ผมเองเคยมีความคิดแบบนั้นมาตลอด ตั้งแต่ประถมจนถึงมหา'ลัย โดยเฉพาะช่วงมัธยมที่มีต้องเรียนคณิตศาสตร์หลายเรื่องหลายหัวข้อที่ผมรู้สึกว่ามันยากและไม่น่าจะได้เจอหรือได้ใช้ในชีวิตประจำวัน ก็คดว่าจะเรียนไปทำไม เรียนแค่บวก ลบ คูณ หาร พวกวัดขนาด ชั่งน้ำหนักอะไรพวกนั้นก็น่าจะพอแล้วมั้ง พวกสมการ พวกอะไรเยอะ ๆ หนัก ๆ ก็ให้คนที่สนใจหรือคนที่เรียนในด้านเฉพาะที่ต้องใช้ความรู้พวกนั้นไปหาเรียนเอาเองก็ได้
ยิ่งตอนอยู่มหา'ลัยปี 2 ผมเรียนเอกญี่ปุ่นก็จริง แต่เขาจัดวิชาสถิติที่มีเนื้อหาเป็นคณิตศาสตร์เต็ม ๆ สมการ ตัวแปร สูตรอะไรมาเต็ม แถมยังมีวิชาสิ่งแวดล้อมและการจัดการทรัพยากร ที่มีเนื้อหาเป็นวิทยาศาสตร์อีก ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ ครบเลย แล้วเขายังจัดให้เรียนสองวิชานี้วันเดียวกันอีก มันเลยเป็นวันที่หนักมาก
ผมและเพื่อนเกือบจะทุกคนคิดเหมือนกันว่า "กูเอกญี่ปุ่น ให้กูเรียนทำไมเนี่ย" คือความคิดต่อต้านมาก ๆ
จนขึ้นปี 4 มีเรียนวิชาการแปล ผมเลยเริ่มรู้แล้วว่า ดีแล้วที่ได้เรียน สำหรับวิชาสถิติอาจไม่เห็นภาพชัดเจนเท่าไร แต่วิชาหรือความรู้ในทางวิทยาศาสตร์จะช่วยได้มากเวลาแปลบทความภาษาญี่ปุ่นหรือภาษาอะไรก็ตามที่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ซึ่งจะใช้แค่ความรู้ภาษาญี่ปุ่นอย่างเดียวไม่ได้ ถ้าเรารู้เรื่องอื่นด้วย ก็จะทำให้แปลง่ายขึ้น
ยิ่งเรียนจบมาแล้วทำงาน ที่ทำงานเดิมผมเป็นโรงงานผลิตชิ้นส่วนรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ ซึ่งมีตัวเลข มีการคำนวณอะไรเยอะมาก ผมที่ไม่ถนัดทางนี้เลยทำให้ทำงานด้วยความยากลำบาก ตอนนั้นมีแค่ความรู้ภาษาญี่ปุ่นอย่างเดียว แต่ด้วยความที่ไม่เข้าใจในตัวงาน ก็ทำให้แม้แต่วิชาเอกที่จบมาผมก็ยังไม่สามารถใช้ได้เต็มที่ ซึ่งถ้าผมเก่งคณิตหรือตั้งใจเรียนมากกว่านี้ มันอาจง่ายขึ้นก็ได้
พอมาที่ทำงานปัจจุบัน เป็นโรงพยาบาล ดีที่ผมชอบเรียนชอบอ่านหนังสือเกี่ยวกับชีวะ ทำให้ผมพอมีฐานความรู้มาประยุกต์ใช้ในงานนี้ได้ แค่ถ่ายทอดออกไปเป็นภาษาญี่ปุ่น แค่ผมต้องท่องศัพท์เฉพาะหรือไวยากรณ์บางอย่างเพิ่มเติมเท่านั้น
ความรู้ทุกอย่าง ตอนเรียนเราอาจจะคิดว่าให้เรียนทำไม เรียนไปก็ไม่ได้ใช้ แต่ความเป็นจริงแล้ว เราต้องได้ใช้มันแน่นอน ไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง หรือถึงจะไม่ได้ใช้จริง ๆ ก็ไม่เสียหาย ถือว่าเป็นคลังความรู้ แค่รู้เพิ่มสักอย่างสองอย่างคงไม่ทำให้ตายหรอกกระมัง
"เรียนคณิตไปทำไม เรียนไปก็ไม่ได้ใช้"
ยิ่งตอนอยู่มหา'ลัยปี 2 ผมเรียนเอกญี่ปุ่นก็จริง แต่เขาจัดวิชาสถิติที่มีเนื้อหาเป็นคณิตศาสตร์เต็ม ๆ สมการ ตัวแปร สูตรอะไรมาเต็ม แถมยังมีวิชาสิ่งแวดล้อมและการจัดการทรัพยากร ที่มีเนื้อหาเป็นวิทยาศาสตร์อีก ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ ครบเลย แล้วเขายังจัดให้เรียนสองวิชานี้วันเดียวกันอีก มันเลยเป็นวันที่หนักมาก
ผมและเพื่อนเกือบจะทุกคนคิดเหมือนกันว่า "กูเอกญี่ปุ่น ให้กูเรียนทำไมเนี่ย" คือความคิดต่อต้านมาก ๆ
จนขึ้นปี 4 มีเรียนวิชาการแปล ผมเลยเริ่มรู้แล้วว่า ดีแล้วที่ได้เรียน สำหรับวิชาสถิติอาจไม่เห็นภาพชัดเจนเท่าไร แต่วิชาหรือความรู้ในทางวิทยาศาสตร์จะช่วยได้มากเวลาแปลบทความภาษาญี่ปุ่นหรือภาษาอะไรก็ตามที่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ซึ่งจะใช้แค่ความรู้ภาษาญี่ปุ่นอย่างเดียวไม่ได้ ถ้าเรารู้เรื่องอื่นด้วย ก็จะทำให้แปลง่ายขึ้น
ยิ่งเรียนจบมาแล้วทำงาน ที่ทำงานเดิมผมเป็นโรงงานผลิตชิ้นส่วนรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ ซึ่งมีตัวเลข มีการคำนวณอะไรเยอะมาก ผมที่ไม่ถนัดทางนี้เลยทำให้ทำงานด้วยความยากลำบาก ตอนนั้นมีแค่ความรู้ภาษาญี่ปุ่นอย่างเดียว แต่ด้วยความที่ไม่เข้าใจในตัวงาน ก็ทำให้แม้แต่วิชาเอกที่จบมาผมก็ยังไม่สามารถใช้ได้เต็มที่ ซึ่งถ้าผมเก่งคณิตหรือตั้งใจเรียนมากกว่านี้ มันอาจง่ายขึ้นก็ได้
พอมาที่ทำงานปัจจุบัน เป็นโรงพยาบาล ดีที่ผมชอบเรียนชอบอ่านหนังสือเกี่ยวกับชีวะ ทำให้ผมพอมีฐานความรู้มาประยุกต์ใช้ในงานนี้ได้ แค่ถ่ายทอดออกไปเป็นภาษาญี่ปุ่น แค่ผมต้องท่องศัพท์เฉพาะหรือไวยากรณ์บางอย่างเพิ่มเติมเท่านั้น
ความรู้ทุกอย่าง ตอนเรียนเราอาจจะคิดว่าให้เรียนทำไม เรียนไปก็ไม่ได้ใช้ แต่ความเป็นจริงแล้ว เราต้องได้ใช้มันแน่นอน ไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง หรือถึงจะไม่ได้ใช้จริง ๆ ก็ไม่เสียหาย ถือว่าเป็นคลังความรู้ แค่รู้เพิ่มสักอย่างสองอย่างคงไม่ทำให้ตายหรอกกระมัง