ฤดูฝนปนอากาศร้อนอบอ้าวแบบนี้ มีหลายโรคให้ระวัง โดยเฉพาะผู้หญิงหลายคน อาจไม่รู้ว่า อาการ “คัน” บริเวณจุดซ่อนเร้น จะบานปลายเป็น “เชื้อราในช่องคลอด” โรคที่ต้องใส่ใจรักษาอย่างถูกวิธี
อาการคันของโรค ไม่ใช่แค่คันแบบปกติทั่วไป แต่ส่งผลเสียกับบุคลิกภาพ ถ้าต้อง “หยุกหยิก” ตลอดเวลา หรือเกิด กลิ่นไม่พึงประสงค์ จะทำให้หมดความมั่นใจ ทั้งๆ ที่ ถ้าเริ่มเป็นไม่นานและรักษาอย่างใส่ใจ จะยุติปัญหาได้อย่างรวดเร็ว
สาเหตุของโรคนี้ เกิดจากภาวะเสียสมดุลของช่องคลอด ทำให้เชื้อแบคทีเรียดีๆ อย่าง “แลคโตบาซิลลัย” ที่ทำหน้าที่ป้องกันโรค มีจำนวนลดลง ส่งผลให้เชื้อราในกลุ่ม “แคนดิดา” ซึ่งมีในช่องคลอดตามธรรมชาติอยู่แล้ว เพิ่มจำนวนขึ้น เป็นที่มาของการอักเสบ ติดเชื้อรา
นอกจากนั้น หลายคนอาจไม่รู้เลยว่า “กางเกงคับๆ” ที่ผู้หญิงใส่แทบทุกวัน เพื่ออวดขาเรียวงาม ก็เป็นสาเหตุที่เร่งให้เชื้อราเพิ่มจำนวนขึ้น เพราะกางเกงรัดรูปแน่น เป็นอุปสรรคในการระบายอากาศ ยิ่งร้อนปะปนฝนในตอนนี้ ก็ทำให้ต้องใส่กางเกงอับชื้นเป็นเวลานานขึ้นอีก
เช่นเดียวกัน ผู้หญิงนักกิน ที่ชื่นชอบอาหาร คาร์โบไฮเครตสูง ก็เป็นอีกกลุ่มเสี่ยงจากโรคเชื้อราในช่องคลอด รวมไปถึงผู้มีโรคประจำตัว เช่น “เบาหวาน” และผู้ที่กินยาปฏิชีวนะหรือสเตียรอยด์บ่อยและนาน เพราะยากลุ่มนี้จะไปลดภูมิคุ้มกันโรค นอกจากนั้น ยังพบได้ในหญิงตั้งครรภ์อีกด้วย
อาการ “เป็นๆ หายๆ” เป็นปัญหาเรื้อรังที่สร้างความรำคาญให้ผู้หญิง เนื่องมาจากการรักษาไม่ถูกวิธีนั่นเอง โดยสงสัยกันว่า “คัน ตกขาว เป็นแล้วก็หายเองไม่จำเป็นต้องรักษาจริงหรือไม่?” ซึ่งคำตอบคือ “ควรรีบรักษา” ให้ตรงจุดโดยเร็ว เพื่อไม่ให้โรคลุกลามหรือกลับมากวนใจซ้ำอีก
ปัจจุบัน มียาที่รักษาอาการ คัน ตกขาว จากเชื้อรา คือการใช้ “ยาเม็ดสอดช่องคลอด” ที่มีคุณสมบัติฆ่าเชื้อราซึ่งเป็นต้นเหตุของอาการคัน ตกขาว
นอกจากนั้น กรดแลคติก จะช่วยปรับสมดุลภายในช่องคลอด และทำให้เชื้อดี อย่าง “แลคโตบาซิลลัย” เพิ่มขึ้น ช่วยต้านการเจริญเติบโตของเชื้อรา
ยารักษาอาการคัน ตกขาว จากเชื้อรา ชนิดเม็ดสอด ที่มีคุณภาพ ใช้ก่อนนอนเพียงครั้งเดียวในหนึ่งวัน ไม่สร้างภาระให้ผู้หญิงยุคใหม่ ที่ทำงานนอกบ้านหรือมีไลฟ์สไตล์ทันสมัย เช่น ออกกำลังกายประจำ มีเหงื่อและต้องสวมเสื้อผ้าอับชื้น สามารถตัดวงจรโรคได้อย่างปลอดภัย และหากใช้ยาฆ่าเชื้อราชนิดครีมทาภายนอกควบคู่ด้วย จะทำให้อาการคันลดลงได้เร็วขึ้น
รศ.นพ.พัญญู พันธ์บูรณะ ภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล โรงพยาบาลรามาธิบดี แนะนำว่า นอกจากการใช้ยาชนิดเม็ดสอดแล้ว การดูแลให้ โรคคัน ตกขาว หายขาดนั้น ต้องมาพร้อมกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม จะช่วยป้องกันหรือไม่ให้โรคนี้กลับมาเป็นอีก
อันดับแรก แนะนำคุณผู้หญิงไม่ควรสวมใส่กางเกงที่คับแน่นจนเกินไป เพราะจะทำให้อับชื้น และไม่ควรเลือกกางเกงใน ที่ทำจากไนลอน แต่ให้เลือกใช้วัสดุเป็นผ้าฝ้ายแทน จะช่วยระบายอากาศได้ดีกว่า
โดยเฉพาะในฤดูฝนที่มีความเปียกชื้นสูง ต้องหมั่นรักษาความสะอาด และไม่ควรใช้แผ่นอนามัยทุกวัน หากอยู่ในช่วงมี รอบเดือน ควรเปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยๆ ไม่ใช้ผ้าอนามัยแผ่นเดียวเป็นเวลานาน และต้องตากกางเกงใน บริเวณที่มีแดดอ่อนๆ เพื่อฆ่าเชื้อรา
ที่สำคัญคือ ไม่ควร สวนล้างทำความสะอาด ช่องคลอดด้วยน้ำยาล้างช่องคลอด เพราะจะทำให้เสียเงินโดยเปล่าประโยชน์ ไม่ทำให้อาการคันหายขาด แต่ซ้ำร้ายจะเพิ่มความเสี่ยงของโรคด้วย เนื่องจากน้ำยานั้น จะทำให้เกิดภาวะช่องคลอดเสียสมดุล เชื้อแบคทีเรียที่ช่วยต่อต้านโรคสูญเสียไป เปิดทางให้เชื้อราเติบโตขึ้นมาแทน
...อาการคัน ตกขาว จากเชื้อราในช่องคลอด ถือเป็น ภัยเงียบ อย่างหนึ่ง ที่ไม่มีผู้หญิงคนไหนอยากให้เป็น แต่ดูแลรักษาได้ ถ้ามีความรู้ ความเข้าใจ และที่สำคัญคือใช้ยารักษาอาการคันตกขาวอย่างถูกวิธีด้วย!!
“คัน” ช่องคลอด ภัยเงียบในผู้หญิง
อาการคันของโรค ไม่ใช่แค่คันแบบปกติทั่วไป แต่ส่งผลเสียกับบุคลิกภาพ ถ้าต้อง “หยุกหยิก” ตลอดเวลา หรือเกิด กลิ่นไม่พึงประสงค์ จะทำให้หมดความมั่นใจ ทั้งๆ ที่ ถ้าเริ่มเป็นไม่นานและรักษาอย่างใส่ใจ จะยุติปัญหาได้อย่างรวดเร็ว
สาเหตุของโรคนี้ เกิดจากภาวะเสียสมดุลของช่องคลอด ทำให้เชื้อแบคทีเรียดีๆ อย่าง “แลคโตบาซิลลัย” ที่ทำหน้าที่ป้องกันโรค มีจำนวนลดลง ส่งผลให้เชื้อราในกลุ่ม “แคนดิดา” ซึ่งมีในช่องคลอดตามธรรมชาติอยู่แล้ว เพิ่มจำนวนขึ้น เป็นที่มาของการอักเสบ ติดเชื้อรา
นอกจากนั้น หลายคนอาจไม่รู้เลยว่า “กางเกงคับๆ” ที่ผู้หญิงใส่แทบทุกวัน เพื่ออวดขาเรียวงาม ก็เป็นสาเหตุที่เร่งให้เชื้อราเพิ่มจำนวนขึ้น เพราะกางเกงรัดรูปแน่น เป็นอุปสรรคในการระบายอากาศ ยิ่งร้อนปะปนฝนในตอนนี้ ก็ทำให้ต้องใส่กางเกงอับชื้นเป็นเวลานานขึ้นอีก
เช่นเดียวกัน ผู้หญิงนักกิน ที่ชื่นชอบอาหาร คาร์โบไฮเครตสูง ก็เป็นอีกกลุ่มเสี่ยงจากโรคเชื้อราในช่องคลอด รวมไปถึงผู้มีโรคประจำตัว เช่น “เบาหวาน” และผู้ที่กินยาปฏิชีวนะหรือสเตียรอยด์บ่อยและนาน เพราะยากลุ่มนี้จะไปลดภูมิคุ้มกันโรค นอกจากนั้น ยังพบได้ในหญิงตั้งครรภ์อีกด้วย
อาการ “เป็นๆ หายๆ” เป็นปัญหาเรื้อรังที่สร้างความรำคาญให้ผู้หญิง เนื่องมาจากการรักษาไม่ถูกวิธีนั่นเอง โดยสงสัยกันว่า “คัน ตกขาว เป็นแล้วก็หายเองไม่จำเป็นต้องรักษาจริงหรือไม่?” ซึ่งคำตอบคือ “ควรรีบรักษา” ให้ตรงจุดโดยเร็ว เพื่อไม่ให้โรคลุกลามหรือกลับมากวนใจซ้ำอีก
ปัจจุบัน มียาที่รักษาอาการ คัน ตกขาว จากเชื้อรา คือการใช้ “ยาเม็ดสอดช่องคลอด” ที่มีคุณสมบัติฆ่าเชื้อราซึ่งเป็นต้นเหตุของอาการคัน ตกขาว
นอกจากนั้น กรดแลคติก จะช่วยปรับสมดุลภายในช่องคลอด และทำให้เชื้อดี อย่าง “แลคโตบาซิลลัย” เพิ่มขึ้น ช่วยต้านการเจริญเติบโตของเชื้อรา
ยารักษาอาการคัน ตกขาว จากเชื้อรา ชนิดเม็ดสอด ที่มีคุณภาพ ใช้ก่อนนอนเพียงครั้งเดียวในหนึ่งวัน ไม่สร้างภาระให้ผู้หญิงยุคใหม่ ที่ทำงานนอกบ้านหรือมีไลฟ์สไตล์ทันสมัย เช่น ออกกำลังกายประจำ มีเหงื่อและต้องสวมเสื้อผ้าอับชื้น สามารถตัดวงจรโรคได้อย่างปลอดภัย และหากใช้ยาฆ่าเชื้อราชนิดครีมทาภายนอกควบคู่ด้วย จะทำให้อาการคันลดลงได้เร็วขึ้น
รศ.นพ.พัญญู พันธ์บูรณะ ภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล โรงพยาบาลรามาธิบดี แนะนำว่า นอกจากการใช้ยาชนิดเม็ดสอดแล้ว การดูแลให้ โรคคัน ตกขาว หายขาดนั้น ต้องมาพร้อมกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม จะช่วยป้องกันหรือไม่ให้โรคนี้กลับมาเป็นอีก
อันดับแรก แนะนำคุณผู้หญิงไม่ควรสวมใส่กางเกงที่คับแน่นจนเกินไป เพราะจะทำให้อับชื้น และไม่ควรเลือกกางเกงใน ที่ทำจากไนลอน แต่ให้เลือกใช้วัสดุเป็นผ้าฝ้ายแทน จะช่วยระบายอากาศได้ดีกว่า
โดยเฉพาะในฤดูฝนที่มีความเปียกชื้นสูง ต้องหมั่นรักษาความสะอาด และไม่ควรใช้แผ่นอนามัยทุกวัน หากอยู่ในช่วงมี รอบเดือน ควรเปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยๆ ไม่ใช้ผ้าอนามัยแผ่นเดียวเป็นเวลานาน และต้องตากกางเกงใน บริเวณที่มีแดดอ่อนๆ เพื่อฆ่าเชื้อรา
ที่สำคัญคือ ไม่ควร สวนล้างทำความสะอาด ช่องคลอดด้วยน้ำยาล้างช่องคลอด เพราะจะทำให้เสียเงินโดยเปล่าประโยชน์ ไม่ทำให้อาการคันหายขาด แต่ซ้ำร้ายจะเพิ่มความเสี่ยงของโรคด้วย เนื่องจากน้ำยานั้น จะทำให้เกิดภาวะช่องคลอดเสียสมดุล เชื้อแบคทีเรียที่ช่วยต่อต้านโรคสูญเสียไป เปิดทางให้เชื้อราเติบโตขึ้นมาแทน
...อาการคัน ตกขาว จากเชื้อราในช่องคลอด ถือเป็น ภัยเงียบ อย่างหนึ่ง ที่ไม่มีผู้หญิงคนไหนอยากให้เป็น แต่ดูแลรักษาได้ ถ้ามีความรู้ ความเข้าใจ และที่สำคัญคือใช้ยารักษาอาการคันตกขาวอย่างถูกวิธีด้วย!!