พล็อต หรือ เรื่องย่อ (ไม่สปอยล์เนื้อหาสำคัญ)

เมื่ออนาคตอันใกล้ในปี 2073  โลกมีสภาพอากาศอันเลวร้าย และปัญหาประชากรล้นโลก กำลังทำให้อนาคตของมนุษยชาติสั่นคลอน ทั้งด้านสังคม ด้านการเมือง ปัญหาสงคราม และปัญหาผู้อพยพ ได้เปลี่ยนโฉมหน้าโลกใบนี้ไปตลอดกาล

ประเทศขั้วอำนาจใหญ่ๆดั้งเดิมของโลกถึงคราวล่มสลาย และสหพันธรัฐยุโรป กำลังขึ้นมาเป็นมหาอำนาจกลุ่มใหม่ และเพื่อที่จะทำให้มนุษยชาติอยู่รอดต่อไป ทำให้ต้องมีมาตรการจำกัดจำนวนประชากร


จึงมีนโยบาย “บุตรหนึ่งคนต่อหนึ่งครอบครัว” ถูกบังคับใช้ทั่วพื้นที่ปกครอง ควบคุมโดยกระทรวงควบคุมประชากร ถ้าครอบครัวใดมีบุตรเกินหนึ่งคน เด็กคนนั้นต้องถูกนำไปแช่แข็งจำศีล จนกว่าโลกจะมีทรัพยากรเพียงพอให้เด็กคนนั้นได้ใช้ชีวิต ซึ่งจะมีบทลงโทษผู้ฝ่าฝืนกฎอย่างหนักและรุนแรงเด็ดขาด

แต่.. จะเกิดอะไรขึ้น? เมื่อครอบครัวหนึ่งกลับมีบุตรสาวเป็นแฝด 7 ซึ่งถูกตั้งชื่อตามวันในสัปดาห์ มันเดย์ ทิวส์เดย์ เวนด์สเดย์ เธิร์สเดย์ ฟรายเดย์ แซทเทอร์เดย์ และ ซันเดย์ ที่ได้คุณตาเลี้ยงจนเติบโตขึ้นมา โดยทั้งเจ็ดสาวแชร์ตัวตนในฐานะ คาเรน เซตต์แมน นักธุรกิจสาวผู้ประสบความสำเร็จ พวกเธอต้องซ่อนตัวไม่ให้โลกรู้ และแต่ละคน จะได้ออกไปโลกภายนอกในฐานะคาเรนตามวันในชื่อของตัวเองเท่านั้น


โดยเป้าหมายหลักของเจ็ดสาวในฐานะคาเรน คือการกลมกลืนเข้าสังคม ไม่ให้กระทรวงควบคุมประชากรล่วงรู้ เพื่อทำงานหาเงินมาจุนเจือครอบครัว แต่แล้ววันหนึ่ง มันเดย์ พี่สาวคนโต ออกจากบ้านไปและไม่ได้กลับมา.. จึงเป็นชนวนเหตุของเรื่องราวอันลุ้นระทึก เมื่อพี่น้องต้องแหกกฎครอบครัวและออกไปตามหามันเดย์





ฉลาดหลักแหลม แกร่ง และเต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน แม้ชื่อเธอจะตรงกับวันที่น่าเบื่อที่สุดในสัปดาห์แต่ มันเดย์ เป็นคนที่มีความใกล้เคียงกับ คาเรน เซตต์แมน ตัวตนที่ทั้งเจ็ดสาวใช้ร่วมกันเมื่อออกสู่โลกภายนอก “ความแตกต่างที่ทำให้เธอไม่เหมือนพี่น้องคนอื่นๆ คือเธอทำตามกฏอย่างเคร่งครัด การกระทำของเธอสามารถคาดเดาได้ กระทั่งเธอได้พบคนที่เธอรักข้างนอกนั่น เธอเริ่มมีปมในใจ และตั้งคำถามกับทุกสิ่งที่เธอเคยถูกสอนมา มันเหมือนว่าเธอเย็นชาและเห็นแก่ตัว แต่จริงๆแล้วเธอมีหัวใจที่ยิ่งใหญ่ เธอคือหญิงสาวที่แค่อยากตามหารักแท้ และทำตามความฝันของตัวเอง”



ฮิปปี้ รักอิสระ เป็นคนตลก รักพี่รักน้อง เป็นคนง่ายๆ สบายๆ และชอบใช้กัญชาเป็นกิจวัตร “ทิวส์เดย์ เป็นตัวแทนความอิสระ เธอเป็นคนอ่อนไหวเลยมักใช้กัญชาเพื่อทำให้ตัวเองสงบลง เธอแคร์พี่น้องของเธอมาก เธอเป็นคนอ่อนโยน และมอบความอบอุ่นให้กับทุกคนในบ้าน เธอเป็นคนตลก เธอชอบใส่กระโปรงตัวใหญ่และเครื่องประดับ คุณรู้ได้เลยว่า เธอต้องกลายเป็นสาวฮิปปี้แน่ถ้าอยู่โลกภายนอก”



สาวนักกีฬา จอมห้าว เธอมั่น เธอแกร่ง เชื่ยวชาญศิลปะการต่อสู้  “เวนส์เดย์ ดูทอมๆหน่อย เธอชอบออกกำลัง และชอบศิลปะการต่อสู้ เธอฝึกมวยเป็นกิจวัตร จนพี่น้องเธอต้องเตือนว่าเลิกฝึกได้แล้ว ตัวเธอเริ่มจะใหญ่กว่าคนอื่น เพราะพี่น้องทุกคนควรจะตัวเท่าๆกันจะได้เนียนไปกับโลกภายนอกได้ โดยไม่มีใครสังเกตเห็น เธอแกร่ง เธอเป็นนักสู้ตัวจริง และไม่เคยกลัวใคร เวนส์เดย์ เหมือนกับพิตบูลเลยล่ะ”



สาวหัวขบถ แม้ว่าจะรักอิสระขนาดไหน แต่เธอรักพี่น้องตัวเองมากกว่า เธอเหมือนเป็นผู้นำของทั้งเจ็ดสาว “เธอรู้สึกว่ามันไม่แฟร์ที่เธอต้องอยู่อย่างหลบๆซ่อนๆแบบนี้ เธอโตขึ้นมาโดยไม่สนใจกฏ ซึ่งคนละขั้วกับมันเดย์ เธอชอบทำอะไรด้วยวิธีของตนเอง และไม่ค่อยเคารพกฏของทางการรัฐบาล และกฏที่คุณตาของพวกเธอตั้งขึ้น เมื่อเรื่องดำเนินไป เธิร์สเดย์ ขึ้นมาเป็นผู้นำของทั้งเจ็ดสาว ด้วยความรับผิดชอบ ทำให้เธอเติบโตขึ้น”

ฟรายเดย์

เป็นคนชอบเก็บตัว เป็นอัจฉริยะด้านเทคโนโลยี คณิตศาสตร์ และ วิทยาศาสตร์ เธอพูดน้อย แต่เป็นมันสมองของทีม “ฟรายเดย์ มีโลกของตัวเอง เธอฉลาดมาก แต่เหมือนเธอจะเป็นแอสเพอร์เกอร์ด้วย เธอมีกฏของตัวเอง และไม่อยากจะสุงสิงกับคนอื่นมาก เธอไม่มองตาคุณเวลาพูด เธออ่อนแอและไม่ชอบให้คนอื่นถูกเนื้อต้องตัว เธอไม่ชอบออกไปข้างนอก ดังนั้นจึงทำให้เธอเกลียดวันศุกร์เอามากๆ พี่น้องคนอื่นแทบจะแย่งกันออกไป แต่เธอไม่อยากออกไป เธอเก่งคอมพิวเตอร์ เธอคือมันสมองของครอบครัว เธอเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จในชีวิตของ คาเรน เซตต์แมน ที่โลกภายนอก แต่เธอไม่ใช่คนเข้าสังคมเก่งนัก”

แซทเทอร์เดย์

สาวสังคม สาวปาร์ตี้ ตลกเฮฮาแถมขี้เล่น เธอไม่เคยต้องทำงาน และไม่อยากทำงานเลยแม้แต่วันเดียว “แซทเทอร์เดย์ ผมบลอนด์ เซ็กซี่ ขี้เล่น เธอชอบสีชมพู และชอบบาร์บี้ เธอชอบดื่มเหล้าจัดมาก เธอมีอารมณ์ขัน ชอบแกล้งพี่ๆ มองโลกในแง่ดี และเธอเป็นคนโรแมนติก เธอตกหลุมรักครั้งแรกตอนอายุสิบเจ็ด แต่คุณตาเธอไม่ยอม และให้ยุติความสัมพันธ์ โดยบอกว่าเธอต้องยอมเสียสละเพื่อพี่น้อง”

ซันเดย์

สาวเรียบร้อย จิตใจดี เคร่งศาสนา“ซันเดย์ คือแม่พระ เธอเรียบร้อยมาก เธอเห็นแก่ส่วนรวมมากกว่าตัวเอง เธอเหมือนเป็นกาวใจให้สาวๆพี่น้องทั้ง 7 คน ทุกครั้งเวลาที่มีใครทะเลาะกัน เธอจะเป็นสะพานให้ทุกคนกลับมาคืนดีกัน”






นักแสดงสาวชาวสวีดิช Noomi Rapace (นูมิ ราเพซ) นที่โด่งดังมาจากภาพยนตร์เรื่อง The Girl With the Dragon Tattoo (เดอะ เกิร์ล วิท ดราก้อน แทททู) และ Prometheus (โพรมีธีอุส) ต้องพบกับบทบาทที่ท้าทาย เมื่อเธอต้องเล่นเป็นแฝดสาวเจ็ดคน ร่วมด้วย Glenn Close (เกล็นน์ โคลส) นักแสดงหญิงมากประสบการณ์ มารับบทรัฐมนตรีกระทรวงควบคุมประชากรที่ชื่อ นิโคเลตต์ เคย์แมน



“What Happened to Monday” ผลงานกำกับโดย Tommy Wirkola (ทอมมี่ เวอร์โคล่า) ที่เคยกำกับ Hansel & Gretel (ฮานเซล แอนด์ เกรเทล) และเวอร์โคล่าเคยคว้ารางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยม จากเทศภาพยนตร์นานาชาติพูชอน หนังเรื่องนี้ยังได้นักแสดงรุ่นใหญ่ Willem Dafoe (วิลเลี่ยม เดโฟ) มารับบท เทอร์เรนซ์ เซตต์แมน คุณตาของทั้งเจ็ดสาว



บทดั้งเดิมของ  “WHAT HAPPENED TO MONDAY” เป็นบทที่ทุกคนในฮอลลีวู้ดต้องการเปลี่ยนมันให้กลายมาเป็นภาพยนตร์ นักเขียนบท Max Botkin (แม็กซ์ บอทกิ้น) เป็นคนแรกที่คิดคอนเซ็ปต์นี้ขึ้นมาเมื่อปี 2011 เดิมทีฝาแฝดทั้งเจ็ดต้องเป็นผู้ชาย

เมื่อได้ ทอมมี่ เวอร์โคล่า มาร่วมโปรเจคในฐานะผู้กำกับ เขารู้สึกว่าการเปลี่ยนตัวละครนำให้เป็นผู้หญิง จะสามารถเปลี่ยนมุมมองของเรื่องให้น่าติดตามได้มากกว่าเดิม และความที่เขาชื่นชอบ นูมิ ราเพซ มาเป็นเวลานาน เขาคิดว่าเธอสามารถรับมือความท้าทายในการรับบทเป็นแฝดเจ็ดได้

เวอร์โคล่า ติดต่อ ราเพซ และกล่าวว่า เขาต้องการเสนอกับโปรดิวเซอร์ให้เธอมารับบทนำ การถ่ายทำเริ่มขึ้นในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปี 2015 ในโรมาเนีย ที่ คาสเซิล สตูดิโอ ชานเมืองบูคาเรสต์ หนึ่งในโลเคชั่นที่ใหญ่ที่สุดในโรมาเนียที่ใช้ถ่ายทำคือคอนแสตนซา รัฟฟาเอลลา เด ลอเรนทิอิส

โปรดิวเซอร์ อธิบายว่า “คอนสแตนซาเป็นที่ที่เหมาะมาก มันมีย่านเก่าของเมือง ซึ่งนายกเทศมนตรีอนุญาติให้เราใช้เต็มที่ มันคือหนึ่งในท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปแถมเราใช้มันถ่ายได้ สุดยอดจริงๆ ในบูคาเรสต์กองถ่ายของเราปิดถนนหลักทุกวันอาทิตย์ ระหว่าง 6 โมงเช้า – 10 โมงเช้า ในฉากใหญ่ที่ต้องใช้เอ็กซ์ตร้า 500 คน ทีมสร้างชาวโรมาเนียของเราทำให้มันเป็นเรื่องง่ายไปเลย กลายเป็นว่าส่วนที่ยากที่สุดในการทำหนังเรื่องนี้ คือการคุยกันว่าจะให้ นูมิ จะเล่นเป็นเจ็ดตัวละครได้ยังไง”

ผู้กำกับเล่าตบท้ายว่า “มันเดย์ และ เธิร์สเดย์ เป็นสองตัวละครสำคัญที่สุดในพี่น้องตระกูลเซตต์แมน ทั้งสองใฝ่ฝันถึงวันที่พวกเธอจะได้อยู่อย่างมีอิสระ แต่กลายเป็นว่า เธอต้องเอาตัวรอดจากรัฐบาลที่ไม่ยอมรับการมีตัวตนของพวกเธอ”