วันที่ผมเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติของร่างกาย ผมก็รู้ว่ามีแต่ตัวเราเท่านั้นที่ทำร้ายเรา เขาไม่ใช่คนที่ทำร้ายผม ... เขาไม่เคยรับรู้ด้วยซ้ำ ว่าผมจะเป็นยังไง ...
หลังจากที่เกือบจะไม่ได้นอนมาเกือบเดือน คืนนั้นผมนอนสี่ทุ่มครึ่ง เพราะเริ่มรู้สึกว่าร่ายกายเพลียจนไม่ไหวแล้ว ผมน่าจะช่วยให้ร่ายการได้รับการพักผ่อนนานขึ้น ... แต่ผมสดุ้งตื่นมาตอนตีหนึ่ง แล้วนอนไม่หลับอีกเลย ...
หลังจากการไม่ตอบข้อความ ไม่รับสายโทรศัพท์ และไม่โทรกลับของเขา ในเวลาเกือบสิบวัน เขาก็กลับมาครับ ... กลับมาตัวแบบเป็นๆ มาหาผมที่บ้าน
เขาบอกว่ามีธุระที่ยุ่งมาก ก็เลยไม่ได้ตอบข้อความ และไม่ได้รับสาย แต่เขาเคลียร์ปัญหาเรียบร้อยแล้ว ก็เลยรีบมาหา
คืนนั้นเขาเป็นฝ่ายชวนผมคุย ส่วนผมก็อาการยังช๊อคอยู่อ่ะครับ ได้แต่ยิ้มให้เขา แต่ในใจผมก็ทบทวน ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ เราจะกลับไปคิดเองคนเดียว แล้วก็พังเองคนเดียวอีกรึเปล่า
คืนนั้นเราคุยกันจนถึงห้าทุ่มกว่าๆ มันมีทั้งเสียงหัวเราะ และก็รอยยิ้มที่ดูจริงใจของเขา ... และแบบเสแสร้งของผม
บทสนทนาคืนนั้นของเราจบลงที่เขาพูดว่า เขาไม่รู้ว่าผมเป็นอะไร แต่เขาก็ดีใจที่เห็นผมยิ้มได้ทั้งๆ ที่นัยน์ตาดูเศร้า และเครียดมาก และเขาก็มีความสุข ที่ได้มานั่งคุยกับผมแบบนี้ ... แล้วเขาก็นัดวัน และเวลาที่จะมารับผมไปทำงาน และเราก็แยกย้ายกัน
เที่ยงคืนกว่าๆ เขาก็ส่งข้อความมาหาผม บอกว่าเขาถึงบ้านแล้ว ... ผมอ่านจากการแจ้งเตือนหน้าจอ แต่ไม่ได้กดเข้าไปดู
คืนนั้นผมนอนอยู่ในห้องมืดๆ จำได้ว่าเหลือบมองดูนาฬิกาครั้งสุดท้ายตอนตีสี่กับอีกสี่สิบกว่านาที ผมตื่นตอนตีห้ากับอีกห้าสิบนาที ... หกโมงกว่า เขาส่งสติ้กเกอร์มาอีกครั้ง ผมก็กดอ่าน แล้วเราก็กลับมาติดต่อกันทางข้อความอีกครั้งนึง
ทุกอย่างเหมือนเดิมครับ เวลาเราอยู่ด้วยกัน เราก็มีความสุข พูดคุย หัวเราะ แสดงความห่วงใย เอาออกเอาใจกันและกัน
แต่หลังจากที่เขากลับมาครั้งนี้ ดูเขาจะพยายามมากขึ้นที่จะเอาใจผม
... อย่างตอนที่เราแวะซื้อกาแฟที่ปั้มน้ำมัน เพื่อนของเขาถามกับผมว่าจะเอาอะไร ตัวเขาก็ชิงตอบว่า ผมกินได้แต่เอสเปรสโซ่
... อีกวันนึงเขาไปรับผมเดินเล่นที่ห้าง ผมบอกเขาว่าอยากกินกาแฟ เขาก็บอกว่า เดี๋ยวเขาจะพาแวะปั้มน้ำมัน เพราะผมเคยพูดว่าร้านในห้างนี้กาแฟไม่อร่อย
... ขากลับวันนั้นเพื่อนเขาที่ไปเดินเล่นด้วยกันทะเลาะกับแฟนบนรถตลอดทาง ผมพยายามทั้งสีหน้า และพูดแซวให้ดูเป็นเรื่องตลก แต่พอส่งเพื่อนลงรถเสร็จ เขาบอกว่าเขาตกใจมาก เขากลัวผมจะด่าเพื่อนเขา เพราะผมไม่เคยด่าว่าใคร ถ้าเพื่อนของเขาโดนด่า ต้องเป็นคนที่ซวยมากแน่ๆ
เรื่องเล็กๆ น้อยอย่างนี้แหล่ะ ที่ทำเอาผมอึ้ง เพราะไม่เคยคิดเลย ว่าเขาจะคอยสังเกตุผมแบบนี้
เพื่อนเขามาแอบบอกผมทีหลังว่า เขาเป็นห่วงที่ผมเครียด ... แต่เขาไม่รู้ ว่าผมเครียดเรื่องอะไร ...
ตอนนี้เราก็ยังส่งข้อความหากันตลอด โทรคุยกันบ้าง ... และเวลาผมเล่นเฟสบุ๊คในคอมฯ ผมก็มองจุดสีเขียวนั่นน้อยลง แต่ถึงจะมอง ใจผมก็ไม่ได้เต้นผิดจังหวะเหมือนตอนนั้น
สาม-สี่วันที่ผ่านมา เวลาผมเล่นเฟสบุ๊คผ่านคอมฯ ผมเพิ่งสังเกตุว่า มุมจอขวามือ จะแสดงรายชื่อเพื่อนๆ ที่ออนไลน์ของเรา รายชื่อเพื่อนของผมต้องมีจุดสีเขียวๆ ถึงจะมีรายชื่อขึ้นแสดงตรงนั้น แต่มีเฉพาะชื่อของเขาชื่อเดียวที่แตกต่างจากคนอื่น ...
มีรายชื่อของเขาเพียงคนเดียว ในบรรดาเพื่อนทั้งหมดในเฟสเกือบสี่พันคนของผม ที่จะคอยแสดงรายชื่ออยู่ตรงนั้นตลอด ไม่ว่าเขาจะออนไลน์หรือไม่ ผมไม่รู้ว่าเพราะอะไร และก็ไม่ได้ไปตั้งค่าให้มันขึ้นแสดงแบบนั้นด้วย ...
วันนี้ขอใช้ที่ตรงนี้ระบายแค่นี้ก่อนนะครับ ตลอดสามถึงสี่วันมานี้ เรื่องที่จะเล่าดูว่าจะมีมากมาย ก็ขอเล่าแบบย่อๆ ละกัน ... เมื่อวานเย็นเขาบอกว่าจะเข้ามานั่งเล่นด้วยคืนนี้ จะซื้อกาแฟมาฝาก ช่วยลุ้นด้วยนะครับ ว่าผมจะได้กินกาแฟไหม ... รึจะเงียบหายไปอีก 55555555
การกลับมา ของคนไม่มีสถานะ
หลังจากที่เกือบจะไม่ได้นอนมาเกือบเดือน คืนนั้นผมนอนสี่ทุ่มครึ่ง เพราะเริ่มรู้สึกว่าร่ายกายเพลียจนไม่ไหวแล้ว ผมน่าจะช่วยให้ร่ายการได้รับการพักผ่อนนานขึ้น ... แต่ผมสดุ้งตื่นมาตอนตีหนึ่ง แล้วนอนไม่หลับอีกเลย ...
หลังจากการไม่ตอบข้อความ ไม่รับสายโทรศัพท์ และไม่โทรกลับของเขา ในเวลาเกือบสิบวัน เขาก็กลับมาครับ ... กลับมาตัวแบบเป็นๆ มาหาผมที่บ้าน
เขาบอกว่ามีธุระที่ยุ่งมาก ก็เลยไม่ได้ตอบข้อความ และไม่ได้รับสาย แต่เขาเคลียร์ปัญหาเรียบร้อยแล้ว ก็เลยรีบมาหา
คืนนั้นเขาเป็นฝ่ายชวนผมคุย ส่วนผมก็อาการยังช๊อคอยู่อ่ะครับ ได้แต่ยิ้มให้เขา แต่ในใจผมก็ทบทวน ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ เราจะกลับไปคิดเองคนเดียว แล้วก็พังเองคนเดียวอีกรึเปล่า
คืนนั้นเราคุยกันจนถึงห้าทุ่มกว่าๆ มันมีทั้งเสียงหัวเราะ และก็รอยยิ้มที่ดูจริงใจของเขา ... และแบบเสแสร้งของผม
บทสนทนาคืนนั้นของเราจบลงที่เขาพูดว่า เขาไม่รู้ว่าผมเป็นอะไร แต่เขาก็ดีใจที่เห็นผมยิ้มได้ทั้งๆ ที่นัยน์ตาดูเศร้า และเครียดมาก และเขาก็มีความสุข ที่ได้มานั่งคุยกับผมแบบนี้ ... แล้วเขาก็นัดวัน และเวลาที่จะมารับผมไปทำงาน และเราก็แยกย้ายกัน
เที่ยงคืนกว่าๆ เขาก็ส่งข้อความมาหาผม บอกว่าเขาถึงบ้านแล้ว ... ผมอ่านจากการแจ้งเตือนหน้าจอ แต่ไม่ได้กดเข้าไปดู
คืนนั้นผมนอนอยู่ในห้องมืดๆ จำได้ว่าเหลือบมองดูนาฬิกาครั้งสุดท้ายตอนตีสี่กับอีกสี่สิบกว่านาที ผมตื่นตอนตีห้ากับอีกห้าสิบนาที ... หกโมงกว่า เขาส่งสติ้กเกอร์มาอีกครั้ง ผมก็กดอ่าน แล้วเราก็กลับมาติดต่อกันทางข้อความอีกครั้งนึง
ทุกอย่างเหมือนเดิมครับ เวลาเราอยู่ด้วยกัน เราก็มีความสุข พูดคุย หัวเราะ แสดงความห่วงใย เอาออกเอาใจกันและกัน
แต่หลังจากที่เขากลับมาครั้งนี้ ดูเขาจะพยายามมากขึ้นที่จะเอาใจผม
... อย่างตอนที่เราแวะซื้อกาแฟที่ปั้มน้ำมัน เพื่อนของเขาถามกับผมว่าจะเอาอะไร ตัวเขาก็ชิงตอบว่า ผมกินได้แต่เอสเปรสโซ่
... อีกวันนึงเขาไปรับผมเดินเล่นที่ห้าง ผมบอกเขาว่าอยากกินกาแฟ เขาก็บอกว่า เดี๋ยวเขาจะพาแวะปั้มน้ำมัน เพราะผมเคยพูดว่าร้านในห้างนี้กาแฟไม่อร่อย
... ขากลับวันนั้นเพื่อนเขาที่ไปเดินเล่นด้วยกันทะเลาะกับแฟนบนรถตลอดทาง ผมพยายามทั้งสีหน้า และพูดแซวให้ดูเป็นเรื่องตลก แต่พอส่งเพื่อนลงรถเสร็จ เขาบอกว่าเขาตกใจมาก เขากลัวผมจะด่าเพื่อนเขา เพราะผมไม่เคยด่าว่าใคร ถ้าเพื่อนของเขาโดนด่า ต้องเป็นคนที่ซวยมากแน่ๆ
เรื่องเล็กๆ น้อยอย่างนี้แหล่ะ ที่ทำเอาผมอึ้ง เพราะไม่เคยคิดเลย ว่าเขาจะคอยสังเกตุผมแบบนี้
เพื่อนเขามาแอบบอกผมทีหลังว่า เขาเป็นห่วงที่ผมเครียด ... แต่เขาไม่รู้ ว่าผมเครียดเรื่องอะไร ...
ตอนนี้เราก็ยังส่งข้อความหากันตลอด โทรคุยกันบ้าง ... และเวลาผมเล่นเฟสบุ๊คในคอมฯ ผมก็มองจุดสีเขียวนั่นน้อยลง แต่ถึงจะมอง ใจผมก็ไม่ได้เต้นผิดจังหวะเหมือนตอนนั้น
สาม-สี่วันที่ผ่านมา เวลาผมเล่นเฟสบุ๊คผ่านคอมฯ ผมเพิ่งสังเกตุว่า มุมจอขวามือ จะแสดงรายชื่อเพื่อนๆ ที่ออนไลน์ของเรา รายชื่อเพื่อนของผมต้องมีจุดสีเขียวๆ ถึงจะมีรายชื่อขึ้นแสดงตรงนั้น แต่มีเฉพาะชื่อของเขาชื่อเดียวที่แตกต่างจากคนอื่น ...
มีรายชื่อของเขาเพียงคนเดียว ในบรรดาเพื่อนทั้งหมดในเฟสเกือบสี่พันคนของผม ที่จะคอยแสดงรายชื่ออยู่ตรงนั้นตลอด ไม่ว่าเขาจะออนไลน์หรือไม่ ผมไม่รู้ว่าเพราะอะไร และก็ไม่ได้ไปตั้งค่าให้มันขึ้นแสดงแบบนั้นด้วย ...
วันนี้ขอใช้ที่ตรงนี้ระบายแค่นี้ก่อนนะครับ ตลอดสามถึงสี่วันมานี้ เรื่องที่จะเล่าดูว่าจะมีมากมาย ก็ขอเล่าแบบย่อๆ ละกัน ... เมื่อวานเย็นเขาบอกว่าจะเข้ามานั่งเล่นด้วยคืนนี้ จะซื้อกาแฟมาฝาก ช่วยลุ้นด้วยนะครับ ว่าผมจะได้กินกาแฟไหม ... รึจะเงียบหายไปอีก 55555555