ห้องเพลง**คนรากหญ้า** พักยกการเมือง มุมนี้ไม่มีสี ไม่มีกลุ่ม...มีแต่เสียง 6/9/2017 (นาร์ซิสซัส..ไม้งาม กับความหลงตัวเอง)

กระทู้คำถาม


ห้องเพลงคนรากหญ้าเปิดขึ้นมามีวัตถุประสงค์ เพื่อ

1. มีพื้นที่ให้เพื่อนๆ ได้มาพบปะ พูดคุยระหว่างกัน ในภาวะที่ต้องระมัดระวังการโพสการเมืองอย่างเคร่งครัด
2. เป็นพื้นที่ พักผ่อน ลดความเครียดทางการเมือง ให้เพื่อนๆ มีกิจกรรมสนุกๆ ร่วมกัน
3. สร้างมิตรภาพและความปรองดอง ซึ่งเราหวังให้สังคมไทยเป็นเช่นนี้ แม้นคิดต่างกัน แต่เมื่อคุยกันแล้วก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม

กระทู้ห้องเพลงเป็นกระทู้เปิด มิได้ปิดกั้นผู้หนึ่งผู้ใด "ขอให้มาดี เราคือเพื่อนกัน" ซึ่งก็เหมือนกับกระทู้ทั่วไป ที่เราไม่จำเป็นต้องทราบว่า User ท่านไหนเป็นใครมาจากไหน  ...ดังนั้น หากมีบุคคลใดที่มีการโพสสิ่งผิดกฎหมายและศีลธรรมอันดีของสังคมนั้น หรือสิ่งรบกวนใดๆ ในบอร์ด เป็นเรื่องส่วนบุคคล ทางห้องเพลงจึงขอแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งสิ้น





สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ห้องเพลงและเพื่อนสมาชิกทุกท่าน


อู้งานซะหลายวัน ขอบคุณพี่น้อง MC ทุกท่านค่ะที่ช่วยตั้งกระทู้ในช่วงที่ผ่านมา

เพื่อนๆ เคยได้ยินคำว่า "นาร์ซิสซัส" ไหมคะ คำนี้เกี่ยวข้องกับ 3 อย่าง คือ ตำนานเรื่องเล่าชายหนุ่มรูปงามของกรีก ดอกไม้ และโรคหลงตัวเอง


1. นาร์ซิสซัส หนุ่มรูปงาม กับความหลงตัวเอง

ตามตำนานกรีก นาร์ซิสซัส เป็นหนุ่มรูปงามที่สุดคนหนึ่งในยุคนั้น เป็นบุตรของนางอัปสรกับเทพประจำแม่น้ำ  นาร์ซิสซัสมีผู้มาหลงรักมากมายทั้งหญิงและชาย  แต่เขาก็ไม่ได้มีใจตอบผู้ใดเลย

กล่าวถึง เอคโค่ (Echo) เป็นนางไม้แสนสวย แต่นางเป็นคนที่ช่างพูด พูดมาก พูดไม่หยุด พูดจนนกแก้วนกขุนทองต้องตรอมใจ จนวันหนึ่งเจ้าแม่เฮร่ารำคาญเลยสาปให้เอคโค่ พูดสิ่งใดไม่ได้อีกต่อไป นอกจากคอยพูดตามคำสุดท้ายของประโยคที่ผู้อื่นพูด (echo ในภาษาอังกฤษแปลว่า  เสียงก้อง  เสียงสะท้อน)

แต่บางตำนานก็กล่าวว่า เพราะเอคโค่ช่วยเทพซูส โดยคุยถ่วงเวลากับเทพีเฮรา จนเทพซูสที่ลอบหนีมากุ๊กกิ๊กกับนางไม้ หนีไปได้ เจ้าแม่เลยโกรธ สาปซะ !!



เอคโค่ก็ตกหลุมรักนาร์ซิสซัสเช่นกัน รักแบบถอนตัวไม่ขึ้น แต่นางไม่สามารถพูดความในใจอะไรได้เลย ได้แค่พูดตามท้ายประโยคของนาร์ซิสซัส จนนาร์ซิสซัสโมโห นึกว่ามาล้อเล่น จึงดูแคลน ด่าว่าตัดรอนนางเอคโคอย่างไม่ไยดี


เอคโคทั้งเสียใจทั้งโกรธ เลยสวดอ้อนวอนต่อเทพ ขอให้นาร์ซิสซัสมีรักที่ไม่สมปรารถนาบ้าง จะได้รู้ถึงความรู้สึกของผู้อื่น

เทพก็จัดไป สาปให้ทันใจ สาปได้แบบช่างคิดด้วยค่ะ คือ สาปให้นาร์ซิสซัสตกหลุมรักเงาตัวเอง

เมื่อนาร์ซิสซัสแวะดื่มน้ำที่ลำธารแห่งหนึ่ง มองลงไปในน้ำเห็นเงาตัวเองก็เกิดหลงเงานั้น แต่เมื่อเอื้อมมือไปจะคว้าเงา เงานั้นก็กลับเลือนไปไม่สามารถคว้าได้



นาร์ซิสซัสจึงไม่เป็นอันทำอะไร วันๆ ได้แต่นั่งเฝ้ามองเงาของตนด้วยความหลงใหล  



จนร่างกายทรุดโทรมและรากงอก ตายไปในที่สุด กลายเป็นดอกไม้ที่งดงามริมน้ำ  ราวกับว่าคอยชะโงกดูเงาของตน  และเพื่อเป็นการไว้อาลัยต่อชายหนุ่มผู้งดงาม  จึงเรียกดอกไม้นี้ว่าดอกนาร์ซิสซัส



ส่วนเอคโค่นั้นตั้งแต่อกหักก็ตรอมใจตายไปเรียบร้อย เหลือไว้แต่เพียงเสียงที่ก้องอยู่ตามที่ต่างๆ ในเทือกเขาและป่าดงพงไพร เพื่อคอยสะท้อนคำพูดสุดท้ายของใครก็ตามที่ส่งเสียงตะโกนก้องในป่า



2. ดอกนาร์ซิสซัส

ดอกไม้งาม ลำต้นแข็งตั้งตรง ขึ้นอยู่ตามริมน้ำ  ภาษาจีนเรียกว่า ”จุ้ยเซียน”  

นาร์ซิสซัสยังมีความหมายเกี่ยวกับความตายและการเกิดใหม่อีกด้วยค่ะ



ชาวอียิปต์จะนำดอกนาร์ซิสซัสไปวางที่ริมฝีปาก ดวงตาทั้งสองข้างและจมูกของฟาโรห์ก่อนที่จะนำไปฝังหรือก่อนทำเป็นมัมมี่

ศาสนาคริสต์ก็ถือว่าดอกไม้นี้เป็นหมายของความตายและการฟื้นจากความตายของพระคริสต์

สมัยโบราญยุควิคตอเรียนถ้ามีคนส่งช่อดอกไม้ที่มีนาร์ซิสซัสแซมอยู่ด้วยจะแปลว่าส่งความระลึกถึงและอยากจะสารสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นและเต็มไปด้วยความเสน่หาค่ะ

แต่ในปัจจุบันถ้าส่งช่อดอกไม้ที่มีดอกนาร์ซิสซัส แดฟโฟดิลหรือจองควิลไปให้ใคร จะมีความหมายว่าเพื่อระลึกถึงชีวิตหลังความตาย ความหวัง การเกิดใหม่และการมีชีวิตอมตะหรืออาจจะมีความหมายส่วนตัวว่าให้ความรัก ความหวังที่จะกลับคืนมาเหมือนเดิม



3. โรคนาซิซีติส หรือ Narcissistic Personality Disorder (NPD หรือ ภาวะ Narcissism) หรือ โรคคลั่งตัวเอง  

โรคหลงตัวเองนี้เป็นภาวะบกพร่องด้านบุคลิกภาพอันเนื่องมาจากอาการหลงตัวเองมากเกินไป
ชื่อโรคนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากเทพนิยายกรีกดังที่เล่าไว้ข้างต้นค่ะ

ลักษณะของโรค            

อาการของผู้ป่วยโรคนี้จะคล้ายคลึงกับนาร์ซีซัสตามเทพนิยายทุก ประการ
กล่าวคือ เขาคลั่งไคล้ตัวเองมากเกินกว่าปกติ จนก่อให้เกิดความบกพร่องทางบุคลิกภาพขึ้นมาได้
จากการศึกษาพบว่า ผู้ป่วยโรคนี้จะมีอาการ 9 อย่างดังต่อไปนี้

1. ฉันเป็นมือหนึ่งในปฐพี: สำคัญตัวเองผิด ผู้ป่วยมักเข้าใจไปเองว่าตัวเองเป็นบุคคลที่มีความสามารถโดดเด่นเหนือคนอื่นทั้งปวงในโลกนี้

2. ฉันทำอะไรก็เทพหมด: คิดว่าตัวเองประสบความสำเร็จในทุกด้านอย่างไม่มีขีดจำกัด เลิศเลอ perfect ไปทุกอย่าง

3. ไม่มีใครเข้าใจฉันนอกจากขั้นเทพด้วยกัน: เข้าใจว่าตัวเองเป็นบุคคลพิเศษ ซึ่งก็จะมีแต่บุคคลพิเศษด้วยกันเท่านั้นที่จะเข้าใจตัวเขาได้

4. ฉันเท่ห์ที่สุดในโลก: ต้องการการชื่นชมสนใจจากคนอื่นมากเกินไป

5. ก็ฉันยิ่งใหญ่ขนาดนี้ ใครจะทำอะไรฉันได้: มีความรู้สึกว่าไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็ถูกต้องไปหมดทุกอย่าง จึงไม่มีความรู้สึกผิดเวลาที่ทำอะไรผิดพลาด

6. ทำโน่นทำนี่ให้ฉันที: ชอบใช้คนอื่นเป็นเครื่องมือเพื่อทำประโยชน์บางอย่างแก่ตัวเองอยู่เสมอ

7. คนอื่นจะเป็นยังไงฉันไม่สน: จิตใจกระด้างเย็นชา ไม่มีความเห็นอกเห็นใจคนรอบข้าง

8. ฉันนี่ทำอะไรก็เทพหมด/ คนอื่นๆ อิจฉาฉันเพราะฉันเก่งกว่าพวกนั้นทุกคน: อิจฉาริษยาคนรอบข้าง และ/หรือ มีความเชื่อว่าคนอื่นๆ รอบตัวกำลังอิจฉาตัวเขาอยู่

9. อะไรๆ ที่ไม่ถูกใจถือว่างี่เง่าหมดสำหรับฉัน: แสดงความหยิ่ง ยะโส โอหัง ออกมาทั้งทางพฤติกรรม คำพูด และทัศนคติ


คนที่เป็นโรคหลงตัวเอง ถ้าเป็นคนที่มีอำนาจก็จะแสดงกิริยากดขี่ผู้น้อย

แต่ถ้าไม่ใช่ผู้มีอำนาจ ก็มักที่จะแสดงออกให้คนอื่นเห็นถึงความเก่งกาจของตัวเอง
ซึ่งสำหรับพวกที่มีอาการรุนแรง ก็จะพยายามแสดงออกโดยไม่สนว่าจะต้องใช้วิธีการเช่นไร



ขอบคุณแหล่งข้อมูลและภาพประกอบ  
http://topicstock.ppantip.com/isolate/topicstock/2009/12/M8633621/M8633621.html
http://www.trueplookpanya.com/learning/detail/30600
https://my.dek-d.com/Angelos/writer/viewlongc.php?id=33071&chapter=2
https://2g.ppantip.com/cafe/isolate/topic/M13093959/M13093959.html


....................................................................


"ความมั่นใจในตัวเอง" ต่างกับ "หลงตัวเอง"

หากคิดว่าสิ่งที่ทำนั้นดี ก็จงมั่นใจในตัวเองไป แต่ต้องไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน

ส่วนคนที่หลงตัวเอง ไม่เพียงไม่ยอมรับความจริง แต่จะไม่มีวันทราบด้วยซ้ำว่าความจริงคืออะไร
ต้องอยู่กับภาพลวงที่ตัวเองสร้างเรื่อยไป บางครั้ง กว่าจะรู้ตัว ... ก็สายเกินไป


หลงตัวเอง


https://www.youtube.com/watch?v=B0RkF5KN1no
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ




แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 20
จิตแรกเริ่มมีสภาวะบริสุทธิ์ หากเมื่อเปลี่ยนรูปเปลี่ยนอาการเป็นอารมณ์ความรู้สึก
เรียกว่า เวทนา จิตเปลี่ยนอาการเป็นการจำ เรียกว่า สัญญา จิตเปลี่ยนอาการเป็นคิด
เรียกว่า สังขาร จิตเปลี่ยนอาการเป็นรับรู้ เรียกว่า วิญญาณ
ธรรมชาติเดิมที่บริสุทธิ์ไม่ได้หายไปไหน สภาวะจิตยังเป็นหนึ่งเดียว
ที่รู้เห็นล้วนมาจากการปรุงแต่งทั้งสิ้น ถ้ารู้ถึงจิตจะเข้าใจธรรมชาติ
เพราะธรรมชาติคือธรรมะ ธรรมะก็คือธรรมชาติ สรรพสิ่งทุกอย่างเป็นเพียงภาพมายา
แต่ที่นึกคิดว่ามีตัวตนกันนั้น เป็นผลมาจากความเข้าใจระดับความนึกคิด
ทั้งที่สรรพสิ่งปราศจากตัวตนของมันเอง ไม่มีมายาใดดำรงอยู่จริง แม้เพียงชั่วขณะ

นึกอะไรก็พิมพ์ไป จะเข้ากับกระทู้ หลงตัวเอง ของพี่ชุนเทียน หรือเปล่า ล่ะเนี่ย ???
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่