.org/uncategorized/are-e-cigarettes-safer-than-regular-cigarettes/
อันนี้ก็ลองอ่านๆแปลๆกันดู
-------------------
การทดสอบอันตรายจากบุหรี่ไฟฟ้า มีการวิจัยน้อย เพราะมันพึ่งเกิดมาไม่กี่ปีมานี้ มีบางประเทศพยายามแหกตาผลวิจัยเพื่อประโยชน์ของบริษัทบุหรี่ โดยทำให้บุหรี่ไฟฟ้ามีภาพที่อันตรายกว่า เพื่อจะได้สนับสนุนการออกกฏหมายห้ามบุหรี่ไฟฟ้า ทำให้บุหรี่ธรรมดายอดขายไม่ตก แต่ถ้าดูจากประเทศสหรัฐอเมริกาที่เข้มงวดกับอนตรายในเรื่องนี้ กลับไม่ได้คิดจะห้ามบุหรี่ไฟฟ้า เพียงแต่จะควบคุมปริมาณนิโคตินให้อยู่ในเกณฑ์ที่พอเหมาะเท่านั้น
ข้อมูลเชิงลึกที่เจ้าของกระทู้จะหา บอกได้เลยว่าอย่าหาจากพวกกินเงินภาษีบุหรี่ เป็นข้อมูลแหกตาทั้งนั้น ผู้ตอบไม่สนับสนุนให้สูบบุหรี่ใดๆทั้งสิ้น เลิกได้ทั้งหมดเป็นดี แต่ในบางสถานการณ์ การใช้บุหรี่ไฟฟ้าสำหรับผู้ที่ยังเลิกไม่ได้นั้น ส่งผลดีทั้งลดปริมาณสารพิษในบุหรี่ธรรมดา เหลือเพียงนิโคตินที่ยังคงได้รับอยู่ และลดการรบกวนคนรอบข้างได้มาก กลิ่นตกค้างน้อย สุขภาพของผู้สูบด้านอื่นๆจะดีขึ้น แต่มันผิดกฏหมายนะ พิจารณาดูให้ดี
บริษัทบุหรี่มีเงินมหาศาล แผ่อิทธิพลลึกอย่างคาดไม่ถึง ตลาดบุหรี่ธรรมดากำลังแย่ จะให้บุหรี่ธรรมดาอยู่รอด ต้องกำจัดบุหรี่ไฟฟ้าให้หมดสิ้น
แสดงความคิดเห็น
บุหรี่ไฟฟ้า
แล้วก็มีบางประเทศที่ทำให้มันถูกกฎหมาย
คือตัวผมเองก็เข้าใจว่ามันมีนิโคตินเหมือนกัน แต่ก็แอบมีความหวังว่า สารอื่นๆในบุหรี่ไฟฟ้าจะมีผลการศึกษาแล้วในต่างประเทศ (ที่พบอันตรายจากที่ศึกษาก็คือเรื่อง สารระเหยของตัวแต่งกลิ่น) ก็อยากจะลองศึกษาดูก่อน ก่อนจะตัดสินใจ เพราะที่แน่ใจแน่ๆ คือมันไม่ใช่ควัน ไม่มีทาร์ ไม่มีคาร์บอนมอนอกไซด์ ซึ่งทำลายปอด แต่ก็ยังไม่รู้อีกแหละว่ามีสารตัวอื่นที่สงผลต่อร่างกายไหม แล้วส่งผลระดับไหน
อีกทั้งสื่อไทย กับ กระทรวงไทย จะให้พูดตรงๆก็ ไม่มีการให้ข้อมูลเชิงลึก หรือนำเสนอของมูลที่เป็นการศึกษาอย่างจริงจัง (หรือผมหาไม่เจอก็ไม่รู้สิ)
ใครพอจะมีข้อมูล หรือ link ที่เป็นการควบคุม standard ของการผลิต หรือ มาตรฐานการจำหน่าย หรือ ข้อมูลงานวิจัย (primary resources) ที่มีข้อมูลตัวเลข ผลการทดลองทางการแพทย์ หรือ ยี่ห่อที่ได้รับการรับรองจากรัฐบาลในต่างประเทศไหมครับ คือก็แอบมีความเชื่อว่าถ้าไม่มีการศึกษาวิจัยมาก่อน รัฐบาลบางประเทศจะออกมาแนะนำให้ใช้จริงๆ หรอ
รบกวนด้วยนะครับ