[CR] ปีนเขาพระพันองค์ (เชียนฝอซาน) เมืองจี่หนาน มณฑลซานตง ถิ่นเกิดของนักปราชญ์ขงจื๊อ

สวัสดี หนีห่าว มีคำกล่าวไว้ว่า "อะไรที่เราไม่ได้ใช้ มันจะหายไป" เหมือนปลาที่อยู่ในถ้ำมืดนานๆจะตาบอด เหมือนความรู้ที่เราเคยร่ำเรียนมาแล้วไม่ได้ใช้เป็นนานมันก็จะลืมเลือนหายไป โดยความเห็นส่วนตัวคิดว่า ร่างกายสุขภาพคนเราก็เหมือนกัน ถ้าไม่ได้ใช้งานมันก็จะล้มป่วย หมดแรงไป คนเราป่วยเพราะไม่ได้ใช้ร่างกายให้เต็มที่หรือเค้าป่วยเพราะส่วนลึกในใจเค้าต้องการ อาจจะด้วยเหตุผลอะไรบางอย่างที่เค้าอาจจะไม่รู้ตัว ดังนั้นคนที่ป่วยถ้าอยากหายป่วยต้องลุกขึ้นมาใช้ร่างกาย ลุกขึ้นมาทำงาน ลุกขึ้นมาเดินมาวิ่งมาออกกำลังกาย ย้ำว่านี่คือความคิดเห็นส่วนตัวนะคับ

วันนี้เลยจะเอาทริปปีนเขามารีวิวให้ทุกคนได้ดูกัน เป็นเขาที่ไม่สูงมาก แต่มีความสวยงาม ความสงบ และความร่มรื่นอยู่ระหว่างทาง เผื่อใครสนใจที่จะไปปีนเขาแบบซอฟท์ๆในเมืองจีนที่มีวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ ความเป็นมา ที่นี่อาจจะเป็นอีกหนึ่งตัวเลือก ในรีวิวนี้จะประกอบไปด้วยสถานที่สำคัญบนเขา บรรยากาศระหว่างทางเดิน วิวระหว่างทาง และวิวจากยอดเขาที่มองลงมาในเมือง ถ้าพร้อมแล้ว ลุย!!!
เมืองจี่หนานเป็นเมืองที่มีคนสูงอายุเยอะมาก เป็นเมืองที่ขึ้นชื่อด้านน้ำพุธรรมชาติ ดังนั้นจะมีแหล่งชมน้ำพุธรรมชาติเยอะมากกระจายอยู่ทั่วเมือง มีน้ำไหลออกมาจากใต้ดินตลอดปี เพื่ออนุรักษ์น้ำพุธรรมชาตินี้ไว้ เมืองนี้แม้ว่าจะเป็นเมืองเอกของมณฑลซานตง แต่ก็ยังไม่มีรถไฟใต้ดิน เพราะจะต้องวิเคราะห์วางแผนการสร้างอย่างรอบคอบเพื่อไม่ให้ไปกระทบเส้นทางน้ำพุที่อยู่ใต้ดิน เมื่อเป็นเมืองใหญ่แต่ยังไม่มีรถไฟฟ้า เลยทำให้เมืองนี้รถติดพอสมควร ดังนั้นใครมาเที่ยวเองควรวางแผนการเดินทางดีๆ แนะนำให้โหลดแอพ Baidu Map (百度地图) จะไปไหนก็เลือกต้นทางกับปลายทาง แล้วจะมีบอกหมดว่าขึ้นรถสายไหนอะไรยังไงบ้าง แล้วสำหรับทริปนี้ เราจะไปเข้าทางประตูใต้ของเขานี้ South Gate (南门) แผนของเราคือ เข้าทางนี้แล้วไปออกประตูหลัก จะได้ไม่ต้องวกกลับมาทางเดิม ไปทางใหม่แล้วจะเจอสิ่งใหม่ๆ

ใช้บัตรนักศึกษาที่มหาลัยจีนออกให้ซื้อจะได้ลดครึ่งราคา ช่วงที่ไปคือเดือนกรกฏา อากาศร้อน สิ่งที่เรียมคือ พกร่ม พกน้ำ แว่นกันแดด เป็นต้น พร้อมแล้วก็เข้าไปกันเลย...
ก่อนพาชมภาพบรรยากาศระหว่างทาง ขอเล่าประวัติว่าทำไมเรียกว่าเขาพระพันองค์ ก็เพราะว่าที่นี่มีการแกะสลักพระตามแนวหินต่างๆมากมาย ในสมัยก่อนช่วงแรกๆน่าจะมีหลักพันองค์ เลยตั้งชื่อว่าเขาพระพันองค์ แต่จนถึงปัจจุบันนี้มีการสร้างพระใหญ่เพิ่ม แกะสลักเพิ่มจนอาจจะถึงแสนองค์แล้วก็ได้
ช่วงแรกๆที่เดินจะต้องกางร่มแล้วเดินตามทางรถขึ้นมาเรื่อยๆ แต่พอสูงขึ้นไปก็จะเป็นแค่ทางเดินเท้า ความคิดตอนนั้นหลังจากที่เดินขึ้นมาได้ประมาณ 10 นาที คือ อยากเดินกลับ มันร้อน มันไม่เห็นมีอะไรเลย แต่อีกใจที่ผุดขึ้นมามันบอกว่า มาแล้วต้องไปให้สุด ทำสุดแล้วค่อยว่ากัน ตอนนี้เรายังตัดสินอะไรไม่ได้ สรุปด้วยความใจกล้า ชั่งใจถามตัวเองแล้ว เวลาก็มีเหลือเฟือ ร้อนก็มีร่ม หิวน้ำก็มีน้ำ เรามีครบทุกอย่าง เอ้าสู้เว้ย! ใส่เกียร์เดินหน้า!!!
พอขึ้นมาถึงจุดเที่ยวจุดแรก มองไปเห็นว่ามีกระเช้า เอ้าเห้ย!! มันมีกระเช้าด้วยหรอ รู้สึกเสียโง่ 55 แต่ก็ไม่เสียใจ เพราะเรามาปีนเขาเพราะอยากให้ร่างกายจะได้แข็งแรง จากนั้นก็ยืนจิบน้ำเบาๆชมกระเช้าไปเป็นการย้อมใจ
ณ จุดแรกตรงนี้จะมีวัด มีศาลา มีร้านขายของกิน ร้านขายของที่ระลึก และจุดขึ้นลงกระเช้า เราก็เดินเล่น กินลม ชมวิวไป กวาดสายตาไปทั่วจนมองไปเห็นกำแพงอะไรไม่รู้เหมือนสร้างแบบไม่ปราณีต เห็นจากไกลๆมันจะเป็นกำแพงผิวลายๆ เหมือนไม่ฉาบให้เสร็จ เลยเดินมาดูใกล้ๆ ที่ไหนได้ มันคือสิ่งนี้...
กำแพงลายๆที่เหมือนฉาบไม่เสร็จของเรา แท้จริงแล้วคือเค้าเขียนตัวอักษรจีนลงไปเว้ย แอบขำตัวเอง "กำแพงลายๆ"
มาวัดทั้งทีสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือ ไหว้พระขอพรตามความเชื่อ คนอื่นเค้ามาไหว้ปุ๊บปั๊บเสร็จแล้วไป แต่เรามาสายอธิฐานสารพัดนึก ขอให้ทั้งตัวเอง ครอบครัว เพื่อนๆ ครูอาจารย์ ยันหมาแมวไล่ยาวไปนานเหมือนกัน โดยส่วนตัวการเที่ยววัดมีเสน่ห์ตรงที่เราได้ไหว้ ได้ขอพรเยอะๆรัวๆแบบนี้ล่ะ ฮาดี
พักเอาแรงกันมาพอสมควรละ ถึงเวลาไปต่อ ความรู้สึกมันบอกว่าทีนี้จะเริ่มเป็นทางชันละ พอเดินมา โป๊ะเชะ!! จริงๆด้วย ทางเดินสวยงาม ขรุขระน่าเล่น
รอบนี้จะใช้เวลาเดินนานหน่อย เมื่อยมาก เลยไม่มีอารมณ์จะถ่ายรูประหว่างทาง แค่จะพูดยังไม่มีแรง เป้ที่พายมาแทบอยากโยนทิ้ง 55 แต่พอเรามาถึงยอดเขา สิ่งที่เห็นก็คุ้มค่าที่ได้ขึ้นมา ไหนดูสิ...
วิวที่เห็นก็จะเป็นหุบเขาสลับไปมาพร้อมมีเมืองตึกรางบ้านช่องอยู่ในนั้น ที่นี่เค้าก็มีการเอากุญแจมาล็อกเหมือนที่เกาหลีนะ กุญแจที่เกาหลีจะแอ๊บแบ๊วน่ารักหน่อย แต่ของที่นี่จะแถวเถื่อนๆ แต่สื่อถึงความแข็งแรงกำยำ ก็เป็นอีกฟีลหนึ่งไป ส่วนผ้าเส้นยาวๆสีแดงๆที่เอามารัดกับกิ่งไม้คือ เป็นความเชื่อของคนจีนเรื่องความเป็นศิริมงคล

ข้างบนนี้จะมีลมเย็นๆพัดมาเรื่อยๆ แต่แดดแรง ถ้ากางร่มระวังร่มเปิงแล้วปลิวตกลงไปในป่าในเหวนะ ถ้าจะวางร่มกรุณาหุบมันไว้ก่อน ส่วน จขกท. ก็หุบแล้วหานั่งใต้ต้นไม้เล็กๆ แล้วต้นไม้พวกนี้ชอบไปขึ้นริมเหวตลอด ไปๆมาๆได้มานั่งอยู่หน้าผาซะงั้น มาเพราะต้องการร่มนะไม่ใช่เพราะกล้า 55
จากจุดนี้ก็จะเห็นเมืองทั้งเมืองได้อย่างชัดเจนสวยงาม ตอนกลางคืนวิวต้องสวยแน่ๆ ถามว่าจะมาไหม ตอบเลยว่าไม่ พักเมื่อยมาพอสมควร ทีนี้ในรูปข้างล่างนี้เห็นศาลาที่อีกยอดเขาหนึ่งกันไหม?
เห็นไหม ถ้าไม่เห็นหรือไม่ชัดเดี๋ยวจะซูมให้...
นี่ล่ะคือ จุดหมายอันต่อไปของเรา ไม่ใกล้ไม่ไกล กำลังดี ลุย!!!

ด้วยความที่มีแรง ขอถ่ายภาพไปด้วยระหว่างทาง...

เวลาผ่านไปประมาณ 20 นาที และแล้วเราก็มาถึง... รู้สึกโชคดีมาก เพราะไม่มีคน ดังนั้นศาลานี้คือของเรา สงบมาก ลมเย็นสบายมาก เราก็โดดเล่นปีนโน่นนั่นนี่ตามประสา (ยังกะลิง) คิดถึงสมัยเด็กตอนเล่นกับเพื่อน ปีนต้นไม้ไรงี้
จากจุดก่อนหน้ามาถึงจุดนี้ ไหนดูสิว่าเป็นไง มองย้อนกลับไปแล้วจะรู้สึกยังไง ทางที่ผ่านมาไม่ได้ยากไม่ได้ง่าย แต่เราก็เดินผ่านมาได้ ดูจากรูปข้างล่างนี้ที่ถ่ายย้อนกลับไปทางจุดก่อนหน้า... ความรู้สึกตอนนั้นคือ "ไม่สำคัญว่าเส้นทางนั้นจะง่ายหรือยาก แต่สุดท้ายเราคือคนที่กล้าหาญและเดินผ่านมาจนได้"

ระหว่างที่อยู่ศาลาก็มีการฟังเพลง ร้องเพลง ชมวิว มองไปที่ตึกในเมือง มองมาบนเขาบ้าง รู้สึกสงบ ร่มรื่น ถ้าตัดสินใจกลับไปตั้งแต่ตอน 10 นาทีแรกนี่คงไม่ได้มาสัมผัสกับความรู้สึกแบบนี้ คิดถูกจริงๆมาเดินต่อ เอาล่ะทีนี้ถึงเวลาต้องลงเขาแล้ว เตรีนมหน้าขาให้ดี งานนี้มีขาอ่อน 55
เดินลงมาถึงครึ่งทาง เหลือบไปเห็นเจดีย์ 3 องค์ รู้สึกถูกชะตา เดินไปลูบๆคลำๆ ขอพร แล้วมองไปรอบๆ เพิ่งรู้ตัวว่าเอ้าเห้ย...ทำไมแถวนี้มันวังเวงไม่มีคนเลย เงียบกริบ งานหลอนเริ่มมา เสียงใบไม้ร่วงยังได้ยิน จะทำไรล่ะ รีบเดินลงมาอย่างรวดเร็วสิคับ
เห็นพระ เห็นต้นไม้อะไรเราก็ไหว้ไว้ก่อนล่ะ ไหว้มาจนสุดทาง จนถึงทางออกที่ประูหลัก เย่ๆๆๆ ในที่สุดก็พิชิดเขาพระพันองค์จนได้ละ ที่สำคัญฉายเดี่ยวตลอดทาง ชีวิตเราเกิดก็มาคนเดียว ตายก็ตายคนเดียว จะมัวแต่รอคนนั้นคนนี้ก็ไม่ได้ทำอะไรซักที หยุด คิดทบทวน พิจารณา ตัดสินใจ แล้วลงมือทำ

วันนี้ทำสำเร็จแล้ว ตั้งเป้าหมายง่ายๆแล้วลงมือทำให้สำเร็จ และเราก็ทำได้ กลับที่พักกันเถอะ แต่กว่าจะเดินออกไปที่ประตูหลักได้นี่ก็นึกว่ากำลังปีนเขาแบบซอฟๆอยู่นะ เส้นทางเป็นไงก็ดูกันเอาเองเลย...

นี่คือประตูหน้า แต่เราดันเข้าประตูหลัง (ตรงนี้บางคนอาจจะแอบคิดลึก...รู้นะ) 55

ขอบคุณที่อ่านมาจนจบ ชีวิตคือการลงมือทำ ทำไม่ดีเราก็ได้เรียนรู้ ทำดีเราก็ได้เรียนรู้ เพราะชีวิตคือการเรียนรู้ หลังจากปีนเขารู้สึกว่าร่างกายมีพลังมากขึ้น เป็นการปีนเขาที่ได้สุขภาพได้บรรยากาศในต่างแดน ไว้คราวหน้าไปเที่ยวไหนจะมารีวิวให้ดูอีกนะค้าบ บ๊ายบาย...
ชื่อสินค้า:   เขาพระพันองค์ เชียนฝอซาน
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่