ใกล้ปิดฉากการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 29 ที่มาเลเซีย “บิ๊กเสือ” สกล วรรณพงษ์ ผู้ว่ากกท.ยอมรับความล้มเหลวของทัพไทย จ่อชวดเจ้าทอง

“บิ๊กเสือ” นายสกล วรรณพงษ์ ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ในฐานะประธานคณะกรรมการเตรียมนักกีฬาไทย เปิดเผยว่า ซีเกมส์ ครั้งที่ 29 ต้องยอมให้มาเลเซีย เจ้าภาพ ครองเจ้าเหรียญทองแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด สำหรับไทยซึ่งป้องกันแชมป์ไว้ไม่ได้นั้น จะต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ได้อันดับที่ 2 มาครอง หลังจากที่ เวียดนาม และสิงคโปร์ ครองอันดับเหนือกว่า จนไทยตกลงมาอยู่อันดับที่ 4 ซึ่งจะต้องทำผลงานเพื่อคว้าอันดับ 2 เอาไว้ให้ได้
“จากผลงานที่ออกมาสมาคมกีฬาต่างๆ ร่วมกันตั้งเป้าหมายกับ กกท.ไว้ที่ 100 เหรียญทองขึ้นไป แต่ก็ทำได้ไม่ถึง ซึ่งจะต้องดูปัจจัยอื่นๆ ว่า สาเหตุนั้นมาจากอะไร ทั้งที่ได้เก็บตัวฝึกซ้อมล่วงหน้าเป็นเวลา 9 เดือน แต่ปรากฏว่า ชาติคู่แข่งในอาเซียนมีการพัฒนาขึ้นมามาก ทั้งมาเลเซีย, เวียดนาม, สิงคโปร์, อินโดนีเซีย ในขณะที่ไทย พัฒนาขึ้น เช่นกัน สถิติกีฬาบางชนิดดีขึ้น อาทิ กรีฑา แต่ทำได้ไม่ถึงเป้า 14 เหรียญทอง เพราะว่าชาติคู่แข่งนั้น พัฒนามากกว่า และโดยรวมนั้น แทบไม่มีสมาคมกีฬาใดของไทย ทำผลงานได้ดีกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้เลย ยกตัวอย่าง ตะกร้อทำเหรียญทองได้ตามเป้า ในขณะที่ฮอกกี้ในร่ม ได้เหรียญทอง แต่ไม่ได้ตั้งเป้าหมายไว้”
“ผมไม่อยากโทษใครทั้งนั้น ว่าชาติเจ้าภาพโกง มันไม่เป็นผลดีกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ความพ่ายแพ้ครั้งนี้ ผมในฐานะคนเตรียมนักกีฬา ขอยอมรับ เพื่อนำไปปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้นกว่าเดิมในการแข่งขันครั้งหน้า”
“ส่วนการเตรียมนักกีฬาครั้งต่อไปจะต้องหารือร่วมกับสมาคม โดยมีผลงานจากการแข่งขันซีเกมส์ ครั้งที่ 29 เป็นข้อมูลสำคัญ โดยเฉพาะในการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 18 ที่อินโดนีเซีย จะเป็นเจ้าภาพในปี 2018 หากไม่มีการเตรียมพร้อมที่ดีกว่านี้ ผลงานอาจจะย่ำแย่ไปกว่านี้อีก ซึ่งจะได้หารือกับ คณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ ในการจะส่งหรือไม่ส่งชนิดกีฬาใดไปแข่งขัน เพราะในระดับเอเชี่ยนเกมส์นั้น ต้องการผลเป็นเลิศ จะไม่มีเรื่องของการหาประสบการณ์เด็ดขาด
อย่างไรก็ตาม หลังจบการแข่งขันซีเกมส์ ครั้งที่ 29 แล้ว นายสกล กล่าวว่า กกท.จะประสานไปยังสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อขอวัน เวลา และสถานที่ในทำเนียบรัฐบาล เพื่อเชิญ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในงานเลี้ยงนักกีฬา และมอบเงินรางวัลจากกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ โดยเร็วที่สุด”
เครดิต
https://goo.gl/kCnNE6
ซีเกมส์ ครั้งที่ 29 , กกท. ยืด-อก รับความล้มเหลวเพื่อแก้ไข
“จากผลงานที่ออกมาสมาคมกีฬาต่างๆ ร่วมกันตั้งเป้าหมายกับ กกท.ไว้ที่ 100 เหรียญทองขึ้นไป แต่ก็ทำได้ไม่ถึง ซึ่งจะต้องดูปัจจัยอื่นๆ ว่า สาเหตุนั้นมาจากอะไร ทั้งที่ได้เก็บตัวฝึกซ้อมล่วงหน้าเป็นเวลา 9 เดือน แต่ปรากฏว่า ชาติคู่แข่งในอาเซียนมีการพัฒนาขึ้นมามาก ทั้งมาเลเซีย, เวียดนาม, สิงคโปร์, อินโดนีเซีย ในขณะที่ไทย พัฒนาขึ้น เช่นกัน สถิติกีฬาบางชนิดดีขึ้น อาทิ กรีฑา แต่ทำได้ไม่ถึงเป้า 14 เหรียญทอง เพราะว่าชาติคู่แข่งนั้น พัฒนามากกว่า และโดยรวมนั้น แทบไม่มีสมาคมกีฬาใดของไทย ทำผลงานได้ดีกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้เลย ยกตัวอย่าง ตะกร้อทำเหรียญทองได้ตามเป้า ในขณะที่ฮอกกี้ในร่ม ได้เหรียญทอง แต่ไม่ได้ตั้งเป้าหมายไว้”
“ผมไม่อยากโทษใครทั้งนั้น ว่าชาติเจ้าภาพโกง มันไม่เป็นผลดีกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ความพ่ายแพ้ครั้งนี้ ผมในฐานะคนเตรียมนักกีฬา ขอยอมรับ เพื่อนำไปปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้นกว่าเดิมในการแข่งขันครั้งหน้า”
“ส่วนการเตรียมนักกีฬาครั้งต่อไปจะต้องหารือร่วมกับสมาคม โดยมีผลงานจากการแข่งขันซีเกมส์ ครั้งที่ 29 เป็นข้อมูลสำคัญ โดยเฉพาะในการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 18 ที่อินโดนีเซีย จะเป็นเจ้าภาพในปี 2018 หากไม่มีการเตรียมพร้อมที่ดีกว่านี้ ผลงานอาจจะย่ำแย่ไปกว่านี้อีก ซึ่งจะได้หารือกับ คณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ ในการจะส่งหรือไม่ส่งชนิดกีฬาใดไปแข่งขัน เพราะในระดับเอเชี่ยนเกมส์นั้น ต้องการผลเป็นเลิศ จะไม่มีเรื่องของการหาประสบการณ์เด็ดขาด
อย่างไรก็ตาม หลังจบการแข่งขันซีเกมส์ ครั้งที่ 29 แล้ว นายสกล กล่าวว่า กกท.จะประสานไปยังสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อขอวัน เวลา และสถานที่ในทำเนียบรัฐบาล เพื่อเชิญ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในงานเลี้ยงนักกีฬา และมอบเงินรางวัลจากกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ โดยเร็วที่สุด”
เครดิต https://goo.gl/kCnNE6