ไทยแพ้อิรักเพราะอะไร (บทวิเคราะห์) ข้ามฝากมาจากห้องศาสนา

กระทู้คำถาม
จากการได้ดูเกือบตลอดทั้งเกม
                        ประการแรก  
                       ยังหาบทสรุปปรัชญาอันเป็นแนวทางในการทำทีมไม่ได้ อันจะเป็นฐานให้พัฒนาเยาวชนตามแนวทางปรัชญานั้นอย่างต่อเนื่อง จริงๆคือแนวทางการเล่น  อย่างเช่นบราซิล อิตาลี เยอรมัน ฮอลแลนด์ อังกฤษ อาเจนตินา ฝรั่งเศส ก็ล้วนมีแนวทางพัฒนารูปแบบการเล่นเฉพาะ  และผู้เล่นหรือโค้ชก็เข้าใจปรัชญา รูปแบบนั้นเป็นอย่างดี  หรือเช่นตระกร้อ ไทยก็มีปรัชญาของลูกฟาด แต่มาเลเซียมีซันแบก  ซึ่งเป็นแนวทางเฉพาะ ก็ล้วนประสบความสำเร็จได้
                     จริงๆการเล่นฟุตบอลหรือเล่นกีฬาอะไรก็ตาม มันใช้ปรัชญาใดเป็นแนวทางก็ได้  ก็ล้วนประสบความสำเร็จได้ทั้งนั้น  เพียงแต่ผู้เล่นต้องเข้าใจในปรัชญานั้น  และมีศักยภาพในการตอบรับ/ตอบสนองปรัชญานั้นเป็นอย่างดี  ในกรณีปรัชญาของอิตาลีหรือตีหัวเข้าบ้าน คาเตนัชโช่ เน้นรับที่พร้อมจะสวนกลับแบบเด็ดขาด หากสมัยใดพวกเขามีผู้เล่นที่พร้อมจะตอบสนองปรัชญานั้น  ก็สามารถเป็นแชมป์โลกได้ หรือเข้ารอบลึกๆได้   ซึ่งปรัชญานี้ต้องมีแนวรับที่ดี ผู้รักษาประตูที่แข็งแกร่งดังบุปฟ่อน  คันนา เนสต้า มิลดินี่ มีแบคกึ่งปีกที่เปิดบอลแม่นอย่างซามบรอตต้า มีปีกที่พลิ้วหน่อยอย่างคาโมนาเรซี่ มีกองกลาง/เพลเมกเกอร์ที่มีความสามารถเฉพาะตัวสูง และวางบอลแม่นดังตอดติ  เดลปิเอโร   ปิโล่   มีตัวตัดเกมที่หนักหน่วงอย่าง  กัตตูโซ มีกองหน้าที่คม มีความเร็ว เข้าฮอตดี เก็บบอลได้ เป็นสไตเกอร์อย่างคริสเตียน โบ้โบ้  ฟิลิปโป้   อินซากี/พี่กุ้ง   ผู้เล่นที่มีคุณสมบัติอย่างนี้จะเหมาะกับปรัชญาตีหัวเข้าบ้าน แต่หากเมื่อใดที่โค้ชเลือกผู้เล่นไม่ใช่ลักษณะอย่างนี้ หรือไม่มีผู้เล่นที่มีลักษณะเข้ากับปรัชญา สูตรหรือแทคติกนี้ก็ไม่ได้ผลหรือลดประสิทธิภาพ อย่างเช่นหากเรวัชใช้แทคติกตีหัวเข้าบ้าน แต่ไปเลือกเอาธีรศิล แดงดา เป็นกองหน้าเป้า  มันไม่เหมาะสมกับแทคติกนี้ ทำให้ธีรศิลป์หายไปจากเกมอย่างสนิท แม้วูบวาบบางจังหวะ  ส่วนธนาธิปก็สนิทแต่วาบวูบช่วงแรกๆเท่านั้น   สำหรับแทคติกนี้ ธีรศิลควรจะเป็นหน้าต่ำมากกว่าศูนย์หน้าตัวเป้า และควรใช้ปีกที่มีความเร็วสูง เปิดบอลแม่น      
                       ผู้เล่นในชุดที่ไทยมีอยู่หรือผู้เล่นชุดนี้หากมาครบ มันเหมาะกับแทตติกซิโก้ หรือการต่อบอลแบบสเปนมากกว่า คุณจะสังเกตเห็นว่าไทยเน้นรับแต่ไม่ใช่รับแบบพร้อมรอสวนอย่างอิตาลี เพราะไม่มีผู้เล่นอย่างตอดติ  เดลปิเอโร   ปิโล่ ในทีม มีปีกที่เร็วคล่องอย่างคาโมนาเรซี่ ทำให้รับแบบสนิท อีกอย่าง การใช้แทคติกแบบอิตาลีต้องมีผู้เล่นวางบอลแม่นๆอย่างน้อยสองคนในกองกลาง แต่แทคติกไทยไม่มี  จึงรับสนิท
                 ฉะนั้น  ไทยควรหาบทสรุปในปรัชญา ซึ่งมีอยู่ ๒ กรณี คือ
                     ๑. พัฒนาผู้เล่นให้เข้าถึงปรัชญา/แทคติกที่ต้องการโดยเจาะลงไปในแต่ละตำแหน่ง
                     ๒. แสวงหาปรัชญาที่เหมาะกับนักเตะหรือสภาพนักเตะไทย
    ซึ่งผมคิดว่าสมาคมก็พยายามอยู่  ในส่วนความเห็นส่วนตัว  ผมมองว่าศักยภาพของนักเตะไทยตอนนี้ เหมาะสำหรับปรัชญาของอิตาลี  เพราะผู้รักษาประตู กองกลังมีความพร้อม  แต่แดนกลาง และแดนหน้ายังไม่มีนักเตะที่พร้อมกับปรัชญานี้  ซึ่งต้องสร้างและพัฒนาขึ้นมา
                   อีกประการที่ขาดไม่ได้ และมองข้ามไม่ได้       คนอิตาลีกับคนไทยมีอุปนิสัยคล้ายกัน  การใช้ปรัชญานี้น่าจะเหมาะสมด้วยอุปนิสัยที่คล้ายกัน  คือ  รักษาสบาย  ขี้เกียจ  ไม่ค่อยวิ่ง รักอิสระ ไร้ระเบียบ   มีความเป็นปัจเจกสูง  แต่จะดีเมื่ออยู่ในกฎแห่งการแข่งขัน         
  
                         ประการที่สอง
                     นักเตะไทยไม่เข้าใจในศาสตร์ฟุตบอล  เน้นการเคลื่อนที่  การต่อบอล  การรับส่ง-บอล  รูปแบบการเข้าทำ  การเลี้ยงบอล
                         การเลี้ยงบอลต้องเลี้ยงหนีคน   ไม่ใช่เลี้ยงจี้ใส่คน  เลี้ยงบอลหนีโดยไม่ต้องจี้ใส่คนก็ได้ นี้หลักการง่ายๆสำหรับการเลี้ยง  แต่เท่าที่ผมสังเกตดูหลายครั้งและสังเกตมานาน นักเตะไทยเลี้ยงจี้ใส่คนและจะเลี้ยงหนีอย่างกระชั้นชิด  ทั้งที่เวลา สถานที่นั้น ไม่มีความจำเป็นที่จะเลี้ยงไปอย่างนั้น  ฉะนั้น  การจะเลี้ยงบอลหนีคน ไม่จำต้องหนีแบบกระชั้นชิด  เลี้ยงหนีแบบอยู่ห่างๆก็ได้  หรือบางครั้งอาจเลี้ยงหาพื้นที่ว่าง เมื่ออยู่ในพื้นที่ว่าง มันก็มีโอกาสเลือกในการสร้างสรรค์เกม
                      นักเตะไทยไม่เข้าใจการเคลื่อนที่ตอนมีบอล ไม่มี เมื่อไม่เข้าใจในการเคลื่อนที่ทั้งมีบอล ไม่มีบอล เมื่อเจอเพรสซิ่งหนักๆดังแข่งกับเกาหลี ญี่ปุ่น   ทำให้บอลไทยมักจะรวน  เหตุผลหลักๆเพราะไม่เคลื่อนที่ และต่อบอล
                       การต่อบอลไม่จำเป็นต้องจับบอลทุกครั้งแล้วส่งไป เพราะการจับบอลอยู่กับตัวเพียง ๑ ครั้ง จะทำให้คู่แข่งมีเวลาเข้าประชิดตัว ไม่มีพื้นที่เล่นเมื่อมีการเพรสหนักๆ  หากจับบอลอยู่กับตัวที่จะพ้นจากการเพรสได้ ผู้เรียนต้องมีการเคลื่อนที่หาพื้นที่ว่างที่ดี เพราะฉะนั้น  ต้องมีการต่อบอลโดยไม่ต้องจับบอล เหมือนต่อกันไปมา จากเท้าสู่เท้าในจังหวะเดียว แล้วเปลี่ยนทิศทางบอลไป อย่างนี้ไม่มีในนักเตะไทย เคยเห็นในยุคซิโก้บ้าง ซึ่งผลการต่อบอลลักษณะนี้มีโอกาสที่จะเกิดพื้นที่การเล่น เกิดช่องว่าง เพรสอย่างไรก็ไม่จนอย่างบอลสเปน (แต่คู่แข่งจะเปลี่ยนแทคติกคุมพื้นที่) อีกทั้งคู่แข่งมีโอกาสสับสน ข้อนี้เพราะธรรมดาของนักบอลก็คิดว่าเมื่อส่งบอลมาก็จับบอลก่อน เมื่อคู่แข่งวิ่งเพรสเข้ามา บอลก็ไม่อยู่กับเราแล้ว  ซึ่งในแมตแข่งกับอิรัก ผมไม่เห็นการต่อบอลในจังหวะเดียวของนักเตะไทย เห็นจับก่อนแล้วส่ง หรือตูมเดียว  แม้มีการจับบอลแต่บอลมันอยู่นิ่ง  ๆ  บอลและคนไม่เคลื่อนที่ ทำให้เกมมันตัน   ดูอึดอัด
                 ประการที่ ๓ ปัญหาของโค้ชเรวัช  การวางตัวผู้รักษาประตูและกองหลังไม่มีปัญหา  แต่กองกลางมีปัญหา เพราะเรวัชใช้ตัวรับที่เน้นความแข็งแกร่งอย่างเดียว แต่ขาดความคล่องตัว ไม่มีความเร็ว ทำให้ตามผู้เล่นอิรักไม่ทัน กองกลางอิรักที่มีความคล่อง เร็ว เลี้ยงบอลได้ดี ต่อบอลดี จึงทะลวง เจาะเข้าตรงลางจนพรุน ทำให้มีการดึงในเขตโทษ และเสียจุดโทษ   โดนกดแทบโงหัวไม่ขึ้น เพราะแดนกลางคุมเกมไม่ได้  ซึ่งผมมองว่าเรวัชจำเป็นต้องมีตัวตัดเกมที่คล่องตัวสัก ๑ คน ที่จะมายืนคู่กัน  


                   โดยสรุป  ไทยแพ้อิรักเพราะไม่มีผู้เล่นที่ดี มีศักยภาพที่เหมาะสม สามารถตอบสนองปรัชญาแบบคาเตนัชโช่ ยกเว้นผู้รักษาประตูและกองหลังซึ่งผมมองว่ามีความพร้อม  ซึ่งจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องหาหรือพัฒนานักเตะในแดนกลางและกองหน้าที่ตอบสอนปรัชญาแบบคาเตนัชโช่

                 หมายเหตุ วิเคราะห์ตามความเข้าใจ ความรู้สึกของตนเองล้วนๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่