ด้วยบุคลิกและภาษาแบบเป็นตัวเอง ส่งให้ กันย์-นครินทร์ ผ่านวงษ์ หนุ่มลูกอีสานขนานแท้กลายเป็นตัวขโมยซีนที่สุดในผู้เข้าแข่งขัน The Face Men Thailand
ในวัยเพียง 19 ปี และอายุน้อยที่สุดในทีมเมนเทอร์ลูกเกด แต่เบื้องหลังชีวิตของกันย์นั้นสามารถนิยามได้ทั้งในระดับ ‘ไม่ธรรมดา’ และแสนจะ ‘ธรรมดาสามัญ’
เพราะถ้าไม่ได้อยู่ในรายการ กันย์ก็คือเด็กหนุ่มที่ถ้าละสายตาจากหน้าจอสมาร์ตโฟนแล้วเดินไปร้านสะดวกซื้อใกล้บ้าน คุณก็สามารถเห็นวัยรุ่นที่ใช้ชีวิตอย่างที่เขาเคยเป็นได้ไม่ยาก
“ก่อนหน้านี้ผมเรียนและทำงานไปด้วย เคยทำงานพาร์ตไทม์ที่ขอนแก่น ทำมาหลายอย่างมากครับ ตอนอายุ 14 เริ่มทำงานครั้งแรกเป็นเด็กโบกรถในงานเทศกาลของจังหวัด
เคยขี่มอเตอร์ไซค์ส่งแก๊ส ทำงานในร้าน The Pizza Company ร้าน 7-ELEVEN ก็เคยทำ และเป็นหุ้นส่วนร้านคาราโอเกะกับรุ่นพี่ในหมู่บ้าน”
แต่เพราะความตรงไปตรงมากับชีวิตแสนสามัญของเขานี่แหละ ที่ทำให้กันย์กลายเป็นความ ‘ไม่ธรรมดา’ ที่สุดในเกมการแข่งขัน
และนาทีนี้ถึงจะไม่ใช่ผู้ชนะ แต่เชื่อเถอะว่าเมื่อจบซีซัน กันย์จะเป็นอดีตผู้เข้าแข่งขันที่คุณยังอยากติดตามและเอาใจช่วยอีกสักหน่อยว่า อนาคตในแวดวงบันเทิงของเขาจะเดินต่อไปในทิศทางแบบไหน
ในบรรดางานพาร์ตไทม์ที่เคยทำ คุณชอบงานไหนมากที่สุด
ผมชอบขี่มอเตอร์ไซค์ส่งแก๊ส ตอนนั้นเราตัวเล็กมาก ยังจับไม่ถนัด แต่ตอนนี้พอมองย้อนกลับไป มันสนุกมากเลยนะ
เป็นชีวิตวัยรุ่นในแบบที่… แทนที่จะไปเที่ยวเตร่กับเพื่อน แต่เราได้ทำงาน ได้เงินวันละ 150 บาท ถือซะว่าเราไม่ได้ขอเงินพ่อแม่
มีช่วงหนึ่งที่ผมทำงานในร้าน 7-ELEVEN มันเป็นงานแรกที่ผมได้เงินเดือนหลักหมื่น ผมจะแบ่งเงินให้หลวงตา แบ่งให้ยาย แบ่งให้แม่ เงินส่วนที่เหลือผมก็เอาไปซื้อรองเท้าฟุตบอลแพงๆ ที่อยากได้มาตลอด
ผมเข้าไปสั่งซื้อในอินเทอร์เน็ตเลย เพราะมันสามารถปักชื่อของเราไว้บนรองเท้าได้ มีปุ่มเหล็กที่สามารถถอดออกได้ด้วย มันเป็นความฝันตั้งแต่เด็กที่เราอยากได้รองเท้าฟุตบอลที่มีปุ่มเหล็กแบบนี้
ผมก็ฝันว่าอยากเป็นนักฟุตบอลทีมชาติ ตอนนั้นตัวสูงมากด้วย ผมก็ไปคัด แต่เราไม่สามารถสู้เขาได้ เพราะเหมือนมันมีเรื่องเส้นสายเข้ามาด้วย
ผมจำได้เลยว่าเขาขอเงินสองแสนเพื่อจะรับเราเข้าเรียน ม.4 แล้วเป็นนักกีฬา พอมีปัญหาเรื่องสอบเข้า ผมก็เลยเลิก เพราะคิดว่าฟุตบอลมันคงไม่ใช่กับชีวิตเราแล้ว
ผมทำงานเยอะมาก ทั้งเสิร์ฟอาหาร ทำก่อสร้าง มัดลวดเหล็กในไซต์ก่อสร้างผมก็ทำ… ไม่คิดว่าตัวเองจะมาได้จนถึงวันนี้ อย่างการมาแข่งขัน The Face Men Thailand ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมาด้านนี้เลย ผมมาไกลมากๆ
ผู้เข้าแข่งขันในรายการมีเสน่ห์แตกต่างกันไป คิดว่าอะไรคือเสน่ห์แบบหนุ่มอีสานที่ใครก็เลียนแบบคุณไม่ได้
ผมเป็นคนตลกอยู่แล้ว เวลาอยู่กับแม่ “ม้า สบายดีไหมครับ” ผมจะชอบพูดกับแม่แบบนี้ ชอบหยอกกัน ผมเป็นคนที่จริงใจ ซื่อๆ พูดอะไรตรงๆ ไม่ชอบอยู่นิ่ง ทุกคนจะสัมผัสได้ถ้าสนิทกับผมจริงๆ
แต่ถ้าไปอยู่วัด ผมจะเป็นอีกแบบเลย ตอนเรียน ม.6 เทอมแรก ผมไปอยู่กับหลวงตาที่วัด เป็นสำนักสงฆ์บ้านนอก ทุกเช้าผมต้องตามหลวงตาไปบิณฑบาตแล้วรอกินข้าวก้นบาตร จากนั้นก็เก็บไข่ต้มหรืออาหารอื่นๆ ไปกินที่โรงเรียนตอนกลางวัน เอาไปฝากเพื่อนๆ ด้วยก็มี เลิกเรียนก็ไปทำงาน แล้วกลับมานอนที่วัด
หลวงตาจะพาไปทำวัตรทุกวัน แล้วผมเป็นคนที่สมาธิสั้น ตื่นเต้นง่าย แต่การอยู่กับหลวงตาทำให้เรานิ่งขึ้น
ทุกวันนี้ผมออกมาสร้างฐานของตัวเอง ถ้าหลวงตาได้เห็น เขาคงภูมิใจว่าเรามาได้อีกขั้นหนึ่งของชีวิตแล้ว
งานบ้านที่ผู้ชายอย่างคุณคิดว่าทำได้ดีมากที่สุดคืออะไร
ซักผ้าให้ยายและขัดห้องน้ำ ตอนอยู่วัดผมขัดห้องน้ำบ่อยๆ เพราะสิ่งที่ทำแล้วได้บุญที่สุดคือการขัดห้องน้ำ พระท่านสอนมาว่าสิ่งนี้ควรทำ เราก็ทำไปเถอะ
คิดว่าผู้ชายอย่างคุณคือเมนูอาหารแบบไหน
ผมเป็นคนง่ายๆ กินอยู่ง่ายๆ ‘ส้มตำ’ แล้วกัน ส้มตำลาวเผ็ดปานกลาง เปรี้ยวหวาน แต่ถ้าเป็นส้มตำไทย ขอพริกเม็ดเดียว ใส่กุ้งแห้งเยอะๆ
นอกจากความสวยของใบหน้า อวัยวะส่วนใดของผู้หญิงที่คุณมองแล้วจะรู้สึกสะเทือนมากที่สุด
สายตาครับ “อย่ามองตาได้ไหมถ้าเธอไม่แคร์” (ร้องเพลง) เวลามองผู้หญิงต้องมองที่สายตา มันเป็นสิ่งที่ทำให้เราหลงใหลเขา แต่ผมไม่ค่อยมีฟีลนี้นะ (หัวเราะ) ผมเป็นคนมัวแต่ทำงาน แล้วก็อยู่แต่กับเพื่อน ชีวิตผมจะมีแค่บ้าน โรงเรียน ไปทำงาน วนอยู่แค่นี้ตั้งแต่อายุ 13-18 เลยไม่เคยมีฟีลนี้มาก่อน
เมื่อรายการจบ คนแรกที่คุณอยากโทรหามากที่สุดคือใคร
ผมจะโทรหายาย เพราะยายเป็นคนที่รักผมที่สุด ผมว่ามีเด็กน้อยคนมากนะที่ยายจะไปคอยเฝ้าตอนเรียน ตอนผมอายุ 13 เขาไปนั่งเฝ้าเราเรียนเลย เขากลัวเราเกเร กลัวเราโดดเรียน กลัวเราไปต่อยคน
ผู้ชายหล่อๆ กล้ามใหญ่ๆ นี่สามารถร้องไห้ได้ด้วยเรื่องอะไรบ้าง
เรื่องที่ท้อ เราสามารถท้อได้ ร้องไห้ก็ร้องไปให้เต็มที่ แต่อย่ายอมแพ้ ตัวผมเองเวลาร้องไห้ก็จะร้องให้สุดๆ แต่จะไม่ยอมให้ใครเห็นน้ำตาผู้ชาย แต่ในรายการนี่ผมก็ร้องไห้ไปแล้วนะ
มันจะมีคำพูดใส่เราว่า No No No มันเป็นเรื่องธรรมดาที่เราจะโดนปฏิเสธไปเรื่อยๆ จนกว่าเราจะเจอคนที่ใช่แล้วเขาเซย์ Yes
เหมือนเด็กขายพวงมาลัยน่ะครับที่ก็ต้องเดินไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเจอคนที่อยากซื้อ เราก็ต้องอดทน ต้องบอกตัวเองว่าห้ามท้อ ผมถือว่าทุกการปฏิเสธมันเป็นประสบการณ์ที่ทำให้เราโตขึ้น
ทำความรู้จัก"กันย์" #TeamLukkade
ในวัยเพียง 19 ปี และอายุน้อยที่สุดในทีมเมนเทอร์ลูกเกด แต่เบื้องหลังชีวิตของกันย์นั้นสามารถนิยามได้ทั้งในระดับ ‘ไม่ธรรมดา’ และแสนจะ ‘ธรรมดาสามัญ’
เพราะถ้าไม่ได้อยู่ในรายการ กันย์ก็คือเด็กหนุ่มที่ถ้าละสายตาจากหน้าจอสมาร์ตโฟนแล้วเดินไปร้านสะดวกซื้อใกล้บ้าน คุณก็สามารถเห็นวัยรุ่นที่ใช้ชีวิตอย่างที่เขาเคยเป็นได้ไม่ยาก
“ก่อนหน้านี้ผมเรียนและทำงานไปด้วย เคยทำงานพาร์ตไทม์ที่ขอนแก่น ทำมาหลายอย่างมากครับ ตอนอายุ 14 เริ่มทำงานครั้งแรกเป็นเด็กโบกรถในงานเทศกาลของจังหวัด
เคยขี่มอเตอร์ไซค์ส่งแก๊ส ทำงานในร้าน The Pizza Company ร้าน 7-ELEVEN ก็เคยทำ และเป็นหุ้นส่วนร้านคาราโอเกะกับรุ่นพี่ในหมู่บ้าน”
แต่เพราะความตรงไปตรงมากับชีวิตแสนสามัญของเขานี่แหละ ที่ทำให้กันย์กลายเป็นความ ‘ไม่ธรรมดา’ ที่สุดในเกมการแข่งขัน
และนาทีนี้ถึงจะไม่ใช่ผู้ชนะ แต่เชื่อเถอะว่าเมื่อจบซีซัน กันย์จะเป็นอดีตผู้เข้าแข่งขันที่คุณยังอยากติดตามและเอาใจช่วยอีกสักหน่อยว่า อนาคตในแวดวงบันเทิงของเขาจะเดินต่อไปในทิศทางแบบไหน
ในบรรดางานพาร์ตไทม์ที่เคยทำ คุณชอบงานไหนมากที่สุด
ผมชอบขี่มอเตอร์ไซค์ส่งแก๊ส ตอนนั้นเราตัวเล็กมาก ยังจับไม่ถนัด แต่ตอนนี้พอมองย้อนกลับไป มันสนุกมากเลยนะ
เป็นชีวิตวัยรุ่นในแบบที่… แทนที่จะไปเที่ยวเตร่กับเพื่อน แต่เราได้ทำงาน ได้เงินวันละ 150 บาท ถือซะว่าเราไม่ได้ขอเงินพ่อแม่
มีช่วงหนึ่งที่ผมทำงานในร้าน 7-ELEVEN มันเป็นงานแรกที่ผมได้เงินเดือนหลักหมื่น ผมจะแบ่งเงินให้หลวงตา แบ่งให้ยาย แบ่งให้แม่ เงินส่วนที่เหลือผมก็เอาไปซื้อรองเท้าฟุตบอลแพงๆ ที่อยากได้มาตลอด
ผมเข้าไปสั่งซื้อในอินเทอร์เน็ตเลย เพราะมันสามารถปักชื่อของเราไว้บนรองเท้าได้ มีปุ่มเหล็กที่สามารถถอดออกได้ด้วย มันเป็นความฝันตั้งแต่เด็กที่เราอยากได้รองเท้าฟุตบอลที่มีปุ่มเหล็กแบบนี้
ผมก็ฝันว่าอยากเป็นนักฟุตบอลทีมชาติ ตอนนั้นตัวสูงมากด้วย ผมก็ไปคัด แต่เราไม่สามารถสู้เขาได้ เพราะเหมือนมันมีเรื่องเส้นสายเข้ามาด้วย
ผมจำได้เลยว่าเขาขอเงินสองแสนเพื่อจะรับเราเข้าเรียน ม.4 แล้วเป็นนักกีฬา พอมีปัญหาเรื่องสอบเข้า ผมก็เลยเลิก เพราะคิดว่าฟุตบอลมันคงไม่ใช่กับชีวิตเราแล้ว
ผมทำงานเยอะมาก ทั้งเสิร์ฟอาหาร ทำก่อสร้าง มัดลวดเหล็กในไซต์ก่อสร้างผมก็ทำ… ไม่คิดว่าตัวเองจะมาได้จนถึงวันนี้ อย่างการมาแข่งขัน The Face Men Thailand ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมาด้านนี้เลย ผมมาไกลมากๆ
ผู้เข้าแข่งขันในรายการมีเสน่ห์แตกต่างกันไป คิดว่าอะไรคือเสน่ห์แบบหนุ่มอีสานที่ใครก็เลียนแบบคุณไม่ได้
ผมเป็นคนตลกอยู่แล้ว เวลาอยู่กับแม่ “ม้า สบายดีไหมครับ” ผมจะชอบพูดกับแม่แบบนี้ ชอบหยอกกัน ผมเป็นคนที่จริงใจ ซื่อๆ พูดอะไรตรงๆ ไม่ชอบอยู่นิ่ง ทุกคนจะสัมผัสได้ถ้าสนิทกับผมจริงๆ
แต่ถ้าไปอยู่วัด ผมจะเป็นอีกแบบเลย ตอนเรียน ม.6 เทอมแรก ผมไปอยู่กับหลวงตาที่วัด เป็นสำนักสงฆ์บ้านนอก ทุกเช้าผมต้องตามหลวงตาไปบิณฑบาตแล้วรอกินข้าวก้นบาตร จากนั้นก็เก็บไข่ต้มหรืออาหารอื่นๆ ไปกินที่โรงเรียนตอนกลางวัน เอาไปฝากเพื่อนๆ ด้วยก็มี เลิกเรียนก็ไปทำงาน แล้วกลับมานอนที่วัด
หลวงตาจะพาไปทำวัตรทุกวัน แล้วผมเป็นคนที่สมาธิสั้น ตื่นเต้นง่าย แต่การอยู่กับหลวงตาทำให้เรานิ่งขึ้น
ทุกวันนี้ผมออกมาสร้างฐานของตัวเอง ถ้าหลวงตาได้เห็น เขาคงภูมิใจว่าเรามาได้อีกขั้นหนึ่งของชีวิตแล้ว
งานบ้านที่ผู้ชายอย่างคุณคิดว่าทำได้ดีมากที่สุดคืออะไร
ซักผ้าให้ยายและขัดห้องน้ำ ตอนอยู่วัดผมขัดห้องน้ำบ่อยๆ เพราะสิ่งที่ทำแล้วได้บุญที่สุดคือการขัดห้องน้ำ พระท่านสอนมาว่าสิ่งนี้ควรทำ เราก็ทำไปเถอะ
คิดว่าผู้ชายอย่างคุณคือเมนูอาหารแบบไหน
ผมเป็นคนง่ายๆ กินอยู่ง่ายๆ ‘ส้มตำ’ แล้วกัน ส้มตำลาวเผ็ดปานกลาง เปรี้ยวหวาน แต่ถ้าเป็นส้มตำไทย ขอพริกเม็ดเดียว ใส่กุ้งแห้งเยอะๆ
นอกจากความสวยของใบหน้า อวัยวะส่วนใดของผู้หญิงที่คุณมองแล้วจะรู้สึกสะเทือนมากที่สุด
สายตาครับ “อย่ามองตาได้ไหมถ้าเธอไม่แคร์” (ร้องเพลง) เวลามองผู้หญิงต้องมองที่สายตา มันเป็นสิ่งที่ทำให้เราหลงใหลเขา แต่ผมไม่ค่อยมีฟีลนี้นะ (หัวเราะ) ผมเป็นคนมัวแต่ทำงาน แล้วก็อยู่แต่กับเพื่อน ชีวิตผมจะมีแค่บ้าน โรงเรียน ไปทำงาน วนอยู่แค่นี้ตั้งแต่อายุ 13-18 เลยไม่เคยมีฟีลนี้มาก่อน
เมื่อรายการจบ คนแรกที่คุณอยากโทรหามากที่สุดคือใคร
ผมจะโทรหายาย เพราะยายเป็นคนที่รักผมที่สุด ผมว่ามีเด็กน้อยคนมากนะที่ยายจะไปคอยเฝ้าตอนเรียน ตอนผมอายุ 13 เขาไปนั่งเฝ้าเราเรียนเลย เขากลัวเราเกเร กลัวเราโดดเรียน กลัวเราไปต่อยคน
ผู้ชายหล่อๆ กล้ามใหญ่ๆ นี่สามารถร้องไห้ได้ด้วยเรื่องอะไรบ้าง
เรื่องที่ท้อ เราสามารถท้อได้ ร้องไห้ก็ร้องไปให้เต็มที่ แต่อย่ายอมแพ้ ตัวผมเองเวลาร้องไห้ก็จะร้องให้สุดๆ แต่จะไม่ยอมให้ใครเห็นน้ำตาผู้ชาย แต่ในรายการนี่ผมก็ร้องไห้ไปแล้วนะ
มันจะมีคำพูดใส่เราว่า No No No มันเป็นเรื่องธรรมดาที่เราจะโดนปฏิเสธไปเรื่อยๆ จนกว่าเราจะเจอคนที่ใช่แล้วเขาเซย์ Yes
เหมือนเด็กขายพวงมาลัยน่ะครับที่ก็ต้องเดินไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเจอคนที่อยากซื้อ เราก็ต้องอดทน ต้องบอกตัวเองว่าห้ามท้อ ผมถือว่าทุกการปฏิเสธมันเป็นประสบการณ์ที่ทำให้เราโตขึ้น