ระอุ!!! สมรภูมิยะไข่ ตายเกือบ 400 ศพ!!! ในสัปดาห์เดียว!!! ในพม่า
1 กันยายน 2560
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา เมื่อวันที่ 1 ก.ย. ว่ากองทัพเมียนมาออกแถลงการณ์เกี่ยวกับสถานการณ์สู้รบกับกองทัพกอบกู้โรฮีนจาแห่งอาระกัน ( อาร์ซา ) ที่ปะทุขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ว่าจำนวนผู้เสียชีวิตอยู่ที่อย่างน้อย 397 คน แบ่งเป็นสมาชิกกลุ่มอาร์ซา 370 คน เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง 13 นาย และพลเรือนอีก 14 คน ถือเป็นสถานการณ์นองเลือดที่สุด นับตั้งแต่เหตุรุนแรงในเมืองซิตตเวซึ่งเป็นเมืองเอกของรัฐยะไข่ เมื่อปี 2555 ที่มีผู้เสียชีวิตเกือบ 200 คน และประชาชนเกือบ 120,000 คนต้องอพยพ โดยส่วนใหญ่เป็นชาวโรฮีนจา
ขณะเดียวกัน แถลงการณ์ของกองทัพเมียนมาระบุถึงการอพยพ "พลเรือนชาติพันธุ์" มากกว่า 11,700 คนออกจากรัฐยะไข่ ซึ่งเป็นการใช้คำแทน "พลเรือนไม่ใช่มุสลิม" โดยในจำนวนนี้รวมถึงการช่วยเหลือชาวฮินดูราว 700 คน ออกจากหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่อยู่ท่ามกลางวงล้อมของกลุ่มติดอาวุธ ด้านกลุ่มอาร์ซาออกแถลงการณ์ประณามรัฐบาลพลเรือนของนางออง ซาน ซูจี ที่กดขี่และเลือกปฏิบัติทางชาติพันธุ์ต่อชาวโรฮีนจา และยืนยันว่าไม่ใช่ "กลุ่มก่อการร้าย" ตามการเรียกขานของรัฐบาล แต่ต้องการมำหน้าที่ปกป้องสิทธิความเป็นพลเมืองให้กับชาวโรฮีนจาเท่านั้น
ในเวลาเดียวกัน แหล่งข่าวในสหประชาชาติ ( ยูเอ็น ) เผยว่าการสู้รบนองเลือดระลอกใหม่ผลักดันให้ชาวโรฮีนจาเกือบ 50,000 คนพยายามลี้ภัยข้ามแม่น้ำนาฟ ซึ่งเป็นพรมแดนธรรมชาติกั้นระหว่างเมียนมากับบังกลาเทศ แต่ราวครึ่งหนึ่งติดค้างอยู่บริเวณพื้นที่แนวรบ ( No Man's Land )
ด้านนางนิกกี เฮลีย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำยูเอ็น กล่าวเรียกร้องรัฐบาลและกองทัพเมียนมาให้คุ้มครอง "พลเรือนผู้บริสุทธิ์" ในรัฐยะไข่ ส่วนนายแมทธิว ไรครอฟต์ เอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำยูเอ็น ซึ่งเป็นอดีตเจ้าอาณานิคมของเมียนมา กล่าวว่าสถานการณ์รุนแรงครั้งใหม่ในรัฐยะไข่ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพและความมั่นคงบนโลก ส่วนนายโคฟี อันนัน อดีตเลขาธิการยูเอ็น ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมาการพิเศษด้านการสร้างสันติภาพในรัฐยะไข่ เรียกร้องให้รัฐบาลเมียนมามอบสัญชาติแก่ชาวโรฮีนจา ที่มีอยู่ราว 1.1 ล้านคน
https://www.dailynews.co.th/foreign/595609 
ระอุ!!! สมรภูมิยะไข่ ตายเกือบ 400 ศพ!!! ในสัปดาห์เดียว!!! ในพม่า
1 กันยายน 2560
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา เมื่อวันที่ 1 ก.ย. ว่ากองทัพเมียนมาออกแถลงการณ์เกี่ยวกับสถานการณ์สู้รบกับกองทัพกอบกู้โรฮีนจาแห่งอาระกัน ( อาร์ซา ) ที่ปะทุขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ว่าจำนวนผู้เสียชีวิตอยู่ที่อย่างน้อย 397 คน แบ่งเป็นสมาชิกกลุ่มอาร์ซา 370 คน เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง 13 นาย และพลเรือนอีก 14 คน ถือเป็นสถานการณ์นองเลือดที่สุด นับตั้งแต่เหตุรุนแรงในเมืองซิตตเวซึ่งเป็นเมืองเอกของรัฐยะไข่ เมื่อปี 2555 ที่มีผู้เสียชีวิตเกือบ 200 คน และประชาชนเกือบ 120,000 คนต้องอพยพ โดยส่วนใหญ่เป็นชาวโรฮีนจา
ขณะเดียวกัน แถลงการณ์ของกองทัพเมียนมาระบุถึงการอพยพ "พลเรือนชาติพันธุ์" มากกว่า 11,700 คนออกจากรัฐยะไข่ ซึ่งเป็นการใช้คำแทน "พลเรือนไม่ใช่มุสลิม" โดยในจำนวนนี้รวมถึงการช่วยเหลือชาวฮินดูราว 700 คน ออกจากหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่อยู่ท่ามกลางวงล้อมของกลุ่มติดอาวุธ ด้านกลุ่มอาร์ซาออกแถลงการณ์ประณามรัฐบาลพลเรือนของนางออง ซาน ซูจี ที่กดขี่และเลือกปฏิบัติทางชาติพันธุ์ต่อชาวโรฮีนจา และยืนยันว่าไม่ใช่ "กลุ่มก่อการร้าย" ตามการเรียกขานของรัฐบาล แต่ต้องการมำหน้าที่ปกป้องสิทธิความเป็นพลเมืองให้กับชาวโรฮีนจาเท่านั้น
ในเวลาเดียวกัน แหล่งข่าวในสหประชาชาติ ( ยูเอ็น ) เผยว่าการสู้รบนองเลือดระลอกใหม่ผลักดันให้ชาวโรฮีนจาเกือบ 50,000 คนพยายามลี้ภัยข้ามแม่น้ำนาฟ ซึ่งเป็นพรมแดนธรรมชาติกั้นระหว่างเมียนมากับบังกลาเทศ แต่ราวครึ่งหนึ่งติดค้างอยู่บริเวณพื้นที่แนวรบ ( No Man's Land )
ด้านนางนิกกี เฮลีย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำยูเอ็น กล่าวเรียกร้องรัฐบาลและกองทัพเมียนมาให้คุ้มครอง "พลเรือนผู้บริสุทธิ์" ในรัฐยะไข่ ส่วนนายแมทธิว ไรครอฟต์ เอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำยูเอ็น ซึ่งเป็นอดีตเจ้าอาณานิคมของเมียนมา กล่าวว่าสถานการณ์รุนแรงครั้งใหม่ในรัฐยะไข่ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพและความมั่นคงบนโลก ส่วนนายโคฟี อันนัน อดีตเลขาธิการยูเอ็น ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมาการพิเศษด้านการสร้างสันติภาพในรัฐยะไข่ เรียกร้องให้รัฐบาลเมียนมามอบสัญชาติแก่ชาวโรฮีนจา ที่มีอยู่ราว 1.1 ล้านคน
https://www.dailynews.co.th/foreign/595609