จบไปแล้วสำหรับ ฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก กับการพ่ายแพ้ของไทย ต่อ ออสเตรเลียไปด้วยประตู 2-1 และผู้ที่ทำประตูของทีมชาติไทยนั้นก็คือ "ปกเกล้า อนันต์ ฉายา เทพ วินวอค ของเราชาวไทย"
ปกเกล้า อนันต์ เป็นนักบอลที่มีความโดดเด่นในสนาม
แฟนบอลชาวไทยจึงตั้งฉายาให้ ซึ่งมีอีกหลายฉายา ที่ชาวไทยเรียกกัน ไม่ว่าจะเป็น "ฮอนดะ เมืองไทย" ซุ่งฉายานี้มาจากทรงผมสีเหลืองทอง ที่แกทำแล้วทำให้ดูโดดเด่นในสนาม มองไปคล้าย "เคสุเกะ ฮอนดะ" กองกลาง ทีมชาติญี่ปุ่น หรือจะเป็น "พอล ป๊อกเกล้า" อันนี้น่าจะมาจากสไตล์การเล่น และการยิงไกล เลยถูกเอาไปพ้องกับกองกลาง ทีมชาติ ฝรั่งเศส " พอล ป๊อกบา"
ทรงผมโดดเด่นกระชากใจ กลายเป็นอีก หนึ่งจุดเด่นของเจ้าตัว
นอกจากทรงผมที่โดดเด่นแล้ว ฝีเท้าของ ปกเกล้า ยังโดดเด่นไม่แพ้กัน เจ้าตัวแจ้งเกิดได้เต็มตัว และเป็นที่รู้จักของ แฟนบอลทั่วไปในวงกว้าง จากการลงเล่นให้กับ สโมสร "เพื่อนตำรวจ" หลังจากย้ายเข้ามาในฐานะดาวรุ่งพุ่งแรงจาก ทีม ไทยฮอนด้า
ปกเกล้า เป็นกองกลางตัวรุก จุดเด่นที่สุดของปกเกล้าคือ การเติมแนวรุกขึ้นไปยิงประตู และการยิงไกล เป็นกองกลางที่โดดเด่นในเกมส์รุกอย่างมาก ทั้งยามมีบอล และไม่มีบอล ซึ่งจากฟอร์มที่โดดเด่นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ ปกเกล้า ได้เข้ามารับใช้ทีมชาติ ชุดใหญ่ ครั้งแรกในยุค "วินเฟรด เชเฟอร์"
ปกเกล้าในบทบาททีมชาติ กับเสื้อทีมชาติไทย
ในยุค วินเฟรด ปกเกล้า ยังเป็นเพียงดาวรุ่งและตัวสำรอง จึงไม่ค่อยมีคนกล่าวถึงในนามทีมชาติมากนัก
แต่มาแจ้งเกิดในทีมชาติ จากการยิงไกลสุดสวย ในยุคการทำทีมของ "ซิโก้" ในนัดกระชับมิตร ที่ไทยบุกไปชนะจีนชุดใหญ่ ถึง 1-5 ซึ่งถือเป็นนัดประวัติศาสตร์ นัดหนึ่งเลยทีเดียว
ปกเกล้า ถือเป็นคีย์แมนสำคัญในแนวรุกของไทย นับตั้งแต่นั้นมา ได้มีโอกาสลงเป็นตัวจริงมากขึ้น และทำผลงานได้ดีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหลังจากซิโก้ ได้มีการใช้ "แมสซี่เจ ชนาธิป" เป็นแกนหลักในเกมส์รุก ปกเกล้ามักถูกปรับเปลี่ยนไปเล่น เป็นกองกลาง b2b อยู่บ่อยครั้ง โดยตำแหน่งนี้มักไม่เด่น และเมื่ิอไม่ได้ครองเกมส์บุก ปกเกล้ามักดูเหมือนหายไปจากเกมส์
แต่หลายครั้งที่เจ้าตัวหายๆไปจากการจับตาของทุกคน ปกเกล้ามักกลับมาในจังหวะสำคัญๆ เช่นการเป็นตัวเชื่อม หรือการยิงประตูสำคัญได้ จึงเป็นที่มาของฉายา " เทพ วินวอร์ค"
ปกเกล้ามักมีบทบาท ในประตูสำคัญๆ เสมอ
จนมาถึงยุคของ "มิโล" มิโลวาน ราเยวัช การเล่นของปกเกล้าที่ถูกจับมาเล่น กองกลางตรงกลางคอยเก็บกวาด หน้ากองหลังคู่กับ อุ้ม ในนัดเจอ ออสเตรเลีย ถือเป็นนัดแรกที่เจ้าตัวได้ถูกส่งลงสนามในเป็นตัวจริง ซึ่งปกเกล้านั้นก็ทำผลงาน คอยเป็นผึ้งงานคอยต่อสู้กับแนวรุกของออสเตรเรียได้เป็นอย่างดี รวมทั้งการยิงประตู ตีเสมอ 1-1 จากการ ส่งบอลตัดกลับเข้ามาของ พีรพัฒน์ โดยเจ้าตัว ยิงจังหวะเดียวด้วยเท้าซ้าย บอลพุ่งแรง ชนคานเข้าไปอย่างสวยงาม เป็นประตูแรกของเจ้าตัวในฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกโซนเอเชีย รอบ 12 ทีมสุดท้าย
ซึ่งการยิงประตูสำคัญได้เสมอนั้น เป็นการตอบกลับ คำถามของแฟนบอลที่สงสัยในความสามารถของเจ้าตัวได้เป็นอย่างดี
ล่าสุดหลังจากปกเกล้าย้านออกจาก ชลบุรี ไปร่วมทีมกับยอดทีมชาวกรุงเทพ อย่าง BU โดยในการย้ายทีมครั้งนี้ คุณ "อรรณพ สิงห์โตทอง" ได้ให้เหตุผลว่า อยากให้ ปกเกล้าได้มีโอกาสได้เล่นในเวที ACL เพื่อพัฒนาศักยภาพ ของเจ้าตัวเองใฟ้มีมากขึ้น รวมทั้งการเปิดเผยของ "บิ๊กขจร" ที่กล่าวว่า BU นั้นตามล่าตัว ปกเกล้ามาถึง 3 ปี ซึ่งคาดว่า มูลค่าการซื้อขายครั้งนี้สูงถึง 20 ล้านบาท ทำให้ ดิลนี้ เป็นดิลที่ ทุกฝ่าย Win- Win
โดยปกเกล้าเอง หลังจากได้เข้ามาร่วมงานกับโค๊ช "มาโน่" ก็ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ในการเล่นเป็น มิดฟิวตัวรุก ทางฝั่งขวา เจ้าตัวสามารถสร้างโอกาส การยิงประตูให้ทีมเจ้าบุญทุ่ม อย่างมากมาย ทั้งการยิงและจ่าย
การโดนมาโน่ จับไปเล่นแนวรุกทางฝั่งขวา แล้วให้ตัดกลับเข้ามาเป็น กองหน้าที่สอดเข้าไปทำประตูในเขตโทษ เป็นการพัฒนาไปอีกขั้นของ ปกเกล้าอย่างแท้จริง เป็นส่วนผสมที่ลงตัว ที่ทำให้ฟอร์มปกเกล้าโดดเด่น และการเล่นโต้กลับไวของ BU สมบูรณ์ขึ้น
ปกเกล้ายิง2 ประตูช่วยมห้ BU ชนะ อุบล UMT พร้อมกับท่าดีใจ "เพลงที่มีงูออกมา"
BU กับไทยลีคฤดูกาล 2017 นั้น ทำผลงานได้ดี และขับเคี่ยวหัวตารางเพื่อลุ้นแชมป์ร่วมกับ บุรีรัมย์ และ เมืองทอง ซึ่งมรโอกาสสูงที่ปีหน้า BU จะได้ไปโลดแล่นในเวที ACL และเมื่อเวลานั้นมาถึง ปกเกล้า ที่ลงเล่นในเวทีเอเชีย จะเป็นเช่นไร จะแข้งเกิดกับเวทีระดับนี้ได้หรือไม่ คงต้องติดตามกันต่อไป
โดย โค๊ชคีย์บอร์ด นอนวัด
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ก็เขียนเองนั่นแหละ
#### ปกเกล้า อนันต์ กองกลาง สารพัดประโยชน์ ####
ปกเกล้า อนันต์ เป็นนักบอลที่มีความโดดเด่นในสนาม
แฟนบอลชาวไทยจึงตั้งฉายาให้ ซึ่งมีอีกหลายฉายา ที่ชาวไทยเรียกกัน ไม่ว่าจะเป็น "ฮอนดะ เมืองไทย" ซุ่งฉายานี้มาจากทรงผมสีเหลืองทอง ที่แกทำแล้วทำให้ดูโดดเด่นในสนาม มองไปคล้าย "เคสุเกะ ฮอนดะ" กองกลาง ทีมชาติญี่ปุ่น หรือจะเป็น "พอล ป๊อกเกล้า" อันนี้น่าจะมาจากสไตล์การเล่น และการยิงไกล เลยถูกเอาไปพ้องกับกองกลาง ทีมชาติ ฝรั่งเศส " พอล ป๊อกบา"
นอกจากทรงผมที่โดดเด่นแล้ว ฝีเท้าของ ปกเกล้า ยังโดดเด่นไม่แพ้กัน เจ้าตัวแจ้งเกิดได้เต็มตัว และเป็นที่รู้จักของ แฟนบอลทั่วไปในวงกว้าง จากการลงเล่นให้กับ สโมสร "เพื่อนตำรวจ" หลังจากย้ายเข้ามาในฐานะดาวรุ่งพุ่งแรงจาก ทีม ไทยฮอนด้า
ปกเกล้า เป็นกองกลางตัวรุก จุดเด่นที่สุดของปกเกล้าคือ การเติมแนวรุกขึ้นไปยิงประตู และการยิงไกล เป็นกองกลางที่โดดเด่นในเกมส์รุกอย่างมาก ทั้งยามมีบอล และไม่มีบอล ซึ่งจากฟอร์มที่โดดเด่นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ ปกเกล้า ได้เข้ามารับใช้ทีมชาติ ชุดใหญ่ ครั้งแรกในยุค "วินเฟรด เชเฟอร์"
ในยุค วินเฟรด ปกเกล้า ยังเป็นเพียงดาวรุ่งและตัวสำรอง จึงไม่ค่อยมีคนกล่าวถึงในนามทีมชาติมากนัก
แต่มาแจ้งเกิดในทีมชาติ จากการยิงไกลสุดสวย ในยุคการทำทีมของ "ซิโก้" ในนัดกระชับมิตร ที่ไทยบุกไปชนะจีนชุดใหญ่ ถึง 1-5 ซึ่งถือเป็นนัดประวัติศาสตร์ นัดหนึ่งเลยทีเดียว
ปกเกล้า ถือเป็นคีย์แมนสำคัญในแนวรุกของไทย นับตั้งแต่นั้นมา ได้มีโอกาสลงเป็นตัวจริงมากขึ้น และทำผลงานได้ดีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหลังจากซิโก้ ได้มีการใช้ "แมสซี่เจ ชนาธิป" เป็นแกนหลักในเกมส์รุก ปกเกล้ามักถูกปรับเปลี่ยนไปเล่น เป็นกองกลาง b2b อยู่บ่อยครั้ง โดยตำแหน่งนี้มักไม่เด่น และเมื่ิอไม่ได้ครองเกมส์บุก ปกเกล้ามักดูเหมือนหายไปจากเกมส์
แต่หลายครั้งที่เจ้าตัวหายๆไปจากการจับตาของทุกคน ปกเกล้ามักกลับมาในจังหวะสำคัญๆ เช่นการเป็นตัวเชื่อม หรือการยิงประตูสำคัญได้ จึงเป็นที่มาของฉายา " เทพ วินวอร์ค"
จนมาถึงยุคของ "มิโล" มิโลวาน ราเยวัช การเล่นของปกเกล้าที่ถูกจับมาเล่น กองกลางตรงกลางคอยเก็บกวาด หน้ากองหลังคู่กับ อุ้ม ในนัดเจอ ออสเตรเลีย ถือเป็นนัดแรกที่เจ้าตัวได้ถูกส่งลงสนามในเป็นตัวจริง ซึ่งปกเกล้านั้นก็ทำผลงาน คอยเป็นผึ้งงานคอยต่อสู้กับแนวรุกของออสเตรเรียได้เป็นอย่างดี รวมทั้งการยิงประตู ตีเสมอ 1-1 จากการ ส่งบอลตัดกลับเข้ามาของ พีรพัฒน์ โดยเจ้าตัว ยิงจังหวะเดียวด้วยเท้าซ้าย บอลพุ่งแรง ชนคานเข้าไปอย่างสวยงาม เป็นประตูแรกของเจ้าตัวในฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกโซนเอเชีย รอบ 12 ทีมสุดท้าย
ซึ่งการยิงประตูสำคัญได้เสมอนั้น เป็นการตอบกลับ คำถามของแฟนบอลที่สงสัยในความสามารถของเจ้าตัวได้เป็นอย่างดี
ล่าสุดหลังจากปกเกล้าย้านออกจาก ชลบุรี ไปร่วมทีมกับยอดทีมชาวกรุงเทพ อย่าง BU โดยในการย้ายทีมครั้งนี้ คุณ "อรรณพ สิงห์โตทอง" ได้ให้เหตุผลว่า อยากให้ ปกเกล้าได้มีโอกาสได้เล่นในเวที ACL เพื่อพัฒนาศักยภาพ ของเจ้าตัวเองใฟ้มีมากขึ้น รวมทั้งการเปิดเผยของ "บิ๊กขจร" ที่กล่าวว่า BU นั้นตามล่าตัว ปกเกล้ามาถึง 3 ปี ซึ่งคาดว่า มูลค่าการซื้อขายครั้งนี้สูงถึง 20 ล้านบาท ทำให้ ดิลนี้ เป็นดิลที่ ทุกฝ่าย Win- Win
โดยปกเกล้าเอง หลังจากได้เข้ามาร่วมงานกับโค๊ช "มาโน่" ก็ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ในการเล่นเป็น มิดฟิวตัวรุก ทางฝั่งขวา เจ้าตัวสามารถสร้างโอกาส การยิงประตูให้ทีมเจ้าบุญทุ่ม อย่างมากมาย ทั้งการยิงและจ่าย
การโดนมาโน่ จับไปเล่นแนวรุกทางฝั่งขวา แล้วให้ตัดกลับเข้ามาเป็น กองหน้าที่สอดเข้าไปทำประตูในเขตโทษ เป็นการพัฒนาไปอีกขั้นของ ปกเกล้าอย่างแท้จริง เป็นส่วนผสมที่ลงตัว ที่ทำให้ฟอร์มปกเกล้าโดดเด่น และการเล่นโต้กลับไวของ BU สมบูรณ์ขึ้น
BU กับไทยลีคฤดูกาล 2017 นั้น ทำผลงานได้ดี และขับเคี่ยวหัวตารางเพื่อลุ้นแชมป์ร่วมกับ บุรีรัมย์ และ เมืองทอง ซึ่งมรโอกาสสูงที่ปีหน้า BU จะได้ไปโลดแล่นในเวที ACL และเมื่อเวลานั้นมาถึง ปกเกล้า ที่ลงเล่นในเวทีเอเชีย จะเป็นเช่นไร จะแข้งเกิดกับเวทีระดับนี้ได้หรือไม่ คงต้องติดตามกันต่อไป
โดย โค๊ชคีย์บอร์ด นอนวัด
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้