คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 25
เป็นหนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อรวมกันประมาณครึ่งล้านบาทครับ
กู้มาเล่นหุ้น กู้มาซื้อของไปขายออนไลน์ แต่กู้ไปกู้มามือเติบใช้สุรุ่ยสุร่าย รูดบัตรก็จ่ายขั้นต่ำไป ใช้เวลาเป็นปีไปถึงจุดพีคที่มีหลายใบมาก พอดูรวม ๆ แล้วบวมไปครึ่งล้านบาท --- อันนี้พีคที่ 1
มาพีคที่ 2 --- ท็อปอัพครึ่งล้านดันเป็นช่วงที่ออกจากงานที่เรากำลังรุ่งสุด ๆ (ปัญหาการเมืองในองค์กรระดับสิบ เจ้าของพัวพันคดีอาญา เลยต้องออกเพราะอันตราย) กว่าจะได้งานใหม่ที่สมน้ำสมเนื้อและสมใจก็หลายเดือนมาก --- ไปสู่พีคที่ 3
พีค 3 คือด้วยความที่การเงินมันไม่ต่อเนื่องจากข้อ 2 ทำให้เงินในบัญชีร่อยหรอ แม้จะได้งานใหม่แล้วก็ตามแต่มันหมุนไม่ทัน เข้าเนื้อทุกเดือนจนไปถึงจุดที่ทั้งชีวิตมีเงินสดติดบัญชีอยู่ประมาณหมื่นกว่าบาท อาการหนี้ท่วมหัวมันเป็นยังไงรู้เลย มองไม่เห็นอนาคตเลยว่าจะผ่านไปได้ยังไง เพราะเงินติดลบทุกเดือน โบนัสออกมายังไม่พอใช้หนี้ สุดท้ายปิดได้เท่าที่ปิด ที่เหลือปล่อยทิ้งกันตาย แล้วรอธนาคารฟ้องเพื่อไปคุยหน้าศาลเอา ตรงนี้มีเวลาหายใจประมาณปีเศษ ๆ
หลังจากเจรจาความ เรามีเวลาประมาณ 1 ปีในการทยอยใช้หนี้ ตอนนั้นเหลือประมาณ 3 แสน (ถ้าจำไม่ผิด) คือตอนหลังไม่กล้านับแล้ว มันเยอะจนเจ็บปวด -- หนี้มันเหมือนงูไฮดร้า จ่ายไปตั้งเยอะแต่ไม่ค่อยลดเลย เหมือนงอกใหม่ได้ด้วย สรุป ต่อให้ประนอมกันแล้วเราก็ไม่ไหวอยู่ดี แต่บริษัทที่ทวงหนี้นิสัยดีนะครับ เขาสุภาพและให้เกียรติเรามาก ๆ
ขอรวบรัดตัดตอนมาตอนจบแล้วกัน สุดท้ายลาออกจากงานมาขายของออนไลน์ เหมือนเจอสูตรสำเร็จหรือพระเจ้าเข้าข้าง เดือนเดียวขายของได้ล้านบาท เอาเงินที่ได้มาไปไล่ปิดหนี้ทั้งหมด ทุกราย ทุกเจ้าหนี้
ตอนปิดหนี้ได้ ผมร้องไห้เลย จมกองหนี้นั้นมาประมาณ 5-6 ปี เคยคิดว่าคงจะไม่มีวันออกจากกองหนี้นี้ได้อีกแล้ว หรือถ้าออกมาได้ก็คงหมดตัวไปเลย แต่สุดท้ายก็ทำสำเร็จ และรู้สึกประทับใจพนักงานทวงหนี้ เขาดีมาก เขาให้คำปรึกษาเรา ช่วยผัดผ่อนหนี้สินให้เราด้วย ฯลฯ
หลังจากผ่านมาได้ชีวิตก็เบาขึ้นเยอะ จากคนไม่มีอะไรเลยชีวิตติดลบครึ่งล้าน มาถึงจุดที่ขายของได้สิบล้าน
ผมออกมาได้แล้วอยากบอกว่า การเป็นหนี้นั้นแสนง่าย แต่การจะหลุดจากหนี้นั้นแสนยาก เป็นหนี้ได้ แต่จงบริหารการเงินอย่างมีสติครับ
กู้มาเล่นหุ้น กู้มาซื้อของไปขายออนไลน์ แต่กู้ไปกู้มามือเติบใช้สุรุ่ยสุร่าย รูดบัตรก็จ่ายขั้นต่ำไป ใช้เวลาเป็นปีไปถึงจุดพีคที่มีหลายใบมาก พอดูรวม ๆ แล้วบวมไปครึ่งล้านบาท --- อันนี้พีคที่ 1
มาพีคที่ 2 --- ท็อปอัพครึ่งล้านดันเป็นช่วงที่ออกจากงานที่เรากำลังรุ่งสุด ๆ (ปัญหาการเมืองในองค์กรระดับสิบ เจ้าของพัวพันคดีอาญา เลยต้องออกเพราะอันตราย) กว่าจะได้งานใหม่ที่สมน้ำสมเนื้อและสมใจก็หลายเดือนมาก --- ไปสู่พีคที่ 3
พีค 3 คือด้วยความที่การเงินมันไม่ต่อเนื่องจากข้อ 2 ทำให้เงินในบัญชีร่อยหรอ แม้จะได้งานใหม่แล้วก็ตามแต่มันหมุนไม่ทัน เข้าเนื้อทุกเดือนจนไปถึงจุดที่ทั้งชีวิตมีเงินสดติดบัญชีอยู่ประมาณหมื่นกว่าบาท อาการหนี้ท่วมหัวมันเป็นยังไงรู้เลย มองไม่เห็นอนาคตเลยว่าจะผ่านไปได้ยังไง เพราะเงินติดลบทุกเดือน โบนัสออกมายังไม่พอใช้หนี้ สุดท้ายปิดได้เท่าที่ปิด ที่เหลือปล่อยทิ้งกันตาย แล้วรอธนาคารฟ้องเพื่อไปคุยหน้าศาลเอา ตรงนี้มีเวลาหายใจประมาณปีเศษ ๆ
หลังจากเจรจาความ เรามีเวลาประมาณ 1 ปีในการทยอยใช้หนี้ ตอนนั้นเหลือประมาณ 3 แสน (ถ้าจำไม่ผิด) คือตอนหลังไม่กล้านับแล้ว มันเยอะจนเจ็บปวด -- หนี้มันเหมือนงูไฮดร้า จ่ายไปตั้งเยอะแต่ไม่ค่อยลดเลย เหมือนงอกใหม่ได้ด้วย สรุป ต่อให้ประนอมกันแล้วเราก็ไม่ไหวอยู่ดี แต่บริษัทที่ทวงหนี้นิสัยดีนะครับ เขาสุภาพและให้เกียรติเรามาก ๆ
ขอรวบรัดตัดตอนมาตอนจบแล้วกัน สุดท้ายลาออกจากงานมาขายของออนไลน์ เหมือนเจอสูตรสำเร็จหรือพระเจ้าเข้าข้าง เดือนเดียวขายของได้ล้านบาท เอาเงินที่ได้มาไปไล่ปิดหนี้ทั้งหมด ทุกราย ทุกเจ้าหนี้
ตอนปิดหนี้ได้ ผมร้องไห้เลย จมกองหนี้นั้นมาประมาณ 5-6 ปี เคยคิดว่าคงจะไม่มีวันออกจากกองหนี้นี้ได้อีกแล้ว หรือถ้าออกมาได้ก็คงหมดตัวไปเลย แต่สุดท้ายก็ทำสำเร็จ และรู้สึกประทับใจพนักงานทวงหนี้ เขาดีมาก เขาให้คำปรึกษาเรา ช่วยผัดผ่อนหนี้สินให้เราด้วย ฯลฯ
หลังจากผ่านมาได้ชีวิตก็เบาขึ้นเยอะ จากคนไม่มีอะไรเลยชีวิตติดลบครึ่งล้าน มาถึงจุดที่ขายของได้สิบล้าน
ผมออกมาได้แล้วอยากบอกว่า การเป็นหนี้นั้นแสนง่าย แต่การจะหลุดจากหนี้นั้นแสนยาก เป็นหนี้ได้ แต่จงบริหารการเงินอย่างมีสติครับ
แสดงความคิดเห็น
เป็นหนี้บัตรเครดิตกันเท่าไรครับตอนนี้ แล้วมีวิธีจัดการยังไง???
คนอื่นเป็นยังไงกันบ้างครับ แล้วจัดการหาทางแก้กันยังไงบ้าง