เรื่องมีอยู่ว่าบ้านผมมีกิจการหลายอย่าง
หนึ่งในกิจการของครอบครัวที่ช่วยๆ กัน โดยพี่น้องรวมทั้งญาติๆ ช่วยกันดูแล
คือ กิจการขายจักรยานยนต์มือสองเงินผ่อน รวมทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้าแบบเงินผ่อนด้วย
โดยเพิ่งจะมีการบริการชำระงวดแบบเก็บรายวันได้ 5-6 ปี วันละ 100-200 บาท บางราย 250-300 บาท ตามแต่ตกลงกับลูกค้า
ทีนี้ก็ได้มอบหมายให้พนักงานสองคน (ตอนนี้เป็นผัว-เมีย กัน) มีหน้าที่ตามเก็บค่างวดลูกค้ารายวัน ทำงานด้วยกันกับที่ร้านมานาน 7-8 ปีแล้ว
โดยนอกจากในอำเภอแล้วจะขับรถวนเก็บลูกค้าตามหมู่บ้านรอบๆ อำเภอในรัศมีประมาณไม่เกิน 10-15 กม. ด้วย
ทีนี้เรื่องมีอยู่ว่า บังเอิญผมไปตรวจสอบบัญชีเมื่อเดือนเมษายน เริ่มพบว่ามีลูกค้าหลายรายเริ่มค้างชำระมาเรื่อยๆ
โดยมีการขาดการชำระงวดตั้งแต่มกราคม เป็นระยะเวลานานมากแล้ว แล้วก็เฝ้าสังเกตุการณ์มาเรื่อยๆ
จนถึงต้นเดือนกรกฎาคม(ประมาณวันที่ 3 กค 60) ยอดค้างชำระสะสมเริ่มบานปลายมาเรื่อยๆ มูลค่าความเสียหายรวม 48X,XXX (สี่แสนแปดหมื่นกว่าบาท)
เลยสอบสวนพนักงานทั้งหมดว่าเกิดอะไรขึ้น จนพนักงานสองคนที่ว่ายอมรับสารภาพ
เนื่องจากเริ่มกลัวความผิดกับปริมาณความเสียหายเกินกว่าจะรับไหว
สารภาพว่าทำการทุจริตมาไม่น้อยกว่า 2 ปีครึ่งแล้ว แต่ก่อนหน้านี้ยังไม่ได้ขโมยเงินจำนวนมาก
เลยเป้นแค่การแอบขโมยเงินไปหมุนจำนวนน้อยเต็มที่ 1 เดือนไม่เกิน 1000-2500 บาท แล้วส่งคืนได้ครบไม่ให้ผิดสังเกตุ
แต่ตอนหลังเริ่มขโมยเยอะเกินไปแล้วส่งคืนไม่ไหวแล้ว
และสอบสวนพนักงานคนอื่นๆ อีก 4 คน ก็ล้วนรู้ว่า สองคนนี้ทำการทุจริต
แต่ด้วยความเป็นคนใหม่ทำงานได้ ครึ่งปี - 1 ปีครึ่ง เกรงใจรุ่นพี่ที่ทำงานเลยไม่กล้าแจ้ง แต่พนักงานใหม่ทั้ง 4 คน ไม่ได้มีส่วนร่วมในการทุจริต
ส่วนหนึ่งของความผิดพลาด ก็มาจากน้องผมเองที่อายุยังน้อยเพิ่งเรียนจบ ป.ตรี
ยังไม่มีประสบการณ์ทำงาน เรียนจบให้ช่วยกิจการที่บ้านเลย
ไม่ทันเล่ห์เหลี่ยม ไว้ใจพนักงานเกินไป เป็นคนดูแล บางทีเกรงใจพนักงานที่อาวุโสมากกว่า
เพราะก่อนหน้านี้ คุณพ่อ+คุณแม่ ดูแลกิจการ แต่ท่านชราภาพมากแล้ว เลยให้พักผ่อนอย่างเดียวมา 3 ปี แล้ว
ตอนนี้ได้ไล่พนักงานที่ทุจริตสองคนที่ว่าไปเรียบร้อยแล้ว
โดยในฐานะที่ทำงานด้วยกันมานาน เลยให้โอกาสไปหาเงินมาชดใช้ค่าเสียหายคืน
หรือเอาฉโนดบ้าน ฉโนดที่ดิน รถยนต์ รถจักรยานยนต์ ฯลฯรวมๆ แล้วให้ได้เท่ากับมูลค่าความเสียหายมาชดใช้
บัดนี้เวลาผ่านไปจวนจะครบสองเดือนแล้ว ยังไม่สามารถรวบรวมเงินที่โกงไปแล้วมาส่งคืนได้
แถมยังไปเช่าอาคารพานิชเปิดกิจการร้านอาหารอีสาน ก๋วยเตี้ยว ส้มตำ
เคยมาเจรจาจะชดใช้ค่าเสียหายวันละ อีกไม่มีทีท่าว่าจะชดใช้ค่าเสียหาย 1300 บาท/วัน เป็นเวลา 1 ปี
แต่ดูแนวโน้มแล้วเคยโกหกมาหลายครั้ง วางแผนทุจริตมาอย่างดีมานาน คิดว่าไว้ใจไม่ได้ พร้อมจะผิดคำพูดตลอดเวลา
จึงคิดว่าถึงเป้นพนักงานเก่าแก่ทำงานด้วยกันมานาน ผูกพันธ์มานานอย่างไรคงถึงเวลาดำเนินคดีตามกฏหมาย
โดยเอกสารหลักฐานที่ตอนนี้มีคือ
1.สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน ของลูกจ้างทั้งสองคน
2.สำเนาสมุดบัญชีของกลุ่มลูกค้าที่ตามเก็บไม่ได้เป็นเวลา 7 เดือน พร้อมเซ็นย์รับสารภาพว่าลูกจ้างทั้งสองคนเป็นคนทุจริตไปจริง
คือประสบการณ์ในเรื่องดำเนินคดีลูกจ้างของพวกผมนี่ถือว่าเป็นเรื่องใหม่มาก
เต็มที่ที่เคยกรณีทุจริตของลูกจ้างแค่ขู่จะแจ้งตำรวจให้ชดใช้ค่าเสียหายซึ่งไม่มาก ไม่เกิน 1 หมื่นบาท ลูกจ้างชดใช้แล้วก็ไล่ออกไม่ติดใจเอาความ
แต่ครั้งนี้คือ ค่าเสียหายที่สูงเกินไปจนลูกจ้างสองคนผัวเมียไม่สามารถชำระได้
ถ้าจะปล่อยเหมือนกรณีลูกจ้างคนอื่นที่ทำการทุจริตไปคงไม่ได้แล้ว เลยตั้งใจดำเนินคดีตามกฏหมายครีบ
อยากสอบถามว่าหากต้องการดำเนินคดี ต้องเตรียมเอกสารอะไรอีก และมีวิธีดำเนินการอย่างไร ครับ
คือตอนนี้ต้องการให้ตำรวจตามไปจับที่ร้านที่เช่าเปิดกิจการร้านอาหาร แทนที่จะส่งหมายเรียกไปบ้านตามบัตรประชาชน
เพราะกลัวไหวตัวหนีทัน หรืออาจมาข่มขู่ญาติพี่น้องผมได้
จับได้ว่าลูกจ้างทุจริตเงินค่างวด ไล่ออกไปแล้ว อยากสอบถามเกี่ยวกับการดำเนินคดีทางกฏหมาย
หนึ่งในกิจการของครอบครัวที่ช่วยๆ กัน โดยพี่น้องรวมทั้งญาติๆ ช่วยกันดูแล
คือ กิจการขายจักรยานยนต์มือสองเงินผ่อน รวมทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้าแบบเงินผ่อนด้วย
โดยเพิ่งจะมีการบริการชำระงวดแบบเก็บรายวันได้ 5-6 ปี วันละ 100-200 บาท บางราย 250-300 บาท ตามแต่ตกลงกับลูกค้า
ทีนี้ก็ได้มอบหมายให้พนักงานสองคน (ตอนนี้เป็นผัว-เมีย กัน) มีหน้าที่ตามเก็บค่างวดลูกค้ารายวัน ทำงานด้วยกันกับที่ร้านมานาน 7-8 ปีแล้ว
โดยนอกจากในอำเภอแล้วจะขับรถวนเก็บลูกค้าตามหมู่บ้านรอบๆ อำเภอในรัศมีประมาณไม่เกิน 10-15 กม. ด้วย
ทีนี้เรื่องมีอยู่ว่า บังเอิญผมไปตรวจสอบบัญชีเมื่อเดือนเมษายน เริ่มพบว่ามีลูกค้าหลายรายเริ่มค้างชำระมาเรื่อยๆ
โดยมีการขาดการชำระงวดตั้งแต่มกราคม เป็นระยะเวลานานมากแล้ว แล้วก็เฝ้าสังเกตุการณ์มาเรื่อยๆ
จนถึงต้นเดือนกรกฎาคม(ประมาณวันที่ 3 กค 60) ยอดค้างชำระสะสมเริ่มบานปลายมาเรื่อยๆ มูลค่าความเสียหายรวม 48X,XXX (สี่แสนแปดหมื่นกว่าบาท)
เลยสอบสวนพนักงานทั้งหมดว่าเกิดอะไรขึ้น จนพนักงานสองคนที่ว่ายอมรับสารภาพ
เนื่องจากเริ่มกลัวความผิดกับปริมาณความเสียหายเกินกว่าจะรับไหว
สารภาพว่าทำการทุจริตมาไม่น้อยกว่า 2 ปีครึ่งแล้ว แต่ก่อนหน้านี้ยังไม่ได้ขโมยเงินจำนวนมาก
เลยเป้นแค่การแอบขโมยเงินไปหมุนจำนวนน้อยเต็มที่ 1 เดือนไม่เกิน 1000-2500 บาท แล้วส่งคืนได้ครบไม่ให้ผิดสังเกตุ
แต่ตอนหลังเริ่มขโมยเยอะเกินไปแล้วส่งคืนไม่ไหวแล้ว
และสอบสวนพนักงานคนอื่นๆ อีก 4 คน ก็ล้วนรู้ว่า สองคนนี้ทำการทุจริต
แต่ด้วยความเป็นคนใหม่ทำงานได้ ครึ่งปี - 1 ปีครึ่ง เกรงใจรุ่นพี่ที่ทำงานเลยไม่กล้าแจ้ง แต่พนักงานใหม่ทั้ง 4 คน ไม่ได้มีส่วนร่วมในการทุจริต
ส่วนหนึ่งของความผิดพลาด ก็มาจากน้องผมเองที่อายุยังน้อยเพิ่งเรียนจบ ป.ตรี
ยังไม่มีประสบการณ์ทำงาน เรียนจบให้ช่วยกิจการที่บ้านเลย
ไม่ทันเล่ห์เหลี่ยม ไว้ใจพนักงานเกินไป เป็นคนดูแล บางทีเกรงใจพนักงานที่อาวุโสมากกว่า
เพราะก่อนหน้านี้ คุณพ่อ+คุณแม่ ดูแลกิจการ แต่ท่านชราภาพมากแล้ว เลยให้พักผ่อนอย่างเดียวมา 3 ปี แล้ว
ตอนนี้ได้ไล่พนักงานที่ทุจริตสองคนที่ว่าไปเรียบร้อยแล้ว
โดยในฐานะที่ทำงานด้วยกันมานาน เลยให้โอกาสไปหาเงินมาชดใช้ค่าเสียหายคืน
หรือเอาฉโนดบ้าน ฉโนดที่ดิน รถยนต์ รถจักรยานยนต์ ฯลฯรวมๆ แล้วให้ได้เท่ากับมูลค่าความเสียหายมาชดใช้
บัดนี้เวลาผ่านไปจวนจะครบสองเดือนแล้ว ยังไม่สามารถรวบรวมเงินที่โกงไปแล้วมาส่งคืนได้
แถมยังไปเช่าอาคารพานิชเปิดกิจการร้านอาหารอีสาน ก๋วยเตี้ยว ส้มตำ
เคยมาเจรจาจะชดใช้ค่าเสียหายวันละ อีกไม่มีทีท่าว่าจะชดใช้ค่าเสียหาย 1300 บาท/วัน เป็นเวลา 1 ปี
แต่ดูแนวโน้มแล้วเคยโกหกมาหลายครั้ง วางแผนทุจริตมาอย่างดีมานาน คิดว่าไว้ใจไม่ได้ พร้อมจะผิดคำพูดตลอดเวลา
จึงคิดว่าถึงเป้นพนักงานเก่าแก่ทำงานด้วยกันมานาน ผูกพันธ์มานานอย่างไรคงถึงเวลาดำเนินคดีตามกฏหมาย
โดยเอกสารหลักฐานที่ตอนนี้มีคือ
1.สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน ของลูกจ้างทั้งสองคน
2.สำเนาสมุดบัญชีของกลุ่มลูกค้าที่ตามเก็บไม่ได้เป็นเวลา 7 เดือน พร้อมเซ็นย์รับสารภาพว่าลูกจ้างทั้งสองคนเป็นคนทุจริตไปจริง
คือประสบการณ์ในเรื่องดำเนินคดีลูกจ้างของพวกผมนี่ถือว่าเป็นเรื่องใหม่มาก
เต็มที่ที่เคยกรณีทุจริตของลูกจ้างแค่ขู่จะแจ้งตำรวจให้ชดใช้ค่าเสียหายซึ่งไม่มาก ไม่เกิน 1 หมื่นบาท ลูกจ้างชดใช้แล้วก็ไล่ออกไม่ติดใจเอาความ
แต่ครั้งนี้คือ ค่าเสียหายที่สูงเกินไปจนลูกจ้างสองคนผัวเมียไม่สามารถชำระได้
ถ้าจะปล่อยเหมือนกรณีลูกจ้างคนอื่นที่ทำการทุจริตไปคงไม่ได้แล้ว เลยตั้งใจดำเนินคดีตามกฏหมายครีบ
อยากสอบถามว่าหากต้องการดำเนินคดี ต้องเตรียมเอกสารอะไรอีก และมีวิธีดำเนินการอย่างไร ครับ
คือตอนนี้ต้องการให้ตำรวจตามไปจับที่ร้านที่เช่าเปิดกิจการร้านอาหาร แทนที่จะส่งหมายเรียกไปบ้านตามบัตรประชาชน
เพราะกลัวไหวตัวหนีทัน หรืออาจมาข่มขู่ญาติพี่น้องผมได้