หน้าฝนมักมาพร้อมกับอะไรบางอย่างเสมอค่ะ กระทู้นี้จะมาเตือนภัยถึงสัตว์ร้ายที่แฝงมากับหน้าฝน อย่าง “แมลงก้นกระดก” ตัวเล็กนิดเดียว(เท่าปลายนิ้วก้อยเอง) แต่กัดทีกินพื้นที่ทำผิวไหม้ไปทั้งแถบเลยค่ะ TT
นี่ล่ะค่ะ รูปร่างหน้าตาของเจ้าแมลงก้นกระดกตัวร้าย ตัวจิ๋วเท่าปลายเล็บนิ้วก้อยแท้ๆ แต่มีพิษรุนแรงพอตัวทีเดียว
จำได้ว่า มีอยู่ช่วงหนึ่งที่คนตื่นตัวกับเรื่องนี้มากเพราะมันกัดแล้วทำให้ผิวไหม้คล้ายแผลงูสวัด ก่อนหน้านั้นก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก คิดเอาเองว่า บ้านที่ตัวเองอยู่ไม่น่าจะเป็นแหล่งอาศัยของมันได้ เพราะแมลงพวกนี้น่าจะชอบอยู่ตามทุ่งนา ทุ่งหญ้า อะไรพวกนั้นมากกว่า แล้วไอ้เราที่อาศัยอยู่ในเมืองซึ่งล้อมรอบไปด้วยตึกสูงจะเจอมันได้ง่ายๆไงล่ะ จริงมั๊ย? ก็เลยไม่เคยสนใจอะไรเลย จนกระทั่งมาเจอด้วยตัวเองเนี่ยแหละ ถึงรู้ว่า ไอ้เจ้าแมลงตัวน้อยนี่มันน่าฉีดยาพ่นให้สูญพันธ์ุไปจากโลกนี้ซะให้หมดเลย!!!
ซึ่งสาเหตุที่ทำให้เรามาเซย์ฮัลโหลเจ้าแมลงตัวนี้เกิดจาก เมื่อปีที่แล้ว เราเพิ่งสอบติดมหาวิทยาลัยแถวศาลายา และด้วยความที่เป็นวิทยาลัยใหม่ที่แยกสาขาออกมาจากสถาบันหลักเลยทำให้ต้องไปตั้งตึกในพื้นที่ที่ค่อนข้างจะกันดารนิ๊ดนึงงงงงง เล่าให้เห็นภาพง่ายๆก็คือ ระหว่างทางจากหอพักไปวิทยาลัยมีแต่ทุ่งนา ทุ่งนา และทุ่งนาค่ะ
มันก็เลยทำให้เราไม่สามารถเลือกหอพักได้มากเหมือนมหาวิทยาลัยที่อยู่ในเมือง ตอนนั้นเราเลือกได้ห้องที่ฝั่งข้างหนึ่งติดทุ่งนากว้างค่ะ และนั่นก็เป็นสาเหตุให้เราต้องมารู้จักกับเจ้าแมลงก้นกระดกตัวนี้จนได้
ขอรวมรูปแผล 3 จุด ที่เห็นชัดๆเลยนะคะ สังเกตว่า แผลมันจะคล้ายๆกับแผลงูสวัด แต่ต่างกันตรงที่งูสวัดเกิดจากเชื้อไวรัสและในช่วงที่ร่างกายมีภูมิคุ้มกันต่ำ ส่วนแผลที่เราได้มาคือ โดนแมลงก้นกระดกกัดมาค่ะ อันนี้ต่อให้เป็นคนแข็งแรงแค่ไหน ถ้าเจอมันกัดก็ไม่รอดเช่นกันค่ะ
ด้วยความที่ตอนนั้นเราไม่ได้คิดอะไรมาก แค่สำรวจหอว่า โอเคปลอดภัยต่อผู้คนในเรื่องของโจรกรรม มีคีย์การ์ด ยามเฝ้าหอ ถือว่า ปลอดภัยในระดับนึง ก็จัดการย้ายเข้าไปอยู่ ก็ไม่มีปัญหาอะไรค่ะ จนกระทั่งเข้าหน้าฝนปีนี้นี่เอง
เมื่อสามเดือนก่อนค่ะ เราตื่นขึ้นมาในตอนเช้ารู้สึกปวดแสบปวดร้อนตรงผิวหนังบริเวณหลังมือและน่องขาตอนนั้นผิวแดงๆ ปวดมาก ก็ได้แต่เอายาหม่องมาทาเพราะคิดว่า ไม่น่าเป็นอะไรมาก อาจจะแพ้อากาศหรือฝุ่นในผ้าห่ม เพราะปกติก็เป็นคนแข็งแรง ไม่ค่อยเจ็บป่วย ก็จัดการทายาหม่องแล้วไปเรียนตามปกติ แต่พอตอนเช้าของอีกวันเท่านั้นล่ะค่ะ เป็นเรื่องเลย
คือ บริเวณผิวที่แดงๆเมื่อวานมันมีตุ่มใสๆขึ้นค่ะ คล้ายๆงูสวัดแต่ไม่ใช่ (เราเคยเป็นงูสวัดมาก่อนตอนเด็กๆค่ะ เลยค่อนข้างแน่ใจว่า แผลที่เกิดไม่ใช่งูสวัดแน่นอน) ทีนีก็งงเลยว่า เราไปติดเชื้อที่ไหนมาหรือเปล่า? แล้วตอนที่กำลังคิดนั่นแหละค่ะ ว่าเราไปติดเชื้ออะไรมา พอพับผ้าห่ม สะบัดผ้าปูที่นอนปุ๊บก็เจอเลย ….
คนร้ายในเรื่องนี้ก็คือ เจ้าแมลงก้นกระดกสองสามตัวที่นอนแผ่อยู่บนที่นอนของเราค่ะ รู้เลยว่า โดนแมลงก้นกระดกกัดเข้าแล้ว
เราตั้งสติแล้วจัดการเลยโทรหาเพื่อนให้เพื่อนขับรถพาไปหาหมอระหว่างนั้นนั่งหาข้อมูลเกี่ยวกับวิธีรักษาตัวเองจากแมลงก้นกระดก ซึ่งส่วนใหญ่แนะนำวิธีป้องกันว่า ตอนจะนอนให้ใส่เสื้อแขนยาวขายาวนอน ปิดประตูหน้าต่างให้เรียบร้อยกันสัตว์ร้ายเข้าบ้าน แล้วถ้าโดนมันกัดอีกให้หาอะไรเขี่ยตัวมันออก ย้ำตรงนี้เลยนะคะ ว่า อย่าบีบหรือขยี้เด็ดขาดค่ะ เพราะจะทำให้พิษของมัน กระจายเร็วขึ้น
*** เราเพิ่มเติมให้นะคะ เพื่อเป็นความรู้แก่ผู้อ่านคนอื่น ในกรณีที่โดนกัด หลังจากเอาตัวมันออกไปแล้ว ให้ล้างด้วยน้ำสบู่และน้ำสะอาดหลายๆครั้ง หรือใช้แอมโมเนียทาบริเวณที่โดนแมลงจะลดอาการแสบร้อนได้ ถ้าเป็นผื่นน้อยๆจะหายไปเองได้ แต่ถ้ามีการติดเชื้อแทรกซ้อนต้องหายาปฎิชีวนะทาหรือกินควบคู่กันไปด้วยค่ะ
ก่อนอื่นเลยเราต้องบอกก่อนว่า นี่เป็นวิธีการรักษาของเราซึ่งรักษาด้วยตัวเองและได้ผลจนแผลหายเกือบเป็นปกติจึงอยากนำเอามาแชร์เป็นประสบการณ์ให้เพื่อนๆที่อ่านกระทู้นี้นำปรับใช้เวลาโดนแมลงก้นกระดกกัดกันได้ค่ะ
อ่อ อีกอย่างค่ะ สำคัญมากก็คือ ในกรณีที่เป็นเด็กเล็กหรือคนที่มีความเสี่ยงแพ้ยาควรไปหาหมอโดยตรง จะปลอดภัยกว่าค่ะ แต่เราไม่ได้แพ้ยาอะไร และเป็นคนแข็งแรงมากๆอยู่แล้ว จึงใช้ยาทาที่หาตามคลีนิคปกติทั่วไปได้ค่ะ
หลังจากไปหาหมอมา (เป็นเภสัช) ก็ได้ยามาหลอดหนึ่งสำหรับไว้ใช้ทาผิวหนังค่ะ
ตัวแรกที่ใช้คือยาที่ทาแก้อักเสบ ผิวหนัง ชื่อว่า fucicort cream อันนี้แม่เราซื้อให้ใช้ เพื่อไม่ให้แผลกระจายและผิวหนังได้รับความเสียหายไปมากกว่านี้
เนื้อครีมเป็นสีขาว หนืดๆนิดหน่อยแต่ซึมง่ายค่ะ ส่วนกลิ่นก็เป็นกลิ่นยาแบบชัดเจนมาก
ตัวนี้เป็นยาที่ผสมสารสเตียรอยด์นะคะ คนที่แพ้สเตียรอยด์ควรหลีกเลี่ยงค่ะ ซึ่งเจ้ายาตัวนี้เป็นส่วนผสมระหว่างตัวยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย กับ ตัวยาสเตียรอยด์ ค่ะ ใช้ทารักษาภายนอก ลดอาการอักเสบของผิวหนังที่เกิดจากสารเคมี หรือ อาการภูมิแพ้ต่างๆ ซึ่งก็อย่างที่บอกไปว่า เราใช้ทาเพื่อให้แผลมันทุเลาลง ซึ่งก็ดีขึ้นในระดับหนึ่งเลยค่ะ แผลมันจะค่อยๆแห้งและลอกออกมาเอง
อันนี้เป็นรอยที่โดนกัดล่าสุดเมื่อเดือนกว่าค่ะ หลังทายาไปแล้ว แผลที่ลอกก็จะมีลักษณะแบบนี้ค่ะ
ยาทาตัวนี้ควรใช้ตามที่แพทย์หรือเภสัชสั่งอย่างเคร่งครัดด้วยนะคะ เพื่อป้องกันการติดสารสเตียรอยด์ค่ะ ^^
ส่วนอีกตัวก็คือ ยาทาแผลเป็นค่ะ อันนี้บอกเลยว่า เราเชี่ยวชาญมาก 55555 เพราะชอบหายาทาดีๆมารักษาแผลจากสิวค่ะ พวกรอยดำรอยแดงไรงี้ ซึ่งเรามีด้วยกันทั้งหมด 3 ตัว คือ สกาเจล ฮิรูสกา และเอลล่า สกา ครีม ค่ะ
ซ้ายมือคือ ฮิรูสกา กลางคือ เอลล่า สกา ครีม และริมขวาคือ สกาเจลค่ะ
เราเลือกใช้เอลล่า สกา ครีม ค่ะ เพราะซื้อหลอดใหญ่มาขนาด 20 กรัม ของอันอื่นมันจะประมาณ 10-15 กรัม เลยให้ใช้กันยาวๆไปเลย อีกอย่างก็คือ นอกจากจะรักษารอยสิวแล้ว เอลล่า สกา ครีม ยังรักษาแผลเป็นตามตัวได้ด้วย เลยคิดว่า ตัวนี้เหมาะกับแผลเป็นของเราที่สุดแล้ว
และนี่ก็คือ ภาพเปรียบเทียบของแผลที่โดนกัดและปัจจุบันที่หายดีแล้วค่ะ
ประเดิมด้วยแผลแรกที่แขน ใช้เวลารักษาสามเดือน ก็หายสนิทเหมือนไม่เคยเกิดรอยมาก่อนเลย ^^
แผลตรงน่องก็สามเดือนเหมือนกันค่ะ เหลือรอยจางๆนิดหน่อยเพราะแผลกินพื้นที่ยาวพอควร
แผลตรงขาอ่อนค่ะ พอลอกแล้ว เราก็ทาเอลล่า สกา ครีม มาได้ประมาณเดือนนึงล่ะ ซึ่งแผลนี้เกิดจากการไปเข้ากิจกรรมรับน้องแล้วไปนั่งตรงพื้นหญ้าเลยโดนแมลงก้นกระดกที่แฝงอยู่กัดเอาค่ะ อยากขอฝากให้รุ่นพี่ทุกๆคนด้วยนะคะ เรื่องความปลอดภัยและความเหมาะสมในการรับน้อง อะไรที่มันเสี่ยง หรืออาจจะเกิดอันตรายก็เลี่ยงนะคะ
บางที่เราไม่คิดว่ามันจะมีอันตรายก็ต้องดูแลกันดีๆน้าาา ^^
หายเร็วกว่าที่คิดเอาไว้มาก ตอนเห็นภาพเปรียบเทียบชัดๆ เรานี่ปลื้มปริ่มน้ำตาจิไหล TT ชั้นหายแล้ววววว ถึงจะมีรอยใหม่เล็กๆน้อยๆเพิ่มมาบ้าง แต่ก็ถือว่า รู้จักป้องกันและดูแลตัวเองได้ดีในระดับนึงเลยล่ะ สุดสัปดาห์นี้แม่เราก็จะมาหา มาติดมุ้งลวดเพิ่มให้แล้วค่ะ เพราะถึงแมลงชนิดนี้จะไม่ทำให้ผู้ได้รับพิษเสียชีวิต แต่การไม่โดนกัดเลยมันก็ดีกว่าเนอะ ว่ามั๊ย
ก็อยากฝากทุกคนเลยนะคะว่า ให้ระมัดระวังทั้งตัวเองและคนในครอบครัวให้ดีเลย โดยเฉพาะบ้านหรือที่อยู่อาศัย ขอให้เข้มงวดมากเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นการติดมุ้งลวดถี่ๆ อย่าเปิดประตูบ้านหรือหน้าต่างค้างไว้ รวมไปถึงไฟด้วยค่ะ การเปิดไฟจ้ามากๆก็เรียกเจ้าแมลงก้นกระดกมาได้เหมือนกันนะคะ หรือ หากโดนกัดแล้วต้องรีบปฐมพยาบาลอย่างถูกวิธีเลยค่ะ
ขอให้หน้าฝนนี้ปลอดภัยจากการเจ็บป่วยกันทุกคนนะคะ บ๊าย
แชร์ประสบการณ์ป้องกัน & รักษาตัวเองจาก "แมลงก้นกระดก" ตัวจิ๊ดเดียวแต่พิษร้ายเหลือ!!!
นี่ล่ะค่ะ รูปร่างหน้าตาของเจ้าแมลงก้นกระดกตัวร้าย ตัวจิ๋วเท่าปลายเล็บนิ้วก้อยแท้ๆ แต่มีพิษรุนแรงพอตัวทีเดียว
จำได้ว่า มีอยู่ช่วงหนึ่งที่คนตื่นตัวกับเรื่องนี้มากเพราะมันกัดแล้วทำให้ผิวไหม้คล้ายแผลงูสวัด ก่อนหน้านั้นก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก คิดเอาเองว่า บ้านที่ตัวเองอยู่ไม่น่าจะเป็นแหล่งอาศัยของมันได้ เพราะแมลงพวกนี้น่าจะชอบอยู่ตามทุ่งนา ทุ่งหญ้า อะไรพวกนั้นมากกว่า แล้วไอ้เราที่อาศัยอยู่ในเมืองซึ่งล้อมรอบไปด้วยตึกสูงจะเจอมันได้ง่ายๆไงล่ะ จริงมั๊ย? ก็เลยไม่เคยสนใจอะไรเลย จนกระทั่งมาเจอด้วยตัวเองเนี่ยแหละ ถึงรู้ว่า ไอ้เจ้าแมลงตัวน้อยนี่มันน่าฉีดยาพ่นให้สูญพันธ์ุไปจากโลกนี้ซะให้หมดเลย!!!
ซึ่งสาเหตุที่ทำให้เรามาเซย์ฮัลโหลเจ้าแมลงตัวนี้เกิดจาก เมื่อปีที่แล้ว เราเพิ่งสอบติดมหาวิทยาลัยแถวศาลายา และด้วยความที่เป็นวิทยาลัยใหม่ที่แยกสาขาออกมาจากสถาบันหลักเลยทำให้ต้องไปตั้งตึกในพื้นที่ที่ค่อนข้างจะกันดารนิ๊ดนึงงงงงง เล่าให้เห็นภาพง่ายๆก็คือ ระหว่างทางจากหอพักไปวิทยาลัยมีแต่ทุ่งนา ทุ่งนา และทุ่งนาค่ะ
มันก็เลยทำให้เราไม่สามารถเลือกหอพักได้มากเหมือนมหาวิทยาลัยที่อยู่ในเมือง ตอนนั้นเราเลือกได้ห้องที่ฝั่งข้างหนึ่งติดทุ่งนากว้างค่ะ และนั่นก็เป็นสาเหตุให้เราต้องมารู้จักกับเจ้าแมลงก้นกระดกตัวนี้จนได้
ขอรวมรูปแผล 3 จุด ที่เห็นชัดๆเลยนะคะ สังเกตว่า แผลมันจะคล้ายๆกับแผลงูสวัด แต่ต่างกันตรงที่งูสวัดเกิดจากเชื้อไวรัสและในช่วงที่ร่างกายมีภูมิคุ้มกันต่ำ ส่วนแผลที่เราได้มาคือ โดนแมลงก้นกระดกกัดมาค่ะ อันนี้ต่อให้เป็นคนแข็งแรงแค่ไหน ถ้าเจอมันกัดก็ไม่รอดเช่นกันค่ะ
ด้วยความที่ตอนนั้นเราไม่ได้คิดอะไรมาก แค่สำรวจหอว่า โอเคปลอดภัยต่อผู้คนในเรื่องของโจรกรรม มีคีย์การ์ด ยามเฝ้าหอ ถือว่า ปลอดภัยในระดับนึง ก็จัดการย้ายเข้าไปอยู่ ก็ไม่มีปัญหาอะไรค่ะ จนกระทั่งเข้าหน้าฝนปีนี้นี่เอง
เมื่อสามเดือนก่อนค่ะ เราตื่นขึ้นมาในตอนเช้ารู้สึกปวดแสบปวดร้อนตรงผิวหนังบริเวณหลังมือและน่องขาตอนนั้นผิวแดงๆ ปวดมาก ก็ได้แต่เอายาหม่องมาทาเพราะคิดว่า ไม่น่าเป็นอะไรมาก อาจจะแพ้อากาศหรือฝุ่นในผ้าห่ม เพราะปกติก็เป็นคนแข็งแรง ไม่ค่อยเจ็บป่วย ก็จัดการทายาหม่องแล้วไปเรียนตามปกติ แต่พอตอนเช้าของอีกวันเท่านั้นล่ะค่ะ เป็นเรื่องเลย
คือ บริเวณผิวที่แดงๆเมื่อวานมันมีตุ่มใสๆขึ้นค่ะ คล้ายๆงูสวัดแต่ไม่ใช่ (เราเคยเป็นงูสวัดมาก่อนตอนเด็กๆค่ะ เลยค่อนข้างแน่ใจว่า แผลที่เกิดไม่ใช่งูสวัดแน่นอน) ทีนีก็งงเลยว่า เราไปติดเชื้อที่ไหนมาหรือเปล่า? แล้วตอนที่กำลังคิดนั่นแหละค่ะ ว่าเราไปติดเชื้ออะไรมา พอพับผ้าห่ม สะบัดผ้าปูที่นอนปุ๊บก็เจอเลย ….
คนร้ายในเรื่องนี้ก็คือ เจ้าแมลงก้นกระดกสองสามตัวที่นอนแผ่อยู่บนที่นอนของเราค่ะ รู้เลยว่า โดนแมลงก้นกระดกกัดเข้าแล้ว
เราตั้งสติแล้วจัดการเลยโทรหาเพื่อนให้เพื่อนขับรถพาไปหาหมอระหว่างนั้นนั่งหาข้อมูลเกี่ยวกับวิธีรักษาตัวเองจากแมลงก้นกระดก ซึ่งส่วนใหญ่แนะนำวิธีป้องกันว่า ตอนจะนอนให้ใส่เสื้อแขนยาวขายาวนอน ปิดประตูหน้าต่างให้เรียบร้อยกันสัตว์ร้ายเข้าบ้าน แล้วถ้าโดนมันกัดอีกให้หาอะไรเขี่ยตัวมันออก ย้ำตรงนี้เลยนะคะ ว่า อย่าบีบหรือขยี้เด็ดขาดค่ะ เพราะจะทำให้พิษของมัน กระจายเร็วขึ้น
*** เราเพิ่มเติมให้นะคะ เพื่อเป็นความรู้แก่ผู้อ่านคนอื่น ในกรณีที่โดนกัด หลังจากเอาตัวมันออกไปแล้ว ให้ล้างด้วยน้ำสบู่และน้ำสะอาดหลายๆครั้ง หรือใช้แอมโมเนียทาบริเวณที่โดนแมลงจะลดอาการแสบร้อนได้ ถ้าเป็นผื่นน้อยๆจะหายไปเองได้ แต่ถ้ามีการติดเชื้อแทรกซ้อนต้องหายาปฎิชีวนะทาหรือกินควบคู่กันไปด้วยค่ะ
ก่อนอื่นเลยเราต้องบอกก่อนว่า นี่เป็นวิธีการรักษาของเราซึ่งรักษาด้วยตัวเองและได้ผลจนแผลหายเกือบเป็นปกติจึงอยากนำเอามาแชร์เป็นประสบการณ์ให้เพื่อนๆที่อ่านกระทู้นี้นำปรับใช้เวลาโดนแมลงก้นกระดกกัดกันได้ค่ะ
อ่อ อีกอย่างค่ะ สำคัญมากก็คือ ในกรณีที่เป็นเด็กเล็กหรือคนที่มีความเสี่ยงแพ้ยาควรไปหาหมอโดยตรง จะปลอดภัยกว่าค่ะ แต่เราไม่ได้แพ้ยาอะไร และเป็นคนแข็งแรงมากๆอยู่แล้ว จึงใช้ยาทาที่หาตามคลีนิคปกติทั่วไปได้ค่ะ
หลังจากไปหาหมอมา (เป็นเภสัช) ก็ได้ยามาหลอดหนึ่งสำหรับไว้ใช้ทาผิวหนังค่ะ
ตัวแรกที่ใช้คือยาที่ทาแก้อักเสบ ผิวหนัง ชื่อว่า fucicort cream อันนี้แม่เราซื้อให้ใช้ เพื่อไม่ให้แผลกระจายและผิวหนังได้รับความเสียหายไปมากกว่านี้
เนื้อครีมเป็นสีขาว หนืดๆนิดหน่อยแต่ซึมง่ายค่ะ ส่วนกลิ่นก็เป็นกลิ่นยาแบบชัดเจนมาก
ตัวนี้เป็นยาที่ผสมสารสเตียรอยด์นะคะ คนที่แพ้สเตียรอยด์ควรหลีกเลี่ยงค่ะ ซึ่งเจ้ายาตัวนี้เป็นส่วนผสมระหว่างตัวยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย กับ ตัวยาสเตียรอยด์ ค่ะ ใช้ทารักษาภายนอก ลดอาการอักเสบของผิวหนังที่เกิดจากสารเคมี หรือ อาการภูมิแพ้ต่างๆ ซึ่งก็อย่างที่บอกไปว่า เราใช้ทาเพื่อให้แผลมันทุเลาลง ซึ่งก็ดีขึ้นในระดับหนึ่งเลยค่ะ แผลมันจะค่อยๆแห้งและลอกออกมาเอง
อันนี้เป็นรอยที่โดนกัดล่าสุดเมื่อเดือนกว่าค่ะ หลังทายาไปแล้ว แผลที่ลอกก็จะมีลักษณะแบบนี้ค่ะ
ยาทาตัวนี้ควรใช้ตามที่แพทย์หรือเภสัชสั่งอย่างเคร่งครัดด้วยนะคะ เพื่อป้องกันการติดสารสเตียรอยด์ค่ะ ^^
ส่วนอีกตัวก็คือ ยาทาแผลเป็นค่ะ อันนี้บอกเลยว่า เราเชี่ยวชาญมาก 55555 เพราะชอบหายาทาดีๆมารักษาแผลจากสิวค่ะ พวกรอยดำรอยแดงไรงี้ ซึ่งเรามีด้วยกันทั้งหมด 3 ตัว คือ สกาเจล ฮิรูสกา และเอลล่า สกา ครีม ค่ะ
ซ้ายมือคือ ฮิรูสกา กลางคือ เอลล่า สกา ครีม และริมขวาคือ สกาเจลค่ะ
เราเลือกใช้เอลล่า สกา ครีม ค่ะ เพราะซื้อหลอดใหญ่มาขนาด 20 กรัม ของอันอื่นมันจะประมาณ 10-15 กรัม เลยให้ใช้กันยาวๆไปเลย อีกอย่างก็คือ นอกจากจะรักษารอยสิวแล้ว เอลล่า สกา ครีม ยังรักษาแผลเป็นตามตัวได้ด้วย เลยคิดว่า ตัวนี้เหมาะกับแผลเป็นของเราที่สุดแล้ว
และนี่ก็คือ ภาพเปรียบเทียบของแผลที่โดนกัดและปัจจุบันที่หายดีแล้วค่ะ
ประเดิมด้วยแผลแรกที่แขน ใช้เวลารักษาสามเดือน ก็หายสนิทเหมือนไม่เคยเกิดรอยมาก่อนเลย ^^
แผลตรงน่องก็สามเดือนเหมือนกันค่ะ เหลือรอยจางๆนิดหน่อยเพราะแผลกินพื้นที่ยาวพอควร
แผลตรงขาอ่อนค่ะ พอลอกแล้ว เราก็ทาเอลล่า สกา ครีม มาได้ประมาณเดือนนึงล่ะ ซึ่งแผลนี้เกิดจากการไปเข้ากิจกรรมรับน้องแล้วไปนั่งตรงพื้นหญ้าเลยโดนแมลงก้นกระดกที่แฝงอยู่กัดเอาค่ะ อยากขอฝากให้รุ่นพี่ทุกๆคนด้วยนะคะ เรื่องความปลอดภัยและความเหมาะสมในการรับน้อง อะไรที่มันเสี่ยง หรืออาจจะเกิดอันตรายก็เลี่ยงนะคะ
บางที่เราไม่คิดว่ามันจะมีอันตรายก็ต้องดูแลกันดีๆน้าาา ^^
หายเร็วกว่าที่คิดเอาไว้มาก ตอนเห็นภาพเปรียบเทียบชัดๆ เรานี่ปลื้มปริ่มน้ำตาจิไหล TT ชั้นหายแล้ววววว ถึงจะมีรอยใหม่เล็กๆน้อยๆเพิ่มมาบ้าง แต่ก็ถือว่า รู้จักป้องกันและดูแลตัวเองได้ดีในระดับนึงเลยล่ะ สุดสัปดาห์นี้แม่เราก็จะมาหา มาติดมุ้งลวดเพิ่มให้แล้วค่ะ เพราะถึงแมลงชนิดนี้จะไม่ทำให้ผู้ได้รับพิษเสียชีวิต แต่การไม่โดนกัดเลยมันก็ดีกว่าเนอะ ว่ามั๊ย
ก็อยากฝากทุกคนเลยนะคะว่า ให้ระมัดระวังทั้งตัวเองและคนในครอบครัวให้ดีเลย โดยเฉพาะบ้านหรือที่อยู่อาศัย ขอให้เข้มงวดมากเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นการติดมุ้งลวดถี่ๆ อย่าเปิดประตูบ้านหรือหน้าต่างค้างไว้ รวมไปถึงไฟด้วยค่ะ การเปิดไฟจ้ามากๆก็เรียกเจ้าแมลงก้นกระดกมาได้เหมือนกันนะคะ หรือ หากโดนกัดแล้วต้องรีบปฐมพยาบาลอย่างถูกวิธีเลยค่ะ
ขอให้หน้าฝนนี้ปลอดภัยจากการเจ็บป่วยกันทุกคนนะคะ บ๊าย