วันหยุดยาวเดือนตุลาคมนี้ทุกคนไปเที่ยวที่ไหนกันคะ?
ปีนี้สนใจมาเที่ยวชมใบไม้เปลี่ยนสีหรือชมหิมะที่ญี่ปุ่นกันไหมคะ?
สำหรับผู้ที่กำลังคิดแพลนการเดินทาง วันนี้เราจะมาแนะนำเส้นทางการท่องเที่ยวในญี่ปุ่นแบบใหม่
เส้นทาง SAIYUKIKOU เดินทางจากแทบคันไซถึงภาคตะวันตกของญี่ปุ่นค่ะ
เส้นทาง SAIYUKIKOU นี้เดินทางจาก สถานีชินโอซาก้า (Shin-Osaka) ถึงสถานีฮากาตะ (Hakata)
ในเส้นทางนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวที่มีเสน่ห์อยู่มาก มีจังหวัดอะไรบ้างดูตามรูปด้านล่างเลยค่ะ
แล้วในเส้นทางนี้มีอะไรน่าเที่ยวบ้าง เราไปดูกันเลย !
จังหวัดทตโตะริ(Tottori)
ที่นี่มีภูเขาใหญ่ที่เป็นความภาคภูมิใจของชาวญี่ปุ่นภาคกลาง
มีความสูงจากระดับน้ำทะเลถึง 1,709 เมตร
ถูกเลือกให้เป็น "ยอดเขาญี่ปุ่น" ที่ดีที่สุดอันดับ3
ด้วยยอดเขาที่มีความงามจนใครๆเป็นต้องหลงใหล จึงได้รับความนิยมจากผู้คนที่มาเยี่ยมชมอย่างต่อเนื่อง
ตั้งแต่ฤดูใบไม้ผลิถึงฤดูร้อนภูเขาจะเป็นสีเขียวสด ฤดูใบไม้ร่วงมีหลากสีสัน ทั้งสีแดง เหลือง น้ำตาล
ส่วนฤดูหนาวจะเป็นสีขาวเพราะถูกปกคลุมด้วยหิมะ
คุณสามารถชมความงามของธรรมชาติที่เขาแห่งนี้ได้ตลอดทั้งสี่ฤดูกาล
โดยเฉพาะในฤดูใบไม้ร่วง เป็นฤดูของใบไม้เปลี่ยนสี
คุณสามารถนั่งรถบัสหรือเช่ารถยนต์ส่วนตัว หรือจะปีนเขา เพื่อชมทิวทัศน์ก็ได้ค่ะ
จังหวัดชิมะเนะ(Shimane) เมืองมะสึเอะ(Matsue)
เมื่อไอเย็นเริ่มพัดมา เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าได้เข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง
เป็นฤดูกาลที่อากาศเหมาะแก่ใส่ยูคาตะเดินเล่นในเมืองออนเซนแห่งนี้เป็นที่สุด
ทามะสุคุริออนเซน (Tamatsukuri Onsen) ที่ตั้งอยู่ในเมืองมะสึเอะ(Matsue)
สามารถเดินทางจากปราสาทมะสึเอะโดยรถยนต์ 20 นาที
ออนเซนนี้ถูกจัดให้เป็นสมบัติของแผ่นดิน
จากผลการสำรวจของบริษัทเครื่องสำอางนั้น น้ำออนเซนของที่นี่มีสารที่ช่วยให้ผิวสวยอยู่ในน้ำปริมาณมาก
แถมยังสามารถแช่เท้าในน้ำร้อนที่ริมแม่น้ำ ให้คุณสามารถผ่อนคลาย รับลมสดชื่นได้ท่ามกลางธรรมชาติแบบชิวๆ
คุณสามารถสนุกกับการช็อปปิ้งเลือกซื้อของฝากตามร้านค้าต่างๆ หรือเลือกซื้อเครื่องสำอางที่ทำจากน้ำออนเซนของที่นี่ได้อีกด้วย
จังหวัดโอกายามะ(Okayama) เมืองทาคาฮาชิ(Takahashi)
ปราสาทบิจู มะสึยะมะ(Bitchu Matsuyama Castle)
ปราสาทที่ตั้งอยู่ใกล้ยอดเขากะกิวซัง (Gagyuzan) ซึ่งมีความสูงจากระดับน้ำทะเลถึง 480 เมตร
นับว่าเป็นเป็นปราสาทที่ตั้งอยู่บนภูเขาเพียงหนึ่งเดียวในญี่ปุ่นที่สามารถมองเห็นตัวปราสาทได้
อีกทั้งยังเป็นปราสาทภูเขาที่มีขนาดใหญ่ Top3 ของญี่ปุ่น
ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงจนถึงฤดูใบไม้ผลิตอนเช้าตรู่ช่วงที่พระอาทิตย์กำลังขึ้น
ที่ตัวปราสาทจะมีควันสีขาวลอยขึ้นเป็นทะเลหมอก เผยให้เห็นตัวปราสาท
และด้วยเหตุที่ทิวทัศน์ที่เหมือนกับอยู่ในโลกจินตนาการแบบนี้
ปราสาทแห่งนี้จึงถูกเรียกว่า “ปราสาทบนสวรรค์”
คุณสามารถเห็นตัวเมืองที่อยู่ทางด้านทิศใต้ของภูเขากะกิวซัง (Gagyuzan)
เป็นสภาพเมืองที่เหมือนกับสมัยเอโดะ มีบ้านของครอบครัวนักรบสมัยโบราณของญี่ปุ่น
ภายในอาณาเขตจะมีตัวเรือนที่พักอาศัย และสวนแบบญี่ปุ่นอยู่ในรั้วบ้าน
จังหวัดฮิโรชิมะ (Hiroshima)
มีศาลเจ้าอิสึคุชิมะ (Itsukushima) ที่เป็นมรดกโลกนั้นตั้งอยู่ที่มิยะจิมะ (Miyajima)
ได้ชื่อว่าเป็นเกาะโรแมนติก และมีทะเลเซโตะไน (Setonai) ที่งดงาม ชวนให้นึกถึงประวัติศาสตร์ในอดีต
ภายในศาลเจ้าอิสึคุชิมะ (Itsukushima) มีการผสมผสานระหว่างธรรมชาติและตัวอาคารที่งดงามได้อย่างลงตัว
อีกทั้งที่จังหวัดนี้ยังมีหุบเขาที่สามารถชมซากุระและใบไม้เปลี่ยนสีได้อีกด้วย
และยังมีป่าเขามิเซน (Misen) ที่หลงเหลือไว้ตั้งแต่สมัยก่อน
ทิวทัศน์ที่เปลี่ยนแปลงไปตามธรรมชาติของที่นี่เป็นที่ชื่นชอบของผู้คนมาตั้งแต่โบราณ
อีกทั้งยังมีมัตสึชิมะ (Matsushima) และอามาโนะฮาชิดาเตะ (Ama no Hashidate)
ที่จังหวัดนี้รวมสถานที่สำคัญสามที่ของญี่ปุ่นไว้ในแห่งเดียว
และยังสามารถทานหอยนางรมและปลาไหลที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งโอโมเตะซันโด (Omotesando) ใช้เป็นวัตถุดิบในการทำอาหารอีกด้วย
ช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนจนถึงปลายเดือน
คุณสามารถชมใบไม้เปลี่ยนสีหลากสีสันได้ที่สวน Momiji Dani Park
ที่สวนแห่งนี้มีใบไม้เปลี่ยนสีถึง 700 ต้นให้คุณได้ชมความงามอย่างจุใจ
จังหวัดยามากุจิ(Yamaguchi) เมืองมิเนะ(Mi-ne)
ที่ราบสูงอากิโยชิ (Akiyoshi) เป็นที่ราบสูงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น ไม่ได้มีเพียงแต่ทิวทัศน์ที่พิเศษเท่านั้น
ในช่วงนี้มีผู้คนจำนวนมากมาปั่นจักรยานท่ามกลางธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ของที่นี่
ในฤดูใบไม้ร่วงทุ่งหญ้าจะเต็มไปด้วยดอกหญ้าซุซุกิ และหญ้าที่โตอยู่ด้านล่างของต้นซุซุกิจะเปลี่ยนเป็นสีส้ม
จึงทำให้ทั่วพื้นที่ถูกย้อมด้วยสีส้ม หญ้านี้จึงถูกเรียกว่า "หญ้าเมเปิ้ล"
และที่ใต้ดินของที่ราบสูงอากิโยชิประมาณ 100 เมตร
มีถ้ำหินปูนขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศตะวันออก คือ “ถ้ำอากิโยชิ”
มีจุดที่น่าสนใจหลายจุด เช่นในรูปด้านขวาล่างเป็นชั้นดินที่เหมือนกับขั้นบันไดและโค้งเว้าเหมือนเป็นรูปจาน
คนญี่ปุ่นจึงเรียกว่า “จานร้อยใบ”
จังหวัดคะงะวะ (Kagawa)
สวนสาธารณะริสึริน (Ritsurin park) เป็นสวนสไตล์ญี่ปุ่น
ที่ตั้งอยู่ในเมืองทะกะมะสึ (Takamatsu) ใจกลางของเกาะชิโกะกุ
ซึ่งถูกสร้างขึ้นเมื่อประมาณ 300 ปีที่แล้ว
เป็นสวนสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดในสวนที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของญี่ปุ่น
ได้รับเลือกให้เป็นจุดชมวิวพิเศษของประเทศ
และในหนังสือนิตยสารแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวอันดับหนึ่งของต่างประเทศ
อย่าง "Michelin Green Guide Japan" ก็ได้แนะนำที่นี่ และเขียนเนื้อหาไว้ว่า
“คุ้มค่าแก่การมาที่นี่” พร้อมกับให้3ดาว
บ่งบอกว่าสวนที่มีชื่อเสียงและเป็นตัวแทนของประเทศแห่งนี้ ได้รับการยอมรับจากต่างประเทศเป็นอย่างดี
จึงยิ่งทำให้เราต้องรักษาความงดงามของสวนแห่งนี้ไว้ให้คงอยู่ต่อไป
ภายในสวนมีต้นสนที่เรียงรายอยู่ถึงพันต้น มีพืชพันธุ์ดอกไม้นานาชนิดของทั้งสี่ฤดูกาล
อยากให้คุณได้มาลองสัมผัสบรรยากาศของสวนที่มีเสน่ห์ตลอดทั้งสี่ฤดูกาลของสวนแห่งนี้
อีกทั้งที่ร้านน้ำชา คิคุเกะสึ (Kikugetsu) คุณสามารถทดลองการทำชาเขียว
และลองนั่งเรือแบบญี่ปุ่นได้ที่นี่
แถมบรรยากาศของสวนแห่งนี้ในฤดูใบไม้ร่วงนั้นงดงามเป็นอย่างมาก
เพราะมีน้ำตาลและสีส้มของใบไม้เปลี่ยนสีที่ตัดกับสีเขียวของต้นสน จึงทำให้งดงามกว่าที่ไหนๆ
จังหวัดเอะฮิเมะ (Ehime)
ที่จังหวัดเอะฮิเมะเป็นจังหวัดที่ผลิตผลไม้ประเภทส้มได้เยอะที่สุดในญี่ปุ่น
มีการเพาะปลูกส้มมากกว่า 40 ชนิด สามารถทานส้มแต่ละสายพันธุ์ได้ตลอดทั้งปีตามฤดูกาลนั้นๆ
มีการเก็บเกี่ยวส้มมากที่สุดในช่วงฤดูใบไม้ร่วงถึงฤดูหนาว มีหลากหลายสายพันธุ์ให้เลือกทานอีกด้วย
คุณสามารถเที่ยวสวนส้ม เพื่อทานส้มที่เพิ่งเด็ดมาจากต้นสดๆได้ที่นี่
อีกทั้งยังมีน้ำผลไม้ ซอฟต์ครีม เยลลี่ และของหวานอื่นๆ ที่ทำจากส้มอีกมากมายให้คุณได้เลือกทาน
อย่าลืมมาเที่ยวดินแดนสวรรค์ของส้มที่จังหวัดเอะฮิเมะกันดูนะคะ !
จังหวัดเอะฮิเมะ (Ehime) เมืองมะสึยะมะ(Matsuyama)
เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2017 ที่ผ่านมา
มีการเปิดตัวของออนเซนใหม่ชื่อ “Dogo Onsen Bekkan Asuka no Yu”
โดยที่ตัวอาคารสร้างเลียนแบบยุคสมัยอะซุกะ (Akusa)
ออนเซนแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อเผยแพร่วัฒนธรรมการแช่ออนเซนของญี่ปุ่นที่มีมาตั้งแต่โบราณ
อีกทั้งรูปแบบของอาคารยังสร้างเลียนแบบอาคารของโรงอาบน้ำร้อน
ที่เกิดขึ้นในช่วงประมาณปี ค.ศ. 600-700
เป็นอาคารพิเศษที่เดียวของญี่ปุ่นที่มีห้องอาบน้ำแบบที่คนในราชวงศ์ใช้อาบ มีชื่อว่า "Yushinden”
คุณจึงสามารถแช่อ่างที่เหมือนกับคนในราชวงศ์ในสมัยโบราณได้ที่นี่
อีกทั้งที่ออนเซนนี้ยังตั้งอยู่ใกล้กับอาคารสินทรัพย์ทางวัฒนธรรมที่สำคัญของประเทศ
คุณสามารถเข้าชมมรดกทางวัฒนธรรมได้ที่นี่อีกด้วย
จังหวัดเอะฮิเมะ(Ehime) เมืองอิมะบะริ(Imabari)
คุณสามารถสนุกไปกับการปั่นจักรยาน ไปพร้อมๆกับชมความงามของทะเล และภูเขาภายในแทบทะเลเซโตะไน(Setonai)
บนถนนบนทะเลสายนี้ ที่เชื่อมระหว่างเมืองอิมะบะริจังหวัดเอะฮิเมะ(Ehime)กับเมืองโอะโนะมิชิ(Onomichi)จังหวัดฮิโระชิมะ(Hiroshima)
เวลาที่คุณปั่นจักรยานบนถนนสายนี้ คุณจะรู้สึกเหมือนกำลังปั่นจักรยานอยู่บนทะเล!
หากคุณต้องการทดลองประสบการณ์แบบนี้ ในแต่ละเกาะมีจุดเช่าจักรยานให้บริการอยู่ จึงไม่จำเป็นต้องนำจักรยานมาค่ะ
อยากให้คุณได้มาลองสัมผัสบรรยากาศการขี่จักรยานบนทะเลบนถนนสายนี้
ถนนสายนี้อาจจะทำให้คุณประทับใจจนไม่มีวันลืม
ทริปหน้าลองเที่ยวในเส้นทาง SAIYUKIKOU กันดูไหมคะ
ไม่ได้มีเพียงวิวใบไม้เปลี่ยนสีหรือหิมะเท่านั้น แต่ยังมีอาหารและกิจกรรมอื่นๆ ที่น่าสนุกให้ทำอีกเพียบ
ด้านล่างนี่คือราคาตั๋วสุดคุ้ม “ขึ้นลงไม่อั้น”
แนะนำให้ซื้อที่ประเทศไทยคุ้มกว่าซื้อที่ประเทศญี่ปุ่นค่ะ
สามารถซื้อ JR Rail Pass ได้ที่บริษัทท่องเที่ยวตัวแทนจำหน่ายใกล้ๆท่าน
HIS
http://www.his-bkk.com/th/japan_west_rail_pass.php
JTB
https://jtbthailand.com/th/japan-rail-pass/setouchi-area-pass/
ท่านใดที่อยากรู้รายละเอียด SAIYUKIKOU มากขึ้น
แวะมา Visit Japan F.I.T. Travel Fair 2017 กันสิคะ
ช่วงเวลาจัดงาน : วันที่ 22 (วันศุกร์) ถึงวันที่ 24 (วันอาทิตย์) เดือนกันยายน เท่านั้นนะคะ
สถานที่ : สยามพารากอน ชั้น 5 จัดใน Royal Paragon Hall Paragon Hall 1 หรือ Hall 3
บูท SAIYUKIKOU กำลังรอทุกท่านอยู่นะคะ
เส้นทางใหม่ในการท่องเที่ยวญี่ปุ่น เส้นทาง『SAIYUKIKOU』 ด้วยตั๋ว "ขึ้นลงไม่อั้น" ของJR-WEST
วันหยุดยาวเดือนตุลาคมนี้ทุกคนไปเที่ยวที่ไหนกันคะ?
ปีนี้สนใจมาเที่ยวชมใบไม้เปลี่ยนสีหรือชมหิมะที่ญี่ปุ่นกันไหมคะ?
สำหรับผู้ที่กำลังคิดแพลนการเดินทาง วันนี้เราจะมาแนะนำเส้นทางการท่องเที่ยวในญี่ปุ่นแบบใหม่
เส้นทาง SAIYUKIKOU เดินทางจากแทบคันไซถึงภาคตะวันตกของญี่ปุ่นค่ะ
เส้นทาง SAIYUKIKOU นี้เดินทางจาก สถานีชินโอซาก้า (Shin-Osaka) ถึงสถานีฮากาตะ (Hakata)
ในเส้นทางนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวที่มีเสน่ห์อยู่มาก มีจังหวัดอะไรบ้างดูตามรูปด้านล่างเลยค่ะ
แล้วในเส้นทางนี้มีอะไรน่าเที่ยวบ้าง เราไปดูกันเลย !
จังหวัดทตโตะริ(Tottori)
ที่นี่มีภูเขาใหญ่ที่เป็นความภาคภูมิใจของชาวญี่ปุ่นภาคกลาง
มีความสูงจากระดับน้ำทะเลถึง 1,709 เมตร
ถูกเลือกให้เป็น "ยอดเขาญี่ปุ่น" ที่ดีที่สุดอันดับ3
ด้วยยอดเขาที่มีความงามจนใครๆเป็นต้องหลงใหล จึงได้รับความนิยมจากผู้คนที่มาเยี่ยมชมอย่างต่อเนื่อง
ตั้งแต่ฤดูใบไม้ผลิถึงฤดูร้อนภูเขาจะเป็นสีเขียวสด ฤดูใบไม้ร่วงมีหลากสีสัน ทั้งสีแดง เหลือง น้ำตาล
ส่วนฤดูหนาวจะเป็นสีขาวเพราะถูกปกคลุมด้วยหิมะ
คุณสามารถชมความงามของธรรมชาติที่เขาแห่งนี้ได้ตลอดทั้งสี่ฤดูกาล
โดยเฉพาะในฤดูใบไม้ร่วง เป็นฤดูของใบไม้เปลี่ยนสี
คุณสามารถนั่งรถบัสหรือเช่ารถยนต์ส่วนตัว หรือจะปีนเขา เพื่อชมทิวทัศน์ก็ได้ค่ะ
จังหวัดชิมะเนะ(Shimane) เมืองมะสึเอะ(Matsue)
เมื่อไอเย็นเริ่มพัดมา เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าได้เข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง
เป็นฤดูกาลที่อากาศเหมาะแก่ใส่ยูคาตะเดินเล่นในเมืองออนเซนแห่งนี้เป็นที่สุด
ทามะสุคุริออนเซน (Tamatsukuri Onsen) ที่ตั้งอยู่ในเมืองมะสึเอะ(Matsue)
สามารถเดินทางจากปราสาทมะสึเอะโดยรถยนต์ 20 นาที
ออนเซนนี้ถูกจัดให้เป็นสมบัติของแผ่นดิน
จากผลการสำรวจของบริษัทเครื่องสำอางนั้น น้ำออนเซนของที่นี่มีสารที่ช่วยให้ผิวสวยอยู่ในน้ำปริมาณมาก
แถมยังสามารถแช่เท้าในน้ำร้อนที่ริมแม่น้ำ ให้คุณสามารถผ่อนคลาย รับลมสดชื่นได้ท่ามกลางธรรมชาติแบบชิวๆ
คุณสามารถสนุกกับการช็อปปิ้งเลือกซื้อของฝากตามร้านค้าต่างๆ หรือเลือกซื้อเครื่องสำอางที่ทำจากน้ำออนเซนของที่นี่ได้อีกด้วย
จังหวัดโอกายามะ(Okayama) เมืองทาคาฮาชิ(Takahashi)
ปราสาทบิจู มะสึยะมะ(Bitchu Matsuyama Castle)
ปราสาทที่ตั้งอยู่ใกล้ยอดเขากะกิวซัง (Gagyuzan) ซึ่งมีความสูงจากระดับน้ำทะเลถึง 480 เมตร
นับว่าเป็นเป็นปราสาทที่ตั้งอยู่บนภูเขาเพียงหนึ่งเดียวในญี่ปุ่นที่สามารถมองเห็นตัวปราสาทได้
อีกทั้งยังเป็นปราสาทภูเขาที่มีขนาดใหญ่ Top3 ของญี่ปุ่น
ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงจนถึงฤดูใบไม้ผลิตอนเช้าตรู่ช่วงที่พระอาทิตย์กำลังขึ้น
ที่ตัวปราสาทจะมีควันสีขาวลอยขึ้นเป็นทะเลหมอก เผยให้เห็นตัวปราสาท
และด้วยเหตุที่ทิวทัศน์ที่เหมือนกับอยู่ในโลกจินตนาการแบบนี้
ปราสาทแห่งนี้จึงถูกเรียกว่า “ปราสาทบนสวรรค์”
คุณสามารถเห็นตัวเมืองที่อยู่ทางด้านทิศใต้ของภูเขากะกิวซัง (Gagyuzan)
เป็นสภาพเมืองที่เหมือนกับสมัยเอโดะ มีบ้านของครอบครัวนักรบสมัยโบราณของญี่ปุ่น
ภายในอาณาเขตจะมีตัวเรือนที่พักอาศัย และสวนแบบญี่ปุ่นอยู่ในรั้วบ้าน
จังหวัดฮิโรชิมะ (Hiroshima)
มีศาลเจ้าอิสึคุชิมะ (Itsukushima) ที่เป็นมรดกโลกนั้นตั้งอยู่ที่มิยะจิมะ (Miyajima)
ได้ชื่อว่าเป็นเกาะโรแมนติก และมีทะเลเซโตะไน (Setonai) ที่งดงาม ชวนให้นึกถึงประวัติศาสตร์ในอดีต
ภายในศาลเจ้าอิสึคุชิมะ (Itsukushima) มีการผสมผสานระหว่างธรรมชาติและตัวอาคารที่งดงามได้อย่างลงตัว
อีกทั้งที่จังหวัดนี้ยังมีหุบเขาที่สามารถชมซากุระและใบไม้เปลี่ยนสีได้อีกด้วย
และยังมีป่าเขามิเซน (Misen) ที่หลงเหลือไว้ตั้งแต่สมัยก่อน
ทิวทัศน์ที่เปลี่ยนแปลงไปตามธรรมชาติของที่นี่เป็นที่ชื่นชอบของผู้คนมาตั้งแต่โบราณ
อีกทั้งยังมีมัตสึชิมะ (Matsushima) และอามาโนะฮาชิดาเตะ (Ama no Hashidate)
ที่จังหวัดนี้รวมสถานที่สำคัญสามที่ของญี่ปุ่นไว้ในแห่งเดียว
และยังสามารถทานหอยนางรมและปลาไหลที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งโอโมเตะซันโด (Omotesando) ใช้เป็นวัตถุดิบในการทำอาหารอีกด้วย
ช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนจนถึงปลายเดือน
คุณสามารถชมใบไม้เปลี่ยนสีหลากสีสันได้ที่สวน Momiji Dani Park
ที่สวนแห่งนี้มีใบไม้เปลี่ยนสีถึง 700 ต้นให้คุณได้ชมความงามอย่างจุใจ
จังหวัดยามากุจิ(Yamaguchi) เมืองมิเนะ(Mi-ne)
ที่ราบสูงอากิโยชิ (Akiyoshi) เป็นที่ราบสูงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น ไม่ได้มีเพียงแต่ทิวทัศน์ที่พิเศษเท่านั้น
ในช่วงนี้มีผู้คนจำนวนมากมาปั่นจักรยานท่ามกลางธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ของที่นี่
ในฤดูใบไม้ร่วงทุ่งหญ้าจะเต็มไปด้วยดอกหญ้าซุซุกิ และหญ้าที่โตอยู่ด้านล่างของต้นซุซุกิจะเปลี่ยนเป็นสีส้ม
จึงทำให้ทั่วพื้นที่ถูกย้อมด้วยสีส้ม หญ้านี้จึงถูกเรียกว่า "หญ้าเมเปิ้ล"
และที่ใต้ดินของที่ราบสูงอากิโยชิประมาณ 100 เมตร
มีถ้ำหินปูนขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศตะวันออก คือ “ถ้ำอากิโยชิ”
มีจุดที่น่าสนใจหลายจุด เช่นในรูปด้านขวาล่างเป็นชั้นดินที่เหมือนกับขั้นบันไดและโค้งเว้าเหมือนเป็นรูปจาน
คนญี่ปุ่นจึงเรียกว่า “จานร้อยใบ”
จังหวัดคะงะวะ (Kagawa)
สวนสาธารณะริสึริน (Ritsurin park) เป็นสวนสไตล์ญี่ปุ่น
ที่ตั้งอยู่ในเมืองทะกะมะสึ (Takamatsu) ใจกลางของเกาะชิโกะกุ
ซึ่งถูกสร้างขึ้นเมื่อประมาณ 300 ปีที่แล้ว
เป็นสวนสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดในสวนที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของญี่ปุ่น
ได้รับเลือกให้เป็นจุดชมวิวพิเศษของประเทศ
และในหนังสือนิตยสารแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวอันดับหนึ่งของต่างประเทศ
อย่าง "Michelin Green Guide Japan" ก็ได้แนะนำที่นี่ และเขียนเนื้อหาไว้ว่า
“คุ้มค่าแก่การมาที่นี่” พร้อมกับให้3ดาว
บ่งบอกว่าสวนที่มีชื่อเสียงและเป็นตัวแทนของประเทศแห่งนี้ ได้รับการยอมรับจากต่างประเทศเป็นอย่างดี
จึงยิ่งทำให้เราต้องรักษาความงดงามของสวนแห่งนี้ไว้ให้คงอยู่ต่อไป
ภายในสวนมีต้นสนที่เรียงรายอยู่ถึงพันต้น มีพืชพันธุ์ดอกไม้นานาชนิดของทั้งสี่ฤดูกาล
อยากให้คุณได้มาลองสัมผัสบรรยากาศของสวนที่มีเสน่ห์ตลอดทั้งสี่ฤดูกาลของสวนแห่งนี้
อีกทั้งที่ร้านน้ำชา คิคุเกะสึ (Kikugetsu) คุณสามารถทดลองการทำชาเขียว
และลองนั่งเรือแบบญี่ปุ่นได้ที่นี่
แถมบรรยากาศของสวนแห่งนี้ในฤดูใบไม้ร่วงนั้นงดงามเป็นอย่างมาก
เพราะมีน้ำตาลและสีส้มของใบไม้เปลี่ยนสีที่ตัดกับสีเขียวของต้นสน จึงทำให้งดงามกว่าที่ไหนๆ
จังหวัดเอะฮิเมะ (Ehime)
ที่จังหวัดเอะฮิเมะเป็นจังหวัดที่ผลิตผลไม้ประเภทส้มได้เยอะที่สุดในญี่ปุ่น
มีการเพาะปลูกส้มมากกว่า 40 ชนิด สามารถทานส้มแต่ละสายพันธุ์ได้ตลอดทั้งปีตามฤดูกาลนั้นๆ
มีการเก็บเกี่ยวส้มมากที่สุดในช่วงฤดูใบไม้ร่วงถึงฤดูหนาว มีหลากหลายสายพันธุ์ให้เลือกทานอีกด้วย
คุณสามารถเที่ยวสวนส้ม เพื่อทานส้มที่เพิ่งเด็ดมาจากต้นสดๆได้ที่นี่
อีกทั้งยังมีน้ำผลไม้ ซอฟต์ครีม เยลลี่ และของหวานอื่นๆ ที่ทำจากส้มอีกมากมายให้คุณได้เลือกทาน
อย่าลืมมาเที่ยวดินแดนสวรรค์ของส้มที่จังหวัดเอะฮิเมะกันดูนะคะ !
จังหวัดเอะฮิเมะ (Ehime) เมืองมะสึยะมะ(Matsuyama)
เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2017 ที่ผ่านมา
มีการเปิดตัวของออนเซนใหม่ชื่อ “Dogo Onsen Bekkan Asuka no Yu”
โดยที่ตัวอาคารสร้างเลียนแบบยุคสมัยอะซุกะ (Akusa)
ออนเซนแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อเผยแพร่วัฒนธรรมการแช่ออนเซนของญี่ปุ่นที่มีมาตั้งแต่โบราณ
อีกทั้งรูปแบบของอาคารยังสร้างเลียนแบบอาคารของโรงอาบน้ำร้อน
ที่เกิดขึ้นในช่วงประมาณปี ค.ศ. 600-700
เป็นอาคารพิเศษที่เดียวของญี่ปุ่นที่มีห้องอาบน้ำแบบที่คนในราชวงศ์ใช้อาบ มีชื่อว่า "Yushinden”
คุณจึงสามารถแช่อ่างที่เหมือนกับคนในราชวงศ์ในสมัยโบราณได้ที่นี่
อีกทั้งที่ออนเซนนี้ยังตั้งอยู่ใกล้กับอาคารสินทรัพย์ทางวัฒนธรรมที่สำคัญของประเทศ
คุณสามารถเข้าชมมรดกทางวัฒนธรรมได้ที่นี่อีกด้วย
จังหวัดเอะฮิเมะ(Ehime) เมืองอิมะบะริ(Imabari)
คุณสามารถสนุกไปกับการปั่นจักรยาน ไปพร้อมๆกับชมความงามของทะเล และภูเขาภายในแทบทะเลเซโตะไน(Setonai)
บนถนนบนทะเลสายนี้ ที่เชื่อมระหว่างเมืองอิมะบะริจังหวัดเอะฮิเมะ(Ehime)กับเมืองโอะโนะมิชิ(Onomichi)จังหวัดฮิโระชิมะ(Hiroshima)
เวลาที่คุณปั่นจักรยานบนถนนสายนี้ คุณจะรู้สึกเหมือนกำลังปั่นจักรยานอยู่บนทะเล!
หากคุณต้องการทดลองประสบการณ์แบบนี้ ในแต่ละเกาะมีจุดเช่าจักรยานให้บริการอยู่ จึงไม่จำเป็นต้องนำจักรยานมาค่ะ
อยากให้คุณได้มาลองสัมผัสบรรยากาศการขี่จักรยานบนทะเลบนถนนสายนี้
ถนนสายนี้อาจจะทำให้คุณประทับใจจนไม่มีวันลืม
ทริปหน้าลองเที่ยวในเส้นทาง SAIYUKIKOU กันดูไหมคะ
ไม่ได้มีเพียงวิวใบไม้เปลี่ยนสีหรือหิมะเท่านั้น แต่ยังมีอาหารและกิจกรรมอื่นๆ ที่น่าสนุกให้ทำอีกเพียบ
ด้านล่างนี่คือราคาตั๋วสุดคุ้ม “ขึ้นลงไม่อั้น”
แนะนำให้ซื้อที่ประเทศไทยคุ้มกว่าซื้อที่ประเทศญี่ปุ่นค่ะ
สามารถซื้อ JR Rail Pass ได้ที่บริษัทท่องเที่ยวตัวแทนจำหน่ายใกล้ๆท่าน
HIS http://www.his-bkk.com/th/japan_west_rail_pass.php
JTB https://jtbthailand.com/th/japan-rail-pass/setouchi-area-pass/
ท่านใดที่อยากรู้รายละเอียด SAIYUKIKOU มากขึ้น
แวะมา Visit Japan F.I.T. Travel Fair 2017 กันสิคะ
ช่วงเวลาจัดงาน : วันที่ 22 (วันศุกร์) ถึงวันที่ 24 (วันอาทิตย์) เดือนกันยายน เท่านั้นนะคะ
สถานที่ : สยามพารากอน ชั้น 5 จัดใน Royal Paragon Hall Paragon Hall 1 หรือ Hall 3
บูท SAIYUKIKOU กำลังรอทุกท่านอยู่นะคะ